-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เดวิด เบอร์โควิทซ์ (David Berkowitz) บุตรแห่งไอ้แซม  (อ่าน 924 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

เดวิด เบอร์โควิทซ์ (David Berkowitz) บุตรแห่งไอ้แซม



นี้เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่โหดเหี้ยม เป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวชาวนิวยอร์กเป็นจำนวนมาก............
               
ฝันร้าย

เช้าของวันที่ 29 กรกฎาคม 1976 ดอนนา ลอเรีย สาวน้อยอายุ 18 และเพื่อนของเธอ โจอี้ วาเลนติ อายุ 19
กำลังนั่งคุยกันอยู่อยู่ในรถที่จอดอยู่ตรงทางเข้าอพาร์ตเมนต์ของดอนนาตั้งอยู่ในย่านบรองซ์ของนิวยอร์ก
(ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่อันตรายแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก) แม่ของดอนน่าออกมาต่อว่าลูกสาวว่าควรกลับบ้านได้แล้ว
หลังจากเที่ยวตะลอนมาทั้งคืน พอแม่ของเธอกลับเข้าไป ไม่นานก็มีชายท่าทางแปลกๆ คนหนึ่งได้เดินเข้ามา
ใกล้รถของเธอ และหยิบปืนที่อยู่ในถุงกระดาษยิงกระหน่ำยิงรถของเธอรวม 5 นัด ดอนนาเสียชีวิตทันที
เลือดพุ่งกระจายเต็มรถ ส่วนโจอี้ถูกยิงที่ต้นขา ชายดังกล่าวทำท่าจะยิงต่อ แต่พ่อของดอนนา รีบลงมาตามเสียงร้อง
เขาจึงรีบหนีไป ต่อมาตำรวจเข้ามา แต่ไม่สามารถสืบหาต้นตอได้


คดีนี้จึงสรุปว่าเป็นการกระทำของพวกอันธพาลในย่านนั้น



คืนวันที่ 23 ตุลาคม 1976 สามเดือนหลังเกิดเหตุขณะที่ คาร์ล เดนาโร ขับรถไปส่งเพื่อนหญิงของเขาโรสแมรี่ คีแกน
หลังจากปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยงที่บาร์แห่งหนึ่งย่านควีนส์ เมื่อคาร์ลจอดรถใกล้กับบ้านของโรสแมรี่ ทันใดนั้น ชายคนหนึ่ง
ก็ปรากฏตัวขึ้นยิงเข้าไปในรถ 5 นัด คาร์ลถูกยิงที่ศีรษะ ส่วนโรสแมรี่ตั้งสติได้ดีมาก เธอรีบเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่ง
สุดชีวิตเพื่อนำคาร์ลส่งโรงพยาบาล คาร์ลรอดตายแต่รอยแผลเป็นที่หัวเข้ายังตามหลอกหลอนเขาไปจนตาย

ค่ำวันที่ 26 พฤศจิกายน 1976 ดอนนา เดมาซี่ สาวน้อยอายุ 16 และเพื่อนสาว โจแอนน์ โลมิโน อายุ 18
ลงรถเมล์หลังจากไปดูหนัง เมื่อเดินคุยสักพัก ชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็เข้ามาทำท่าเหมือนกับจะถามทาง แต่ไม่ทัน
ที่จะเอ่ยอะไร เขากลับหยิบปืนจากเสื้อแจ๊คเก็ตและยิงใส่พวกเธอทันที ก่อนที่คนอื่นจะแห่มา ชายคนดังกล่าว
ก็หายไปแล้ว ดอนนาไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายแต่โจแอนน์ เธอรอดชีวิตแต่กระดูกสันหลังของเธอเกินเยียวยา
จึงต้องใช้ชีวิตกับอัมพาตไปจนตาย

เที่ยงคืนวันที่ 30 มกราคม 1977 คริสติน ฟรอยด์ อายุ 26 ปี และผู้ดูแลทรัพย์สินของเธอ จอห์น ไดส์ กำลัง
ออกจากแกลเลอรี่แห่งหนึ่งย่านควีนส์ ทันทีที่พวกเขานั่งในรถ เสียงปืนทั้งสองนัดก็ดังขึ้น คริสตินถูกยิงที่ศีรษะ
เต็มแรงทั้ง 2 นัดตายทันที แต่จอห์นไม่เป็นไร ตำรวจพยายามสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงของเหตุฆาตกรรมคริสติน
พวกเขาตั้งทฤษฏีไว้เป็นสองประเด็น คือเป็นการกระทำของพวกโรคจิต หรือไม่ก็ฆ่าล้างแค้น

แต่ทว่า เมื่อสาวไปเรื่อย ๆ กลับพบว่าคล้ายคลึงกับคดีของ ดอนนา ลอเรีย และโจแอนน์ โลมิโน
ซึ่งพวกเขารู้แน่นอนแล้วว่ากำลังเผชิญหน้าฆาตกรโรคจิตต่อเนื่องชอบสังหารหญิงสาวเสียแล้ว

             

การปฏิบัติการที่ไร้ผล




เย็นวันอังคารที่ 8 มีนาคม 1977 นักศึกษาสาวชาวบัลแกเรีย เวอร์จิเนีย วอสเคอริเชี่ยน กำลังเดินอยู่บนถนนดาร์ธเมาธ์
เพื่อกลับบ้าน ทันใดนั้น ชายคนหนึ่ง ได้เดินทางสวนมาเกือบถึงตัว เขาก็ใช้ปืนจ่อยิงทันที เธอยกหนังสือที่ถืออยู่ป้องกันตัว
แต่กระสุนะลุหนังสือเจาะหน้าเธออย่างจัง ทำให้เธอเสียชีวิตทันที ชายดังกล่าวหนีไปและยังกล่าวทักทายชายวัยกลางคน
ที่กำลังตะลึงกับศพตรงหน้าว่า


"สวัสดีครับ"

ตำรวจได้พิสูจน์ศพจากกระสุนที่ใช้ยิงพบว่ามาจากปืนกระบอกเดียวกันกับที่สังหารดอนนา มาเรีย และยิ่งแน่ใจว่าต้องมี
เหตุลักษณะนี้อีกแน่นอน

วันต่อมา กรมตำรวจนิวยอร์คได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยพิจารณาสัณฐานของฆาตกรจากพยาน
ทั้งหมดว่า เป็นชายผิวขาว อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 6 ฟุต รูปร่างปานกลางและผมสีเข้ม ตำรวจได้ตั้งปฏิบัติการ
เฉพาะกิจอย่างจริงจังและเรียกปฏิบัติการนี้ว่า "ปฏิบัติการโอเมกา" ซึ่งได้รับเบาะแสต่างๆ มากมาย ดูเหมือนว่าทุกคนรู้จัก
เจ้าฆาตกรนี้ไปหมด เช่น "เขาอยู่ข้างบ้านฉัน"  "ต้องใช้คนนี้แน่ ๆ เลยคุณ เขาชอบกลับบ้านดึก ๆ เสมอแหละค่ะ "

เมื่อตัดข้อความที่ไร้สาระออกไป ก็แทบหาอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย

               
จดหมายจาก "บุตรแห่งไอ้แซม"



ในขณะที่ตำรวจกำลังตามจับแทบพลิกแผ่นดิน การสังหารก็เกิดขึ้นอีกครั้งติด ๆ กัน 

17 เมษายน 1977  วาเลนตินา ซูเรียนี อายุ 18 กับแฟนหนุ่ม อเล็กซานเดอร์ ถูกยิงในสวนสาธารณะอัทชินสัน วาเลนตินา
ตายทันที ส่วนแฟนหนุ่มตายที่โรงพยาบาล ตำรวจพบว่าเป็นกระสุนอันเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ทว่าครั้งนี้แตกต่าง
กับครั้งอื่นตรงที่มีจดหมายอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ 1 ฉบับ เนื้อหากล่าวว่า

"..........ข้ารู้สึกเจ็บแปลกที่พวกเจ้าเรียกข้าว่าตัวเกลียดผู้หญิง เปล่าเลยข้าไม่ใช้ ข้าคือสัตว์ร้าย ข้าคือบุตรแห่งไอ้แซม
ข้าเป็นเพียงเด็กเลวตัวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ครั้งใดก็ตามที่แซมดื่มหนัก เขาจะร้ายกาจยิ่งนัก เขาจะตอบดีครอบครัว
บางครั้งก็ก็จะจับข้ามัดไว้หลังบ้านหรือไม่ก็โรงรถ แซมชอบดื่มเลือด ดังนั้น เขาจึงสั่งให้ข้าออกไปตามหา อย่างไร
ก็ตามเพื่อที่จะหยุดข้าพวกเจ้าต้องฆ่าข้าเสีย ฟังให้ดีเจ้าพวกตำรวจ ยิงข้าเสียหรือไม่ก็ไสหัวไปพ้นทางข้า............"


ต่อมาไม่นาน จดหมายอีกฉบับก็ถูกส่งไปยังนักข่าวคนหนึ่งในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดยมีเนื้อหาคล้ายกับฉบับแรก
26 มิถุนายน 1977 เวลาตีสาม จูดี้ พลาซิโด และเพื่อนชาย ซาลวโตเร ลูโป ถูกกระสุนปริศนา 4 นัด ในรถหลัง
จากกลับดิสโกในย่างควีนส์ โชคยังดีที่รอดมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัส


31 กรกฎาคม 1977  เวลาเช้าตรู่ สเตซี่ มอสโกวิทซ์ กับแฟนหนุ่ม บ๊อบบี้ ไวโอเลนเต ถูกกระสุนปริศนาทะลุ
ระหว่างทั้งคู่อยู่ในรถกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถที่อ่าวเกรฟเซนด์ สเตรซี่ผู้ยิงที่ศีรษะ 1 นัด ตายที่โรงพยาบาล
ส่วนบ๊อบบี้รอดชีวิตมาได้แต่ก็สูญเสียตาซ้าย

การจับกุม


             
แม้ตำรวจจะสอบสวนหนักเพียงใดจนแล้วจนรอดก็ตามจับฆาตกรคนนี้ไม่ได้สักที ถ้าไม่มีหญิงวัยกลางคนชื่อ
คาซซิลเลีย เดวิส เธอแจ้งว่าเธอเห็นคนยิงสเตซี่ มอสโกวิทซ์ กับบ็อบบี้ ไวโอเลนเต เธอเล่าว่าเช้าวันที่เกิดเหตุ
ชายคนนั้นได้ตามเธอมาอย่างเงียบ ๆ  เธอเห็นหน้าตาเขาค่อนข้างถนัด เขามีหน้ากลม รอยยิ้มที่เป็นมิตร
แต่เธอเห็นปืนก็รีบเข้าบ้านทันทีจนกระทั้งไม่กี่อึดดใจก็ยินเสียงปืนดังขึ้น และต่อมาไม่นานเธอเห็นตำรวจจราจร
เขียนใบสั่งให้รถคันหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเธอและเธอก็เห็น"เขา"คนนั้นกลับมาที่รถและขับรถออกไปในทันที


ตอนแรกตำรวจไม่ค่อยแน่ใจในตัวเธอมากนักแต่เมื่อสืบดูกับองค์ประกอบต่าง ๆ ก็ค่อนข้างแน่ใจ และตรวจดู
วันที่ทำใบสั่งดังกล่าวออกให้กับรถฟอร์ดกาแลคซี่เก่า ๆ คันหนึ่ง เจ้าของชื่อ

"เดวิด เบอร์โควิทซ์"

ไม่นานนัก ตำรวจหลายนายซุ่มอยู่ที่อพาร์ตเมนแห่งหนึ่งบนถนนไพน์ ทันทีชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา พวกเจ้าหน้าที่
เข้าจับกุมทันที ชายคนนั้นไม่ขัดขื่นเลย แถมยิ้มอย่างใจเย็นพร้อมรับการจับกุม
"ครับ ผมเอง เดวิด เบอร์โควิทซ์"
               
ใครคือเดวิส David Berkowitz



ย้อนกลับไปในปี 1950 หญิงสาวชาวยิวยากจนคนหนึ่งชื่อ เบ็ตตี้ โบรเดอร์ เธอตั้งท้องเด็กคนหนึ่งกับ โจเซฟ ไคลน์แมน
สามีคนที่สองของเธอ สามีไคลน์ไม่ยอมรับเด็กที่จะเกิดและขู่ให้ทำแท้งไม่งั้นจะทิ้งเธอ เธอจำใจต้องหาผู้อุปการะ
ลูกที่จะเกิดนี้ จนสองสามีภรรยาชาวยิวแสนดี เน็ตและเพิร์ล เบอร์โควิทซ์ เสนอตัวอุปการะลูกของเธอ จนกระทั้งเด็ก
คนนั้นเกิดวันที่ 1 มิถุนายน 1953 เป็นเด็กชาย เธอตั้งชื่อว่า เดวิด


เดวิดได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากครอบครัวเบอร์โควิทซ์ อาศัยอยู่ย่านบรองซ์ แต่ตั้งแต่เด็กเดวิดมักเป็นคนนิสัยร้าย
อารมณ์ร้าย มักก่อเรื่องกับพวกเด็กในละแวกนั้นเสมอ แต่เขายังรักพ่อแม่บุตรธรรมของเขา จนกระทั้ง ในปี 1967
เพิร์ลเสียชีวิตต้องโรคมะเร็งทรวงอก เดวิดเสียใจมากกับการจากไปของเธอ มันยิ่งพัฒนาความโกรธเกรี้ยวให้พัฒนา
ยิ่งขึ้นเมื่อตอนโต

ในปี 1971 เน็ต แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่ฟลอริดาทิ้งให้เดวิดอยู่ตามลำพัง เขาเริ่มใช้จินตนาการ สร้างตัวละคร
ของเขาขึ้นมา และใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยมา

ปี 1971 เดวิดเข้าไปเป็นทหาร ที่นั้นเขาได้รับยกย่องว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธปืนและเป็นนักแม่นปืนแบบหาตัวจับยาก
ที่นั้นเองเขาได้พบแม่กับพี่สาวที่เกิดจากสามีคนที่หนึ่งของเธอ พวกเขาพยายามทำทุกอย่างให้เขามีความรู้สึกดีขึ้นบ้าง
แต่ไม่นานเดวิดก็แยกตัวออกมา และเดวิดก็ถูกปลดประจำการในปี 1974

การดำเนินชีวิตของเดวิดเริ่มเพี้ยนขึ้นเรื่อย ๆ และมีความรู้สึกใหม่ขึ้นมา นั้นคือความรู้สึกเกลียดสตรีเพศ เขารู้สึกว่าชีวิต
เขามีแต่คนเกลียด ดูถูกต่างนาน ๆ จนกระทั้งเขาเขียนจดหมายถึงเน็ตเล่าเรื่องของเขาทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็เก็บ
ตัวเงียบให้องพักเกือบเดือน ที่นั้นเขาเขียนระบายสิ่งอัดอั้นในกำแพงผนังห้อง เช่น


"ในความกระหายเลือด ข้าสังหารเพื่อนายข้า ข้ากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพื่อสังหาร"

คริสต์มาส ปี1975  เดวิดยึดหาเลี้ยงตัวด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง แต่เขาทนต่อเสียงเรียกร้อง
ในใจไม่ไหว เขาพกมีดล่าสัตว์ขนาดใหญ่และขับรถตระเวนหาเหยื่อ จนกระทั้งพบเหยื่อเป็นผู้หญิงสาวคนหนึ่ง
พึ่งออกจากร้านขายของชำ เขาเดินตามข้างหลังเธอและใช้มีดแทงที่หลัง จากนั้นก็เจออีกร้าย เดวิดก็ทำอย่างนี้อีก
แม้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ถึงชีวิต แต่มันกลับทำให้เดวิดสบายใจและผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


ไม่นานเดวิดก็ลาออกจากงานที่ทำอยู่ เพื่อรับจ้างเป็นคนขับแท็กซี่ จากนั้นปฏิบัติการสังหารต่อเนื่องคนแล้วคนเล่า
ก็เริ่มต้นขึ้นและจะฆ่าต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ถูกจับเสียก่อน หลังถูกจับ เดวิด ถูกจำคุกนานถึง 365 ปี ทิ้งปริศนาว่า
อะไรมีส่วนให้เด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม กลายเป็นสัตว์ร้ายเช่นนี้ได้



เมื่ออยู่ในคุก เดวิด ประสบผลสำเร็จในการเขียนและทำเงินมากกว่า 200000 ดอลลาร์ และถูกนำไปแปล
และทำภาพยนตร์หลายครั้ง แต่ญาติของเหยื่อคัดค้านต่อศาลไม่ให้เขารับเงินนั้น แต่ไม่สำเร็จ เพราะศาลเห็นว่า
มันคนละประเด็นกัน
               
เดวิดต้องอยู่ในคุกจนกระทั้งสิ้นอายุขัย



ข้อมูลจาก ต่วนตูนพิเศษ 311 เดือนมกราคม 2544
credit :: Cammy @dek-d                               
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 กันยายน 2013, 14:55:28 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

OsamaB

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 143
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: เดวิด เบอร์โควิทซ์ (David Berkowitz) บุตรแห่งไอ้แซม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 23:52:12 »

ติดคุก 365 ปีนี่อยู่แบบไม่มีจุดหมายเลย ถ้าจะเบื่อแย่