-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ล้มไปข้างหน้า  (อ่าน 720 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
ล้มไปข้างหน้า
« เมื่อ: 10 ธันวาคม 2008, 05:16:15 »

Case Study กลายเป็นสิ่งที่นักบริหาร นักการตลาด ต้องการเรียนรู้มากที่สุด ในวันนี้ ไม่ใช่ทฤษฎี หรือวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว เพราะกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง นับเป็นบทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดในทุกวันนี้


แต่ Case Study ที่คนอยากรู้มากที่สุด ก็ไม่ใช่กรณีศึกษาจากผู้ที่ประสบ ความสำเร็จ เหมือนในอดีต แต่เป็นกรณีศึกษาจากความล้มเหลว ที่เกิดจาก ความผิดพลาดต่างๆ เพราะประสบการณ์เหล่านี้หาไม่ได้ง่ายๆ และมีราคา แพงเกินกว่าจะลองทำผิดพลาดเสียเองเพื่อเรียนรู้ นักบริหาร นักการตลาดในทุกวันนี้จึงต้องหาทางเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ของคนอื่นในอดีต พร้อมๆ กับการเปิดกว้างในการถ่ายทอดประสบการณ์ ด้านลบของตัวเอง หรือแบ่งปันเรื่องราวที่เคยล้มเหลว ไม่ใช่แบ่งปันแต่ ความสำเร็จ

นอกเหนือจากนั้น ต้องมีความยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับสิ่งที่เป็นสูตรสำเร็จ ที่เคยทำ เพราะทุกๆ อย่างเปลี่ยนแปลงได้ และการเอาชนะข้อผิดพลาด เดิมๆ ได้ จำเป็นต้องคิดในมุมมองที่แตกต่างเสมอ รวมถึงการ เปิดใจเรียนรู้ จากบุคคลที่ 3 เพราะคนที่อยู่นอกวงจะมองชัดกว่า ท้ายที่สุดต้องกล้ารับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น และต้องกล้า วิเคราะห์ตัวเองว่าทำผิดที่ไหน โดยต้องไม่ท้อแท้ และอย่าปล่อย ให้อุปสรรคเป็นตัวขัดขวางความ ก้าวหน้าของเรา แต่มันจะเป็น กระบวนการเรียนรู้เพื่อต่อยอด ความสำเร็จให้มากที่สุดต่างหาก นักบริหาร นักการตลาดใน ทุกวันนี้ แม้จะมีตัวแปรมากกว่า ในอดีตหลายเท่าแต่ก็มีบทเรียน จากความผิดพลาดให้อดีตให้ ศึกษาได้มากพอๆ กัน ซึ่งจาก บทเรียนเหล่านั้น ทำให้เราน่าจะ พอจับทางได้ว่า ?อะไร? ที่ทำให้ เรามีโอกาสล้มเหลวได้ อย่างแรก คือการสร้าง ธุรกิจใหม่หรือการขยายธุรกิจ เช่น บริษัท Samsung เริ่มตั้ง เมื่อปี 1936 โดยที่ธุรกิจหลัก คือโรงสีข้าว ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Logistics และกลายเป็นอสังหา- ริมทรัพย์ แต่ที่สำเร็จจนโด่งดังไปทั่วโลกคือ ธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ ระดับโลก

ไม่ค่อยมีใครรู้ ว่าในปี 1990 Samsung ได้ลงทุนในการทำอุตสาหกรรม รถยนต์ แต่ไม่สำเร็จ จนขาดทุนมาก และต้องขายให้กับบริษัทของฝรั่งเศสไป โอกาสในการทำธุรกิจใหม่ จึงเป็นความเสี่ยงชนิดหนึ่งที่เราต้องระมัดระวัง ให้ดี อีกข้อหนึ่ง คือ การเปลี่ยนจากธุรกิจหนึ่ง เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ไม่เคย ได้ทำจริงมาก่อน มักมีโอกาสล้มเหลวมากที่สุด เพราะความไม่คุ้นเคยกับ ธุรกิจและยังไม่เข้าใจลูกค้า สุดท้ายก็อาจล้มเหลวลงในที่สุด ข้อสาม ที่ต้องระมัดระวังและอย่างทะนงตนในความยิ่งใหญ่ จนต้องไป ควบกิจการกับบริษัทอื่นๆ เพราะมีประเด็นอีกมากที่ต้องเปลี่ยนแปลง เช่น SONY ได้ซื้อโคลัมเบีย พิคเจอร์มา โดยคิดว่าการนำ Content และซอฟต์แวร์ มารวมกับฮาร์ดแวร์จะทำให้สำเร็จ แต่ก็ขาดทุนมาตลอด เพราะ SONY ไม่รู้จักธุรกิจหนังและมีความแตกต่างกันใน 2 ส่วน การควบรวมกิจการจึงมี เงื่อนไขมากกว่าที่คิด

ส่วนการแข่งขันใหม่ๆ คู่แข่งขันใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามา องค์กรจะอาศัยความ เคยชิน จากที่เคยสำเร็จอย่างเดียวไม่ได้ เช่น บริษัท General Motor (GM) ในอดีตมี Market Share มากกว่า 50-60% แต่เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา รถญี่ปุ่นและเกาหลีเข้ามาแข่งขันในตลาดอเมริกา จนมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40% ปล่อยให้ GM เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 20% จนต้องขาดทุนสูง ที่สุด

แม้แต่บริษัทที่ขึ้นชื่อว่ามีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ชั้นนำ เช่น บริษัท Apple ก็เคยออกคอมพิวเตอร์ ชื่อ LISA ซึ่งขายไม่ได้ เพราะใช้งานยาก และมีราคาแพง แต่ก็เป็นฐานให้ Apple สร้างเครื่อง Macintosh ขึ้นมาทำให้ ใช้งานง่ายขึ้นและประสบความสำเร็จในที่สุด ความล้มเหลว จึงไม่ได้เป็นยาขมสำหรับนักบริหารและนักการตลาด แต่เพียงอย่างเดียว ขอเพียงให้เรารู้วิธีที่จะล้มไปข้างหน้า และนำเอา ประสบการณ์นั้นมาเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเท่านั้น

suphap

  • บุคคลทั่วไป
Re: ล้มไปข้างหน้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 16 มีนาคม 2009, 15:30:21 »

รู้สึกว่า พี่เทพจะถนัด เศรษฐกิจนะคับ  hgjhg