-->

ผู้เขียน หัวข้อ: The Dullahan ทูตบนอาชาดำแห่งความตาย  (อ่าน 1066 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
The Dullahan ทูตบนอาชาดำแห่งความตาย
« เมื่อ: 02 ธันวาคม 2016, 11:37:48 »

The Dullahan the Irish headless horseman
ทูตบนอาชาดำแห่งความตาย



 
MEANING
Dullahan ดูลาฮาน หรืออีกชื่อคือ Gan Ceann แกน คีนน์ เป็นภาษาไอริช หมายถึง
"ไร้ศีรษะ" หรือ "Dark Man"


APPEARANCE



ดูลาฮาน คือ angel of death ทูตแห่งความตาย ปรากฎในร่างมนุษย์ไร้ศีรษะบนอาชาดำสนิท
แขนข้างหนึ่งโอบหัวของตัวเองไว้ ในขณะที่อีกข้างหวดแส้เพื่อควบม้าทะยานไป

ใบหน้าของดูลาฮานนั้นมีระบุไว้สองแบบ แบบแรกคือ จะมีตาที่โดดเด่นราวกับตาแมลง มีปากกว้างน่าสยดสยอง
และผิวที่ใกล้เคียงกับชีส ส่วนอีกแบบคือ มีตารีเล็กแหลมคม มองตาขาวแทบไม่เห็นเพราะถูกแทนที่ด้วยตาดำ
จนเกือบมิด ภายในปากมีเขี้ยวน่าสะพรึง บวกกับผิวสีซีดเหมือนซากศพ 

**ในข้อมูลบอกว่าใครก็ตามที่เห็นหน้าเขาหรือหล่อนแล้วจะต้องตาย !! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
แล้วใครเป็นคนบันทึกหน้าตาของดูลาฮานไว้ฟระ***


เพิ่มเติม

- แส้ของดูลาฮานนั้นทำมาจาก Dead Human Body ซากศพมนุษย์
- บางข้อมูลระบุว่าดูลาฮานไม่ได้ควบม้าตัวเดียว แต่ยานพาหนะของดูลาฮานมีรูปร่างคล้ายเกวียน
ลากโดยม้า 6 ตัว ตัวพาหนะถูกตกแต่งด้วยสิ่งที่เกี่ยวกับความตาย โดยเฉพาะหัวกะโหลก
- หัวของดูลาฮานมีออร่าสีเขียว !
- ม้าของดูลาฮานจะมีตาอันโดดเด่นสีแดงฉาน เห็นได้แต่ไกล



In Celtic Myth

...Story 1



ว่ากันว่าดูลาฮานนั้นกำเนิดมาจาก ตำนานของเคลติกเรื่องนึงครับ เรื่อง "Sir Gawain and the Green Knight"
เรื่องย่อๆคือคุณอัศวินเขียวผู้มาจากต่างโลก หรือก็คือเทพของเคลติกนั่นแล อัศวินเขียวนี่เขียวสมชื่อจริงๆ นอกจาก
เกราะเหล็กที่เป็นสีเขียวแล้ว ผมก็เขียว หนวดก็เขียว ผิวก็เขียว เว้นแต่ตาดวงตาอย่างเดียวที่เป็นสีแดง




อัศวินเขียวไปท้าหลานชายของกษัตริย์อาเธอร์สู้กันด้วยเงื่อนไขที่ว่าใครก็ตามที่ตายในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นการตายเอง
ไม่มีผู้ใดสังหาร ด้วยกฎ "a year and one day" (คือกฎนี้จะทำให้ผู้ชนะไม่ต้องไปเข้าคุกเพราะฆ่าคนตายไงครับ
a year and one day เป็นกฎหมายในแถบไอริช เนื้อหาคือถ้าคนที่ตายระบุคนฆ่าไม่ได้ภายใน 1 ปีกับอีก 1 วัน
จะถือว่า เป็นการฆ่าตัวตายครับ) ซึ่งถ้าพ่ายแพ้จะหมายถึงการสูญเกียรติแห่งนักรบ แต่เซอร์กาเวน(หลานอาเธอร์)
ก็ยังรับคำท้านี้

เซอร์กาเวนรับขวานมาจากอัศวินเขียวและต่อสู้กัน ใช้เวลาไม่นาน เขาก็ฟันหัวอัศวินเขียวขาดในฉับเดียว! ด้วยเหตุนี้
เพื่อเป็นการรักษาสัญญาที่ว่าผู้แพ้ จะต้องตายด้วยกฎ a year and one day




อัศวินเขียวจึงก้มลง หิ้วหัวตนเอง! และควบทยานม้าออกไป เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่า ตนสิ้นใจด้วยคมดาบแห่งเซอร์กาเวน
ทางด้านเซอร์กาเวนก็ถึงกับทึ่งในสัจจะของคุณอัศวินไปเลยทีเดียว จึงเล่าเรื่องนี้ให้ลุงฟัง พอลุง(กษัตริย์อาเธอร์)ได้ฟัง
ก็เลยเล่าเรื่องนี้ต่อๆไปเพื่อยกย่องหลานตนเองในความเก่งกาจและความซื่อสัตย์ของอัศวินเขียว....

และนี่ก็คือที่มาของดูลาฮาน! คงเป็นการคับแค้นใจของอัศวินเขียวมั้งครับ ที่พ่ายแพ้ ก็เลยควบม้า ไปให้คนอื่นเห็น
แล้วตายตามๆกันไป (สยองไปมั้ย?) แล้วที่เห็นเป็น Dark Man ก็เพราะมันเป็นกลางคืนรึเปล่า? เดาอย่างเมามัน 555+


******************************


....Story 2


มีอีกเรื่องเล่านึงของชาวเคลต์ครับ ที่กล่าวถึงต้นกำเนิดของดูลาฮาน เป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ที่กล่าวถึง "ครอม ดับห์" (Crom Dubh)
เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ การผสมพันธุ์ เทพผู้สร้าง เทพแห่งความมืด และอีกหลายๆชื่อที่เรียกขานเทพตนนี้




ตำนานว่า ครอม ดับห์ เป็นเทพที่ผู้คนให้การนับถือมากมายในแถบไอร์แลนด์ โดยเฉพาะเหล่ากษัตริย์ ที่ดังๆ
ก็คือ คิงไทเคอร์มาส (Tighermas) ในแต่ละปีคิงไทเคอร์มาสจะทำพิธีบูชายัญเพื่อให้ ครอม ดับห์ พอใจและมอบความอุดมสมบูรณ์
แก่บ้านเมือง การบูชายัญนี้ก็ดำเนินมาตลอดจนกระทั่งศตวรรษที่ 6 ชาวคริสต์เข้ามาที่ไอร์แลนด์ และยกเลิกการบูชายัญ
เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดมนุษยธรรม ทุกคนเชื่อและยกเลิกการบูชายัญตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา...

จากวันนั้นหลายปีต่อมาเหตุการณ์ดูเหมือนจะเป็นปกติ ทว่า ครอม ดับห์ กลับเริ่มไม่พอใจที่พวกมนุษย์หยุดการสักการะตน
ทั้งยังทำท่าว่าจะหลงลืม ครอม ดับห์ ผู้นี้เสียนี่ แล้วจะให้เทพอย่างเขาอยู่เฉยได้อย่างไร ดังนั้นท่าน ครอม ดับห์ จึงเนรมิตตน
ให้อยู่ในร่างมนุษย์ไร้ศีรษะเพื่อเตือนมนุษย์ให้ตระหนักถึงความตาย และพร้อมจะลงไปเยี่ยมให้มนุษย์เห็นหน้าเสียบ้าง
แต่ถ้าไปแค่ตัวก็ไม่เหมือนมนุษย์นะสิ ! ด้วยเหตุนี้ ท่านเทพ ครอม ดับห์ จึงตัดสินใจหิ้วหัวตนเอง แล้วควบม้าทะยานไปหา
เหล่ามนุษย์ พร้อมกับเรียกขานชื่อของตนใหม่ว่า "ดูลาฮาน"




ครอม ดับห์ หรือดูลาฮานนั้น ไม่เพียงแต่โผล่หน้าไปเยี่ยมมนุษย์เฉยๆ เท่านั้น แต่ลากเอาวิญญาณมนุษย์กลับมาด้วย ...
จากเทพผู้มอบความอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นปิศาจผู้ช่วงชิงวิญญาณ...เพราะความไม่เคารพของมนุษย์


ดูลาฮานก็ไม่ได้มากวนใจมนุษย์บ่อยๆนักหรอก ดูลาฮานชอบที่จะโผล่มาเดินเล่น ในช่วงเทศกาลที่สรรเสริญ
เทพครอม ดับห์ ราวๆปลายเดือนสิงหาคม ไม่ก็ต้นเดือนกันยายน กับอีกวันที่จะมาเยือนมนุษย์พร้อมกับเพื่อนๆ
ผู้ไร้ร่างซึ่งก็คือวันฮาโลวีนนั่นเอง !





HEARSAY



ทำไมดูลาฮานถึงเป็นที่สะพรึงกลัวของผู้คนนัก? นั่นก็เพราะในยามดึกสงัดเขาหรือเธอผู้นี้ จะออกควบม้าวิ่งไป
ตามบ้านเรือนคน หากหยุดอยู่หน้าใคร แสดงว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป ไม่เพียงเท่านั้นยังเล่ากันอีกว่า เขาหรือเธอ
ผู้นี้จะทำสัญลักษณ์บนใบหน้าของผู้เคราะห์ร้าย เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าครั้งหน้าจะได้เอาชีวิตไม่ผิดคน


สัญลักษณ์ที่ว่าคือ เลือดสด !

ไม่เพียงแต่ผู้ถูกตราเครื่องหมายเท่านั้น ผู้ใดก็ตามที่เห็นการกระทำของเขาหรือเธอ จะตั้งใจหรือไม่ ก็มีต้องสูญเสียการมองเห็น
ไปตลอดกาล ความน่ากลัวของดูลาฮานไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ เมื่อถึงเวลาสังหารเหยื่อ เขาหรือเธอจะตรงดิ่งไปหา
ไม่ว่าจะหลบอย่างไร ที่ใด ก็ไม่อาจพ้นสายตาของความตาย เพราะเขาหรือเธอมีความสามารถในการขจัดทุกอุปสรรคที่จะขัดขวาง
การดับลมหายใจเหยื่อของตน



โว้.. อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า เฮ้ย ถ้าอยู่ๆดูลาฮานโผล่มาก็ต้องตายอย่างเดียวสิว้าาา ! แต่ความจริงแล้วมันมีทางออกอยู่ครับ
นั่นก็คือ "เหรียญทอง" ดูลาฮานผู้เก่งกาจของเราพ่ายแพ้เพียงอย่างเดียวคือทองบริสุทธิ์ หากพกทองติดตัวเอาไว้ ดูลาฮานก็ทำอะไร
เราไม่ได้แล้วครับ

มีใครสงสัยมั้ยครับว่าทำไมต้องเป็นทอง? ผมไปหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่พบคำตอบ ตามความคิดผมนะครับ คาดว่าทอง
เป็นเหมือนค่าผ่านทางสำหรับแดนความตาย ดังนั้นสำหรับเทพแห่งความตายอย่างดูลาฮานแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องไว้
ชีวิตผู้ที่มีค่าผ่านทางติดตัว

ว่าแต่ สมัยนี้จะหาทองแท้พกติดตัวซักเหรียญนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วคนจนอย่างเราๆจะมีโอกาสรอดพ้นจากดูลาฮานมั้ยนี่ !?

     

     
THIS PERIOD



ในปัจจุบันก็ยังมีเทศกาลที่สรรเสริญ ครอม ดับห์ อยู่ที่ไอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ และในงานเทศกาลทุกคนก็ยังไม่ลืม
ที่จะต้องพกเหรียญทองติดตัวกัน เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับดูลาฮาน


ในวันฮาโลวีนก็เช่นกันหากชาวไอร์แลนด์คิดจะออกจากบ้านก็ต้องมีทองติดตัวกันไป แต่ถ้าอยู่ในบ้านจะไม่เป็นไร
เพราะทุกบ้านจะมี Jack O'Lantern หรือตะเกียงฟักทองไว้หน้าบ้านไว้กันภูตผีอยู่แล้ว

พูดถึงตะเกียงฟักทองแล้วก็น่าจะย้อนไปถึงอดีตของมัน เดิมทีตะเกียงนี้ไม่ได้ทำจากฟักทอง มันทำมาจากพวกผักกาดขาว
กะหล่ำปลี แต่เมื่อชาวยุโรปกลางมารับวัฒนธรรมนี้ไปก็เปลี่ยนไปใช้ฟักทองที่เป็นผักพื้นเมืองแทน




ขอเล่าเรื่องวันฮาโลวีนอีกนิดนะครับ ฮาโลวีนเกิดจากชาวเคลท์ โดยผู้นำศาสนาดรูอิด เดิมทีพวกเขาเรียกว่า Samhain ซัมเฮน
ที่แปลว่า 1 พฤศจิกายน มันเป็นวันสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว (เริ่มแต่ 31 ตุลาคม) และเป็นปีใหม่ของชาวเคลท์ ที่สำคัญกว่านั้น คือ
มันเป็นวันสิ้นสุดด้านสว่าง (lighter half) และเข้าสู่ด้านมืด (darker half) ซึ่งตั้งแต่ 31 ตุลาคม ดรูอิดจะเริ่มให้ชาวบ้าน
แกะสลักผักที่เป็นรูปหน้าคนและใส่เทียนไขไว้หน้าบ้านให้ภูตผีเห็นและไม่กล้าเข้ามา ทั้งยังแต่งตัวเป็นภูตผีให้พวกผีคิดว่า
เป็นพวกเดียวกัน และไม่มาทำร้ายหรือลักเอาดวงวิญญาณไป


วันซัมเฮนของเคลติก ก็ดันมาคล้ายคลึงกับวัน All Hallow's Eve ของเหล่าคาทอลิก ชาวคริสต์จึงนำประเพณี
ของชาวเคลต์มารวม และเกิดเป็นวันฮาโลวีนในทุกวันนี้




   
DEATH COACH



ดูลาฮานยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้นะครับ ยังมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับดูลาฮานอีกเรื่องนึง นั่นคือ "Death Coach"
หรือ "รถม้ามรณะ"


รถม้ามรณะเป็นความเชื่อของคนในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ มีทั้งอเมริกา บริทิช และที่อื่นๆแต่จะโด่งดังที่สุด
ก็เป็นที่ไอร์แลนด์อีกเช่นเคย ที่โน่นเค้าเรียกรถม้ามรณะนี้ว่า โคอิชต้า โบเวอร์ (Cóiste Bodhar)
เป็นภาษาไอร์แลนด์ หมายถึง รถม้าไร้เสียง (deaf or silent coach)

ที่มาของรถม้ามรณะหรือรถม้าไร้เสียงนั้นมีอยู่ว่า ในยามดึกสงัดที่ผู้คนต่างหลับใหล ก็ปรากฎรถม้าขึ้นมาในความมืด
ไม่ใครได้ยินเสียงและลุกขึ้นมาดูเลยซักคน เว้นแต่ชายคนนึงซึ่งเป็นคนเดียวที่ได้ยินเสียงและลุกออกไปดู เขาเห็น
รถม้าคันใหญ่สีดำซึ่งตกแต่งในรูปแบบที่แปลกตาออกไปจากรถม้าทุกคันที่เคยเห็นวิ่งผ่านหน้าบ้านของเขา แต่เขา
ก็ไม่ได้ติดใจอะไรและกลับไปนอนต่อ เช้าวันรุ่งขึ้นเขานำเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนบ้าน แต่ทุกคนกลับบอกตรงกันหมดว่า
เมื่อคืนไม่มีใครเห็นหรือได้เสียงอะไรเลย ไม่กี่วันหลังจากที่เขาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนบ้านฟังเขาก็ประสบอุบัติเหตุตาย
ต่อจากนั้นก็มีอีกหลายคนที่ได้ยินเสียงรถม้าในตอนกลางคืนและไม่กี่วันต่อจากนั้นพวกเขาก็ตาย

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเรื่องเล่าของรถม้ามรณะขึ้น ผู้คนที่หวาดกลัวต่อความตาย ต่างพยายามหาทางไม่ให้เผชิญหน้ากับมัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครที่สามารถหลบเลี่ยงสัญญาณเตือนจากความตายนี้ได้เลย

อย่ากังวลไปเพราะผู้ที่จะได้ยินเสียงหรือเห็นรถม้าคันนี้ได้ ก็มีแต่ผู้ที่กำลังถึงฆาตเท่านั้น !! ว่ากันว่ารถม้ามรณะคันนี้
มีผู้ขับกับเขาด้วย ก็นะรถไม่มีผู้ขับจะแล่นเองได้อย่างไร?


อย่างที่ระบุไปใน เพิ่มเติม2 ด้านบน ที่ว่า "บางครั้งดูลาฮานก็ไม่ได้ควบม้ามาเอง แต่นั่งยานพาหนะที่มีม้าลาก"
คุณยานพาหนะที่มีม้าลากนี่ เรียกง่ายๆก็คือรถม้า (แล้วจะเรียกให้ยากเพื่อ? สับสนกับตัวเอง =w=) ซึ่งตรงจุดนี้นั่นเอง
ที่ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่าผู้ที่ขับรถม้ามรณะก็คือ ดูลาฮาน !!



แต่มีความขัดแย้งเล็กน้อยตรงที่คุณรถม้ามรณะนี้ไม่ได้พ่ายแพ้ต่อทองบริสุทธิ์ และไม่ได้ตรงดิ่งหาผู้ที่ถึงฆาตอย่างอุกอาจ
เช่นเดียวกับดูลาฮาน คุณรถม้าเพียงแค่มาส่งสารให้คนใกล้ตายได้เตรียมตัวเตรียมใจ แล้วก็จากไปโดยไม่ได้ทำให้ใคร
ตื่นตกใจ(ด้วยตนเอง)... อ่าวเฮ้ย แล้วในวงเล็บนั่นหมายถึงอะไร ก็หมายความว่าในบางครั้งคุณรถม้าไม่ได้มาลำพัง
แต่ติดสอยยัยแบนชีมาด้วย !!! (https://goo.gl/8A2ZsH)




ก็อย่างที่รู้ๆกันว่ายัยแบนชี ชอบร้องเสียงโหยหวนเวลามีคนใกล้ตาย คุณรถม้าผู้เรียบร้อย
เลยกลายเป็นน่ากลัวไปในทันใด ว่ากันว่าเวลาที่รถม้ามรณะต้องไปหาคนใกล้ตายในทางที่คดเคียว หรือตรอกซอกเล็กๆ
จะส่งให้ยัยแบนชีไปเตือนแทน...


อันนี้แถมให้เผื่อใครคิดถึงการ์ตูนเรื่องนี้


CREDIT ::BeelzeBufo@Dekdee.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ธันวาคม 2016, 17:06:03 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่