-->

ผู้เขียน หัวข้อ: >>> วิชา "ร่างวัชระ" ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย! <<<  (อ่าน 2245 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Nick2005

  • บุคคลทั่วไป





ตำนานเก่าสอนไว้ว่า ผู้บรรลุเต๋า เรียกว่า เต๋าหยิน คือ เซียนชั้นสูง ท่านก็มุ่งเจริญ
" ฌานโลกีย์ " บำเพ็ญฌานโลกีย์อย่างนี้ให้ได้ก่อน เป็นฐานเบื้องต้นของลัทธิเต๋า
บำเพ็ญบารมีทำฌานโลกีย์พอสูงสุด พอได้บรรลุถึงวัชรจิต ท่านอริยครูเหล่านี้
พอถึงขั้น " วัชรจิต " ได้แล้ว ร่างกายของท่านมักจะใช้อาหารหยาบเพียงเล็กน้อย
ใช้ลูกไม้ เซียนท้อ ลูกสองลูกก็อยู่ได้รอด ดังเช่น ตำนานดั้งเดิมของฤาษี โยคี
อินเดีย ก่อนพุทธกาล ก็มีแล้ว เข้าสูตรที่ว่าถือศีลกินวาตา เช่นกัน อายุมักจะยืน
เป็นร้อยเป็นพันปีก็มี พระคัมภีร์เก่าของสำนัก " คงท่งซัว " ลัทธิเต๋าก็สอนกล่าว
ไว้อย่างนี้ แต่ยังไม่ใช่ทางมรรคผลนิพพานเท่านั้น




ตำนานเก่าสอนไว้ว่า พระพุทธศาสนานิกายเซ็น ( ฌาน ) เก็บเรื่องไว้เป็น
หลักฐานได้ดีว่า ต้องฝึกหัดทำฌานโลกีย์ให้ได้ก่อนกรรมวิธีดั้งเดิมสอนให้
กำหนดจิต โคจรลมปราณ จีนแปลเรื่องนี้ไว้ว่า ทำสมถะกับลมหายใจตนเอง
ก่อน ก็คือเอาจิตไปคอเคลีย ตรงลมหายใจเข้า ปล่อยลมหายใจออก
เรียกว่าสมถะ เจริญสมถะอย่างนี้ไปนาน ๆ ผลจะเกิดขึ้นเช่นรู้สึกว่าอิ่ม
สบาย ไม่ต้องสูดลมหายใจมาก ๆ เหมือนแต่ก่อน ก็อยู่ได้อย่างหนึ่งตรงนี้
แสดงว่า ร่างกายเราได้สูดลม กินอากาศไว้เต็มปอดแล้วก็คือกินวาตานั่นเอง
ผลที่ดีจะมีสมาธิตามมาโดยธรรมชาติ จิตเกิดสมาธิเกิดขึ้นเอง




อริยครูเซ็น ( ฌาน ) ท่านสอนว่าเพียงแค่ฌาน ๔ มีมาก่อนพุทธกาลนานแล้ว
คือ จัดว่าอยู่ในขอบเขตของ รูปฌาน - รูปฌานจะทำได้ต้องอาศัยรูป นิมิตร
หือลมปราณ เช่นสูตรอานาปาณะ ทำลมหายใจเข้า ปล่อยลมหายใจออก
ก็ยังต้องเกาะอาศัยรูปแบบ เพียงได้แค่ฌาน คือรูปฌาน เพราะว่าต้องอาศัย
รูปจึงทำได้ เรียกว่า " ฌานโลกีย์ " ( จดจำตรงนี้ )




เมื่อได้รูปฌานโลกีย์แล้ว จุดเด่นส่วนมาก จะนั่งหรือจะนอน ตัวมักจะแข็ง
นั่งได้ทน บางคนแข็งทื่อ ถ้าจิตกำหนดตามจะนั่งได้นาน ๆ ตามต้องการ
เช่นเข้าฌานโลกีย์อยู่ ๓ วัน หรือทำฌานโลกีย์อยู่ได้ ๗ วัน มีได้เป็นได้มา
หลายพันปีแล้ว พออยู่ฌานโลกีย์ ไม่กินอาหารเลยตั้ง ๓ วันหรือ ๗ วัน
ทำไมยังไม่ตายอย่างนี้ เพราะว่าได้กินลม กินวาตา กินอากาศ จึงอยู่ได้รอด
มีได้เป็นได้ แต่มีน้อยมากแล้ว แทบจะศูนย์พันธุ์ไปแล้ว



มีตำนานกล่าวไว้ว่า พระมหากัสสปะเถระ ( ม่อฮอเกียบเฮียบจุนเจี้ย ) จัดว่าเป็น
พระสังฆาชองค์ที่ ๑ ของพระพุทธศาสนา ( เป็นประธานสังฆคายนาครั้งที่ ๑ )
เป็นปฐมาจารย์ของเซ็น ( ฌาน ) องค์ที่ ๑ อักด้วย .



พระมหากัสสปะเถระ ท่านนำอัฐบริขาร ไปนั่งเข้าฌานชั้น เข้านิโรธสมาบัติ *
คอยพระศรีอริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ ในถ้ำเขาตีนไก่ อินเดีย คอยอีกตั้ง
๕, ooo ปี อย่างนี้ท่านยังไม่ตาย เข้าสูตรที่ว่า ถือศีลกินวาตา นั่งนิ่ง ๆ ได้ตั้ง
๕, ooo ปี อย่างนี้ตำนานยังจัดว่า เป็นฌานโลกีย์ ** เพราะอยู่ในรูปฌาน
ทำให้มีอายุยืนนาน " ได้วัชรกาย " ร่างกายคงทนนาน " ได้วัชรจิต " จิตคุม
ธาตุต่าง ๆ ทำให้สังขารทางอยู่รอดได้ตามที่ต้องการ


ถ้าจะหลุดพ้นวัฏสงสารจริง ๆ แล้ว ต้องเป็นอรูปฌาน อรูปฌานเป็นฌานโลกุตระ
จึงหลุดพ้นวัฏจักรเกิดและตายได้เพราะอรูปฌาน เป็นฌานที่ไม่มีรูป ดับรูปนิมิตร
ต่าง ๆ จิตว่างตรงนี้เซ็นต้องการ มุ่งสอนให้เข้าเป้าหมายตรงนี้ เป็นฌานโลกุตระ
สุญตานิพพานแล ... สาธุ !



* นิกายเซ็น ( ฌาน ) เป็นหลักธรรมสายตรงมาจากอินเดีย แปลคำว่า นิโรธสมาบัติ
คือ หยุดการเคลื่อนไหวแห่งจิตและกายไว้ชั่วคราวก่อน ( คือนิโรธสมาบัติ )



** พวกฤาษี โยคี อินเดีย และเซียนชั้นสูงในลัทธิเต๋าเมืองจีน ทำได้แค่ฌาน ๔
คือรูปฌานเป็นฌานโลกีย์ หลักสูตรเหล่านี้เป็นบรมธรรมมีมาก่อนพุทธกาล
นมนานแล้ว






พบร่างหลวงจีนอายุ 160 ปีที่เหอหนันไม่เน่าไม่เปื่อย




คุณเชื่อเรื่องอภินิหารของพระนักบวช ผู้ที่มีบำเพ็ญตบะอย่างแข็งกล้า เมื่อมรณภาพแล้วร่างจะไม่เน่าเปื่อย หรือถ้าเผาแบบบ้านเรา กระดูกที่ถูกเผาแทนที่จะเป็นอัฐิสีขาวๆ กลับกลายเป็นอัฐิใสๆ ราวกับแก้ว ฯลฯ ที่เราเรียกว่า ?พระธาตุ?


แต่ส่วนมากที่เราจะได้ยินมักเป็นพระภิกษุในคนไทย ประเทศจีนเพื่อนบ้านของเราเขาก็มีเหมือนกัน


ซึ่งเขาพบหลวงจีน มรณภาพนามว่าอู๋อวิ๋นชิง อายุ 160 ปีร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย ที่วัดหลิงฉวน อำเภออันหยาง ในมณฑลเหอหนัน แม้จะมรณภาพมาแล้วกว่า 8 ปีก็ตาม ทั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ราคาค่าเข้าชม 20 หยวนต่อคน


ประวัติของหลวงจีนอู๋อวิ๋นชิงนี้เกิดเมื่อปี ค.ศ.1838 ในเมืองซิ่งหยาง เมื่ออายุ 15 ปีบิดามารดาเสียชีวิต หลังจากนั้นจึงออกจากบ้านเพื่อออกบวช จนกระทั่งมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อปี ค.ศ.1998(หรือ พ.ศ.2541)

กลายเป็นเรื่องอัศจรรย์มากของคนจีน เพราะเค้าไม่เคยเห็นผู้ที่บำเพ็ญตบะจนร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อยแบบนี้ แหม?แต่เค้าหัวใสจริ๊ง เห็นความแปลกประหลาดของหลวงจีนองค์นี้ กลายเป็นที่ทำมาหากินซะนี่ เห็นอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมดเลย

ผู้เขียนคิดว่าหลวงจีนองค์ที่มรณภาพคงบำเพ็ญตบะชั้นสูง จนกลายเป็นผู้ที่สะอาดทั้งกายและจิตใจ ทุกอย่างในร่างกายจึงไม่เน่าแต่อย่างใด หมายถึงว่าหลวงจีนองค์นี้ได้กลายเป็นผู้บรรลุธรรมขั้นสูง สมแล้วที่ท่านเป็นผู้บำรุงพุทธศาสนาโดยแท้จริง จึงสมควรยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป สาธุ?





สรีระร่างพระสังฆปรินายกเว่ยหลาง



สรีระร่างจริงพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิ์แจ้งมหาเถระ)
ณ วิหารบูรพาจารย์ วัดโพธิ์แมนคุณาราม

...

3p

  • บุคคลทั่วไป
Re: >>> วิชา "ร่างวัชระ" ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย! <<<
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2008, 13:35:05 »

การเข้าณาน..หลายวัน หรือเป็นเดือนๆ ทางพระท่านเรียกเข้านิโรสมาบัติ
การเข้าณาน..ส่วนมากเพื่อให้เกิดกำลังสติ ถ้าหมั่นกลับมาพิจารณากายหยาบและกายละเอียดให้เกิดปัญญา
รูปณาน 4 ทำได้ลมหายใจก็ดับแล้ว(ความจิงมีอยู่ เพียงแต่ละเอียด) ประโยชน์มากมายนานับประการแล้วแต่
ผู้ทำได้จะใช่ทำไร  การเล่นของต่างๆก็ใช่ ถ้าไม่เคยหรือทำสมาธิไม่ได้ถึงณาน 4 ก็ไม่ได้ผล
คณาจารย์สมัยโบราณ จึงมักสอนลูกศิษย์ที่เรียนวิชาต่างๆให้ ทำให้เป็นวสี(ทำให้เป็นปกติ เหมือนเราหายใจ) 8ujn

Nick2005

  • บุคคลทั่วไป
Re: >>> วิชา "ร่างวัชระ" ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย! <<<
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2008, 14:11:36 »

ขอบคุณมากครับ ท่าน 3p สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ    ;khhg

ZOIDS

  • บุคคลทั่วไป
Re: >>> วิชา "ร่างวัชระ" ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย! <<<
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2008, 17:18:42 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ครับ  ;kljj

coompranang

  • บุคคลทั่วไป
Re: >>> วิชา "ร่างวัชระ" ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย! <<<
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2008, 20:33:10 »

แถวบ้านผมก็มีอยู่ครอบครัวหนึ่งที่ทำการเข้าณาน....แต่เป็นชาวบ้านปกตินะ

3p

  • บุคคลทั่วไป
Re: >>> วิชา "ร่างวัชระ" ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย! <<<
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2008, 13:18:24 »

แถวบ้านผมก็มีอยู่ครอบครัวหนึ่งที่ทำการเข้าณาน....แต่เป็นชาวบ้านปกตินะ

การเข้าณาน..ไม่ว่ารูปณาน หรือ อรูปณาน ไม่จำเป็นต้องเป็นพระหรือนักบวชครับ ทำได้ทุกคน..
แต่โดยมาก  kmkmทำถึงจุดๆนึงอาจจะหลงได้ง่ายยยยยย 9ikm