-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ราชันแห่งแมนเชสเตอร์  (อ่าน 531 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

12972116

  • บุคคลทั่วไป
ราชันแห่งแมนเชสเตอร์
« เมื่อ: 30 มกราคม 2010, 00:53:00 »

 
 
ราชันแห่งแมนเชสเตอร์


เรียบร้อยโรงเรียนโอลด์แทร์ฟฟอร์ดกันไปหลังเจ้าหมูเวย์นศิษย์เฟอร์กี้โขกจมเรือเต็มกบาลในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเกมคาร์ลิ่งคัพรอบรองฯเลกที่สอง

เป็นอีกครั้งที่แมนซิตี้คู่ปรับร่วมเมือง 'แผ่วปลาย' ไม่ผิดเพี้ยนไปจากวินาทีสังหารจากปลายตีน 'เบบี้โกล์' ไมเคิ่ล โอเว่นเมื่อปีกลาย แม้ขวบปีได้เปลี่ยนผันจาก 2009 เข้าสู่ 2010, โีรแบร์โ้ต้ มันชินี่ก้าวเข้ามาคุมหางเสือแทนมาร์ค ฮิวจส์พร้อมความหวังของชนชาวซิติเซนส์

จนแล้วจนรอดลำพังแค่องค์ประกอบดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอต่อการผ่านแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันผู้ชนะสิบทิศแห่งเกาะอังกฤษไปได้

คาร์ลอส เตเวซเกือบจะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นราชันแห่งแมนเชสเตอร์ประจำศักราชนี้ได้สำเร็จเมื่อ 3 ลูกจาก 2 เลกที่เรือใบสีฟ้าทำได้เป็นผลงานของหอกอาร์เจนไตน์ล้วน ๆ และยังเกือบจะเป็นการล้างแค้นที่สมบูรณ์แบบ แต่ในท้ายที่สุดแค้นของอดีตหอก(ข้างแคร่)ยูไนเต็ดได้รับการชำระเพียงครึ่งเดียว หากถามหาอีกครึ่งหนึ่งที่ขาดหายคงหนีไม่พ้นความหวังเหยียบหญ้าสังเวียนเวมบลี้ที่สูญสลายไปนั่นเอง

ทางด้านมันชินี่กุนซืออิมพอร์ตได้เข้ามาทำให้เรือใบลำนี้แล่นฉิวกว่าเดิมด้วยระบบแนวรับอันเหนียวแน่นยิ่งขึ้นและเกือบนำความสำเร็จสู่ถิ่นซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อจอดป้ายแค่รอบเซมิไฟน่อลก็เหลือลุ้นเพียงโควต้า CL กับถ้วยเอฟเอคัพสุดขลัง

โทรฟี่โคปป้า อิตาเลียที่กุนซือจอมห้าวคว้ามาครองเมื่อครั้งคุมฟิออเรนติน่าช่วงต้นทศวรรษเป็นแชมป์แรกในเส้นทางคุมทีมของอดีตกุนซืออินเตอร์ มิลานทั้งที่เข้ามาเป็นชาวม่วงได้เพียงไม่กี่เดือน น่าเสียดายไม่น้อยที่ค่ำคืนแห่งแมนเชสเตอร์ดาร์บี้เวอร์ชั่นคาร์ลิ่งคัพขัดขวางเส้นทางไปสู่การซ้ำรอยประวัติศาสตร์

คงเร็วเกินไปที่จะประเมินมาตรฐานการทำงานของ 'มันโช่' ตั้งแต่เวลานี้ว่าจะรุ่งหรือจะร่วงกับเรือใบ อย่างไรก็ดีจากผลงานที่ช่วยฉุดฟอร์มทีมกระเตื้องขึ้นมานั้นก็พอบ่งบอกได้ว่าเรือใบสีฟ้ายุคนี้ดูมีราศีกว่าช่วงก่อนมากนัก

ถึงกระนั้นรูปเกมส่วนใหญ่ที่โรงละครแห่งความฝันยังคงตกอยู่ใต้คอนโทรลของเจ้าบ้านเป็นส่วนใหญ่อยู่ดี แต่ทรงบอลของแมนซิตี้ที่กล้าเล่นกันในพื้นที่จำกัด ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอเกมเพรสซิ่งของเหล่าอสูรแดงชี้ให้เห็นว่าทีมได้ยกระดับขึ้นมาใกล้เคียงบิ๊กโฟร์มากขึ้น

มองในเชิงระบบการเล่นของเรือใบสไตล์อิตาเลี่ยนจัดว่าผ่าน เหลือทางด้านความผิดพลาดส่วนบุึคคลและประสบการณ์ของผู้เล่นเท่านั้นที่ยังต้องติวเข้มกันต่อไป

แม้ไนเจล เด ยองมีความแข็งแกร่งในจังหวะเข้าปะทะและเข้าตัดบอลได้อย่างว่องไวแต่ก็ยังมีจุดอ่อนตรงการจ่ายบอลในช็อตคับขัน ชัดเจนว่าห้องเครื่องดัตช์แมนจ่ายบอลเสียบ่อยมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก

โดยสไตล์และหน้าที่ของเด ยองไม่ใช่คนที่เปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุกได้ก็จริง แต่เมื่อบอลง่าย ๆ ยังจ่ายพลาดก็ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่นกันแล้วล่ะ

เวลาที่แมนซิตี้ได้บอลสวนกลับขึ้นไปมักเกิดจากการลงมาล้วงบอลของบรรดาแนวรุกเสื้อฟ้า เตเวซ, เบลลามี่, ไรท์-ฟิลลิปส์ผลัดกันลงมา้เชื่อมเกมได้อย่างน่าดูชมแต่ที่ได้ผลและเล่นงานแนวรับยูไนเต็ดชนิดได้น้ำได้เนื้อมีเพียงฝั่งซ้ายที่เบลลามี่ดวลกับราฟาเอลซึ่งอ่อนประสบการณ์เท่านั้น จุดโทษที่แมนซิตี้ได้ในเลกแรกเป็นมุกเจาะทางราฟาเอลและจวบจนเกมนี้ซิตี้ก็ยังใช้ิวิธีเดิมเข้าโจมตี ประตูเดียวในเกมนี้ของซิตี้และจังหวะเข้าทำหลายครั้งถูกสร้างขึ้นมาจากเบลลามี่ ส่วนทางฝั่งขวาเจ้าไรท์จิ๋วตกเป็นรองเอวร่าแทบทุกกระบวนท่า

แต่ก็ใช่ว่าแนวรุกยูไนเต็ดจะเจองานง่าย ไรอัน กิ๊กส์ในวัยใกล้ปลดระวางดวลตัวตัวกับไมก้า ริชาร์ดส์ทีไรก็ไปไม่เป็นบ่อยครั้งแต่สิ่งที่กิ๊กส์มีมาทดแทนคือ 'ความเยือกเย็น' และเมื่อเอวร่าดันขึ้นเติมเป็นออปชั่นเสริม ความเชื่องช้าของกิ๊กส์จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าเจาะทางกราบขวาของซิตี้เท่าไร

การทำเกมริมเส้นแบบใช้ปีกซ้อนแบ็ค, แบ็คซ้อนปีก, ปีกดึงจังหวะรอแบ็ค ตลอดจนการเล่นชิ่งกันแค่ทีสองทีก็สามารถหลุดถึงเส้นหลังโดยอาศัยการเคลื่อนที่อันชาญฉลาดของผู้เล่นเป็นแนวทางที่เฟอร์กูสันชำนาญและใช้มาช้านานซึ่งก็ยังได้ผลจนถึงทุกวันนี้ สิ่งนี้เป็นอาวุธสำคัญของยูไนเต็ดมาตลอดยุคท่านเซอร์อเล็กซ์

ด้านกราบขวาที่มีนานี่ประจำการนั้นวูบวาบและเป็นความวูบวาบที่เคลือบแฝงไปด้วยประสิทธิภาพ ไม่ใช่ความวูบวาบที่ดีแต่โชว์อย่างที่เคยเป็นมา เล่นบอลน้อยจังหวะลงไม่หวงบอลเท่าที่เคย มีลูกเปิดแบบได้เสียกดดันแนวรับทีมเยือนหลายครั้ง แต่ขึ้นชื่อว่านานี่แล้วคำที่เหมาะที่สุดยังไงก็ต้องเป็นคำว่า 'ดูกันยาว ๆ' อยู่ร่ำไป

พอล สโคลส์กับไมเคิ่ล คาร์ริคสองจอมทัพผีแดงต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไหลลื่นแถมยังมีชื่อเป็นผู้ทำประตูกันทั้งคู่อีกต่างหาก นับเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายได้รับชัยและสมควรได้เครดิตไม่แพ้ประตูชัยของรูนี่ย์

ความทุ่มเท, ดุดันและแข็งแกร่งของดาร์เรน เฟล็ตเชอร์คอยเป็นแบ็คอัพชั้นยอดแก่สโคลส์กับคาร์ริครวมถึงแบ่งเบาภาระเพื่อนร่วมทีมตำแหน่งอื่นอีกด้วย ที่สำคัญยังทำให้แผงกลางแมนซิตี้ที่ต่อบอลกันไม่เนียนอยู่แล้วเล่นกันยากยิ่งขึ้นไปอีก

นาทีนี้เรือใบยังไม่แกร่งพอที่จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นปีศาจแดงได้อย่างเต็มตัวแม้เกมนี้มีจังหวะกระชากอารมณ์เล็กน้อยช่วงที่เจ้าหมูเวย์นสะดุดยอดหญ้าพลาดท่าปิดบัญชีด้วยการทิ้งห่าง 3-0 ตั้งแต่กลางครึ่งหลังทำให้ต้องออกแรงเหนื่อยยิ่งขึ้นกว่าจะคว้าตั๋วชิงชัยอีกใบมาได้เป็นผลสำเร็จ

โมเมนตัมเหมือนจะ้เทไปอยู่ฝั่งซิตี้ทันทีที่เตเวซส่งบอลเข้าไปกองที่ก้นตาข่าย แต่ยูไนเต็ดเป็นทีมที่มีทีเด็ดและคุณภาพเหนือกว่าคู่ปรับร่วมเมืองกอปรกับผู้เล่นคนที่ 12 ซึ่งส่งเสียงเชียร์กึกก้องทั่วโรงละครแห่งความฝัน ต่อให้เกมยืดเยื้อลากยาวถึง 120 นาทีก็ตามปีศาจแดงก็ยังมีภาษีดีกว่าไม่แปรเปลี่ยน

เหรียญเจ้ากรรมจากกองเชียร์ผีมือบอนที่พุ่งเข้าใส่กบาลเคร็ก เบลลามี่เต็มรักตอนที่เรือใบได้เตะมุมคงจะกลายเป็นปัญหาที่แชมป์เก่าต้องเผชิญบทลงโทษจากทางเอฟเอ แต่มันก็ไม่กระทบกระเทือนต่อเส้นทางสู่เวมบลี้ของกลุ่มคนเสื้อแดง

ดังที่กล่าวไว้ช่วงต้นบทความว่าเตเวซซึ่งเป็นไฮไลท์ในศึกครั้งนี้ 'เกือบ' จะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น 'ราชันแห่งแมนเชสเตอร์' ได้อยู่แล้วเชียวหากล้มทีมเก่าพาเรือใบเข้าชิงได้ แถมยังเคยคว้าแชมป์สมัยอยู่ผีแดงไปไม่น้อย คริสติอาโน่ โรนัลโด้ที่สร้างผลงานเลื่องชื่อเอาไว้ก็ได้กลายเป็นอดีตหลังจากหนีไปสวมชุดขาว ดังนั้นตำแหน่งราชันแห่งแมนเชสเตอร์ฤดูกาลปัจจุบันคงไม่อาจหนีพ้นชายคนนี้ไปได้

ผลงานซัด 19 ตุงนำดาวซัลโวพรีเมียร์ชิพอยู่ในขณะนี้แถมเพิ่งโชว์ฟอร์มอำมหิตกดฮัลล์ ซิตี้คนเดียวซะ 4 เม็ด อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความสำคัญต่อปีศาจแดงอย่างยิ่งชนิดถ้าขาดไปรับรองว่าต้องขาดใจตาย

เวย์น รูนี่ย์ เจ้าของประตูชัยแย่งซีนเตเวซนั่นแล...
 

vrc

  • บุคคลทั่วไป
Re: ราชันแห่งแมนเชสเตอร์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 30 มกราคม 2010, 01:30:56 »

เสียดายแทน เตเวซ อ่ะ อิอิอิ  ttu

mrskyeyes44

  • บุคคลทั่วไป
Re: ราชันแห่งแมนเชสเตอร์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 30 มกราคม 2010, 20:38:04 »

 ouiy น่าจะมาอยู่ลิเวอร์พูล ดีกว่านะ เตเบส...