-->

ผู้เขียน หัวข้อ: สังหารหมู่ที่โนกัน-รี (The Bridge at No Gun Ri)  (อ่าน 542 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18202
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
สังหารหมู่ที่โนกัน-รี (The Bridge at No Gun Ri)
« เมื่อ: 05 มกราคม 2018, 16:31:21 »

สังหารหมู่ที่โนกัน-รี (The Bridge at No Gun Ri)




หนังทุกเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็น แทกึกกี (Tae Guk Gi: The Brotherhood of War)
, เวลคัม ทู ดองมักกอล(Welcome to Dongmakgol) หรือ ไต้ฝุ่น(Typhoon)
ล้วนแล้วแต่ทำเงินถล่มทลายในแดนโสมขาว
สิ่งที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่า ความเจ็บปวดที่คนชาติเดียวกันต้องมาเข่นฆ่ากันเอง และต้องแยกขาดจากกันเป็นฝ่ายเหนือและใต้
ไม่มีวันถูกลบเลือน


ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมของทุกปี ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจะไปรวมตัวกันที่สะพานข้ามทางรถไฟในเกาหลีใต้
เพื่อรำลึกถึงญาติและเพื่อนๆ ที่ต้องตายไปในสงครามเกาหลี ไม่ใช่จากกระสุนปืนของศัตรู "แต่เป็นของทหารสหรัฐ"
แม้จะมีการจัดงานจะมีรายละเอียดแตกต่างกันในแต่ละปี แต่สิ่งที่ยังคงเดิมคือ ความทรงจำของเหตุการณ์สังหารพลเรือน
ใต้สะพานโนกัน-รี (The Bridge at No Gun Ri) เขตเยียงดง(Yeongdong) ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ 250 กิโลเมตร
เชื่อกันว่าวิญญาณของคนเหล่านี้ยังไม่สงบ

เพราะความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสหรัฐ กับครอบครัวผู้สูญเสียยังหาข้อยุติไม่ได้มาจนทุกวันนี้

เหตุการณ์ที่นำมาสู่ความขัดแย้งเกิดขึ้นในวันที่ 31 ของสงครามเกาหลี เมื่อชาวบ้านหลายร้อยคนกำลังเดินไปตามทางรถไฟ
หลังได้รับคำสั่งจากทหารสหรัฐให้อพยพออกจากบ้านเรือน พวกเขาต้องเผชิญทั้งแสงแดดที่แผดเผา และความหวาดกลัว
จากเสียงรถถังของเกาหลีเหนือที่กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา



แต่แล้ว...ปราศจากเสียงเตือนใดๆ ฝูงบินรบของสหรัฐก็ปรากฏให้เห็นเต็มน่านฟ้า พร้อมระดมยิงชาวบ้านอย่างไม่ยั้ง
ผู้คนบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาเหมือนฝูงสัตว์ที่ถูกต้อนเข้าไปรวมกันที่ใต้สะพานข้ามทาง
รถไฟโนเกี้ยน-รี แล้วก็ถูกสังหารโหดแบบไม่เลือกหน้า

พวกที่รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์บอกว่า วันนั้นมีคนตายมากมายเกือบ 400 คน ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ ผู้หญิง และเด็ก
เหตุการณ์สังหารโหดใต้สะพาน เริ่มต้นเมื่อบ่ายของวันที่ 26 กรกฎาคม ต่อเนื่องไปจนถึงก่อนรุ่งเช้าของวันที่ 29 กรกฎาคม
การจัดพิธีรำลึกถึงการสังหารหมู่ที่สะพานแห่งนี้เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2539 ต่อมาเปลี่ยนไปเป็น
วันที่ 28 กรกฎาคม มีกลุ่มอาสาสมัครจากนานาชาติเข้าร่วมกันอย่างคับคั่งทุกปี

เหตุการณ์ที่สะพานโนเจี้ยน-รี ไม่เป็นที่ล่วงรู้ของรัฐบาลสหรัฐ จนกระทั่งสำนักข่าวเอพีตีข่าวเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2542
หลังจากใช้เวลานานนับปี ร่วมสืบสวนเรื่องนี้กับทางการเกาหลีใต้ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้กล่าวแสดงความเสียใจ
พร้อมเสนอมาตรการปลอบขวัญผู้สูญเสียมากมาย รวมทั้งการสร้างอนุสาวรีย์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40 ล้านบาท)
และตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาอีก 780,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 31 ล้านบาท)




แต่ไม่มีมาตรการใดสำเร็จลุล่วง เพราะสหรัฐตั้งเงื่อนไขว่า ทั้งอนุสาวรีย์ และทุนการศึกษา ตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์
สำหรับพลเรือนเกาหลีทุกคนที่เสียชีวิตในสงคราม ไม่ใช่เฉพาะแค่พวกที่ถูกสังหารที่สะพานโนเจี้ยน-รี ทำให้
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่โนเจี้ยน-รี ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากสหรัฐ

ครอบครัวของเหยื่อสังหารหมู่ในวันนั้นต้องการให้สลักคำว่า
"เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 1950 ทหารอเมริกัน ได้ก่อเหตุสังหารหมู่อย่างคาดไม่ถึงตลอดทั้งวัน พวกเขาบังคับ
ให้คนที่อาศัยอยู่ที่โนเกี้ยน-รี หรือชื่อเดิมว่า "อิมเกีย-รี" และชาวบ้านที่อพยพมาจากที่อื่น ไปยืนอยู่บนทางรถไฟ
ก่อนจะฆ่าทิ้งด้วยระเบิดและปืนกล"




แต่ข้อเสนอสร้างอนุสาวรีย์ของสหรัฐ ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนเข่นฆ่าพลเรือนในวันนั้น ทั้งยังหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง
ดำเนินคดีทางกฎหมายที่อาจนำมาซึ่งการจ่ายเงินชดเชยอีกด้วย

นายคิม แด-ซู เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่า สหรัฐต้องการจะปกปิดเรื่องราวทั้งหมดด้วยโครงการ
แสดงความเห็นอกเห็นใจต่างๆ แต่ก็บอกว่า เงื่อนไขของครอบครัวผู้สูญเสียฝ่ายเกาหลีนั้นแข็งกร้าวเกินกว่าที่สหรัฐ
จะยอมรับได้

ล่าสุด กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงว่า เรื่องโนเจี้ยน-รี ถูกพับเก็บไปแล้ว และยังไม่พร้อมจะให้คำตอบในเรื่องนี้

ส่วนเกาหลีเหนือก็มีการจัดพิธีรำลึกถึงวันนี้เช่นกัน แต่เน้นเรื่องการกล่าวหาสหรัฐว่าเป็นผู้สังหารหมู่บนคาบสมุทรเกาหลี
และเป็นการกระทำที่มิอาจปกปิดความจริงที่เกิดขึ้นได้ อาจเป็นไปได้ว่า ด้วยความผิดพลาดของสหรัฐในครั้งนี้ เลยทำให้
หนังเรื่อง "เวลคัม ทู ดองมักกอล" ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นที่โนเจี้ยน-รี ทำรายได้ถล่มทลาย
และคว้ารางวัลใหญ่ของวงการบันเทิงไปเพียบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มกราคม 2018, 10:26:42 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่