-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ศึกชิงถ้วยเอฟเอคัฟ คื่นนี้เวลา 23.15 น. ระหว่างสิงห์บลูปะทะหงส์แดง  (อ่าน 394 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

GuIlLoTiNe

  • High Risk High Return~
  • รอง Global Moderator
  • แตกหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 575
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด

         ศึกเอฟเอ คัพนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 131 จะกลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้หรือจะเป็นถ้วยแรกให้กับเชลซีในซีซั่นนี้จะได้รู้กันในวันเสาร์นี้เวลา 5 ทุ่ม 15 นาที

เส้นทางสู่รอบชิงฯของเชลซี
"สิงห์บลูส์"ออกสตาร์ทเส้นทางรายการนี้ด้วยการเปิดบ้านต้อนรับทางปอร์ทสมัธและก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาได้รามิเรสทำ 2 ประตูพาให้ทีมเอาชนะ 4-0
 
พวกเขาผ่านเข้ามาพบกับคิวพีอาร์ทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกัน โดยเป็นเกมที่ค่อนข้างสูสีกันก่อนจะเป็นเชลซีที่ผ่านเข้ารอบ 5 ต่อไปจากประตูชัยด้วยจุดโทษ
 
เมื่อเข้าสู่รอบที่ 5 พวกเขาได้เปิดบ้านพบกับทีมจากลีกต่ำกว่าอย่างเบอร์มิ่งแฮม โดยเชลซีที่มีอันเดร วิลลาส โบอาสคุมทีมในเวลานั้นเป็นฝ่ายที่ต้องตามตีเสมอทาง"ลูกโลก"เองและจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ก่อนจะไปเล่นนัดรีเพลย์และเป็นนัดแรกของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอกับตำแหน่งกุนซือคนใหม่สุดท้ายพวกเขาก็ยังกรุยทางสู่รอบต่อไปได้หลังเอาชนะไป 2-0
 
รอบก่อนรองชนะเลิศพวกเขาได้พบกับทีมต่ำลีกกว่าอีกครั้งนึงนั่นคือเลสเตอร์ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาอีก ได้เฟร์นานโด ตอร์เรสที่เรียกฟอร์มตัวเองกลับมาในนัดนั้นยิง 2 ประตูพาทีมชนะไป 5-2
 
มาถึงรอบรองชนะเลิศพวกเขาต้องพบกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่างท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ที่เวมบลีย์โดยแม้จะมีประตูปัญหาเกิดขึ้นแต่พวกเขาก็โชว์ฟอร์มได้เยี่ยมก่อนเอาชนะไปอย่างท่วมท้น 5-1 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ


เส้นทางสู่รอบชิงฯของลิเวอร์พูล
พวกเขาเริ่มต้นเอฟเอ คัพโดยพบกับโอลด์แฮมที่ต่ำชั้นกว่าในรอบที่ 3 และก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาได้นักเตะอย่างเจอร์ราร์ด, คาร์โรลล์และดาวนิ่งช่วยกันยิงเอาชนะไปได้ 5-1

เข้าสู่รอบถัดมา"หงส์แดง"ก็ต้องโคจรมาพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาที่แอนฟิลด์และไม่ใช่เกมที่ง่ายเลยแต่ก็ต้องขอบคุณเดิร์ก เคาท์ที่ยิงประตูชัยในนาที 88 พาพวกเขาผ่านเข้ารอบไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
 
มาถึงรอบที่ 5 ลิเวอร์พูลถูกจับสลากได้เปิดบ้านพบไบรจ์ตันทีมจากเดอะแชมเปี้ยนชิพและก็เป็นพวกเขาเองที่ทำเข้าประตูตัวเองถึงสามลูกพ่ายไป 5-1 ส่ง"หงส์แดง"ทะลุเข้าสู่รอบต่อไป
 
รอบก่อนรองชนะเลิศพวกเขาต้องมาพบกับคู่แข่งที่ไม่หมูอย่าง"ช่างปั้นหม้อ"สโต๊ค ซิตี้โดยพวกเขาออกนำไปก่อนจากซัวเรสแต่ก็มาโดนตีเสมอได้ในอีก 3 นาทีถัดมาก่อนเป็นดาวนิ่งกลายเป็นผู้ยิงประตูพา"หงส์แดง"โบยบินสู่รอบรองฯ
 
เกมนัดตัดเชือกกลายเป็นดาร์บี้แมตช์จากเมอร์ซี่ไซด์หลังลิเวอร์พูลต้องดวลกับเอฟเวอร์ตันและฝั่งน้ำเงินก็ออกนำไปก่อนด้วยแต่สุดท้าย"หงส์แดง"ก็ได้คาร์โรลล์เป็นฮีโร่ทำประตูได้ในช่วงท้ายเกมพาทีมสู่ฝั่งฝันรอลุ้นถ้วยที่สองในฤดูกาลนี้

 
สถิติที่พบกันทั้งสองทีม
  • ลิเวอร์พูลชนะไป 73 ครั้ง เสมอ 33 ครั้งและแพ้ 56 ครั้งจาก 162 นัดที่พวกเขาพบกับเชลซีมาทั้งในลีกและบอลถ้วยตลอดทั้ง 105 ปีที่ผ่านมา
     
  • ทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์กำลังมองหาชัยชนะเหนือเชลซีเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันและนัดที่ 3 ติดต่อกันในฤดูกาลนี้ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาบุกไปชนะถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์มา 2-1 ในเกมลีกและเอาชนะไปอีก 2-0 ในเกมที่พวกเขาพบกับถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ
     
  • ทั้งสองทีมจะพบกันในเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกและเจอกันเป็นครั้งที่ 10 ในฟุตบอลรายการนี้ โดย 9 เกมก่อนหน้าเชลซีชนะไป 5 ลิเวอร์พูลชนะไป 4 เกมล่าสุดที่พวกเขาเจอกันก็คือเกมรอบรองฯเมื่อปี 2006 โดย"หงส์แดง"เอาชนะไปได้ 2-1 ก่อนเข้าไปปราบเวสต์แฮมในรอบชิงและได้ชูถ้วยในซีซั่นนั้น

สถิติต่างๆของทั้งสองทีม
  • หาก"สิงโตน้ำเงินคราม"ชนะในรอบชิงครั้งนี้ได้พวกเขาจะได้ชูถ้วยนี้เป็นหนที่ 4 ในรอบ 6 ปีและจะเป็นครั้งที่ 7 ในประวัติศาสตร์พวกเขา
     
  • ชัยชนะเกมนี้จะทำให้พวกเขามีความหวังที่จะกลายเป็นทีมที่สองที่คว้าเอฟเอ คัพและแชมเปี้ยนส์ลีกได้ในฤดูกาลเดียวกัน โดยทีมแรกที่ทำได้ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 1999
     
  • โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอกุนซือชั่วคราวของพวกเขาเคยคว้าแชมป์เอฟเอ คัพกับเชลซีได้ 2 สมัยในปี 1997 และปี 2000 โดยภายใต้การคุมทีมของ"ชินจัง"พวกเขาชนะไป 11 เกมเสมอ 4 และแพ้ไปเพียง 2 นัดเท่านั้น
     
  • นี่เป็นเกมเอฟเอ คัพรอบชิงฯนัดที่ 14 ของลิเวอร์พูล หากพวกเขาชนะได้สำเร็จก็จะเป็นแชมป์สมัยที่ 8 ของทีม กลายเป็นทีมอันดับสามร่วมกับสเปอร์สที่คว้าแชมป์ได้มากสุดรองจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด(11สมัย)และอาร์เซน่อล(10สมัย)
     
  • เคนนี่ ดัลกลิชก็มีหวังที่จะคว้าแชมป์เอฟเอ คัพสมัยที่ 3 ในการคุมทีมลิเวอร์พูล โดยก่อนหน้านี้เขาพา"หงส์แดง"เป็นแชมป์มาแล้วเมื่อปี 1986 และ 1989
     
  • หลุยส์ ซัวเรสเป็นดาวซัลโวของลิเวอร์พูลในเวลานี้โดยยิงไปแล้ว 17 ลูกและยิงในเอฟเอ คัพไป 3 ประตูด้วยกัน เช่นเดียวกับแอนดี้ คาร์โรลล์ที่ยิงในเอฟเอ คัพไป 3 ตุง

ที่มา soccersuck.com


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 พฤษภาคม 2012, 11:18:28 โดย GuIlLoTiNe »