เมื่อผ่านพ้นคืนแรก ผ่านไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา บรรเทาปวด ก็ตื่นมาราวตีห้ากว่าๆ เมื่อผู้ช่วย
พยาบาล มาวัดไข้ วัดความดัน วัดออกซิเจนในเลือด สัญชาตญาณของคน มันก็มีอาการอยาก
ถ่ายหนัก แล้วลุกไปห้องน้ำ ดึงผ้าก๊อตห่อสำลีที่ติดไว้เพื่อซับเลือดออก อาการปวดแสบเริ่มแล้ว
ขณะนั่งชักโครก มันยังถ่ายไม่ออก เจ็บปวดมาก มันถ่ายไม่ออก ก็กลับมานอนพักเช่นเ่ดิม
เวลาถึงเวลาทานอาหารเช้าแล้ว ก็มีอาการปวดอยากถ่ายอีก ก็ไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ถ่ายออก
แล้วมีเลือดสด เลือดเป็นลิ่มออกมาด้วย มันทั้งรู้สึกปวดแสบระคนกันไปหมด แล้วออกห้องน้ำมา
ก็เรียกพยาบาล ขอยาลดปวดหน่อย แล้วพยาบาลก็จัดเพิ่มมาให้กับยาที่ทาน ตามชุดปกติ
ซึ่งมียาลดบวม ยาฆ่าเชื้อ/แก้อักเสบ ยาบรรเทาริดสีดวง ยาบบรรเทาปวด และผงละลายน้ำ
ที่ทำให้อุจจาระนิ่ม ซึ่งยาชุดนี้ทางเภสัชกรของโรงพยาบาลบอก ต้องทานต่อเนื่องครบ 12 วัน
แล้วราวๆ 10 โมง แพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้ และทำการผ่าตัดได้มาตรวจและดูอาการ ซึ่งยังมี
อาการบวมและมีเลือดซึมอยู่ ซึ่งแผลจากการผ่าตัดแบบนี้จะหายช้า เพราะแผลมันได้ สัมผัส
กับสิ่งที่ร่างกายขับถ่ายมาด้วย แล้วคุณหมอได้เอารูปของก้อนเนื้อมาให้ดู เห็นแล้วตกใจมาก
มันใหญ่เทียบไม้บรรทัดแล้ว มีขนาดถึง 5 เซนติเมตร และผิวของมันเป็นปุ่มๆ คล้ายกับกระหล่ำดอก
ผิดกันตรงก้อนเนื้อที่ผ่าออกมานี้มันมีสีแดงก่ำ เห็นแล้วต้องบิดหน้าหนี คนที่กำลังจะทานข้าวมาเห็น
บอกได้เลยว่าทานข้าวไม่ลงแน่ แล้วหมอก็ส่งชิ้นเนื้อนั้นไปตรวจอยู่ จากนั้นคุณหมอก็สั่งงาน
กับพยาบาลแล้วก็ออกไป โดยจะให้แม่บ้านเอากาละมังพาสติกมาให้ เพื่อใส่น้ำอุ่นแล้วนั่งแช่
มันจะทำให้อาการบวมลดลงเร็ว และลดอาการปวดได้ ซึ่งผลที่ได้นั้นเป็นจริงดั่งที่หมอให้ทำ
หมอมาเยี่ยมทุกวันจนอาการดีขึ้นตามลำดับ เลือดไม่ซึม อาการบวมลดลงมาก นอนอยู่ตั้ง 5 คืน
หมอถึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วทางเภสัชกรได้จัดยาให้มาทานต่อ หมดค่ารักษาไปพอควร
โชคดีที่มีประกันสุขภาพกับบริษัทประกันชีวิต ก็จ่ายเพิ่มอีกเพียงราวๆ หนึ่งหมี่นสามพันกว่า
เดี๋ยวก็จะได้ค่าชดเชยมาอีกห้าพันบาท ตอนนี้ถึงเริ่มเห็นคุณค่าของการทำประกัน
ชีวิตที่มีประกันสุขภาพไปด้วย ก็ขอเล่าถึงเมื่อวันออกโรงพยาบาล ทางหมอก็จะแจ้งทางเจ้าหน้าที่
พยาบาล ทางพยาบาลก็จะประสานไปยังฝ่ายการเงินผู้ป่วยใน โดยฝ่ายการเงินทราบแล้วว่าเรามี
ประกันสุขภาพ ก็จะแจ้งบริษัทที่รับประกันเพื่อใช้ระบบ FAX CLAIM ก็ต้องใช้เวลาราวๆสัก 2 ชม.
แล้วทางบริษัท ก็จะแจ้งโรงพยาบาล ว่าใช้สิทธิได้เท่าไหร่ ที่เหลือเราก็จ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้
ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบ ทุกระยะคือวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เพื่อไม่ให้เราต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
เมื่อทางฝ่ายการเงินแจ้งยอดเงินรวม และเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ ก็ลงไปจ่ายที่แผนกการเงิน
ของผู้ป่วยใน จากนั้นกลับมารอที่ห้อง ทางเภสัชกรก็จะให้เรามารับยาที่จะไปทานต่อที่บ้าน ที่
เคาน์เตอร์พยาบาลของแต่ละชั้น ซึ่งเภสัชกรก็จะอธิบายรายละเอียดและวิธีการทานยา พร้อมกันกับ
พยาบาลจะเอาใบนัดมาตรวจอาการ ที่หมดนัดเรามาให้ จากนั้นก็กลับมาขนข้าวของลงไปที่รถ
ที่จอดอยู่ลานจอดรถ หากมีของเยอะทางผู้ช่วยพยาบาลก็จะใส่รถเข็นนำไปส่งให้ ที่รถด้วย
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ได้รับรู้ไว้เพื่อ
1. ตนเองหรือญาติพี่น้องต้องเจ็บป่วย ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินเพื่อทำการผ่าตัด
ซึ่งมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแต่มันมีอาการเจ็บปวดบ้างและต้องใช้เวลาหน่อย
2. เพื่อให้หลายคนที่มีอาการเป็นริดสีดวงทวาร หรืออาการที่มันเป็นคล้ายกับผม
อย่าได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะหากมีเลือดไหลเป็นมูกออกมาด้วย แล้วไหลเกิน 1 สัปดาห์ไป
ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ดู
3. เพื่อให้ท่านที่มีกำลังเงินที่ไม่มากนัก ให้หันมาห่วงใยในสวัสดิการของตนเอง โดย
ท่านอาจจะทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันชีวิต หรือบริษัทประกันสุขภาพไว้ด้วย หากเกินกรณี
ฉุกเฉิกแบบผมเจอ มันจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาเรื่องค่ารักษาพยาบาลได้
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อท่านที่เข้ามาอ่าน และขอให้รักษา
สุขภาพด้วย ดั่งที่พระท่านได้พูดว่า " ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ "