“ดีแทค” ดวงจู๋!! กมธ.ชี้ คุณสมบัติขัด กม.ชวดประมูล 3G
กมธ.สื่อสารและโทรคมนาคม แจ้งข่าวร้าย “ดีแทค” หลังจากผลศึกษาคุณสมบัติขัดต่อกฎหมาย จึงไม่สามารถเข้าร่วมประมูล 3G ได้ โดยขณะนี้เตรียมส่งหน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณา เบื้องต้นสาเหตุที่ทำให้ “ดีแทค” ดวงกุด เนื่องจากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นต่างด้าวมากกว่าคนไทย ซึ่งขัด ม.8 ใน พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544
วันนี้ (1 ก.ย.) นายฮอชาลี ม่าเหร็ม ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสื่อสารและโทรคมนาคม เปิดเผยรายงานผลการพิจารณาศึกษากรณีปัญหาการถือหุ้น การดำเนินกิจการและการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยคนต่างด้าวที่เกี่ยวข้อง กับการประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่มี นายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะอนุ กมธ.ภายหลังที่มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบการถือครองหุ้นในบริษัทที่ให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ว่า อนุ กมธ.ได้ศึกษาโดยเชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล อาทิ บริษัท ทีโอที, บริษัท แคทเทเลคอม, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการถือ
โดยผลการศึกษาสรุปได้ว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ดีแทค) มีสัดส่วนผู้ถือหุ้น โดยเป็นคนต่างด้าวถือครองหุ้นมากถึงร้อยละ 79.22 และถือหุ้นโดยคนไทยร้อยละ 20.78 ส่วน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยร้อยละ 88 และคนต่างด้าว ร้อยละ 12 ส่วน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) ทางคณะอนุ กมธ.ไม่ได้หยิบยกมาพิจารณา เนื่องจากขณะนี้เป็นประเด็นทางกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยศาล
นายฮอชาลี กล่าวถึงประเด็นที่กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดให้โอเปอเรเตอร์ที่สนใจแสดงความจำนงร่วมประมูลใบอนุญาต (ไลเซนส์) 3จี จากผลการศึกษาแล้ว สันนิษฐานได้ว่า บริษัท ดีแทค ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลกิจการของรัฐได้ เพราะมีสัดส่วนผู้ถือครองหุ้นเป็นคนต่างด้าวสูงกว่าผู้ถือหุ้นคนไทย และขัดต่อพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 8 ซึ่งรายงานที่คณะอนุกมธ. ศึกษามาดังกล่าวจะนำเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ก.ล.ต., กทช.เพื่อให้พิจารณา
ส่วนการเปิดประมูลไลเซนส์ 3จี หรือไม่นั้น ทางอนุ กมธ.หรือ กมธ.ไม่สามารถที่จะชี้ให้ผลเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ คงขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ในความเห็นส่วนตัวผมว่าการเปิดประมูล 3จี ควรจะชะลอออกไปก่อน จนกว่ากฎหมายที่ว่าด้วยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่ง ชาติ หรือ กสทช.จะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขณะนี้ทางรัฐสภาได้บรรจุวาระดังกล่าวไว้ในระเบียบการประชุมเป็นที่เรียบ ร้อยแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่าจะผ่านการพิจารณาเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน” นายฮอชาลี กล่าว
หาก กทช.ตีความคุณสมบัติผู้ขอใบอนุญาต 3G เช่นนี้จริง เชื่อว่าเอไอเอสจะโดนหางเลขด้วย เนื่องจากเอไอเอสนั้นมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติรวมเป็น 61.75% เกินครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับดีแทค
หลังจากการขายหุ้น 49.6% ในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้เทมาเส็กโฮลดิ้ง ด้วยมูลค่า 7.66 หมื่นล้านบาทของครอบครัวชินวัตร เทมาเส็กได้ทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย จนทำให้บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซีดาร์ และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้น 100% ของชินคอร์ป ปัจจุบันชินคอร์ปจึงมีผู้ถือหุ้นเพียง 2 รายคือ ซีดาร์ 54.43% และ แอสเพน อีก 41.68%
จากนั้น เทมาเส็กได้เข้าถือหุ้น บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส ผ่านสิงเทลอีก 19.15% ทำให้เอไอเอส มีชินคอร์ปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (ด้วยสัดส่วน 42.60%) และสิงเทลในเครือเทมาเส็กอีก 19.15% รวมเป็น 61.75%