-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ต้อนรับสู่ปีมังกรกับ ตำนานมังกร  (อ่าน 19741 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18329
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
ต้อนรับสู่ปีมังกรกับ ตำนานมังกร
« เมื่อ: 30 ธันวาคม 2011, 13:17:31 »

ตำนานมังกร



ถ้าพูดถึงเรื่องมังกร หรือดราก้อนละก็ พูดไปสี่วันสามคืนก็ไม่จบ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามังกรเป็นสัตว์ในเทพนิยายของชาติต่างๆ
จีนก็มีมังกร ฝรั่งก็มีมังกร

นอกจากนี้มังกรยังเป็นสัตว์เร้นลับที่มีในหลักสูตรการเรียนวิชานี้ด้วยครับ......
(ถึงไม่มีการค้นหามันแบบจริงจังแบบเป็นทางการก็เถอะ)




ส่วนคนทั่วไปถ้าพูดถึงมังกร เราก็อาจสรุปข้อสรุปเกี่ยวกับตัวมัน 3 ข้อ

1.มันเป็นสัตว์ในเทพนิยายโดยแท้ ไม่มีอยู่จริง ซึ่งก็คือเหลวไหลทั้งเพนั่นเอง
2. เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับมังกรเป็นเรื่องของจินตนาการซึ่งคนโบราณได้รับ
แรงบันดาลใจมาจากสัตว์บางชนิด เช่นงูหรือสัตว์อื่นๆมันเคยมีอยู่จริงๆบนโลกนี้(โอ้ววว...)
3. มันมีอยู่จริงๆ (แม้ไม่มีซากของมันก็เถอะ)


แน่นอนถ้าเรายึดข้อ 1-2 ตอนนี้ก็จบลงอย่างรวดเร็วใช่หรือเปล่าครับ ฮะๆๆ เลยหาเรื่องยืดซะเลย
โดยสมมุติถ้ามันมีอยู่จริงในโลกใบนี้ละ

ก่อนที่จะพูดถึงทฤษฏีที่มีความเป็นไปได้ว่า มังกร มีหรือจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงมันจะเป็นแบบไหน
ผมขอเราตำนานที่กล่าวถึงมันก่อนนะครับ


มังกร



มังกรในอังกฤษคือ dragon ซึ่งมาจากภาษาละตินที่แปลว่า draco เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดี ตำนาน
เรื่องเล่า นิทาน ฯลฯ โดยส่วนมากมีรูปร่างลักษณะจัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู


ใน ตำนานยุโรป มังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ มังกรจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย
การฆ่ามังกรและขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์. มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ทั้งที่มีตัวตนจริง ๆ และในตำนานต่าง ๆ
เช่น กษัตริย์อาเธอร์ ซึ่งมีนามสกุลว่า Pendragon มีความหมายว่า 'ศีรษะของมังกร' หรือ 'หัวหน้ามังกร'
และมงกุฎของกษัตริย์อาเธอร์ ก็เป็นรูปมังกร.




เรา พบมังกรได้ง่ายและบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นในตำนานของทางยุโรปหรือเอเชียก็ตาม เรียกว่าที่ใดมีอารยธรรมและตำนาน
ที่นั่นก็ต้องมีมังกรเป็นของคู่กัน. มังกรนั้นมีรูปร่างและลักษณะหลายอย่าง แตกต่างไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น
แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีจุดเด่นคือ เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ร่างกายใหญ่โต มีพละกำลังมาก บางครั้งอาจพ่นไฟได้
หรือมีอำนาจเวทมนตร์มหาศาล และที่สำคัญคือ บินได้ (อาจจะมีปีกหรือไม่มีก็ได้) โดยขนาดรูปร่างและสีนั้น ก็แตกต่างกันไป




อย่างไรก็ตาม มังกรที่พบในตำนานของทางยุโรปและของทางเอเชียนั้น ค่อนข้างจะแตกต่างกันในแง่สัญลักษณ์
โดยเฉพาะคติของจีนที่มักจะถือว่า มังกรนั้นคือเทพเจ้า และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล รวมถึงเป็นสัญลักษณ์
ของจักรพรรดิ (ซึ่งเป็นสมมติเทพ) แต่ทางยุโรปนั้นมักจะถือมังกรเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย
(อันเป็นคติที่สืบทอดมาจากความหวาดกลัวงูของชาวยุโรป).
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 ธันวาคม 2011, 14:17:26 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18329
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Re: ตำนานมังกร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2011, 13:25:13 »

โดยมังกรแบ่งออกคราว 3 กลุ่ม คือ มังกรจีน มังกรยุโรป และมังกรทิเบต

มังกรจีน



มังกรจีน มังกรจีนนี้เป็นสัตว์ที่คนจีนเคารพมากในฐานะสมมุติเทพ เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอันหนึ่งของจักรพรรดิ
และวัฒนธรรมจีน โดยมังกรจีนมีลักษณะที่มาจากสัตว์หลาย ๆ ชนิดผสมผสานกัน ลักษณะลำตัวยาวเหมือนงู
มีเขี้ยวขนาดใหญ่หนึ่งคู่อยู่ที่บริเวณขากรรไกรด้านบน มีหนวดยาวลักษณะเหมือนกับไม้เลื้อย และมีแผงคอ
เหมือนกับของสิงโตอยู่บน คอ , คาง และข้อศอก มีเกล็ดสีเขียวเข้มทั่วทั้งบริเวณลำตัวรวมทั้งสิ้น 117 เกล็ด
ซึ่งเกล็ดมังกรจำนวน 81 แผ่น มีคุณสมบัติเป็นหยางซึ่งเป็นเกล็ดที่มีความดี เกล็ดมังกรจำนวน 36 แผ่น
มีคุณสมบัติเป็นหยินซึ่งจะเป็นเกล็ดที่มีความชั่ว




ลักษณะของมังกรจีน

ลักษณะของมังกรจีนที่เกิดจากจินตนาการคนจีนแทนลักษณะเฉพาะของมังกร 9 อย่าง ตามประเพณี
แต่ละอย่างแสดงถึงลักษณะของมังกรที่แตกต่างกัน ลักษณะของ มังกรจีนในงานด้านจิตกรรมประติมากรรมของจีน
ซึ่งใช้ในเวลาและโอกาสที่ต่างกัน คือ

ลักษณะหัวของมังกร คล้ายกับหัวของอูฐ บางตำราก็บอกว่ามาจากหัวม้าหรือหัววัวหรือหัวจระเข้

ลักษณะหนวดของมังกร คล้ายกับหนวดของมนุษย์

ลักษณะเขาของมังกร คล้ายกับเขาของกวาง มังกรจะมีเขาได้ก็ต่อเมื่อมีอายุ 500 ปี และเมื่ออายุถึง 1,000 ปี
ก็จะมีปีกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง

ลักษณะตาของมังกร คล้ายกับตากระต่าย บางตำราบอกว่ามาจากตาของมารหรือปีศาจหรือตาของสิงโต

ลักษณะหูของมังกร คล้ายกับหูวัว แต่ไม่สามารถได้ยินเสียง บางตำราก็ว่าไม่มีหู บางตำราบอกว่ามังกรได้ยิน
เสียงทางเขาที่เหมือนเขากวางนั้น

ลักษณะคอของมังกร คล้ายกับคองู

ลักษณะท้องของมังกร คล้ายกับท้องกบ บางตำราบอกว่ามาจากหอยแครงยักษ์

ลักษณะเกล็ดของมังกร คล้ายกับเกล็ดปลามังกร บางตำราว่ามาจากปลาจำพวกตะเพียนหรือกระโห้
โดยมังกรจะมีเกล็ดตลอดแนวสัน-หลัง จำนวน 81 เกล็ด มีเกล็ดตามลำคอจนถึงบนหัว บนหัวมังกรมีรูปลักษณะ
เหมือนสันเขาต่อกัน เป็นทอดๆ

ลักษณะกงเล็บของมังกร คล้ายกับกงเล็บของเหยี่ยว จำนวนเล็บของมังกรแต่ละตัวจะไม่เท่ากัน
มังกรที่ยิ่งใหญ่จึงจะมี 5 เล็บ นอกนั้นก็จะเป็น 4 เล็บหรือ 3 เล็บ

ลักษณะฝ่าเท้าของมังกร คล้ายกับฝ่าเท้าของเสือ


ลักษณะของมังกรจีน สัญลักษณ์แห่งเทพเจ้าที่จีนให้ความเคารพนับถือ ลักษณะของมังกรเกิดจากจินตนาการ
โดยการรวมเอาลักษณะของสัญลักษณ์เผ่าต่างๆมารวมกัน มีความแตกต่างกันตามคติความเชื่อถือและการประดิษฐ์
ของช่าง มีกาลเทศะและวาสนาแตกต่างกันไปตามความเชื่อของคตินิยมแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งว่ากันว่ามังกรของจีน
นั้นมี 9 ท่า 9 สี คำว่า หลง ในภาษาจีนกลางหมายถึงมังกรที่มีลักษณะดังนี้


มังกรมีเขา หรือหลง เป็นลักษณะของมังกรที่มีเขาเหมือนกับกวางดาว ซึ่งคนญี่ปุ่นถือว่ากวางเป็นสัตว์
ที่มาจากฟากฟ้าแดนสวรรค์ มีอำนาจมากที่สุดสามารถทำให้เกิดฝนได้ และหูหนวกโดยสิ้นเชิง
อินเดียนแดงถือว่ากวางเป็นสัตว์ที่เป็นอมตะนิรันด์กาล แต่คนไทยกลับนิยมกินเนื้อกวาง
ซึ่งจะชำแหละเนื้อไว้กินและหนังจะส่งขายให้กับประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปทำเป็นซับใน
ของเสื้อเกราะญี่ปุ่นซึ่งหนังกวางนั้นเป็นสินค้าส่งออกที่มีความสำคัญของไทย
มาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา

มังกรมีปีก หรือหว่านซี่ฟ่าน เป็นมังกรฝรั่งที่สามารถพ่นไฟ ได้ คนฝรั่งนิยมที่จะนำมังกรมีปีกนี้
มาประกอบฉากเป็นพาหนะของผู้ร้ายหรือเป็นตัวแทนของมังกรที่ดุร้าย แต่ในสมัยราชวงศ์หมิง
คนจีนนำมังกรชนิดนี้มาทำเป็นลวดลายบนถ้วยข้าวต้ม

มังกรสวรรค์ หรือเทียนหลง มีชื่อเรียกว่า มังกรฟ้า เป็น มังกรในหาดสวรรค์ บางครั้งก็จะเป็นพาหนะ
ของเทพเจ้าเทวาในลัทธิเต๋า คนจีนมีความเชื่อกันว่า มังกรเทียนหลงนี้เป็นมังกรที่ทำหน้าที่ปกป้อง
คุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสรวงสรรค์ และเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของฮ่องเต้อีกด้วย

มังกรวิญญาณ เฉียนหลง หรือหลีเฉี่ยวหลง เป็นมังกรที่บันดาลให้เกิดลมฝนเพื่อประโยชน์ต่อการ
เกษตรและมนุษยชาติของชาวจีน แต่โบราณ มังกรหลีเฉี่ยวหลงนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของจักรราศีอีกด้วย

มังกรเฝ้าทรัพย์ หรือฟูแซง เป็นมังกรบาดาล มังกรฟูแซงนี้น่าจะเป็นคติของอินตู้หรืออินเดียมากกว่า
ของจีน ซึ่งชาว กรีก โบราณเองก็มีความเชื่อกันในเรื่อง “มังกรบาดาล” เช่นกัน ความเชื่อเกี่ยวกับ
มังกรบาดาลนี้เป็นความเชื่อและคติที่เก่าแก่มาก

มังกรขด ไม่มีฝอย เป็นมังกร “หด” ธรรมดา

มังกรเหลือง เป็นมังกรจ้าปัญญา ทำหน้าที่คอยหาข้อมูลให้กับจักรพรรดิฟูใฉ่ที่เป็นตำนาน

มังกรบ้าน หรือลี่หลง เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรและในทะเล บางตำนานเรียกว่า ไซโอ๊ะ
มีเกล็ดปกคลุมทั่วทั้งตัว มักอาศัยอยู่ในหนองน้ำใกล้ ๆ กับถ้ำที่มีอากาศอับชื้น

พญามังกร คือมังกร 4 ตัว ซึ่งปกครองอยู่เหนือทะเลทั้งสี่ คือทะเล ตะวันออก(ตัง) ,ใต้(น้ำ) ,ตะวันตก(ไซ)
และเหนือ(ปัก) พญามังกรอาศัยอยู่ในปราสาทมหาสมุทรหรูหรา(วังใต้ทะเล) และกินไข่มุกเจียงตู หรือไข่มุก
และโอปอล เป็นอาหาร และพญามังกรทั้งสี่ตัวเป็นพี่น้องกัน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่ามังกร 4 ตัวนี้
มีผู้ควบคุมชื่อ ฉิน แท็ง (Chien-Tang) เป็นมังกรที่มีสีแดงเลือด มีแผงคอเป็นไฟ และยาว 900 ฟุต

มีการบรรจุคำว่ามังกรลงในพจนานุกรมของประเทศจีน มีความหมายว่า

“มังกรเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด มีลักษณะหัวคล้ายหัวอูฐ มีเขาคล้ายเขากวาง ดวงตาคล้ายกับ
ดวงตาของกระต่ายป่า หูของมันคล้ายหูวัว ปีกของมันคล้ายนกอินทรี มีลำคอยาวคล้ายงู ช่วงท้อง
มีลักษณะคล้ายกบ รูปร่างของมันคล้ายกับปลาตัวใหญ่ เท้าคล้ายกับเท้าเสือ เสียงของมันคล้ายเสียงตีฆ้อง
เมื่อมันหายใจ ลมหายใจของมันมีลักณะคล้ายเมฆ ซึ่งบางครั้งก็ออกมาเป็นฝน บางครั้งก็เป็นเปลวไฟ


มังกรจีนในตำนานนั้น สามารถที่จะทำตัวเองให้มีขนาดใหญ่เท่ากับจักรวาลหรือมีขนาดเล็กเท่ากับหนอน
ไหมได้ ทำให้บรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ของจีน โดยหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสวรรค์
มังกรจีนถือเป็นสัตว์แห่งเทพเจ้า ได้รับความนับถือมากที่สุด มังกรจีนมีลักษณะนิสัยที่เมตตากรุณา เป็นมิตร
ทะเยอทะยาน และมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้ยังมีความฉลาด มีปัญญามาก มีความเด็ดขาด และมีพลัง


มังกรจีนจึงเป็นที่ปรึกษาของผู้นำในด้านต่าง ๆ แต่มังกรจีนมีทิฐิในตัว จะถือตัวว่าถูกหมิ่นประมาทเมื่อผู้นำ
ไม่ยอมทำตามคำแนะนำของมังกรจีน หรือเมื่อผู้คนไม่ให้เคารพความสำคัญ มังกรจีนจะทำให้ฝนหยุดตก
หรือเป่าเมฆดำออกมาซึ่งจะนำพาพายุ และน้ำท่วมมาให้ มังกรตัวเล็กก็ทำเรื่องยุ่งยากเล็ก ๆ เช่นทำหลังคารั่ว
หรือทำให้ข้าวเกิดความเหนอะหนะ




เมื่อมาอ่านตรงนี้จะเห็นได้ว่าตำนานมังกรของจีนนั้นนับว่าเก่าแก่กว่าประเทศอื่นๆ คือราวสี่พันกว่าปีมา
และตำนานที่เก่าแก่ที่สุดคือ สมัย พระเจ้าชุน (2255-2205 ปี ก่อน ค.ศ.) ได้เกิดอุทกภัยจากแม่นํ้าฮวงโห
ผู้คนล้มตายมากมาย พระองค์จึงสั่งให้อำมาตย์ผู้หนึ่งชื่อ ยู้ ไปแก้ไข แม้ว่ายู้จะเพิ่งแต่งงานได้เพียง 4 วัน
แต่เขาก็ไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่เคยกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเลยถึง 33 ปี บุกป่าฝ่าเขา เผาป่าขุดคลอง
กระทั่งสามารถระบายนํ้าท่วมทั้งหมดลงสู่ทะเลได้ เมื่อพระเจ้าชุนสิ้นพระชนม์ ราษฎรจีนทั้งปวงจึงพร้อมใจกัน
ให้ยู้ขึ้นครองราชสมบัติแทน ทรงพระนามว่าพระเจ้า อู๋เต้ (2205-2197 ปี ก่อน ค.ศ.) ต้นราชวงศ์เหีย




ด้วย ความยิ่งใหญ่ของยู้ ทำให้กล่าวกันว่า จริงๆ แล้วกำเนิดของยู้นั้นเป็นพญามังกร ดังนั้น จึงถือกันว่าฮ่องเต้
หรือจักรพรรดิองค์ต่อๆ มาของจีนนั้นก็คือมังกรกลับชาติมาเกิด ด้วยเหตุนี้สัญลักษณ์ของฮ่องเต้ จึงใช้รูปมังกร
แต่จะผิดแผกจากมังกรธรรมดา คือมี 5 เล็บ และใช้สีเหลือง อันเป็นสีประจำองค์ฮ่องเต้เป็นหลัก

ใน เมืองจีนเราจึงมักได้เห็นรูปมังกร ปรากฏประดับประดาอยู่ทั่วไปครับ ไม่ว่าจะบนผ้าม่านที่ปักอย่างวิจิตร
บนตราประทับ หรือบนแจกันตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป




มังกรทิเบต



มังกรทิเบต นั้นเป็นมังกรที่อาศัยในทวีปเอเชียอยู่ในประเทศทิเบตในอารามแห่งหนึ่งบนเทือกเขาหิมาลัย
มังกรทิเบตมักมีหลายๆคนคิดว่ามีแต่มังกรหลง(มังกรจีน)เฉพาะในทวีปเอเชียเท่านั้น




มังกรทิเบตมีลักษณะคล้ายๆกับมังกรหลงแต่มันเป็นมังกรที่มีรูปร่างผอมกว่ามังกรหลงลำตัว
มีเกร็ดสีแดงมีเขาและหนวดการโจมตีของมันคือ กัดและรัดอาหารที่มันกินคือตัวเยติหรือลิงภูเขา
ขนาดใหญ่และบางครั้งยังกินตัวจามารี
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18329
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Re: ตำนานมังกร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2011, 14:17:01 »

มังกรยุโรป



มังกรยุโรป (European dragon) เป็น มังกรในความเชื่อของยุโรปสมัยกลาง แต่มีความแตกต่างจากมังกรจีน
หรือมังกรทิเบตมาก ซึ่งเป็นสัตว์กึ่งเทพเจ้ามีอิทธิฤทธิ์ดลบันดาลให้เกิดฝน เกิดความอุดมสมบูรณ์ได้


แต่มังกรของยุโรปเป็นสัตว์ที่เสมือนตัวแทนของความชั่วร้ายหรือปีศาจ เป็นสัตว์ที่มุ่งร้ายต่อมนุษย์
โดยมากมีลักษณะเป็นสัตว์สี่ขา มีปีกกว้างใหญ่คล้ายค้างคาว หางยาวปลายหางเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายหัวหอก
สามารถพ่นไฟได้


มังกร ในตำนานพื้นบ้านของยุโรป มักเป็นสัตว์ที่เฝ้าสมบัติและหวงทรัพย์สินเหล่านั้น โดยมากมักจับเอาเจ้าหญิง
แสนสวยไปขังไว้บนยอดปราสาท และเป็นอัศวินซึ่งเสมือนวีรบุรุษเข้ามาช่วยเจ้าหญิงและฆ่ามังการนั้นตาย




ตำนานมังกรของยุโรป ที่เป็นที่รู้จัก เช่น ซิคฟรีด (Siegfried) ในตำนานแร็กนาร็อกของยุโรปเหนือ ที่สังหารมังกร
แล้วเลือดมังการอาบตัวทำให้เกิดความอมตะ ไม่มีวันตาย เป็นต้น



กระนั้น มังกรของยุโรป ก็มักใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนาง อัศวิน หรือประดับบนธงของบางประเทศ เวลส์ เป็นต้น
เพราะถือเป็นการแสดงถึงพลังอำนาจ



มังกรยุโรปเก่าแก่รองจากจีนที่เห็นในตำนานคือ มังกรในตำนานของชนสุเมเรียนแห่งนครบาบิโลน
ซึ่งก่อตั้งขึ้นราว 2,000 ปีก่อน ค.ศ. โดยตำนานเล่าว่า หลังกำเนิดของพิภพ มีมังกรเพศเมีย
นามว่า ติอาแม็ท (TIAMAT) เป็นเทพีแห่งทะเลนํ้าเค็ม เมื่อนํ้าเค็มของติอาแม็ทผสมผสาน
กับนํ้าจืดของเทพ อัพสุ (APSU) ก็เกิดการปฏิสนธิของเทพองค์อื่นๆ อีกมากมาย




ต่อมาอัพสุต้องการชิงอำนาจจากจอมเทพ อีอา (EA) จึงเกิดเทวสงครามขึ้น แรกๆ ทัพของอัพสุกับติอาแม็ท
ทำท่าว่าจะมีชัย แต่แล้วก็เกิดมีวีรเทพซึ่งเป็นโอรสของอีอาพระนามว่า มาร์ดุค (MARDUK) เข้ามาขัดขวาง
ติอาแม็ทอ้าโอษฐ์ เพื่อกลืนกินมาร์ดุค แต่วีรเทพได้สาดมหาพายุเข้าไปในโอษฐ์ของเธอจนหุบไม่ลง
แล้วมาร์ดุคก็ใช้แหจับ



ติ อาแม็ทไว้ได้ เอาศรเสียบร่างแล้วเอาดาบ ผ่ากายของเธอออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งบังเกิดเป็นหลังคาสวรรค์
อีกซีก หนึ่งเป็นท้องมหาสมุทร นอกจากนี้ มาร์ดุค ยังเอาดาบเสียบลูกตาของติอาแม็ท โลหิตที่หลั่งไหลออกมา
กลายเป็นแม่นํ้าสองสาย คือ ไทกริส กับ ยูเฟรติส แห่งดินแดนเมโสโปเตเมีย แถมยังม้วนหางของเธอขึ้นไป
พาดไว้บนห้วงจักรวาลกลายเป็น ทางช้างเผือก (MILKY Way) ที่เราเห็นสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าทุกวันนี้


ส่วนต่างๆของมังกร



ปีก - น่าจะเป็นอวัยวะสำคัญที่สุด ปีกมังกรละม้ายไปทางปีกค้างคาว สามารถพยุงน้ำหนักลำตัว
ได้มากกว่าปีกนกธรรมดาๆ

กระเพาะอาหาร - หลาย คนอาจนึกฉงนว่า ไอ้อวัยวะส่วนนี้ มันสำคัญตรงไหนนักหนาก็ไอ้นี่แหละ
ที่ทำให้มังกร มันลอยตัวในอากาศได้ กล่าวคือ ในกระเพาะนั้น ย่อมมีแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยอาหาร
ที่มันเขมือบเข้าไป และในกระบวนการย่อยนี้ ก็จะเกิดมีก๊าซไฮโดรเจนขึ้น ก๊าซนี้มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ
ถึง 14 เท่า จึงพยุงร่างให้ลอยขึ้นได้ นอกจากนี้ ไฮโดรเจนยังเป็นก๊าซไวไฟ เจ้ามังกรจึงใช้พ่นออกมา
เผาผลาญอริของมันได้ โดยมันจะเก็บก๊าซนี้ไว้ในถุงลม ถึงยามจำเป็นจึงนำออกมาใช้

กระดูก - สัตว์ที่บินได้ทั้งหลาย ไม่ว่าค้างคาวหรือนก ล้วนมีโครงสร้างกระดูกเป็นโพรงกลวง
ทำให้มีน้ำหนักเบา ช่วยให้ลอยตัวในอากาศได้ ดีขึ้น มังกรเองก็มีกระดูกลักษณะนี้เช่นกัน

ตัวจุดประกายไฟ -แม้จะผลิต ก๊าซไฮโดรเจนได้แล้ว แต่ก๊าซย่อมไม่ติดไฟขึ้นได้เอง ต้องอาศัย
การเกิดประกายไฟ หรือสปาร์ก (Spark) ในเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า เจ้ามังกรได้หม่ำเอาหินชนวนเข้าไป
พอหินย่อยแล้วก็จะกลายเป็น ผงทองคำขาว หรือแพลทินัม ซึ่งผงดังกล่าวนี้สามารถ ทำปฏิกิริยา
กับก๊าซไฮโดรเจน แล้วลุกเป็นไฟให้เจ้ามังกรพ่นออกมาได้

นอกจากกายวิภาคแล้ว เค้าก็ยังสันนิษฐานถึงพฤติกรรมดำรงชีวิตของมังกรไว้ด้วย อาทิ



การผสมพันธุ์ - จะเป็นแบบเดียวกับ ลูกหลานของมันประเภทหนึ่งคือ นกอินทรีหัวล้าน (bald eagle)
ซึ่งเป็นวิธีการพิสดารไม่เหมือนใคร โดยนกอินทรีตัวผู้ตัวเมียจะใช้กรงเล็บ เกาะกุมกันไว้กลางอากาศแล้ว
ผสมพันธุ์ ช่วงนั้นมันทั้งคู่จะปราศจาก การควบคุมสมดุล และควงสว่านลงมาจากนภากาศ มันจะเสพสมสำเร็จ
ในวินาทีก่อนที่จะตกกระทบพื้นดิน แล้วพลันโผผินบินขึ้นสู่ท้องฟ้าผละจากกัน มังกรตัวผู้ตัวเมีย ก็ผสมพันธุ์
เฉกเช่นเดียวกับนกอินทรี หากแต่ตอนผละจากกันนั้น มันจะพ่นอัคคีออกมาพวยพุ่งเป็นสองลำในอากาศ

การหลอกศัตรู - เจ้ามังกรตัวน้อยๆนั้น อาจตกเป็นเหยื่อแก่ไดโนเสาร์โหดอย่างที-เร็กซ์ (T-REX) ได้โดยง่าย
ใต้ปีกของมันจึงมีรูปดวงตาเบ้อเร่อสีสดใส ยามมีภัยมาใกล้ตัวมังกรน้อยจะกางปีกแผ่ออก ดวงตา คู่ยักษ์
จะทำให้ศัตรูประหวั่นพรั่นใจ และแตกตื่นกระเจิงไป

ก็คงรู้ถึงเอกลักษณ์ของความเป็นมังกร พอควรแล้ว ทีนี้มาดูกันว่าสัตว์ ดึกดำบรรพ์อันน่าจะเป็นที่มาที่ไป
ของมังกรนั้น ...คืออะไร




ย้อนกลับไปในยุค ไตรแอสสิก (TRIASSIC) หรือราว 200 ล้านปีก่อน ซึ่งสัตว์จำพวกครึ่งบกครึ่งน้ำ
ได้ถือกำเนิดบนโลกนี้แล้ว เจ้าพวกนี้บิน หรือพ่นไฟไม่ได้หรอกครับ ได้แต่วิ่งสี่ขาเพ่นพ่าน ต่อมาบางตัว
ได้เริ่มต้นวิ่งด้วยสองขาหลัง ดังนั้น สองขาหน้าของมันจึงไร้ประโยชน์แล้วเลยกลายเป็นปีก
สามารถเหาะเหินขึ้นสู่ฟ้าได้ นี่ก็น่าจะเป็นบรรพบุรุษตัวหนึ่งของมังกรได้




ล่วงมาถึง 65 ล้านปีในอดีต สัตว์เลื้อยคลานสี่ขาบางตัวมีอวัยวะคู่ที่ 3 งอกขึ้นมาเป็นปีก เจ้าตัวนี้มีทีท่า
น่าจะคล้ายมังกรที่เรารูจักมากที่สุด เพราะมันบินได้ และมีกระเพาะ ที่ย่อยสลายแล้วได้ก๊าซไฮโดรเจน
อันเป็นต้นตอของไฟที่มันพ่นออกมา หากทว่าบางตัวเอาแต่จับปลาหาเต่ากินในน้ำ มันจึงแปรสภาพไป
เป็นสัตว์น้ำโดยสมบูรณ์ ปีกกลายเป็นครีบ เจ้ามังกรที่ว่านี้ ก็อย่างเช่น สัตว์ประหลาดยักษ์ที่ร่ำลือกัน
ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (LOCH NESS) หรือเจ้าเนสสี นั่นเอง




สำหรับ มังกรบางตัวที่ขึ้นมาหากิน บนบกนั้นก็มี อาทิ มังกรในป่าไม้ ลำตัวของมันคงยาวเหมือนตอนอยู่ในน้ำ
เพื่อว่าเวลาวิ่งผ่านต้นไม้ จะได้สะดวก ส่วนปีกนั้นสั้นลงจะได้ไม่เกะกะ มันก็เลยบินจริงๆไม่ได้ อาจแค่กระโดด
พะเยิบพะยาบ ไปตามพื้นดิน “มังกรป่า” เหล่านี้ ปัจจุบันพอพบได้ ตามหมู่เกาะบางแห่งของญี่ปุ่น
ในป่าละเมาะและดงดิบ ของจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้




นอกจากนี้ ก็ยังมี “มังกรภูเขา” ซึ่งส่วนใหญ่ อยู่ในยุโรป รูปร่างของมันจะม่อต้อไม่เรียวเหมือนมังกรทะเล
ทำให้มันบินได้คล่องตัวกว่า หางของมันยาวพอๆกับลำตัว ที่ปลายหางเป็นรูปหัวลูกศรซึ่งคมกริบ
เป็นอาวุธสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มังกรใช้ตวัดใส่ศัตรู


และต่อไปนี้คือเรื่องราวของมังกรหลายตัวซึ่งปรากฏสู่สายตาเราในช่วงเวลาที่ผ่านมา

-ลาดอน มังกรกรีกโบราณซึ่งคอยเฝ้าต้นแอปเปิ้ลทองคำของเทพีเฮร่า เฮอร์คิวลิสฆ่าลาดอน
เพื่อขโมยแอปเปิ้ลเหล่านั้น




- มังกรเทพเจ้าของชาวจีน ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชนชาติจีน ชาวจีนทั่วโลกประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่า
"หลุง ติ๊ก ฉวน เหยิน" หรือสายเลือดมังกร มังกรมักได้รับการกล่าวถึงในฐานะสัตว์เทพเจ้าในตำนาน
ซึ่งทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง และโชคดี



- โยงูเนะ-นูชิ มังกรญี่ปุ่นที่ชั่วร้าย ซึ่งปรารถนาเนื้อมนุษย์ และสั่งให้เอาหญิงสาวมาบูชายัญปีละครั้ง




- ราหู และเกตุ มาจากตำนานของชาวอินเดีย และมีความสำคัญในโหราศาสตร์ตามหนังสือพระเวทย์
ราหูเป็น "หัวมังกร" เกี่ยวข้องกับวงโคจรด้านเหนือของดวงจันทร์ เกตุเป็น "หางมังกร" เกี่ยวข้องกับ
วงโคจรด้านใต้ของดวงจันทร์



- ฟัฟเนอร์ มังกร ในเทพนิยายของชาวนอร์ส (สแกนดิเนเวีย) เดิมทีเกิดมาเป็นยักษ์ ในวัยเด็กได้ฆ่าพ่อ
ของตนเพื่อยึดสมบัติ หลังจากนั้นด้วยอำนาจวิเศษ ฟัฟเนอร์ก็แปลงร่างเป็นมังกรเพื่อจะรักษาสมบัติใหม่ๆ
ที่ได้มาอย่างชั่วร้ายได้ดียิ่งขึ้น

- เอช.อาร์.พัฟเฟินทัฟ ภาพยนตร์ซีรี่ส์ในทศวรรษที่ 1970 นำเสนอมังกรพูดได้ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี
ของเกาะลิฟวิ่งไอส์แลนด์ เกาะซึ่งเด็กวัยรุ่นชื่อจิมมี่ และขลุ่ยพูดได้ของเขาชื่อเฟรดดี้ไปติดอยู่
เพราะวิชีเอพูผู้ชั่วร้าย

<a href="http://www.youtube.com/v/ttQSs35Z7nE?version=3&amp;amp;hl=th_TH" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/ttQSs35Z7nE?version=3&amp;amp;hl=th_TH</a>


- มังกรของพีท เรื่องราวไลฟ์แอ๊คชั่นผสมกับตัวการ์ตูนซึ่งยังเป็นที่ติดอกติดใจของเด็กๆ




- พัฟฟ์เดอะเมจิคดราก้อน เพลงอันดับหนึ่งในชาร์ตในปี 1960 ผลงานของปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี่
ที่แต่งขึ้นจากบทกวีเกี่ยวกับความไร้เดียงสาของวัยเด็กที่สูญหายไป

<a href="http://www.youtube.com/v/Wik2uc69WbU?version=3&amp;amp;hl=th_TH" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/Wik2uc69WbU?version=3&amp;amp;hl=th_TH</a>


- ดราก้อนฮาร์ท ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 1996 สร้างโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ เล่าเรื่องราว
ในยุคกลางของมังกรตัวสุดท้ายในโลก

<a href="http://www.youtube.com/v/SF9tgeo1HuA?version=3&amp;amp;hl=th_TH" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/SF9tgeo1HuA?version=3&amp;amp;hl=th_TH</a>

- มูชู มังกรตัวการ์ตูนจากภาพยนตร์เรื่อง "มู่หลาน" ของดิสนีย์ รับบทเป็นองครักษ์ที่ทรงพลัง
คอยช่วยมู่หลานต่อสู้กับผู้บุกรุกแผ่นดินชาว ฮั่น และนำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลของเธอ



- นอร์เบิร์ต ลูงมังกรของแฮกริดในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนศิลาอาถรรพ์ ที่น้องๆ ได้พบตั้งแต่
เจ้านอร์เบิร์ตฟักตัวออกจากไข่และพ่นไฟใส่เคราของแฮกริด ก่อนจะได้พบกับเจ้ามังกรพันธุ์
ฮังกาเรียนหางหนามในศึกประลองเวท



- ชาริซาร์ด มังกรบินพ่นไฟจากวิดีโอเกมและเกมไพ่สะสมโปเกมอน ชื่อภาษาญี่ปุ่น
ของชาริซาร์ดคือ "ริซาอาดอน" (ลิซาร์ดอน)



- มังกรขาวตาสีฟ้า หนึ่งในไพ่ยูกิโอรุ่นแรกๆ ปรากฏตัวในภาคแรกของซีรี่ส์
โทรทัศน์ชุด The Heart of the Cards



ไม่ว่าจะยุคสมัยนี้นหรือว่าในยุคสมัยนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้เลยว่าแท้จริงแล้ว
มังกร มีจริงในโลกใบนี้หรือเปล่าหรือว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนาน ที่เขาได้เล่ากันต่อ ๆ กันมา
เป็นยุคสมัย แล้วคุณว่ายังไงล่ะคิดว่ามังกรมีจริงในโลกใบนี้หรือไม่?


cradit :: exteen.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 ธันวาคม 2011, 16:10:53 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

CityCM

  • แอบหื่น
  • ***
  • กระทู้: 31
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้อนรับสู่ปีมังกรกับ ตำนานมังกร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 03 มกราคม 2012, 22:41:48 »

ผมเชื่อว่ามีจริงครับ เจอทุกวัย ตั้งแต่เด็กยันโต โดยเฉพาะตอนถอดกางเกง  ;khhg

KinTabb

  • Administrator
  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 100
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้อนรับสู่ปีมังกรกับ ตำนานมังกร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 09 มกราคม 2012, 23:10:18 »

พึ่งรู้ราหูก็เป็นมังกร

lexlex

  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1290
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-1
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: ต้อนรับสู่ปีมังกรกับ ตำนานมังกร
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 18 มกราคม 2012, 18:58:29 »

มังกรคือพยานาค
อายุบ่เกี่ยว จะเหี่ยวหรือตึง ก็เด้งดึ๋งได้