-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ต่อยอดโลกาภิวัตน์  (อ่าน 409 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
ต่อยอดโลกาภิวัตน์
« เมื่อ: 10 ธันวาคม 2008, 05:05:25 »

ข้อคิดหนึ่งที่ผมได้ให้กับผู้ฟังในงานสัมมนา ?เกาะเกมโลกาภิวัตน์? ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ MAI ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ก็คือเรื่องของการต่อยอดความคิด และการเปิดตัวสู่ตลาดโลกที่เราหนีไม่พ้นเสียแล้วในวันนี้


ที่ผมยกประเด็นนี้ขึ้นมาก็เพราะผมเชื่อว่าในวันนี้และวันข้างหน้า คู่แข่งของเราคงไม่ใช่บริษัทของคนไทยด้วยกันที่เคยห้ำหั่นกันมานานหลายปี แต่อาจกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่เบนเข็มเข้ามาสู่ตลาดบ้านเรา
 
ลองคิดดูให้ดีๆ บริษัทคู่แข่งที่เคยดูเหมือนเป็นศัตรูกับเรามานาน อาจเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดในการรับมือกับยักษ์ใหญ่ต่างชาติก็ได้ เพราะในเมื่อเราต้องสู้กับทั้งเงินทุนอันมหาศาลและระบบการบริหารระดับโลก การร่วมมือกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันอาจเป็นทางออกได้
 
เพราะลึกๆแล้ว ผมเชื่อว่าทั้งเงินทุนและระบบการบริหารการจัดการ รวมถึงเทคโนโลยีของต่างชาตินั้น แม้จะล้ำหน้าบ้านเราไปไกลโข แต่ก็อาจแพ้บริษัทไทยๆ ตรงที่บริษัทของคนไทยนั้นน่าจะเข้าใจคนไทยด้วยกันเองได้ดีกว่า
 
แม้ว่าโลกาภิวัตน์จะทำให้โลกเล็กลงและพรมแดนของแต่ละประเทศหายไป แต่ความเป็นคนไทยก็ยังมีลักษณะเฉพาะที่บริษัทข้ามชาติอาจจับจุดได้ไม่ถูก ซึ่งกลายเป็นช่องว่างและข้อได้เปรียบของบริษัทท้องถิ่นไป
 
แต่ก็อย่าลืมเป็นอันขาดว่าโลกเราทุกวันนี้หมุนเร็วกว่าเดิมมหาศาล และเราไม่สามารถหนีเทรนด์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ใครที่จับเอาแนวโน้มใหม่ๆมาใช้ประโยชน์ได้ก่อน ก็ย่อมมีโอกาสสูงกว่า แต่จะเลือกเทรนด์ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเราเองเป็นหลัก
 
โดยสิ่งที่ต้องยึดเอาไว้ก็คือ ?ตัวเรา? นั่นเอง เพราะไม่ว่าโลกจะหมุนไปทางไหน การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างก็ย่อมส่งผลกระทบมาถึงตัวเราเป็นหลัก ทั้งตัวเราในฐานะบริษัท และตัวเราในฐานะผู้บริโภคที่ย่อมต้องมองเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่คนชนะคือคนที่คว้าโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ก่อน
 
วิธีการเอาชนะใจผู้บริโภคในวันนี้จึงต้องหาทางให้ลูกค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเสียเลย ซึ่งผมเคยยกตัวอย่างของรถ Mini Cooper ที่หันมาใช้ช่องทางอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลางกับลูกค้า ซึ่งให้ปรับเปลี่ยน Options ต่างๆได้ตามใจชอบ
 
ความกล้าคิดกล้าทำ กล้าได้กล้าเสีย จึงเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของผู้บริหารในวันนี้ ที่ต้องกล้าบุกตะลุยไปข้างหน้าโดยไม่ต้องกลัวล้มเหลว เพราะคิดที่กล้าคิดแต่ไม่กล้าทำก็ย่อมไม่มีวันสำเร็จ แต่คนที่คิดแล้วทำจริง ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จแล้ว
 
มาถึงวันนี้ ในเมื่อนักธุรกิจบ้านเราหนีคู่แข่งจากต่างชาติไปไม่พ้น สิ่งที่น่าคิดตามมาก็คือ ?ทำไม เราจึงไม่ไปเปิดตลาดในต่างประเทศบ้าง?? เพราะการปิดตัวเองอยู่แต่ในบ้านย่อมเป็นการจำกัดโอกาสของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
 
เพราะในโลกยุคโลกาภิวัตน์นี้เปิดกว้างเสมอสำหรับนวัตกรรม ความคิด จินตนาการ แล้วสามารถต่อยอดให้ออกมาเป็นสินค้าหรือบริการที่ตรงใจลูกค้าได้ ?ผู้ชนะ? ในโลกธุรกิจในวันนี้ จึงไม่ได้หมายถึงผู้ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด หรือมีกำไรสูงที่สุด
 
แต่หมายถึงผู้ที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ดีที่สุด และรู้วิธีที่จะต่อยอดความคิดเหล่านั้นต่างหาก จึงจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะได้มากที่สุด