-->

ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยตนเอง ตอนที่ 4: เทคนิคการค้นหา Growth Stock (จบ)  (อ่าน 1689 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hymn1919

  • บุคคลทั่วไป

ต่อจากฉบับก่อนที่กล่าวถึงเกณฑ์ในการ ค้นหา หุ้นเติบโต (Growth Stock) ไปแล้ว ฉบับนี้มาต่อกันที่หัวข้อการประเมินของนักวิเคราะห์ (Analysts Consensus Ratings) กันต่อ

อัตราการเติบโตของกำไรประมาณการในอีก 5 ปีข้างหน้า
กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ที่ 18% ต่อปี เรา สามารถติดตามดูข้อมูลได้จากการพยากรณ์ของ นักวิเคราะห์ โดยดูจากค่าเฉลี่ยของการทำ Consensus การเติบโตของกำไรในอนาคต ถ้าเป็นไปตามที่คาดก็จะส่งผลดีต่อการเติบโตของการลงทุนไปด้วย

อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio) กำหนดอัตราส่วนขั้นต่ำไว้ที่ 1.5 เท่า อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน คือ การหารสินทรัพย์หมุนเวียนด้วยหนี้สินหมุนเวียน ถ้าอัตราส่วนนี้ มีค่าต่ำกว่า 1 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมมีภาระหนี้สินระยะสั้นเกินกว่าสินทรัพย์ที่จะใช้ชำระหนี้ระยะสั้นได้ ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่าสูงขึ้น แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัท ก็จะสูงขึ้นด้วย ในที่นี้กำหนดค่าเหมาะสม (Arbitrary) ไว้ที่ 1.5 ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้

อัตราส่วนหนี้สินระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Long-Term Debt/Equity) กำหนด ค่าสูงสุดไว้ที่ 0.5 อัตราส่วนหนี้สินระยะยาว ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นการนำมูลค่าหนี้สินระยะยาวมาเทียบกับมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ของกิจการ ยิ่งอัตราส่วนนี้สูงขึ้น แสดงว่าสัดส่วนที่เป็นหนี้ยิ่งสูงขึ้น การกำหนดค่าสูงสุดของอัตราส่วนหนี้ที่ 0.5 ช่วยตัดบริษัทที่มีปัญหาหนี้สินมากๆ ออกจากการพิจารณา เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงทางการเงิน

ระดับรายได้ (Revenue) กำหนดค่าเฉลี่ยต่ำสุดของรายได้ต่อปี คือ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เราต้องมีการกำหนดขนาดของรายได้ของบริษัท ที่เราสนใจอย่างชัดเจน เพื่อให้รู้ว่าบริษัทที่เราสนใจอยู่ในธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก

อัตราการทำกำไรต่อสินทรัพย์ (Return on Assets) กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ที่ 8% ต่อปี ROA ใช้วัดความสามารถในการทำกำไรของ บริษัท ยิ่ง ROA สูง ก็ยิ่งดี การกำหนดอัตรา ขั้นต่ำทำให้เราคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีความสามารถในการทำกำไรในอัตราที่น่าพอใจไว้ได้จำนวนหนึ่ง โดยปกติเราจะไม่ค่อยสนใจหุ้นของบริษัทที่มี ROA ต่ำในระดับหนึ่ง เช่น 5%

ราคาหุ้น (Share Price) กำหนดราคาขั้นต่ำไว้ที่ 5 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น (เฉพาะของสหรัฐ)

หุ้นที่มีราคาต่ำมากๆ (เช่น ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ) จะถูกพิจารณาว่าอาจมีความเสี่ยงสูง หรืออาจมีปัญหาบางประการ และควรถูกตัดออกไป

เปอร์เซ็นต์การถือครองหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Percent Institutional Ownership) กำหนดเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำไว้ที่ 30% กองทุนรวมและนักลงทุนสถาบันมักจะชอบหุ้นแบบ Growth Stock เราอาจคอยสังเกตว่า ถ้าหุ้นนั้นไม่มี นักลงทุนสถาบันมาถือครอง ก็เป็นสัญญาณว่าเป็นหุ้นที่ไม่น่าสนใจ สำหรับเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำนี้อาจพิจารณาในระดับต่างๆ กันไป แล้วแต่ลักษณะการลงทุนของกองทุนรวมในแต่ละประเทศ

โดยใช้เกณฑ์ต่างๆ ข้างต้น ควรคัดสรรหุ้น แบบ Growth Stock มาได้เหลือ 15-20 ตัว ถ้ายังไม่ได้ในจำนวนที่ต้องการก็ปรับเกณฑ์ตามความเหมาะสม
CREDIT bY กฤษฏา เสกตระกูล @ POSTODAY