เขาเริ่มวาดภาพในใจเขาอย่างใกล้เคียงความจริงมากขึ้น เขาเห็นตัวเขานั่งอยู่ท่ามกลางเนยแข็ง
มากมายหลายชนิด ตั้งแต่ Cheddar จนถึง Brie (เป็นชีสชนิดหนึ่ง) เขาเห็นตัวเขากินเนยแข็งที่เขา
ชอบอย่างเอร็ดอร่อย เขารู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นภาพเหล่านั้น ยิ่งเขาสามารถวาดภาพเนยแข็งก้อน
ใหม่ได้ชัดเจนเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขาใกล้ความจริงมากเท่านั้น และยิ่งทำให้เขารู้ได้ว่าเขากำลังค้นหามัน
เขาจารึกข้อความเอาไว้ว่า :
"การวาดภาพว่าเรามีความสุขที่ได้สิ่งใหม่ๆ ก่อนที่จะพบมัน ช่วยนำทางให้เราได้ไปพบมัน"
ฮอเริ่มถามตัวเองว่า "เอ ทำไมเราถึงไม่ทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะ?" เขาเริ่มออกวิ่งไปตามทางอย่าง
กระฉับกระเฉง
จากนั้นไม่นาน เขาก็มองเห็นจุดเล็กๆ ที่เป็นที่ตั้งของสถานีเนยแข็ง เขารู้สึกตื่นเต้นราวกับได้พบเนย
แข็งก้อนใหม่มากมายใกล้ทางเข้า มันเป็นเนยแข็งชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ก็ดูดี เขาลองชิม
และรู้สึกว่าอร่อย เขาชิมเกือบทุกก้อนที่มีอยู่แล้วก็ยังเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้กินอีกในภายหลัง และบาง
ที? อาจนำไปแบ่งกับเฮม เขารู้สึกว่าเขากลับเข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง
เขาก้าวเดินเข้าไปในสถานีเนยแข็งแห่งนั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเป ็นอันมาก แต่?สิ่งที่ทำให้เขารู้สึก
ตกใจแทบสิ้นสติก็คือ?ความว่างเปล่า มีบางคนมาที่นี่แล้วจากไป ทิ้งไว้เพียงเศษเนยแข็งก้อนเล็กๆ
เขารู้ดีว่าถ้าเขามาเร็วกว่านี้อีกหน่อย เขาอาจเป็นผู้พบเนยแข็งที่นี่เองก็ได้ เขาตัดสินใจเดินทางกลับ
และดูซิว่าเฮมต้องการจะร่วมเดินทางกับเขาหรือไม่ ขณะที่เขาเดินกลับทางเดิม เขาได้หยุดและเขียน
ข้อความบนกำแพงไว้ว่า
"ยิ่งทิ้งอดีตได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งเจออนาคตได้เร็วเท่านั้น"
จากนั้นไม่นานฮอก็เดินทางมาถึงสถานีเนยแข็งซี และได้พบเฮม เขาแบ่งเนยแข็งให้เฮม แต่เพื่อนเขา
กล่าวว่า "ฉันคิดว่าฉันไม่อยากได้เนยแข็งก้อนใหม่หรอก มันไม่คุ้นเคยนะ ฉันได้อยากเนยแข็งก้อนเก่า
คืนมาและฉันก็จะไม่เปลี่ยนอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะได ้สิ่งที่ต้องการ"
ฮอส่ายหัวด้วยความผิดหวังและเดินกลับไปทางเดิมอย่างเสียไม่ได้ ขณะที่เขาเดินห่างไกลออกไปสู่
เขาวงกต เขาก็รู้สึกคิดถึงเพื่อนเขา แต่เขาก็ตระหนักดีว่าเขาชอบในสิ่งที่เขาได้ค้นพบ แม้แต่เป็น
ช่วงเวลาก่อนที่เขาได้พบเนยแข็งก้อนใหม่ เขารู้สึกว่าเขามีความสุขมากกว่าการมีเนยแข็ง
เขารู้สึกมีความสุขที่เขาไม่ได้เดินทางด้วยความหวาดวิตก เขาชอบในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในขณะนี้
การได้รู้เช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกอ่อนแอเหมือนเมื่อตอนที่อยู่ในสถานีเนยแข็งซี เขาเพียงแต่รู้ว่า จะไม่
ยอมให้ความกลัว วิตกกังวลมาหยุดเขาได้ และรู้ว่าเขาได้ไปในทิศทางใหม่ที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
ตอนนี้ เขารู้สึกว่ามันเป็นเพียงคำถามของเงื่อนเวลาก่อนที่เขาได้ค้นพบสิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งตอนนี้เขารู้
แล้วว่าเขากำลังมองหาอะไรอยู่ เขายิ้มออกเมื่อเขานึกออก
"มันมั่นใจที่ได้ออกค้นหามากกว่ารอคอยอยู่ในสถานการณ์ที่ว่างเปล่า"
ฮอได้ตระหนักอีกครั้งเหมือนอย่างที่เคยว่า สิ่งที่กลัวไม่เคยเลวร้ายไปกว่าสิ่งที่ได้วาดภาพไว้ ความ
กลัวที่เราได้สร้างไว้ในความรู้สึกในใจเรานั้นแย่ยิ่งกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
เขาเคยรู้สึกวิตกว่าจะไม่ได้พบเนยแข็งก้อนใหม่ก่อนที่เขาจะออกหามันด้วยซ้ำ ครั้นพอเริ่มออก
เดินทาง เขาก็ได้พบเนยแข็งตามทางเดินซึ่งช่วยให้เขาก้าวต่อไป ตอนนี้ เขากำลังมองไปข้างหน้าและ
ดูว่าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น
ความคิดเก่าๆ ของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกความความกังวลและความกลัว เขาเคยคิดว่าไม่มี
เนยแข็งเพียงพอหรือไม่มากพอเท่าที่เขาต้องการ เขาเคยคิดว่ามีสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมมากกว่าสิ่ง
ที่ถูกต้อง แต่ความรูสึกนี้ก็ถูกเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ออกจากสถานีเนยแข็งซี
เขาเคยเชื่อว่าเนยแข็งไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายไปไหนและการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้
เขารู้แล้วว่าเป็นธรรมชาติสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเราจะยอมรับมัน
หรือไม่ การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เรารู้สึกประหลาดใจต่อเมื่อเราไม่ได้คาดหวังและไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเขารู้ตัวว่าเขาได้เปลี่ยนความเชื่อของเขาได้แล้ว เขาจึงหยุดและจารึกข้อความเอาไว้ที่กำแพงว่า :
"ความเชื่อเก่าๆ ไม่นำพาไปสู่สิ่งใหม่ๆ"
ฮอยังไม่เจอเนยแข็งสักก้อน แต่เขาคิดถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ เขารู้ว่าความเชื่อใหม่ๆ จะกระตุ้นให้มีการ
เปลี่ยนพฤติกรรม พฤติกรรมเขาเปลี่ยนไปจากที่เขายังคงวงเวียนอยู่ในสถานีเดิม
เราอาจมีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอาจทำร้ายเราก็เลยขัดขวางมัน หรืออาจเชื่อว่าการค้นหาสิ่งใหม่
ช่วยให้เราอ้าแขนรับกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่เราเลือกที่จะเชื่ออย่างใด เขาจึงจารึก
ข้อความไว้บนกำแพงว่า :
"เมื่อเห็นว่าคุณสามารถหาและสนุกสนานกับเนยแข็งก้อนใหม่คุณก็จะเปลี่ยนแนวความคิด"
ฮอรู้ดีว่าเขาคงทำได้ดีกว่านี้ ถ้าเขาเปิดรับการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่านี้และละทิ้งสถานีเนยแข็งซีก่อน
หน้า นี้ และรู้สึกเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจอีกทั้งรับมือกับความท้าทายในการออกหา เนยแข็งก้อน
ใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาอาจพบเนยแข็งก้อนใหม่แล้วก็ได้ถ้าเขาคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากว่า
จะเสียเวลาไม่ยอมรับว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เขารวบรวมความตั้งใจและดำเนินไปในทิศทางใหม่ เขาได้พบเนยแข็งก้อนเล็กก้อนน้อย ที่นี่บ้าง ที่
โน่นบ้างและมันเริ่มทำให้เขารู้สึกเข้มแข็งและมั่นใจขึ้น
เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปถึงที่ที่เขาจากมา เขาดีใจที่เขาได้ขีดเขียนข้อความต่างๆ ไว้บนกำแพง และเชื่อ
ว่ามันจะช่วยให้เฮมตามรอยนั้นมาถ้าเพื่อนเขาตัดสินใจละทิ้งสถานีเนย แข็งซี
เขาหวังว่าเขากำลังเดินมาถูกทางและคิดว่าเฮมคงอ่านลายมือของเขาและหาหนทางด้วยตัวเขาเอง
ฮอได้จารึกข้อความที่เขาคิดไว้บนกำแพงว่า :
"ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเร็วขึ้น เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่อาจตามมา"
มาถึงตรงนี้ ฮอได้ปล่อยวางกับอดีตและกำลังปรับตัวให้เข้ากับอนาคต เขายังคงเดินทางต่อเข้าไปใน
เขาวงกตด้วยความเข็มแข็ง และความเร็วที่เพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่าเขาใช้เวลาอยู่ในเขาวงกตนั้นนานชั่วกัป
ชั่วกัลป์ แต่ตอนนี้การเดินทางของเขากำลังจะจบลงอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างมีความสุข
ฮอค้นพบเนยแข็งแหล่งใหม่แล้ว ที่สถานีเนยแข็งเอ็น
เมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้า มันคือเนยแข็งกองพะเนินเรียงซ้อนกัน
สูงลิบลิ่วเต็มพื้นที่ในสถานีเนยแข็งแห่งนั้น นับเป็นแหล่งเนยแข็งที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็น เขาไม่รู้จัก
เนยแข็งทุกชนิดในสถานีแห่งนี้ เพราะมีเนยแข็งใหม่หลาย ๆ ชนิดที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
เขาก็หยุดคิดว่าสิ่งที่เขาเห็นมันเป็นของจริง หรือเป็นแค่เพียงจินตนาการของเขาเท่านั้น และแล้วเขาก็
ได้เจอเพื่อนเก่า หนู 2 ตัว คือ สนิฟและสเคอรี สนิฟกล่าวต้อนรับฮอด้วยการผงกหัว ส่วนสเคอรี
ทักทายฮอด้วยการชูอุ้งเท้า และโบกไปมา เจ้าเพื่อนเก่าของเขาได้แสดงให้ฮอรู้ว่าพวกเขาได้อยู่ที่นี่
มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ฮอกล่าวทักทายหนู 2 ตัว อย่างรวดเร็ว และเริ่มลงมือกัดกินเนยแข็งอันโปรดปรานอย่างเอร็ดอร่อย
เขาถอดรองเท้า และชุดวิ่งคู่ชีพออกพร้อมกับพับเก็บอย่างเรียบร้อย เพื่อว่าวันหนึ่งเขาอาจจะต้องการ
ใช้มันอีก จากนั้นเขาก็กระโดดเข้าไปในกองเนื้อแข็งใหม่ กัดกินอย่างชื่นชอบ และเขาก็ได้ยกชิ้นเนย
แข็งสดขึ้น และพูดเชียร์ดัง ๆ กับตัวเองว่า "เย้ !! สำหรับการเปลี่ยนแปลง"!!
ในขณะที่ฮอกำลังสนุกสนานกับเนยแข็งใหม่ เขาก็นึกถึงสิ่งที่ได้เขาได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เขา
ตระหนักได้ว่า ตอนที่เขารู้สึกกลัวที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเขาไปยึดติดกับภาพลวงตา
ของเนยแข็งก้อนเก่า ซึ่งมันหมดไปแล้ว
และการที่เขายึดติดกับความคิดเช่นนั้น ทำให้เขาไม่กล้าเปลี่ยนแปลง หรือมันก็คือความหวาดกลัวที่
เขาคิดว่าเขาอาจจะอดอยาก ฮอคิด "ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ความคิดตรงนี้ก็ได้ช่วยเขาอยู่ดี"
ฮอหัวเราะและเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นทันทีที่เขาสามารถหัวเราะให้กับตัวเองได้ หรือ
หัวเราะให้กับความผิดพลาดของตัวเองได้ สิ่งที่จะตัดสินคุณได้ว่าคุณได้เปลี่ยนแปลงแล้วก็คือ การที่
คุณสามารถหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเอง และปล่อยวางกับความคิดนั้น จากนั้นคุณต้องก้าวไป
ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าเขาได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่เป็นประโยชน์จากเพื่อนหนู 2 ตัวของเขา ในเรื่องของการดำเนิน
ชีวิต เพื่อนหนู 2 ตัว ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย พวกเขาไม่ได้วิเคราะห์ หรือสรุปเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างซับซ้อน เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิม นั่นคือ เนยแข็งได้ถูกย้ายที่ไป พวกเขาก็ได้
เปลี่ยนแปลงตามด้วย คือไปตามหาเนยแข็ง ซึ่งเรื่องนี้ฮอคงจะจำไว้ไม่มีวันลืม
และแล้วฮอได้ใช้สมองอันฉลาดปราดเปรื่องของคนตัวเล็กอย่างเขาที่จะทำสิ่งนี้ให้ดีกว่าหนู
เขาได้ใช้ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียน และใช้บทเรียนนั้นวางแผนอนาคตของเขาต่อไป เขารู้ว่า
คุณก็สามารถที่จะเรียนรู้ที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกัน :
คุณควรจะพึงระลึกไว้เสมอว่า คุณควรทำอะไรให้ง่ายที่สุด ยืดหยุ่นได้ และ พร้อมที่ก้าวไปข้างหน้า
อย่างรวดเร็ว
คุณไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก หรือทำให้ตัวเองสับสนด้วยความเชื่อที่เต็มไปด้วย
ความหวาดกลัว
คุณต้องหมั่นสังเกต และระแวดระวัง ทันทีที่การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อยเริ่มเกิดขึ้น เพื่อว่าคุณจะได้
เตรียมตัวเผื่อไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ที่อาจจะตามมา
เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น มิฉะนั้นแล้วมันอาจจะไม่ทันการก็ได้ หรือคุณอาจจะไม่มีโอกาส
ได้ทันปรับตัวเลยก็ได้
อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลง คือ ตัวของคุณเอง จะไม่มีอะไรดีขึ้นอย่างแน่นอน จนกว่า
คุณจะเริ่มเปลี่ยนที่ตัวคุณเองก่อน
สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือข้างนอกมีเนยแข็งใหม่ ๆ แน่นอนรออยู่ และคุณจะได้ครอบครองมันอย่าง
แน่นอน หากคุณสามารถสลัดความกลัวของคุณทิ้งไป และออกไปค้นหามันอย่างมีความสุข
ความกลัวเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้ เพราะมันจะช่วยทำเราไม่เกิดอันตราย แต่ฮอก็ตระหนักว่าจาก
เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น ความกลัวที่เกิดขึ้นในใจของเขานั้นไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร และความกลัวนี้ก็
ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงทั้ง ๆ ที่มันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
เขาก็ไม่ชอบเหตุการณ์นี้ทั้งหมด แต่เขาก็รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเขานี้ทำให้เขาได้สิ่งดีๆ ที่
แตกต่างไปจากเดิม นั่นคือทำให้เขาได้พบเนยแข็งแหล่งใหม่นั่นเอง
และเขาก็ยังพบว่ามีสิ่งดี ๆ บางสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาด้วย
ฮอยังจำได้ถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ และเขาก็ยังนึกถึงเฮมเพื่อนของเขา เขาอยากรู้ว่าเฮมจะได้อ่าน
ข้อความที่เขาจารึกไว้บนกำแพงในสถานีเนยแข็งซี และตลอดเส้นทางในเขาวงกตหรือไม่
ไม่รู้ว่าป่านนี้เฮมจะปล่อยวางกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก้าวออกมาเผชิญความจริงแล้วหรือยัง เขาจะ
กลับเข้ามาในเขาวงกต และค้นหาสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
ฮอคิดเกี่ยวกับการกลับไปที่สถานีเนยแข็งซี และดูว่าเฮมยังอยู่ที่นั่นไหม เขาน่าจะหาทางกลับไปที่นั่น
ได้ และถ้าเขาพบเฮม เขาคิดว่าเขาอาจจะทำให้เฮมออกมาจากสถานการณ์ที่แร้นแค้นเช่นนั้นได้ แต่
ฮอก็ได้ตระหนักต่อว่า จริง ๆ แล้วที่ผ่านมาเขาก็ได้พยายามที่จะช่วยให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนความคิด
แล้ว แต่ไม่สำเร็จ
เฮมคงต้องหาทางออกด้วยตัวของเขาเอง เขาต้องละทิ้งความกลัวที่มี และมุ่งไปสู่ความสบายให้ได้
ไม่มีใครช่วยเขาได้ หรือเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาได้ เขาคงต้องเห็นผลประโยชน์บางอย่างที่
เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนด้วย
ฮอรู้ว่าเขาได้ทำสัญลักษณ์ และร่องรอยบางอย่างเพื่อเฮมจะตามเขามาได้อย่างถูกทาง ร่องรอยที่เขา
ทิ้งไว้คือข้อความที่เขาได้จารึกไว้บนกำแพง
ฮอยังได้เขียนสรุปสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ทุกอย่างบนกำแพงสถานีเนยแข็งเอ็น เขาได้วาดรูปเนยแข็งก้อน
โต เพื่อที่จะได้จารึกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ทั้งหมด
สิ่งที่เขาได้จารึกลงบนกำแพง คือ
* การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น : "มีคนย้ายที่เนยแข็ง"
* คาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง : "เตรียมพร้อมสำหรับเนยแข็งที่จะถูกย้ายไป"
* ติดตามการเปลี่ยนแปลง : "ดมเนยแข็งบ่อยๆ จะได้รู้ว่าเมื่อไรเนยแข็งจะเริ่มเก่าลง"
* ปรับตัวคุณให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด : "ยิ่งคุณทิ้งอดีตได้เร็วเท่าไร คุณก็จะได้พบกับ
อนาคตที่สดใสเร็วขึ้นเท่านั้น"
* การเปลี่ยนแปลง : "ก้าวไปตามหาเนยแข็ง"
* สนุกกับการเปลี่ยนแปลง : "สนุกกับการผจญภัย และ ชื่นชอบรสชาติใหม่ ๆ ของเนยแข็งก้อน
ใหม่"
* พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสนุกกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อีก : "มีคนย้ายที่เนย
แข็ง"
ฮอได้ตระหนักว่า เขาได้เดินทางมาไกลเหลือเกิน นับจากวันที่เขาเคยอยู่ร่วมกับเฮมที่สถานีเนยแข็งซี
และเขาก็รู้ว่า มันง่ายมากเลยที่เขาจะกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีก หากเขายังทำตัวสบายมากเกินไป
ดังนั้นในแต่ละวัน เขาจะตรวจตราเนยแข็งในสถานีเนยแข็งเอ็น เพื่อที่จะดูว่าเนยแข็งที่มีอยู่ยังดีอยู่ เขา
จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เขาต้องกลับไปพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่เขาไม่ได้ทันตั้งตัวอีก
ทั้ง ๆ ที่ฮอยังมีแหล่งเนยขนาดใหญ่ เขายังคงออกไปสำรวจในเขาวงกตต่อ เพื่อที่จะสำรวจดูว่า
สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง เขาเรียนรู้ว่ามันจะปลอดภัยกว่าหากเขาสามารถเห็นทางเลือกอื่น
ๆ ด้วย ดีกว่าที่จะมาจำกัดตัวเองอยู่ในที่ที่คิดว่าสบายแล้ว หรือที่ที่มีทุกอย่างพรั่งพร้อมแล้ว
และแล้ว ฮอได้ยินเสียงบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาคิดว่าน่าจะมี
ใครบางคนกำลังจะเข้ามาที่นี่
อาจจะเป็นเฮมก็ได้ที่กำลังจะมาที่นี่ เพื่อนของเขาคิดได้แล้วเหรอ
ฮอจึงเริ่มมีความหวังในใจ เหมือนอย่างที่เขาเคยหวัง --- อาจจะเป็นครั้งนี้ก็ได้ ที่เพื่อนของเขาจะก้าว
ไปตามหาเนยแข็ง และลิ้มลองมัน
ตอนที่ 3 : "ในเย็นวันนั้น"
เมื่อไมเคิลเล่าเรื่อง Who Moved My Cheese? จบ เขาได้มองไปรอบ ๆ ห้อง และได้เห็นเพื่อนร่วนรุ่น
ยิ้มให้เขา
ทุกคนขอบคุณไมเคิล และทุกคนคิดว่า เรื่องนี้ได้ให้อะไรมากมายกับพวกเขา
นาธานถามที่กลุ่มว่า "พวกเราน่าจะเจอกันอีก และมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกดีไหม"
คนส่วนใหญ่ในกลุ่มอยากจะพูดคุยเรื่องนี้อีก พวกเขาจึงนัดหมายเวลาที่จะพบกันก่อนอาหารเย็น
ในเย็นวันนั้น พวกเขาได้มาเจอกันที่ห้องโถงของโรงแรม พวกเขาเริ่มกระเซ้าเหย่าแหย่กัน เกี่ยวกับ
การค้นพบ "เนยแข็ง" และเห็นภาพตัวเองว่ากำลังอยู่ในเขาวงกต
แองเจล่าได้ถามกลุ่มด้วยคำถามที่ต้องการคำตอบว่า "คุณคิดว่า คุณเป็นใครในเรื่องนี้ สนิฟ สเคอรี
เฮม หรือ ฮอ"
แครอลตอบว่า "อืม.. ฉันคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเมื่อตอนกลางวัน ฉันยังจำช่วงเวลาก่อนที่ฉันจะมีธุรกิจ
เกี่ยวกับสินค้าประเภทกีฬาได้ว่า ในตอนนั้นฉันต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ค่อยราบรื่นสัก
เท่าไร"
"ฉันคงไม่ใช่สนิฟแน่นอน เพราะฉันคงไม่ใช้วิธีดมกลิ่นกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อจะได้ล่วงรู้ถึงการ
เปลี่ยนแปลงแต่เนิ่นๆ และแน่นอนฉันคงไม่ใช่สเคอรี เพราะฉันจะไม่ดำเนินการอะไรทั้งสิ้นในช่วงเวลา
อันจำกัด"
"ฉันน่าจะเป็นเฮมมากกว่า เพราะฉันชอบที่จะอยู่ในที่ที่คุ้นเคย และความจริงก็คือว่า ฉันไม่ต้องการที่จะ
จัดการกับการเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่จะพบเห็นมัน"
ไมเคิล ผู้ซึ่งรู้สึกเหมือนว่าเวลายังไม่ได้ผ่านไปเลย นับจากวันที่เขาและแครอลเป็นเพื่อนที่สนิทกัน
สมัยเรียน ได้ถามขึ้นมาว่า "พวกเรากำลังคุยกันเรื่องอะไร"
แครอลตอบว่า "การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องของงาน"
ไมเคิลหัวเราะ "คุณถูกไล่ออกเหรอ" "อืม.. เอาเป็นว่าฉันไม่ต้องการที่จะออกไปค้นหาเนยแข็งก้อน
ใหม่ ฉันคิดว่าฉันมีเหตุผลที่ดีพอว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงจึงไม่ควรเกิดขึ้นกับฉัน ดังนั้นฉันไม่สบายใจ
เลยในช่วงนั้น"
บางคนในกลุ่มที่นั่งเงียบในช่วงเริ่มต้นรู้สึกสบายใจที่จะพูด และ เสนอความคิดเห็นของตน และหนึ่งใน
กลุ่มนั้น คือ แฟรงค์ ผู้ซึ่งเคยทำงานในกองทัพมาก่อน
"เฮมได้ทำให้ฉันนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง" แฟรงค์กล่าว "แผนกของเขาถูกยุบ เขาไม่ต้องการที่จะเผชิญกับ
ความจริงตรงนั้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ยังทำการโยกย้ายพนักงานของเขา คนในบริษัทฯ ทุกคน
พยายามที่จะพูดกับเขาว่ายังมีโอกาสอีกมากมายในบริษัทฯ ให้กับผู้ที่มีความยืดหยุ่น แต่เขาก็ไม่คิดว่า
เขาต้องเปลี่ยนแปลง เขาคือพนักงานคนเดียวที่รู้สึกตกใจ เมื่อแผนกของเขาถูกยุบลง และในตอนนี้
เขาก็กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดว่ามันจะ
เกิดขึ้น"
เจสสิกากล่าวว่า "ฉันคิดว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ควรจะเกิดขึ้นกับฉันด้วยเช่นกัน แต่ "เนยแข็ง"ของฉัน
ได้ถูกย้ายที่มากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา"
หลาย ๆ คนในกลุ่มหัวเราะ ยกเว้นนาธาน
"บางที นั่นแหละ คือประเด็นทั้งหมดที่เรากำลังพูดคุยกัน" นาธานกล่าว "การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ
พวกเราทุกคนที่นี่"
นาธานกล่าวต่อ "ฉันอยากให้ครอบครัวของฉันได้ยินเรื่องของเนยแข็งก่อนหน้านี้จังเลย ครอบครัวของ
ฉันไม่ต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในธุรกิจของเรา แต่ถึงตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว เพราะ
เรากำลังจะปิดร้านหลายร้านที่เรามีอยู่"
สิ่งที่นาธานกำลังเล่าทำให้หลาย ๆ คนในกลุ่มประหลาดใจ เพราะทุกคนคิดว่า นาธานมีธุรกิจที่มั่นคง
ที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา
"เกิดอะไรขึ้น" เจสสิกาอยากรู้
"สาขาย่อย ๆ ของร้านเรากลายเป็นร้านที่ล้าสมัย ก็เพราะตอนที่มีร้านยักษ์ใหญ่เข้ามา พร้อมกับสินค้า
ที่หลากหลาย และราคาถูกกว่า ร้านของเราไม่มีทางจะไปสู้กับร้านพวกนั้นได้เลย"
"ฉันจึงเห็นภาพตอนนี้ว่า แทนที่เราจะเป็นสนิฟและสเคอรี เรากลับกลายเป็นเฮมมากกว่า เพราะเราก็ยัง
อยู่ตรงจุดเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น เราพยายามที่จะไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
รอบตัวเรา และ ถึงตรงจุดนี้ เรากำลังตกที่นั่งลำบาก เราน่าจะได้บทเรียนสักหนึ่งหรือสองบทเรียนจาก
ฮอนะ"
ลอร่า ผู้ซึ่งกลายเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ ได้กล่าวว่า "ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตั้งแต่ตอน
กลางวัน ฉันอยากรู้ว่าฉันจะเป็นเหมือนฮอได้อย่างไร นั่นคือ เห็นความผิดพลาดของตัวเอง แล้วก็
หัวเราะให้กับตัวเอง จากนั้นก็เปลี่ยนแปลง และทำทุกอย่างให้ดีขึ้นกว่าเดิม"
ลอร่ายังกล่าวต่ออีกว่า "ฉันเป็นคนสนใจใคร่รู้นะ มีใครบ้างที่กลัวการเปลี่ยนแปลง" ไม่มีใครตอบ
คำถามของลอร่า เธอจึงแนะต่อว่า "ช่วยยกมือหน่อยสิ"
มีเพียงคนเดียวที่กล้ายกมือ "อืม ดูเหมือนเราจะมีเพื่อนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าพูดความจริง" ลอร่า
กล่าว "บางทีคุณอาจจะอยากฟังอีกหนึ่งคำถามที่ดีกว่านี้ และอาจจะอยากตอบก็ได้ มีใครบ้างที่คิดว่า
คนอื่นกลัวการเปลี่ยนแปลง" ทุกคนยกมือขึ้น พอถึงตรงนี้ ทุกคนเริ่มหัวเราะ
"สิ่งนั้นบอกอะไรแก่เราบ้าง"
"การปฏิเสธความจริง" นาธานตอบ
ไมเคิลยอมรับ "บางที เราอาจไม่รู้ตัวว่าเรากลัวการเปลี่ยนแปลง ฉันรู้ว่าฉันไม่กลัว เมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้
ครั้งแรก ฉันชอบคำถามนะ "คุณจะทำอะไรล่ะ ถ้าคุณไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง"
เจสสิกากล่าวเสริมว่า "อืม สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่า
ฉันจะกลัวมันหรือไม่ก็ตาม หรือไม่ว่าฉันจะชอบมัน หรือไม่ก็ตาม"
"ฉันยังจำได้ว่าสมัยที่บริษัท ฯ ของเราขายหนังสือชุด Encyclopedia มีคน ๆ หนึ่งพยายามที่จะบอก
เราว่า เราควรจะจัดเก็บ Encyclopedia ทั้งชุดลงในแผ่นดิสก์ และขายมันเพื่อเป็นการลดต้นทุนการ
ผลิต ซึ่งมันจะช่วยให้ราคาของสินค้าต่ำลง และผู้บริโภคก็สามารถซื้อหาได้ เพราะราคาไม่สูงมาก แต่
เราทุกคนในบริษัทฯ ไม่เห็นด้วย และ ต่อต้านกับความคิดนั้น ณ ตอนนั้น"
"ทำไมตอนนั้นคุณจึงต่อต้าน" นาธานถาม
"เพราะเราเชื่อว่า ฐานของธุรกิจของเราคือ ทีมฝ่ายขายที่ต้องออกไปขายสินค้าชนิดแบบ เสนอขายถึง
หน้าประตูบ้านลูกค้า (door to door) ซึ่งนโยบายการขายแบบนี้ จะมีค่าคอมมิชชั่นก้อนใหญ่เป็นตัวล่อ
ให้ทีมฝ่ายขายต้องหาลูกค้า และขายสินค้าที่มีราคาสูงนี้ให้ได้ ซึ่งเราก็ได้ดำเนินธุรกิจแบบนี้มาเป็น
ระยะเวลายาวนาน และคิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป"
"มันเป็น "เนยแข็ง" ของคุณ" นาธานกล่าว
"ใช่ และเราก็อยากยึดติดอยู่กับมัน"
"เมื่อฉันคิดย้อนหลังว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง ฉันเห็นว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ พวกเขา "ได้ย้ายที่เนย
แข็ง" แต่ "เนยแข็ง" นั้นมีชีวิตด้วย และสูญสลายลงในที่สุด
"อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่คู่แข่งรายหนึ่งของเราเปลี่ยนแปลง และยอดขายของ
เราก็ได้ตกลงอย่างน่าใจหาย เราได้เผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเดี๋ยวนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอีกในอุตสาหกรรมของเรา และดูเหมือนไม่มีใครเลยในบริษัทฯ
ของเราที่ต้องการจะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ดูสถานการณ์แล้ว ไม่น่าไว้วางใจเลย ฉันคิด
ว่าฉันอยากจะลาออกจากงานนี้เร็ว ๆ นี้"
"มันเป็นช่วงเวลาที่จะกลับไปอยู่ในเขาวงกตอีกแล้ว" คาร์ลอสกล่าว ทุกคนหัวเราะ รวมทั้งเจสสิกาด้วย
คาร์ลอสหันไปทางเจสสิกา และ กล่าวว่า "มันเป็นการดีที่คุณสามารถหัวเราะให้ตัวเองบ้าง"
แฟรงค์เสนอว่า "นั่นคือสิ่งที่ฉันได้จากเรื่องนี้ด้วย" ฉันชอบที่จะเคร่งเครียดมากเกินไป และฉันก็
สังเกตเห็นว่า ฮอเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เมื่อเขาสามารถที่จะหัวเราะให้ตัวเอง และหัวเราะในสิ่งที่
เขากำลังทำอยู่ ไม่ต้องแปลกใจนะ หากฉันจะบอกว่า ฉันเป็นฮอ"
แองเจล่าถามว่า "คุณคิดไหมว่าเฮมจะเปลี่ยนแปลง และค้นพบเนยแข็งใหม่"
อีเลนกล่าว "ฉันคิดว่าเขาน่าจะเปลี่ยนแปลงนะ"
"ฉันไม่รู้" โครี่กล่าว "บางคนไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลง และ พวกเขาก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เขาจะ
ได้รับ ฉันเห็นคนที่เป็นอย่างเฮมตอนที่ฉันฝึกเป็นหมอ พวกเขาคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะครอบครอง "เนย
แข็ง" ของพวกเขา พวกเขารู้สึกว่าจะตกเป็นเหยื่อ หากเนยแข็งเหล่านั้นถูกย้ายไป และพวกเขาจะ
ตำหนิผู้อื่น พวกนี้จะลำบากมากกว่าพวกที่ปล่อยวางได้ และพร้อมที่จะก้าวต่อไป"
นาธานกล่าวอย่างเงียบ ๆ ราวกับพูดกับตัวเองว่า "ฉันเดาว่า คำถามคือ "อะไรคือสิ่งที่เราต้องปล่อยวาง
และอะไรคือสิ่งที่เราต้องก้าวต่อไป"
ไม่มีใครตอบอะไรทั้งสิ้นในขณะนั้น
"ฉันต้องยอมรับ" นาธานกล่าว "ฉันเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในประเทศของเรา แต่ฉัน
หวังว่ามันคงจะไม่มีผลอะไรกับพวกเรา ฉันเดาว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่เราจะริเริ่มให้มีการเปลี่ยนแปลง
ในขณะที่เรา สามารถทำมันได้ ดีกว่าที่เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว เราพยายามที่จะตอบสนอง
และปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้น บางทีเราควรจะย้ายที่เนยแข็งของเราเองด้วย"
"คุณหมายความว่าอย่างไร" แฟรงค์ถาม
นาธานตอบ "ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็อยากรู้ว่าเราควรจะอยู่ตรงไหนวันนี้ ถ้าเราต้องขายธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นร้านเก่า ๆ ของเรา และไปสร้างร้านใหญ่ที่ทันสมัย เพื่อที่จะแข่งขันกับคู่แข่งที่ดี
ที่สุด"
ลอร่ากล่าว "บางที่นั่นคือ สิ่งที่ฮอหมายถึง เมื่อตอนที่เขาจารึกข้อความลงบนกำแพงที่ว่า "สนุกกับการ
ผจญภัย พร้อมกับก้าวตามเนยแข็งของคุณไป"
แฟรงค์กล่าว "ฉันคิดว่ามีบางสิ่งไม่ควรเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ฉันต้องการที่จะยึดถือค่านิยม
บางอย่างของฉัน แต่ฉันเพิ่งจะตระหนักตอนนี้ว่า ชีวิตฉันคงจะไปได้ดีกว่านี้ ถ้าฉันก้าวไปพร้อมกับเนย
แข็งให้เร็วขึ้นกว่านี้"
"อืม..ไมเคิล มันเป็นเรื่องที่ดีมาก" ริชาร์ด เพื่อนร่วมชั้นผู้ซึ่งไม่เชื่อถืออะไรง่าย ๆ ได้กล่าว "จริง ๆ แล้ว
คุณได้นำเรื่องนี้ไปใช้ในบริษัทฯ ของคุณอย่างไร"
ที่กลุ่มไม่รู้ และตอบไม่ได้ แต่ริชาร์ดเคยมีประสบการณ์กับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเขา
เนื่องจากเขาเพิ่งแยกทางกับภรรยาเมื่อเร็ว ๆ นี้ และขณะนี้เขาพยายามที่จะประคับประคองอาชีพของ
เขา ไปพร้อม ๆ กับ การเลี้ยงดูลูก ๆ ที่กำลังเป็นวัยรุ่น
ไมเคิลตอบ "คุณรู้ไหม ฉันคิดว่างานของฉันเป็นงานที่คอยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ในขณะที่
ฉันควรจะเริ่มมองไปข้างหน้า และใส่ใจว่าเราควรจะไปที่ไหนดี"
"และคุณรู้ไหมว่า ฉันจัดการกับปัญหาเหล่านั้น ?ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน- ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ฉันนัก
หรอก ฉันจะยุ่งมาก และก็ยังไม่มีทางออกในเรื่องนี้"
"อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ "ใครเอาเนยแข็งของฉันไป" และเห็นว่าฮอเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไร ฉันตระหนักว่างานของฉันตอนนี้ ก็คือ การวาดรูป "เนยแข็งก้อนใหม่" และวาดมันให้ชัดเจน
และเป็นจริงมากที่สุด เพื่อที่ฉัน และทีมงานของฉันจะได้สนุกกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และประสบ
ความสำเร็จไปพร้อม ๆ กัน" ไมเคิลกล่าว
"น่าสนใจดี" แองเจล่ากล่าว "เพราะว่าเนื้อเรื่องส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญมากที่สุดก็คือ ตอนที่ฮอสลัด
ความกลัวออกไปจากใจของเขา และมีความมุ่งมั่นที่จะค้นหา "เนยแข็งก้อนใหม่" ให้ได้ พร้อมกับการ
วิ่งวกไปวนมาภายในเขาวงกตด้วยความรู้สึกกลัวน้อยลงเรื่อยๆ และ รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้น
และท้ายสุดเขาก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น"
ริชาร์ด ผู้ซึ่งค่อนข้างวิตกกังวลในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ได้กล่าวว่า "ผู้จัดการของฉันได้บอกฉัน
ว่า บริษัทฯ ของเราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง ฉันคิดว่าสิ่งที่เธอต้องการบอกฉันจริง ๆ ก็คือ ฉันคือคนที่
ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ฉันก็ไม่ต้องการที่จะได้ยินมัน ฉันเดาว่า ฉันไม่อยากรู้ว่า "เนยแข็งก้อนใหม่" ที่
เธอพยายามจะให้เรา คืออะไร หรือ ฉันจะได้รับอะไรจากเนยแข็งก้อนใหม่นั้น"
ริชาร์ดยิ้มก่อนที่จะพูดว่า "ฉันต้องยอมรับเลยว่า ฉันชอบความคิดที่ว่า กำลังเห็น "เนยแข็งก้อนใหม่"
และ จินตนาการต่อว่าตัวเองกำลังมีความสุขอยู่กับมัน" มันทำให้ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาไปหมด มันทำให้
ความกลัวของเราน้อยลง และสนใจที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
"บางทีฉันอาจจะประยุกต์ใช้เรื่องนี้กับที่ครอบครัวของฉันด้วย" ริชาร์ดกล่าวเสริมต่อ "เพราะดูเหมือนว่า
ลูก ๆ ของฉัน คิดว่า คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เวลาที่เขาโกรธ ฉันเดาเอาว่า เขา
คงจะโกรธที่เขาไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หรืออาจเป็นเพราะฉันยังไม่ได้ชี้ให้พวกเขาเห็น
ถึงภาพของ "เนยแข็งก้อนใหม่" เนื่องจากตัวฉันเองยังไม่รู้ว่า "เนยแข็งก้อนใหม่" คืออะไรก็เป็นได้"
ที่กลุ่มยังคงนั่งเงียบงัน เพราะกำลังคิดถึงชีวิตครอบครัวของตนเอง
"อืม พวกเราส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องงาน แต่ฉันกำลังคิดถึงเรื่องส่วนตัว ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของฉัน
กับครอบครัวในปัจจุบันนี้ กำลังจะเป็น "เนยแข็งก้อนเก่า" ที่มีราขึ้นอยู่"
โครี่หัวเราะอย่างเห็นด้วย "ฉัน ก็เหมือนกัน บางทีฉันอาจจะต้องปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีมัน
ออกไปครอบครัวของเรา"
แองเจล่าตอบสวนว่า " อาจเป็นไปได้ที่ว่า "เนยแข็งก้อนเก่า" ควรเป็นแค่ พฤติกรรมเก่า ๆ ดังนั้น สิ่งที่
เราควรจะกำจัดออกไปก็คือ พฤติกรรมอันเป็นเหตุให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในครอบครัวเรา และ
จากนั้นเราก็ควรก้าวไปสู่การคิดใหม่ และการกระทำใหม่ ๆ"
"ประเด็นนี้ดีนะ ดีที่ว่า เนยแข็งก้อนใหม่เปรียบเสมือนสัมพันธภาพใหม่ ๆ กับคน ๆ เดิม" โครี่กล่าว
ริชาร์ดกล่าวต่อ "ฉันกำลังคิดว่ามีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่เรากำลังคิดกันอยู่หรือไม่ ฉันชอบความคิดที่ว่า
เราต้องแทนที่พฤติกรรมเก่า ๆ ของเรา ด้วยสัมพันธภาพแบบใหม่ ๆ เพราะว่าการที่คุณประพฤติหรือ
ปฏิบัติแบบเดิม ๆ มันคงจะส่งผลลัพธ์แบบเดิม ๆ ให้คุณเช่นเดียวกัน
"เพราะฉะนั้น แทนที่จะเป็นการเปลี่ยนงาน ฉันควรจะเป็นคนที่จะช่วยบริษัทฯ ให้ไปสู่การเปลี่ยนแปลง
และหากฉันได้ทำมันก่อนหน้านี้ บางทีฉันอาจจะได้งานที่ดีกว่าตอนนี้แล้วก็ได้"
เบคกี้ ผู้ซึ่งอาศัยอยู่อีกเมืองหนึ่ง แต่ได้มาร่วมงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ด้วย ได้กล่าวว่า "จากการที่ฉันได้
ฟังเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นของทุกคนที่นี่ ถึงตอนนี้ ฉันอยากจะ
หัวเราะให้กับตัวเอง เพราะว่าฉันเป็นเฮมมานานเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น การเป็นแบบเฮม และการเป็น
แบบฮอ และการกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง ฉันยังไม่รู้เลยว่า จะมีอีกกี่คนที่จะเป็นแบบนี้ด้วย ฉันคิดว่าฉัน
ได้ชี้นำความคิดที่กลัวการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ให้กับลูก ๆ ฉันโดยที่ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ"
"ฉันคิดว่า การเปลี่ยนแปลงนำเราไปสู่ที่ ๆ ใหม่กว่า และดีกว่าจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่คุณอาจจะกลัวว่ามัน
อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ ณ เวลาที่มาถึงจริง ๆ
"ฉันยังจำได้ว่า ตอนที่ลูกชายของฉันกำลังเรียนอยู่ระดับมัธยมปลาย ตอนนั้นสามีของฉันต้องย้ายที่
ทำงานของเขาจากรัฐอิลินอย ไปรัฐเวอร์มอนต์ ซึ่งเป็นเหตุให้ลูกชายของฉันรู้สึกไม่ชอบใจ เพราะเขา
จะไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ ของเขาอีกต่อไป เขาเป็นดาวเด่นประเภทนักกีฬาว่ายน้ำ และโรงเรียนใหม่ที่รัฐ
เวอร์มอนต์ก็ยังไม่มีทีมนักว่ายน้ำเลย ดังนั้นเขาจึงโกรธเรามากที่ทำให้เขาต้องย้ายตามไปด้วย
"แต่พอจริง ๆ เข้า เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไป เขากลับชอบภูเขาเวอร์มอนต์ ชอบเล่นสกีกับเพื่อน ๆ
นักเรียนที่นั่น และตอนนี้เขาก็มีความสุขมาก และอยู่ที่รัฐโคโลราโด
"ถ้าเราได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องราวของ "เนยแข็ง" ด้วยกันมาก่อน อาจจะแค่พูดคุยกันบนโต๊ะกาแฟ เรา
ก็คงจะสามารถช่วยครอบครัวของเราได้มากกว่านี้"
เจสสิกากล่าว "ฉันจะกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวของฉันฟัง ฉันจะถามลูก ๆ ของฉันว่าเขาคิดว่า ฉัน
เป็นใครในเรื่อง -- สนิฟ สเคอรี เฮม หรือ ฮอ -- และ เขาคิดว่า เขาเป็นใครในเรื่องด้วย เราควรจะ
พูดคุยกับคนในครอบครัวของเราว่าเขาคิดว่า "เนยแข็งก้อนเก่า" คืออะไร และ "เนยแข็งก้อนใหม่" คือ
อะไร"
"นั่นเป็นความคิดที่ดีมากเลย" ริชาร์ดกล่าว
แฟรงค์กล่าวเสริมต่อว่า "ฉันคิดว่าฉันจะเป็นฮอ และก้าวไปกับเนยแข็งก้อนใหม่ และสนุกไปกับมัน
และฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนของฉันที่กำลังจะลาออกจากกองทัพฟัง เพื่อให้เขาคิดว่าการ
เปลี่ยนแปลงมีความหมายต่อเขาอย่างไร มันคงจะทำให้เราได้พูดคุยกัน และคงมีเรื่องราวที่น่าสนใจ
แน่นอน"
ไมเคิลกล่าว "อืม..นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราได้ปรับปรุงธุรกิจของเราด้วย เราได้มีการพูดคุย
ถกเถียงเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้รับจากเรื่องราวของ "เนยแข็ง" และเราจะประยุกติ์เรื่องนี้ใช้กับเหตุการณ์
จริง ๆ ของเราได้อย่างไร
"สิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ เวลาที่เราพูดคุยเรื่องนี้ เราได้ภาษาใหม่ ๆ และพวกเราก็สนุกสนานกันมาก
ตอนที่คุยถึงเรื่องการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงในองค์กร นอกจากนี้แล้ว การที่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ทำ
ให้คนในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เพราะคนจะมองเรื่องนี้ลึกซื้งมากขึ้น"
"ลึกซึ้งมากขึ้นอย่างไร" นาธานถาม
"อืม ยิ่งเราพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เราจะพบว่า คนในองค์กรของเรารู้สึกว่าตนเองสามารถ
ควบคุมเหตุการณ์ หรือ สถานการณ์ต่าง ๆ ได้น้อยลง เนื่องจากพวกเขากลัวผลลัพธ์ของการ
เปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
"โดยสรุป การเปลี่ยนแปลงที่คนที่ไม่ต้องการ จะทำให้คนต่อต้านต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น"
"ฉันน่าจะได้อ่านหรือได้ยินเรื่องราวของเนยแข็งมาก่อนหน้านี้นะ" ไมเคิลกล่าวเสริม
"ทำได้อย่างไรล่ะ" คาร์ลอสถาม
"เพราะว่าเราเพิ่งจะมาพูดคุยเรื่องนี้ตอนที่ธุรกิจของเราย่ำแย่แล้ว เราต้องสูญเสียคนดี ๆ ไป เสียเพื่อน
ดี ๆ ไป มันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับพวกเราทุกคนนะ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่ว่าคนที่จาก
ไปแล้ว หรือคนที่ยังอยู่ เรื่องราวของเนยแข็งสามารถช่วยทำให้ทุกคนได้เห็นสิ่งต่าง ๆ แตกต่างไปจาก
เดิม และได้แนวทางในการแก้ปัญหาดีขึ้นกว่าเดิม
"มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น สำหรับผู้ที่ต้องจากไป และต้องหางานใหม่นั้น แต่เมื่อคุณนึกถึงเรื่องนี้
เชื่อว่าเรื่องนี้คงจะช่วยคุณได้มากทีเดียว"
แองเจล่าถาม "อะไรที่จะช่วยพวกเขาได้มากที่สุด"
ไมเคิลตอบ "หลังจากที่เขาได้ก้าวผ่านความกลัวไปแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือ มีเนยแข็งก้อนใหม่กำลังรอให้
คุณไปค้นพบอยู่ภายนอก"
พวกเขายังพูดอีกว่า การที่คุณมีภาพของเนยแข็งก้อนใหม่ในใจคุณจะช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพียงแค่
ความรู้สึกตรงนี้ ในเวลาที่คุณต้องไปสัมภาษณ์งานใหม่ คุณจะมีกำลังใจ และ หลาย ๆ คนก็ได้งานใหม่
ที่ดีกว่างานเดิมด้วยซ้ำ"
ลอร่าถาม "และคนที่ยังอยู่ในองค์กรล่ะ"
"อืม .. แทนที่พวกเขาจะบ่นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ถึงตรงนี้พวกเขาจะพูดว่า "มีใครบางคน
ได้ย้ายที่เนยแข็งของเรา ถึงเวลาที่เราจะต้องไปค้นหาเนยแข็งก้อนใหม่กันแล้ว" หากคนในองค์กรเป็น
อย่างนี้ได้ มันจะเป็นการช่วยลดเวลาที่เราจะต้องสูญเสียไป และที่สำคัญคือช่วยลดความเครียดด้วย
ไมเคิลกล่าว
อย่างไรก็ตาม คนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงก็จะเห็นข้อได้เปรียบของการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี และพวก
เขาจะเป็นสื่อกลางนำความเปลี่ยนแปลงเข้ามาด้วย
โครี่กล่าว "คุณเคยคิดไหมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น"
"ฉันคิดว่ามีหลาย ๆ คนในองค์กรที่มักจะคิด หรือคล้อยตามผู้อื่น
"มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในองค์กรที่คุณเคยทำงานมา หากผู้บริหารระดับสูงคือผู้ที่ประกาศให้พนักงานทุก
คนทราบถึงความเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นในองค์กร คนในองค์กรจะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็น
เรื่องที่ดี หรือเรื่องที่ไม่ดี"
"เป็นเรื่องไม่ดี" แฟรงค์ตอบ
"ใช่แล้ว เป็นเรื่องไม่ดี" ไมเคิลกล่าวเห็นด้วย "ทำไมล่ะ" เขาถามต่อ
คาร์ลอสกล่าว "เพราะคนในองค์กรอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม และพวกเขาคิดว่าการ
เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับพวกเขา และเมื่อใดก็ตามที่มีคนเก่งในองค์กรพูดว่า การเปลี่ยนแปลง
เป็นเรื่องที่ไม่ดี แน่นอนคนอื่นก็ย่อมพูดแบบนี้ด้วยเหมือนกัน"
"ใช่ จริง ๆ แล้ว พวกเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นก็ได้" ไมเคิลกล่าว "แต่พวกเขาเห็นด้วยเพื่อที่จะได้
ถูกมองจากคนอื่นว่าพวกเขาก็เก่ง และฉลาดเหมือนกัน การคล้อยตามกันนี่แหละที่จะไปต่อต้านการ
เปลี่ยนแปลงในองค์กร"
เบคกี้กล่าวเสริม "ในครอบครัว สิ่งที่เหมือนกันนี้อาจจะเกิดขึ้นเช่นกัน ระหว่างพ่อแม่ กับลูก" จากนั้น
เบคกี้ถามต่อว่า "เมื่อคนได้ยินเรื่องราวของเนยแข็งแล้ว สิ่งต่าง ๆ แตกต่างไปจากเดิมอย่างไร"
ไมเคิลตอบ "คนจะเปลี่ยนไป เพราะไม่มีใครอยากจะเหมือนเฮม"
ทุกคนหัวเราะรวมทั้งนาธาน จากนั้นเขากล่าวว่า "นั่นเป็นประเด็นที่ดีนะ ไม่มีใครในครอบครัวของฉัน
อยากจะเหมือนเฮมเลย นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแล้ว ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องนี้ให้เล่าฟังตอนที่
เรามาเจอกันครั้งที่แล้วล่ะ มันจะได้เห็นผลมากกว่านี้"
ไมเคิลจึงได้เสนอความคิดสุดท้ายว่า "เมื่อพวกเราทุกคนเห็นว่าเรื่องนี้มันช่วยพวกเราได้ เราก็ควรจะ
เผยแพร่เรื่องนี้ให้กับคนที่เราทำงานด้วย เพื่อให้พวกเขาทราบถึงการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงใน
องค์กรของเขา เราขอเสนอว่า เราอาจจะเป็น "เนยแข็งก้อนใหม่" ของพวกเขา นั่นคือ เป็นเพื่อน
ร่วมงานที่ดีกว่าเมื่อก่อน เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ และธุรกิจใหม่ร่วมกัน"
สิ่งที่ไมเคิลพูดได้จุดประกายความคิดให้เจสสิกามากมายทีเดียว และยังช่วยเตือนเธออีกว่า เธอได้มี
นัดกับลูกค้าหลายรายในเช้าวันนี้ เธอดูเวลาที่นาฬิกา และกล่าวว่า "อืม ถึงเวลาที่ฉันต้องไปจากสถานี
เนยแข็งนี้ซะที และก็จะไปต่อที่สถานีเนยแข็งแห่งใหม่"
ที่กลุ่มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และเริ่มที่จะกล่าวร่ำลากัน หลายคนอยากที่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้ต่ออีก
แต่ถึงเวลาที่ต้องไปแล้วจริง ๆ ก่อนที่พวกเขาจะจากกัน ทุกคนได้ขอบคุณไมเคิลอีกครั้งสำหรับการเล่า
เรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง
ไมเคิลกล่าวในตอนท้ายว่า "ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์ และฉันก็หวัง
เป็นยิ่งว่าพวกคุณคงจะมีโอกาสที่จะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่นด้วย"
The End