มองโลกผ่านมุมของนิสิตนักศึกษาในวันนี้ ผมรู้สึกว่าเป้าหมายส่วนใหญ่ของพวกเขามุ่งไปที่ปริญญาเสียจนลืม ?การเรียนรู้? ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ตลอดชีวิตของคนส่วนใหญ่ก็ล้วนหมดไปกับการเรียนรู้นี่เอง
คงไม่มีใครจำชีวิตตัวเองในวัยเด็กได้หมด แต่ความเป็นจริงก็คือเมื่อเรายังเป็นเด็กทารกในช่วงแรกๆ นั้น เราแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนั่ง เดิน พูด คิด ฯลฯ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็เริ่มเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ จนกลายเป็นตัวเราในวันนี้
กระบวนการการเรียนรู้จึงมีบทบาทสำคัญมาก แต่เห็นมุมมองของเด็กรุ่นใหม่แล้วก็อดหนักใจไม่ได้เพราะโลกธุรกิจ โลกอุตสาหกรรมในวันนี้ต่างก็ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ปริญญา และเอาเข้าจริงๆ แล้วปริญญาเป็นเพียงเครื่องมือบอกว่าคนๆ นั้นมีโอกาสทำงานได้เท่านั้น
อย่าลืมว่าบริษัทหรือองค์กรต่างๆ เกิดขึ้นได้ก็เพราะการทำงานร่วมกันของคนหลายๆ คน เป้าหมายของคนที่บริษัทส่วนใหญ่ต้องการ จึงต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ และสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆ กับการเติบโตของบริษัทได้ด้วย
คุณสมบัติที่ทำให้เติบโตก้าวหน้าได้จึงไม่ได้มีเพียงแค่ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังมีความสามารถในการสื่อสาร ความรับผิดชอบ จรรยาบรรณ และสำนึกถูกผิดซึ่งต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทีละน้อยๆ
ดูที่เด็กรุ่นใหม่ก็จะเห็นแต่การแข่งขันกันทำคะแนนสูงๆ เศรษฐกิจก็พัฒนาไปสู่ความเป็นทุนนิยมพร้อมๆ กับสังคมที่กลายเป็นวัตถุนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายการวัดความสำเร็จของคนก็ตัดสินกันแต่ความร่ำรวย โดยไม่ได้ดูที่มากันเลยว่าคนๆ นั่นรวยขึ้นมาอย่างสุจริตหรือไม่
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เด็กรุ่นใหม่ในวันนี้น่าจะใช้ชีวิตที่มีคุณภาพที่เกิดจากความสมบูรณ์พูนสุขที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลก เพราะหลายปีมาแล้วที่ความเป็นอยู่ของพลเมืองโลกดีขึ้นโดยไม่มีภัยร้ายแรงเช่นสงครามโลกเหมือนในอดีต
ที่สำคัญพ่อแม่ในวันนี้ก็ทุ่มเทให้กับลูกๆได้อย่างเต็มที่ จะเห็นได้จากธุรกิจมากมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การกวดวิชา งานอดิเรกต่างๆ ที่เปิดสอนกันทั่วไป ซึ่งดูแล้วเด็กๆ น่าจะเก่งขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น แต่จะมีความสุขมากขึ้นไหมหรือมีจรรยาบรรณดีกว่าในอดีตไหม ยังคงน่าสงสัยอยู่
เมื่อลองค้นหาเหตุผลก็ต้องดูกันที่สองปัจจัยสำคัญ คือระบบการศึกษากับปัจจัยที่สองคือการสืบทอดส่งต่อความรู้ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้พัฒนาทั้งสองปัจจัยให้เดินไปด้วยกันสักเท่าไรนัก
เราอาจคุ้นเคยกับความสำคัญของการพัฒนาระบบการศึกษา แต่สำหรับการส่งต่อแล้วผมกลับยังไม่เห็นบรรยากาศแบบนี้มากนัก เพราะตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการวิ่งผลัด 4 x100 เพียงแต่เปลี่ยนไม้เป็นความรู้และคนวิ่งก็ไม่ได้มีแค่ 4 คน แต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มาทดแทนคนรุ่นเก่าเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด
การเรียนจบจนได้รับปริญญาจึงไม่ใช้จุดสิ้นสุดของการเรียนรู้ แต่เป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ในอีกรูปแบบหนึ่งต่างหาก โดยเป็นการเรียนรู้ที่มีสิ่งใหม่ๆ ให้ได้ศึกษาตลอดชีวิต แต่คนเรียนจะตักตวงความรู้ได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและทัศนคติของแต่ละคน
หากเราพัฒนาไปตามแนวทางที่ได้ เราก็สามารถสร้างคนที่มีความพร้อมในการทำงานเต็มที่ ป้อนเข้าสู่ภาคธุรกิจได้ทันที ในขณะที่บริษัทห้างร้านก็ได้คนตรงกับความต้องการที่แท้จริงไม่ ต้องเสียเวลาเรียนรู้งานกันยาวนานเหมือนในอดีต