-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับ ‘การระบาดที่ซ่อนเร้น’ ของเชื้อเอชไอวีในหมู่วัย  (อ่าน 681 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

แบดบอย

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 72
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับ ‘การระบาดที่ซ่อนเร้น’ ของเชื้อเอชไอวีในหมู่วัยรุ่น โดยมีการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ประมาณ 50,000 รายในกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-19 ปีในพ.ศ. 2557 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 15 ของการติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ปัจจุบันมีวัยรุ่นติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 220,000 รายในภูมิภาคนี้ โดยในเมืองใหญ่ ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร ฮานอย และจาการ์ตานับเป็นศูนย์กลางของการติดเชื้อรายใหม่
แม้ว่าอัตราการติดเชื้อโดยรวมจะลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กหนุ่มรักร่วมเพศและชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย การติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นพร้อมๆ กับพฤติกรรมเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย เช่น การมีคู่นอนหลายคน และการไม่ใช้ถุงยางอย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลเหล่านี้ระบุอยู่ในรายงานฉบับใหม่ ‘วัยรุ่น: ภายใต้เรดาร์ของการรับมือกับปัญหาโรคเอดส์ในเอเชียแปซิฟิก’ ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้โดยคณะทำงานร่วมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่าด้วยเรื่องเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมียูนิเซฟ ยูเอ็นเอดส์ และองค์กรอื่น ๆ เป็นสมาชิก*
“ช่วงวัยรุ่นเป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านและความเสี่ยง โดยเด็กๆ ต่างเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่” ดาเนียล ทูล ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกล่าว “ยูนิเซฟกำลังดำเนินงานร่วมกับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้แน่ใจว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่ปกป้องสุขภาพอันดีของวัยรุ่น ซึ่งรวมถึงการจัดบริการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงและการรักษา”
วัยรุ่นที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี คือ กลุ่มชายรักร่วมเพศ ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย คนข้ามเพศ ผู้ใช้ยาเสพติดโดยการฉีด และผู้ใช้และขายบริการทางเพศ ทั้งนี้ปัญหาโรคเอดส์ซึ่งเป็นภัยคุมคามด้านสาธารณสุข จะไม่มีทางหมดไปภายในพ.ศ. 2573 หากไม่มีการแก้ปัญหาการระบาดในหมู่วัยรุ่น
ในการแก้ไขปัญหานี้ รายงานดังกล่าวเสนอให้รัฐบาลทุกประเทศพัฒนาการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวัยรุ่นให้ดีขึ้น พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และพัฒนาระบบกฏหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นโดยตรง ตลอดจนจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาที่มีเนื้อหาครอบคลุมในโรงเรียนและผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงให้ข้อมูลแก่วัยรุ่นเกี่ยวกับสถานที่ตรวจหาเชื้อเอชไอวี วิธีการตรวจหาเชื้อ การใช้ถุงยาง และการรักษาวัยรุ่นที่ติดเชื้อ
รายงานชี้ว่าสิ่งสำคัญคือวัยรุ่นต้องรู้ว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ และต้องเข้ารับการรักษาหากจำเป็น อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นในหลายประเทศถูกปฏิเสธจากการรับบริการในศูนย์ตรวจหาเชื้อเอชไอวี โดยมีเพียง 10 ประเทศในภูมิภาคเท่านั้นที่มีกฏหมายและนโยบายที่อนุญาตให้วัยรุ่นเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีและเข้ารับบริการที่เกี่ยวข้องได้ 
”เราอยากให้วัยรุ่นทุกคน ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ไหนหรือเป็นใคร มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์” สตีฟ เคราส์ ผู้อำนวยการโครงการช่วยเหลือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกขององค์การยูเอ็นเอดส์ กล่าว “แต่สิ่งนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีสิทธิที่จะได้รับบริการด้านเอชไอวีที่ครอบคลุม ทั้งในส่วนของการป้องกันและอนามัยเจริญพันธุ์ ดังนั้นเราต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีอุปสรรคใดมาขวางกั้นพวกเขา”
นอกจากอุปสรรคด้านกฏหมายแล้ว วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีมักต้องเผชิญกับการถูกตีตราและการถูกรังเกียจเดียดฉันท์ ซึ่งอาจทำให้พวกเขาไม่กล้าเข้ารับการรักษา การแก้ไขปัญหานี้ทำได้โดยให้วัยรุ่นมีส่วนร่วมในการวางแผนการจัดบริการที่ตรงกับตามความต้องการของพวกเขา
“วัยรุ่นเองต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อเอชไอวี” นิลุกา เปเรรา จากองค์กร Youth Voices Count กล่าว “เราต้องหยุดเมินเฉยต่อกลุ่มวัยรุ่นเพียงเพราะพวกเขาเข้าถึงได้ยาก แต่เราต้องร่วมกันขจัดปัญหาการถูกตีตราและการรังเกียจเดียดฉันท์ที่วัยรุ่นติดเชื้อต้องเผชิญแม้จากเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเอง เราต้องรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาอย่างจริงจัง”
รายงานยังพบว่า:
    •    กลุ่มวัยรุ่นผู้ติดเชื้อเอชไอวีพบมากที่สุดใน 10 ประเทศ คือ กัมพูชา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย พม่า ปากีสถาน ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม โดยคิดเป็นร้อยละ 98 ของวัยรุ่นอายุระหว่าง 10 – 19 ปี ที่ติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก
    •    ในกลุ่มประเทศที่มีข้อมูลนั้น ปาปัวนิวกีนีและฟิลิปปินส์มีอัตราวัยรุ่นติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุด โดยคิดเป็นเกือบร้อยละ 10 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมดของประเทศ
    •    ในประเทศฟิลิปปินส์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ที่มีอายุระหว่าง 15-19 ปีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จากประมาณ 800 รายในปี 2553 เป็น 1,210 รายในปี 2557
    •    ในภูมิภาคเอเซียใต้ การตายจากโรคที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีในวัยรุ่นอายุระหว่าง 10-19 ปี เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า จากประมาณ 1,500 รายในปี 2544 เป็น 5,300 รายในปี 2557 สำหรับเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกนั้น อัตราการตายเพิ่มจาก 1,000 ราย เป็น 1,300 รายในช่วงเวลาเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก   unicef.org/Thailand

Report by www.livcapsule.com