-->

ผู้เขียน หัวข้อ: สามฤดูกาลที่โอลด์แทรฟฟอร์ด (1)  (อ่าน 400 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pheebar

  • รอง Global Moderator
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1435
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-1
    • ดูรายละเอียด
สามฤดูกาลที่โอลด์แทรฟฟอร์ด (1)
« เมื่อ: 21 เมษายน 2012, 11:08:36 »

ทศวรรษ 1980 ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมกับตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 1 ที่ทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่าง “ปีศาจแดง”  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมันอยู่ดี หลังจากที่พวกเขาได้ครอบครองเป็นครั้งหลังสุด ตั้งแต่ฤดูกาล 1966 – 67 เป็นต้นมา


..... 10 ปีที่ผ่านไป โดยไม่มีตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 1 ให้บรรดาแฟน ๆ “เร้ด อาร์มี่” ได้ชื่นชมสมใจ ...ย่อมเป็นความผิดหวังอย่างรุนแรงที่สุด สำหรับผู้บริหาร, ผู้จัดการทีม , นักเตะ, ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและแฟน ๆที่คอยเป็นกำลังใจและสนับสนุนอยู่ทั้งมวล!


ในระหว่างช่วงทศวรรษ 1970  ทีม “ปีศาจแดง”  สามารถคว้าถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติไปครองได้เพียงครั้งเดียว จากตำแหน่งแชมป์ เอฟ.เอ.คัพ ในปี 1977...สำหรับในศึกดิวิชั่น 1  พวกเขาทำได้ดีที่สุด เพียงแค่เข้าป้ายในฐานะรองแชมป์เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1979 – 80 เท่านั้น


....ทศวรรษที่ 1970 ได้สร้างความผิดหวังให้แก่บรรดา “เร้ด อาร์มี” ไปแล้ว...และทุกคนก็ได้แต่ตั้งความหวังว่าทศวรรษ 1980 จะกลับคืนสู่ยุคทองของแมนฯยูไนเต็ดอีกครั้ง ...แต่ไป ๆ มา ๆ อีก 10 ปีที่ผ่านพ้นก็ยังไม่มีถ้วยชนะเลิศดิวิชั่น 1 ให้พวกเขาได้เชยชมอยู่ดี


แมนฯยูไนเต็ด จบฤดูกาลแรกของทศวรรษ 1980 ด้วยการได้เพียงแค่อันดับที่ 8  ในตารางดิวิชั่น 1 เท่านั้น และนั่นก็ส่งผลทำให้ เดฟ   เซ็กซ์ตัน ต้องถูกเขี่ยออกจากเก้าอี้ผู้จัดการทีมไป


...แต่หลังจากนั้นอีก 5 ปีต่อมา ภายใต้การคุมบังเหียนของ รอน แอ๊ตกินสัน แมนฯยูไนเต็ด ก็ทำได้เพียงติดอันดัน 3 ในสองฤดูกาลติดต่อกัน และได้อันดับ 4 อีก ถึงสามฤดูกาลรวด


แอ๊ดกินสัน ยอดกุนซือจอมโอ่อ่า พยายามที่จะปฏิวัติรูปโฉมของทีม “ปีศาจแดง”ใหม่หมดอย่างชนิดที่เรียกว่ายกเครื่องกันเลยทีเดียว ...เขาเซ็นเช็คจ่ายเงินออกไปเป็นค่าตัวนักเตะดาวดังมากหน้า ที่เรียงรายกันเข้าสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไบรอัน ร็อบสัน , เรมี่ โมเสส ,  จอห์น  กิ๊ดแมน   และพอล แม็คกรัธ  ในฤดูกาลแรกสุดของเขากับแมนฯยูไนเต็ด ก่อนที่พลพรรค “ปีศาจแดง”จะได้อันดับ 3  ของดิวิชั่น 1


ฤดูกาลต่อมา แม้ว่าแมนฯยูไนเต็ดยุคของ “บิ๊กรอน” จะได้พาเหรดเข้าสู่เวมบลีย์  ในนัดชิงชนะเลิศของบอลถ้วยถึงสองรายการด้วยกัน โดยได้แชมป์เอฟ.เอ.คัพ ไปครองหลังจากปราชัยในศึกมิลค์คัพไปก่อนแล้ว แต่สำหรับเส้นทางดิวิชั่น  1 พวกเขาก็ยังอยู่สุดสุดเพียงอันดับ 3 เหมือนเดิมเท่านั้น


ในฤดูกาล 1982 – 83 นั้น อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของแอ๊ตกินสันก็เป็นได้ เมื่อเขาได้ปล่อยตัว ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ ให้หลุดลอยกลับไปยังทีมแวนคูเว่อร์ ไวท์แคปส์ในฟุตบอลลีกอเมริกาเหนือ หลังจากได้ทำสัญญาคว้าตัวยอดดารากองหน้าทีมชาติอังกฤษในปัจจุบันรายนี้ เข้าสู่ถิ่นโอลด์  แทร็ฟฟอร์ด ในราคา 250,000 ปอนด์ แล้ว แต่ข้อตกลงก็มีอันต้องยกเลิก โดยที่เขาตัดสินใจปล่อยตัว เบียร์ดสลี่ย์ ไปอีก ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเปิดโอกาสให้ เบียร์ดสลี่ย์  ลงโชว์ฝีเท้าในชุดของทีม “ปีศาจแดง”เพียงแค่ครึ่งเกมเท่านั้น!


อลัน บราซิล , อาเธ่อร์ เกรเฮม และเจสเปอร์ โอลเซ่น  ถูกนำตัวเข้าเป็นพลพรรค “ปีศาจแดง” ระลอกใหม่ในฤดูกาลต่อมา และแมนฯยูไนเต็ดก็ได้เพียงอันดับ 4 ของดิวิชั่น 1 ก่อนที่กอร์ดอน สตรั๊คคั่น จะเข้าเสริมเป็นเวลาต่อมาในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 1984 – 85 ซึ่งทำให้เมื่อจบฤดูกาลนั้น บรรดา “เร้ด อาร์มี่” ยังพอมีรอยยิ้มออกมาบ้าง จากการที่แมนฯยูไนเต็ด พิชิต อีเวอร์ตัน ได้สำเร็จ 1 - 0 ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟ.เอ.คัพ...แต่กับศึกดิวิชั่น 1, อันดับ 4 ก็ยังเป็นเลขถูกโฉลกกับพวกเขาอยู่ต่อไป


เริ่มต้นฤดูกาล 1985 – 86 แมนฯยูไนเต็ด ทำท่าว่าจะทะยานโลดแล่นไปได้อย่างสวยสดงดงาม และยังมีโอกาสมองไปยังตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 1ได้มากที่สุด เมื่อพวกเขาออกสตาร์ทด้วยชัยชนะถึง 10 นัดติดต่อกันในศึกลีกดิวิชั่น  และทำแต้มผงาดง้ำนำห่างคู่ปรปักษ์ทีมอื่นๆ ไปก่อนอย่างโดดเด่น...แต่ผลสุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจยืนระยะรักษาผลงานและฟอร์มอันสุดยอดนั้นเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่งอยู่ดี ทำให้เมื่อจบฤดูกาล ชื่อของแมนฯยูไนเต็ด หล่นไปอยู่เพียงอันดับ 4 (อีกครั้ง) เท่านั้น


...และแล้วแอ๊ตกินสันก็ต้องระเห็จออกจากตำแหน่งไปจนได้ ในเดือนพฤศจิกายนของปี 1986 เมื่ออันดับในตารางของดิวิชั่น 1 ของแมนฯยูไนเต็ด ตกต่ำลงไปอย่างน่าใจหาย จนถึงกลุ่มท้ายปลายแถว...พวกผู้เล่นระลอกหลังสุดที่เขาซื้อเข้าสู่ทีมในฤดูกาลก่อนหน้านั้นอย่างเช่น  ปีเตอร์ ดาเวนปอร์ต , คริส เทอร์เนอร์ , โคลิน กิ๊ปสัน , เทอร์รี่ กิ๊ปสัน และ จอห์น  ซีเวเบ๊ค เพื่อนร่วมทีมชาติชาวเดนมาร์กของโอลเซ่น ไม่อาจที่จะช่วยให้แอ๊ดกินสันรักษาเก้าอี้ของเขาเอาไว้ต่อไปได้


แม้ว่าแอ๊ตกินสันจะไม่เคยทำให้แมนฯยูไนเต็ด เข้าป้ายต่ำกว่าอันดับ 4 ของดิวิชั่น 1 เลย ตลอด 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา... แต่เมื่อไม่ได้แชมป์!...สำหรับแมนฯยูไนเต็ด นั่นถือเป็นความล้มเหลวแล้ว สำหรับกุนซือ ผู้ต้องรับผิดชอบโดยตรง


อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้เข้ารับตำแหน่งต่อจากแอ๊ตกินสัน และสามารถทำให้แมนฯยูไนเต็ดกระเถิบจากอันดับที่ 20 จากวันแรกที่เขาเข้าคุมทีม และขึ้นไปอยู่อันดับที่ 11 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1986 – 87


จากนั้นมหกรรมการจ่ายเงินที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของชาวถิ่นโอลด์ แทร็ฟอร์ด   ก็บังเกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่ในช่วงฤดูร้อนของปี 1987 เมื่อ ไบรอัน แม็คแคลร์ และ วิฟ แอนเดอร์สัน ถูกนำตัวเข้าเป็นขุนพล “ปีศาจแดง” สองตัวแรกสุดของเฟอร์กี้


สำหรับแม็คแคลร์เขาช่วยถล่มประตูให้แมนฯยูไนเต็ด เฉพาะในลีกดิวิชั่น 1 ได้ถึง 24 ลูกด้วยกันในฤดูกาลแรกสุดนั้น ซึ่งนับว่าเขาได้ตอบแทนจำนวนเงินค่าตัว 850,000 ปอนด์ของเขาได้อย่างดียิ่งเลยทีเดียว...แต่แมนฯยูไนเต็ดก็ยังต้องต่อหลังลิเวอร์พูลเข้าป้ายในตำแหน่งรองแชมป์อยู่ดี แม้ว่าจะทำแต้มได้มากพอที่จะเป็นแชมป์ได้ ถ้าหากเปรียบเทียบกับแชมป์จากหลายฤดูกาลที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นก็ตาม


ขณะที่หลายต่อหลายคนพากันคิดว่า แมนฯยูไนเต็ดจะต้องลุ้นตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้สนุกแน่เมื่อถึงฤดูกาล 1988 - 89  เนื่องจากพวกเขามีผู้เล่นชั้นยอดอย่าง จิม เลห์ตัน  ยอดนายทวารมือหนึ่งทีมชาติ สก๊อตแลนด์ เข้าร่วมทีมอีกคน รวมทั้งมาร์ค  ฮิวจ์ส ที่กลับคืนมาเป็นยอดขวัญใจคนเดิมของบรรดา “เร้ด อาร์มี่” อีกครั้ง แต่ผลสุดท้ายพวกเขาก็ร่วงหล่นลงไปถึงอันดับที่ 11 โน่น !


เมื่อมาถึงฤดูกาล 1989 - 90 นี้ เฟอร์กี้ยังคงพยายามอีกครั้งที่จะนำความสำเร็จสู่ทีม “ปีศาจแดง” และตัวเขาเองให้จงได้... แต่จนถึงบัดนี้ก็กลับมีคำถามที่ผุดขึ้นมาในความรู้สึกนึกคิดของทุกคนแล้วว่า เขาจะทำได้ดังที่หวังล่ะหรือ ? …หรือว่าจะถูกเขี่ยออกไปจากตำแหน่งซะก่อน


เฟอร์กุสันใช้จ่ายเงินไปร่วม 14 ล้านปอนด์เข้าให้แล้วในช่วง 3 ปีที่เขากุมบังเหียน แมนฯยูไนเต็ด และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามระดมยอดขุนพลเข้ามาอัดแน่นอยู่ในทีมมากเพียงใดก็ตาม ไล่ตั้งแต่ นีล เว็บบ์,  แกรี่  พัลลิสเตอร์ , พอล อินซ์ , แดนนี่  วัลเลซ และไมเคิล ฟีแลน...แต่ที่ปรากฏอยู่ในตารางอันดับของดิวิชั่น 1 ล่าสุดนี้ก็คือ ...แมนฯยูไนเต็ดอยู่อันดับที่ 16   จากทั้งหมด 20 ทีม!


ในช่วงต้นฤดูกาล แมนฯยูไนเต็ด ต้องวุ่นวายมาแล้วจากเรื่องของการที่จะสลับสับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งประธานสโมสร คือมาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์  ไปเป็น ไมเคิล  ไนจ์ตัน ก่อนที่จะยุติลงไปพร้อมกับผู้เป็นประธานสโมสรยังคงเป็นคนเดิม...และเมื่อถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าชาว “ปีศาจแดง” จะได้ยิ้มรับกับความราบรื่นบนเส้นทางแห่งความสำเร็จทั้งในและนอกสนามซะที!


ความหวังเดียวที่เหลืออยู่ สำหรับเฟอร์กี้ในฤดูกาลนี้ก็คือตำแหน่งแชมป์เอฟ.เอ.คัพ ซึ่งลูกทีม “ปีศาจแดง” ของเขาได้บุกตะลุยฟันฝ่าเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว...


อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รู้ดีว่าเขาจำเป็นอย่างที่สุด ที่จะต้องคว้าถ้วยชนะเลิศใบแรกของเขาในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ต ให้จงได้ในครั้งนี้ ซึ่งประโยคที่เขากล่าวออกมาคือ :


“นี่ไม่ใช่งานที่ง่ายดายเลยแม้แต่น้อยนิด...การเป็นผู้จัดทีมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับเป็นงานที่ดีเยี่ยมที่สุดและหนักหนาสาหัสที่สุดในเกมฟุตบอล และผมสามารถบอกพวกคุณๆทุกคนได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่มาทำหน้าที่นี้ เขาคนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีโชคดีติดตัวอยู่เป็นกระบุงใหญ่เลยทีเดียว”

credits : kaizank & ข้าวเรียงเม็ด http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S11931556/S11931556.html