-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ใช้คนให้เหมาะกับงาน  (อ่าน 580 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

labk1200

  • บุคคลทั่วไป
ใช้คนให้เหมาะกับงาน
« เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2009, 10:57:00 »

 (1) การทำงานของคนเรานั้นเวลามีตำแหน่งหน้าที่เล็ก ๆ ก็ทำงานมากตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ตำแหน่งสูงขึ้นก็ทำงานส่วนหนึ่ง และประสานงานกับคนหรือบังคับบัญชาคนอีกส่วนหนึ่ง พออยู่ในตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานเนื้องานที่ทำเองก็เหลือน้อยเต็มที งานส่วนใหญ่และสำคัญที่สุดอยู่ที่การใช้ความคิด แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งคือการใช้และการมอบหมายงานให้กับคนอื่น

            ความสำเร็จหรือล้มเหลวของผู้บริหารจึงนอกจากต้องคิดให้ถูก คิดให้เป็นแล้ว ยังจะชี้ขาดด้วยความถูกต้องในการใช้คนด้วย นั่นคือต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน และมอบหมายงานให้เหมาะกับคน

            (2) ผู้บริหารหรือหัวหน้างานหรือหัวหน้าคนจำนวนไม่น้อยที่ทำความผิดพลาดในเรื่องนี้ แล้วก่อความเสียหายขึ้นทั้งแก่ตนเอง แก่หน่วยงาน และส่วนรวม ดังนั้นจึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในเรื่องนี้

            ผู้บริหารบางคนโยกย้ายพนักงานที่พิมพ์เก่งที่สุดไปเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ แล้วโยกย้ายพนักงานรับโทรศัพท์มาเป็นพนักงานพิมพ์ ทั้ง ๆ ที่พนักงานที่พิมพ์เก่งไม่สันทัดในการพูดจารับโทรศัพท์ และพนักงานที่รับโทรศัพท์ได้ดีก็ไม่สันทัดในการพิมพ์งานเท่าใดนัก

            ผลก็คือทำให้หน่วยงานนี้เสียพนักงานพิมพ์ที่เก่งและเสียพนักงานรับโทรศัพท์ที่เก่ง กลับกลายเป็นได้พนักงานรับโทรศัพท์ที่พูดกับลูกค้าไม่เป็น พูดกับผู้คนไม่เข้าใจ และได้พนักงานพิมพ์ที่พิมพ์ไม่เก่ง มีแต่ความผิดพลาดและล่าช้า เรียกว่าเสียหายสองต่อ

            นี่เป็นตัวอย่างของการใช้คนไม่เหมาะกับงาน หรือมอบหมายงานไม่เหมาะกับคน ในตำแหน่งหน้าที่เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น และพอจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถ้าหากความผิดพลาดลักษณะนี้เกิดขึ้นกับตำแหน่งงานสูง ๆ หรือที่มีความสำคัญแล้วก็จะเกิดความเสียหายมาก

            (3) ผู้บริหารบางคนใช้แต่คนที่สนิทและไว้วางใจเป็นหลัก เคยสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่องค์กร รูปธรรมที่ชัดเจนก็คือมีการแต่งตั้งคนที่สนิทสนมไว้วางใจจากฝ่ายการตลาดไปอยู่ฝ่ายเทคนิคที่รับผิดชอบการติดตั้งเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แล้วย้ายผู้จัดการฝ่ายเทคนิคที่ดูแลรับผิดชอบการติดตั้งเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไปเป็นผู้จัดการฝ่ายอำนวยการ และโอนย้ายผู้จัดการฝ่ายอำนวยการไปเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด

            เพียงสามเดือนเศษเท่านั้นปรากฏว่าเครือข่ายโทรศัพท์มีปัญหา โทรศัพท์ติดบ้างไม่ติดบ้าง ระบบเสียงก็ไม่ดี บางทีก็ขาดไปเฉย ๆ ในขณะที่ยอดขายก็ตกต่ำ และงานอำนวยการก็ติดขัดไปหมด แม้กระทั่งเครื่องเขียนเครื่องใช้ก็ขาด ๆ หรือเครื่องปรับอากาศเสียก็ต้องใช้เวลาหลายวัน ทำให้ทุกคนอึดอัดเดือดร้อนกันไปหมด

            ผู้บริหารคนนั้นจึงถูกประธานบริษัทซึ่งก็คือภริยาของตนเองปลดออกจากตำแหน่ง แล้วให้ไปทำงานอื่น

            นี่เป็นเรื่องของธุรกิจ หากเป็นประเทศชาติก็จะยิ่งเกิดความเสียหายมากขึ้นไปอีก

            (4) เมื่อครั้งที่ขงเบ้งยกกองทัพไปโจมตีวุยก๊กครั้งสุดท้าย และป่วยหนักในระหว่างการศึก ยามใกล้จะถึงแก่อนิจกรรมได้ทำจดหมายกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนเพื่อถวายบังคมลา ในจดหมายนั้นมีความที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลที่ขึ้นชื่อลือชามาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

            ข้อความตอนหนึ่งที่ขงเบ้งมีขึ้นไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนมีใจความว่า ขอให้พระองค์ทรงมีความอดทนที่จะถูกชักนำไปในทางที่ถูกต้อง ความสำเร็จในการงานทั้งหลายต้องอาศัยผู้คน ขอให้พระองค์ทรงใช้คนให้เหมาะกับงาน และขอให้พระองค์ทรงมอบหมายงานให้เหมาะกับคน

            ข้อความดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นปัจฉิมวาจาของขงเบ้งที่กราบบังคมทูลเจ้าเหนือหัวของตน ซึ่งนักวิชาการด้านบริหารงานบุคคลของจีนได้ถือเป็นหลักในการบริหารงานบุคคลและให้ความสำคัญในการอบรมสั่งสอนผู้บริหารทุกระดับก่อนที่จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น

            ประสบการณ์ของขงเบ้งในการใช้คนน่าสนใจยิ่งนัก เพราะตลอดระยะเวลาที่ขงเบ้งลงมาจากเขาโงลังกั๋งช่วยเหลือเล่าปี่กอบกู้แผ่นดินนั้น ก็ได้ศึกษาบุคลิกลักษณะ ความรู้สึกนึกคิด จิตใจ และความสามารถของกำลังพลทั่วทั้งกองทัพอย่างละเอียดถี่ถ้วน

            ดังนั้นในการบัญชาการศึก ขงเบ้งจึงสามารถช่วงใช้และมอบหมายงานให้แก่ขุนศึกแต่ละคนโดยสอดคล้องต้องกับคนนั้นๆ

            ดังเช่นในการทำศึกครั้งแรกนับแต่ขงเบ้งมาอยู่กับเล่าปี่แล้ว นั่นคือสงครามทุ่งพกบ๋อง ซึ่งกองทัพโจโฉกรีฑาทัพมาด้วยกำลังพลถึงสิบหมื่น แต่กองทัพเล่าปี่มีกำลังพลเพียงหมื่นเศษเท่านั้น แผนการรบจึงผิดพลาดแม้แต่น้อยนิดไม่ได้

            ขณะนั้นกวนอู เตียวหุย น้องร่วมสาบานของเล่าปี่แม้มีฝีมือรบเยี่ยงทหารเสือ แต่ยังไม่ศรัทธาขงเบ้งเท่าใดนัก ในขณะที่จูล่งเป็นทหารเสือที่เชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด ภารกิจหลักของกลอุบายศึกครั้งนี้คือกองทัพเล่าปี่จะต้องทำทีเป็นพ่ายแพ้เพื่อล่อให้กองทัพของโจโฉที่มีแฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพยกล่วงเข้ามาในทุ่งพกบ๋อง แล้วจะได้ใช้เพลิงเผาให้หมดสิ้น

            หากขงเบ้งใช้กวนอูหรือเตียวหุยซึ่งทะนงในฝีมือรบและไม่ยอมแพ้คนก็จะเสี่ยงต่อการฝืนคำสั่ง แทนที่จะแกล้งรบแพ้กลับจะรบเอาชนะ ซึ่งถึงแม้จะฆ่านายทัพหน้าฝ่ายโจโฉได้ แต่ก็ไม่สามารถทำลายกองทัพสิบหมื่นของโจโฉได้

            ขงเบ้งจึงเรียกจูล่งมาจากต่างเมืองและบัญชาการเกี่ยวกับแผนการรบตอนนี้ว่า ให้จูล่งคุมทหารหนึ่งพันยกไปเป็นทัพหน้า แต่ต้องทำหน้าที่พ่ายแพ้ จะชนะไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อทำเป็นพ่ายแพ้แล้วให้ถอยมาด้านหลัง แล้วสั่งให้เล่าปี่เป็นทัพหนุนจูล่งและให้เล่าปี่ต้องทำทีเป็นพ่ายแพ้อีกครั้งหนึ่งแล้วล่าถอยกลับมา

            การพ่ายแพ้สองครั้งดังกล่าวนี้ทำให้กองทัพหน้าโจโฉระเริงใจ หลงยกล่วงเข้ามาในเขตทุ่งพกบ๋อง จึงถูกขงเบ้งใช้ทหารวางเพลิงเผาเสียทั้งสิบหมื่น และได้ชัยชนะอย่างงดงาม
            นี่คือการใช้คนให้เหมาะกับงาน และมอบหมายงานให้เหมาะกับคน จึงสามารถได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ได้

            (5) พระเจ้าฮั่นโกโจหรือเล่าปังปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่นที่สืบสันตติวงศ์ครองแผ่นดินจีนกว่า 400 ปี มียอดคนใต้บารมีสามคน คนหนึ่งชื่อเตียวเหลียงเป็นนักยุทธศาสตร์ เป็นเสนาธิการใหญ่ อีกคนหนึ่งชื่อฮั่นสินเป็นยอดนักรบฝ่ายบู๊ของกองทัพเล่าปัง อีกคนหนึ่งชื่อเซียวเหอมีฝีมือในด้านบริหารจัดการ ส่งกำลังบำรุงและเสบียง ตลอดจนเสริมสร้างกำลังพล

            หลังจากสถาปนาราชวงศ์ฮั่นและปราบดาภิเษกแล้ว พระเจ้าฮั่นโกโจได้ตรัสว่าความคิดอ่านสติปัญญาในการวางแผนข้าสู้เตียวเหลียงไม่ได้ ฝีมือในการสู้รบและนำทัพข้าก็สู้ฮั่นสินไม่ได้ ความรู้ความสามารถในการระดมพล ฝึกพล และสนับสนุนเสบียงอาหารแก่กองทัพข้าก็สู้เซียวเหอไม่ได้ แต่ความสามารถในการใช้ทั้งเตียวเหลียง ฮั่นสิน และเซียวเหอไม่มีใครสู้ข้าได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้กองทัพของเราได้รับชัยชนะ

            กระแสพระราชดำรัสของพระเจ้าฮั่นโกโจตอนนี้ก็คือการเน้นย้ำว่าต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน และต้องมอบงานให้เหมาะกับคน จึงจะสามารถประสพความสำเร็จน้อยใหญ่ได้.

suphap

  • บุคคลทั่วไป
Re: ใช้คนให้เหมาะกับงาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 16 มีนาคม 2009, 15:30:42 »

เห็นด้วยอย่างยิ่งคับ  ljhg