-->

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่าฆ่าเวลาเป็นนิสัย  (อ่าน 440 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
อย่าฆ่าเวลาเป็นนิสัย
« เมื่อ: 10 ธันวาคม 2008, 04:52:24 »

คอลัมน์คิดนอกกรอบใน ?บิสิเนสไทย? ฉบับที่แล้วผมเขียนไว้ถึงการแบ่งสล็อตเวลาในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทำง่ายๆ เพียงแค่ซอยเวลาในแต่ละช่วงให้สั้นลง เราก็จะได้เวลาเพิ่มขึ้นมาในแต่ละวันหลายเท่า


แต่หากเพิ่มสล็อตให้ตัวเองแล้วก็ยังมีเวลาไม่พออยู่ดี ก็คงต้องลองมานั่งวิเคราะห์ตัวเองกันเสียหน่อยละครับ วาทำไมคนอื่นเขาก็มีเวลาในแต่ละวันเท่ากันกับเราคือ 24 ชั่วโมง แต่เขากลับทำงานได้ทันและดูเหมือนจะใช้เวลาได้เต็มที่มากกว่า
 
นิสัยที่ทำให้เราใช้เวลาได้เปลืองกว่าคนอื่นนั้นมีมามายครับ แต่ผมรวบรวมเอานิสัยที่เรามักมองข้าม และหลายๆคนก็ทำกันเป็นประจำ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะไม่รู้ว่านิสัยแบบนี้นี่เองที่ทำให้เรามีเวลาไม่พอใช้เสียที
 
เริ่มจากนิสัยช่างคิด แต่คิดเป็นอย่างเดียวแต่ไม่ลงมือทำเสียที ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลัวพลาด หรือกลัวทำแล้วไม่ได้อย่างที่คิด หรือกลัวอะไรก็ตาม  จนสุดท้ายแล้วก็ไม่ยอมตัดสินใจทำเรื่องใหม่ๆ อีกเลย
 
การเอาแต่คิด ยังส่งผลถึงแนวคิดดีๆ ที่อาจต้องมีอันเป็นไปเพราะต้องเสียเวลาไปกับการคิดถึงแต่รายละเอียดจนไม่มีเวลาใส่ใจกับแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะส่วนใหญ่แล้วกว่าจะรู้ตัวก็มักจะเหลือเวลาน้อยมาก จนทำอะไรไม่ทันอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ
 
ข้อต่อมาคือนิสัย Mr. Perfect หรือที่เราเรียกกันว่าเป็น Perfectionist ที่ต้องทำอะไรให้สมบูรณ์แบบเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทำ ซึ่งเขาอาจลืมนึกถึงความเป็นจริงว่าองค์ประกอบในการทำงานนั้นยังมีเรื่องราวปลีกย่อยอีกมากและไม่ได้มีแค่งานที่ทำนั้นเพียงอย่างเดียว
 
การจะทำอะไรให้ได้เต็ม 100 นั้นจริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากถ้าเรามีงานในมือแค่งานเดียว แต่จริงๆแล้วเรามีงานอีกร้อยแปดพันประการต้องทำไปพร้อมๆ กัน งานที่ทำได้เต็ม 100 จึงอาจทำให้งานอื่นๆที่เหลือสอบตกหมด
 
ที่สำคัญการทำงานจริงๆ ก็ไม่มีใครหวังที่จะเห็นงานเต็ม 100 ทุกครั้ง เอาแค่ผ่านสัก 80-90 ก็ถือว่าดีมากแล้ว  และเรายังมีเวลาเหลือพอที่จะทำงานอื่นๆให้ครบถ้วนทุกองค์ประกอบ เพราะโลกธุรกิจทุกวันนี้เราจะสนใจงานด้านใดด้านหนึ่งแต่เพียงด้านเดียวไม่ได้ จริงไหมครับ
 
ข้อที่ 3 คือนิสัยกล้าๆ กลัวๆ ปัญหานี้พบได้บ่อยในคนรุ่นใหม่ที่หวังจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และไม่ยอมที่จะเสียเวลาเรียนรู้จนหลงลืมไปว่าบางครั้งความล้มเหลวนั้นก็คือครูของความสำเร็จในครั้งต่อๆ ไป และความล้มเหลวก็จะทำให้เราเข้มแข็งและมีประสบการณ์มากขึ้น
 
หลายๆ คนตั้งใจจะทำงานให้สำเร็จทะลุเป้าเลยตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งเป็นไปได้ยาก และการตั้งความหวังเช่นนั้นก็มักจะเป็นการกดดันตัวเองมากเกินไป จนก่อให้เกิดการกล้าๆกลัวๆ ไม่เด็ดขาด และไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
 
ข้อสุดท้าย คือนิสัยทำงานตามใจฉัน โดยไม่ได้ดูว่าอะไรควรทำก่อน อะไรต้องทำทีหลัง แต่กลับเลือกทำงานง่ายๆ หรืองานที่ตัวเองถนัดก่อน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะตรงกับนิสัยของคนส่วนใหญ่ที่มักจะเลือกสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างแรกๆ
 
แต่ในการทำงานนั้น  ทุกงานล้วนมีลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนไม่เท่ากัน งานที่เราชอบอาจมีลำดับความสำคัญอยู่ท้ายๆ การเร่งทำไปก่อนจึงไม่เกิดประโยชน์และทำให้เราทำงานอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องไม่ทัน
 
และแม้ทุกงานจะด่วนเหมือนกันหมด แต่ก็ย่อมมีงานที่ด่วนที่สุดที่เราต้องทำเป็นอันดับแรกให้เห็นเสมอๆ แต่หากเราคิดจะทำไปตามใจก็มักจะเจอว่างานที่รออยู่ท้ายสุดนั้นควรจะต้องทำมาก่อนหน้านี้ และอาจต้องเสียเวลาทำงานทั้งหมดใหม่อีกรอบหนึ่งก็เป็นได้
 
นิสัยทั้ง 4 ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนัก เพราะผมเชื่อว่ายังมีนักธุรกิจนักบริหารอีกหลายๆคนก็อาจทำจนเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะลด ละ เลิก นิสัยเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนะครับ