-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 6 ตัวละคร ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคนที่มีตัวตนจริงๆ  (อ่าน 840 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

6 ตัวละคร ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคนที่มีตัวตนจริงๆ
 
มาทำความรู้จักบุคคลในประวัติศาสต์ที่มีตัวตนอยู่จริงๆ และพวกเขาเหล่านี้เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ
ให้นักเขียนชื่อดังหลายท่านสร้างสรรค์ตัวละครที่คนทั่วโลกจดจำตราตรึงไว้ในใจได้เสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร
พวกเขาทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นที่ทำให้นักเขียนหยิบมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยาย
จนมีชื่อเสียงโด่งดังได้  ซึ่งจะมีใครและตัวละครใดบ้างไปดูกันเลย



 
ตินติน (Tintin)
เรื่อง การผจญภัยของตินติน (The Adventures of Tintin )


 
ตินติน (แตงแตง อ่านออกเสียงตามหลักภาษาฝรั่งเศส) ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1929 เป็นตัวการ์ตูนที่วาดโดยนักวาดการ์ตูน
ชาวเบลเยียม ชื่อ จอร์จ เรมี (Georges Remi) นามปากกาว่า แอร์เช่ (Hergé) ซึ่งเขียนไว้ได้เพียง 24 ตอนก่อนจะ
เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1983

 
หนังสือการ์ตูนชุดนี้ได้รับความนิยมมากในทวีปยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้รับการแปลมากกว่า 80 ภาษา
และมียอดจำหน่ายกว่า 350 ล้านเล่มทั่วโลก มีสินค้าอื่นๆต่อยอดอย่างมากมายรวมถึงภาพยตร์อนิเมชั่นที่กำกับ
โดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg)


 
การผจญภัยของตินติน ​(The Adventures of Tintin ) เป็นเรื่องราวการผจญภัยของนักข่าวหนุ่ม ชื่อว่า ตินติน
ที่ต้องเดินทางไปหาข้อมูลยังสถานที่สำคัญต่างๆ รอบโลก เขาเป็นคนกระตือรือร้น และรักความถูกต้องเป็นที่สุด
ด้วยนิสัยแบบนี้บ่อยครั้งเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตราย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
โดยมีสุนัขสีขาวคู่ใจ สโนวี่ (Snowy) เป็นเพื่อนรักและเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ขาดไม่ได้


บุคคลต้นแบบ



ว่ากันว่าตัวละครตินตินได้แรงบันดาลใจมาจากหนุ่มน้อยหน้าใสจากประเทศเดนมาร์ก นามว่า พาเล ฮัลด์ (Palle Huld)
หนุ่มอายุ15ปีคนนี้ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมการผจญภัยรอบโลก 46 วัน {กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกในวาระ
การครบรอบ 100 ปี ของฌูล แวร์น (Jules Verne) นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ผู้เขียนหนังสือเรื่อง 80 วันรอบโลก
(Around the World in 80 Days)} ซึ่งหนุ่มฮัลด์ใช้เวลาเดินทางรผจญภัยอบโลกเพียงแค่ 44 วันเท่านั้น


โดยนำทักษะการเอาตัวรอดต่างๆ มาจากสมัยเขาเป็นลูกเสือเก่า หลังจากนั้นเขาก็เขียนหนังสือบันทึกการผจญภัยครั้งนี้
ออกมาในชื่อ การผจญภัยรอบโลกใน 44 วัน โดย พาเล (Around the World in 44 days by Palle) 
เมื่อปี ค.ศ. 1928 ก่อนที่ตินตินจะเกิดในปี ค.ศ. 1929 เลยมีความเชื่อกันว่าและเรื่องราวการผจญภัยของเขาได้
กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แอร์เชสร้างตินตินขึ้นมา


 
ไอรอนแมน (Iron Man)


 
ไอรอนแมน (Iron Man) เขาคือฮีโร่ในชุดเกราะรบสีแดงทองที่แฟนคลับชาวไทยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากภาพยนตร์ไอรอนแมน
มหาประลัยคนเกราะเหล็ก, ดิ อเวนเจอร์และกัปตันอเมริกาซีวิลวอร์ ที่พึ่งจะลาโรงบ้านเราไปหมาดๆ

 
ไอรอนแมน หรือ โทนี่ สตาร์ค (Anthony 'Tony' Stark) เป็นตัวละครที่ถือกำเนิดมาจากมาร์เวลคอมมิค โดยสแตน ลี (Stan Lee)
ผู้สร้างจักรวาลมาร์เวลที่นึกอยากจะได้ตัวละครฮีโร่ที่ต่างจากตัวอื่นๆ หลังจากคิดกันหลายตลบจึงตกลงกันได้เป็น

“…ชายหนุ่มในยุคศตวรรษที่ 20 ที่สวมชุดเกราะแล้วกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่..”
และก็เป็นไอรอนแมนอย่างที่เราเห็นกันแบบนี้
 
โทนี่ ในคอมมิคและภาพยนตร์นอกจากจะเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องโลกแล้ว ตัวละครนี้ยังเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทสตาร์ค อินดัสทรีส์ 
(Stark Industries ) เขาเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มที่รวยอยู่อันดับต้นๆ ของการจัดอันดับซูเปอร์ฮีโร่ที่รวยที่สุดในโลกด้วย
แต่รวยอย่างเดียวไม่พอ โทนี่มาพร้อมกับสมองระดับอัจฉริยะ เขาสามารถประดิษฐ์ชุดเกราะรบสุดเท่ต่างๆ ที่ทำให้ผู้สวมใส่
มีพลังเหนือมนุษย์ บินได้ และมีอาวุธพร้อมรบครบครัน รวมไปถึงอาวุธสงครามเจ๋งๆ อีกมากมาย และแน่นอนว่าหนุ่มหล่อ
บ้านรวยแถมยังฉลาดเป็นกรดระดับนี้มีหรือจะพลาดตำแหน่งเพลย์บอยตัวพ่อไปได้
 

บุคคลต้นแบบ



สแตน ลี ได้แรงบันดาลใจการสร้างตัวละครไอรอนแมนมาจาก ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ (Howard Hughes) มหาเศรษฐีหนุ่ม นักธุรกิจ
และเป็นตำนานแห่งเพลย์บอยที่ควงสาวๆ คนดังระดับฮอลลีวูดมาแล้วนับไม่ถ้วน รวมไปถึงยังเป็นนักประดิษฐ์ผู้พัฒนาอุตสาหกรรม
การบินให้ก้าวไกล (เขาเป็นคนรักเครื่องบินมาก สมัยที่เขาสร้างชื่อจากการกำกับภาพยนตร์นั้น ก็ยังสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับ
เครื่องบินที่ชื่อ Hell’s Angle อีกด้วย) เขาออกแบบและสร้างเครื่องบินมากมาย โดยหนึ่งในนั้นมีเครื่องบินลำยักษ์ชื่อว่า 'เฮอร์คิวลิส'
ที่ว่ากันว่าเป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในสมัยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

 
แต่สิ่งที่แตกต่างกันของสองหนุ่มนี้ก็คือ หลังจากชีวิตวัยหนุ่ม ฮิวจ์มีอาการของ โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder)
เขากลัวเชื้อโรคและความสกปรกถึงกับต้องล้างมือซ้ำๆ (จนถึงขั้นเลือดออกเลยทีเดียว) ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการถูกปลูกฝังในวัยเด็ก
ให้รักษาความสะอาด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเขา จากการล้างมือบ่อยๆ กลายเป็นการไม่กล้าสวมเสื้อผ้า ไม่อาบน้ำ
เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะกลัวเชื้อโรคอย่างหนัก และเสียชีวิตบนเครื่องบินที่เขารักด้วยอาการไตวาย เมื่อปี ค.ศ. 1976 ในวัย 70 ปี



 
ฮิวจ์ นอกจากเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครไอรอนแมนแล้ว เรื่องราวของเขาก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับมาร์ติน สกอร์เซซี
(Martin Scorsese) สุดยอดผู้กำกับของวงการหนัง ซึ่งได้ถ่ายทอดชีวประวัติของเขาออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Aviator
หรือชื่อไทย บินรัก บันลือโลก นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปรีโอ (Leonardo DiCaprio) ซึ่งตัวหนังจะนำเล่าเรื่องฮิวจ์
ในช่วงวัยหนุ่มที่ยังเต็มไปด้วยความฝัน และความคลั่งไคล้เครื่องบิน เรื่องราวความรักกับสาวสวยระดับซูเปอร์สตาร์ รวมไปถึง
ชีวิตที่พลิกผันจากอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำด้วย
 



 
ป๊อบอาย (Popeye)


 
ป๊อปอาย พ่อหนุ่มกะลาสีเรือกล้ามโต ผู้เป็นแรงผลักดันให้เด็กๆทั่วประเทศอเมริกาชื่นชอบการกินผักโขม  ซึ่งเป็นตัวละครจากปลายปากกา
เอลซี ซีการ์ (Elzie Segar) ในคอลัมน์การ์ตูนทิมเบิล เธียเตอร์ (Thimble Theatre) หลังจากนั้นก็โด่งดังและกลายเป็นสินค้า วิดีโอเกม
รวมไปถึงภาพยนตร์การ์ตูนมากมาย


ป๊อปอายเพิ่มพลังขึ้นได้จากการกินผักโขมกระป๋อง เพื่อต่อสู้กับบรูตัส(ฺBrutus)หนุ่มกล้ามใหญ่จอมขี้โกง คู่ปรับตลอดกาลของป๊อปอาย
ซึ่งบรูตัสแอบชอบ แฟนสาวของป๊อปอาย คือ โอลีฟ ออยล์ (Olive Oyl) จึงทำให้พวกเขาต้องปะทะกันอยู่บ่อยๆ แต่สุดท้ายตัวร้ายก็คือตัวร้าย
ไม่มีทางชนะพระเอกอย่างป๊อปอายไปได้หรอกเนอะ



บุคคลต้นแบบ



ซีการ์ได้แรงบันดาลใจป๊อปอายมาจาก แฟรงค์ ร็อคกี้ ฟีกัล (Frank 'Rocky' Fiegal) กะลาสีหนุ่มจากเมืองเชสเตอร์ รัฐอิลลินอยด์
ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของซีการ์ด้วย ฟีกัลผู้มีดวงตาข้างเดียว ฟันหลอ ชอบคาบไปป์และมักจะมีเรื่องชกตีกับชาวบ้านไปทั่ว
แต่จริงๆแล้วเป็นคนดี ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องคนที่อ่อนแอกว่านั่นเองค่ะ

 
นอกจากนี้ ตัวละคร โอลีฟ แฟนสาวของป๊อปอายนั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนบ้านของซีการ์ที่ชื่อว่า ดอร่า ปาสเคล (Dora Paskel)
สาวร่างผอมสูงที่ชอบเกล้าผมมวย ตรงกับคาแรคเตอร์เป๊ะๆ ทั้งคู่เลย

ถ้านับตั้งแต่วันที่ถือกำเนิดเมื่อปี 1929 ปัจจุบันป๊อปอายก็มีอายุเกือบ 90 ปีแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ตอนนี้คุณปู่ป๊อปอายจะบู๊ไหวอยู่รึเปล่า


 
เซเวอรัส สเนป (Severus Snape)
จากวรรณกรรมเยาวชนชุดแฮร์รื พอตเตอร์


 
เซเวอรัส สเนป อาจารย์ประจำวิชาปรุงยาของโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ ผู้ซึ่งแสดงออกว่าจงเกลียดจงชังแฮร์รี่ พอตเตอร์
พระเอกของเรื่องอยู่เสมอ สเนปไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ออกมาคอยจิกกัด พูดจาเหน็บแนมพอตเตอร์และเพื่อนๆเท่านั้น
เขาเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่าง ผิวขาวซีด ใบหน้าเย็นชา จมูกงองุ้ม ผมยาวรุงรัง และยังมีความลับมากมาย
ซ่อนไว้กับตัวซึ่งเรียกได้ว่า สเนปเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญมากของเรื่องคนหนึ่งไม่แพ้เหล่าตัวเองเลยล่ะ 

 
แม้จะเป็นตัวละครที่หลายคนหมั่นไส้และไม่ชอบหน้าในช่วงแรก แต่ความลับของเขาจะสามารถเปลี่ยนใจนักอ่าน
ให้กลับมารักในตอนท้ายๆได้
 

บุคคลต้นแบบ



เจ.เค.โรว์ลิ่งผู้แต่งได้ออกมายอมรับว่ากับนักอ่านว่า  ''…ฉันได้แรงบันดาลใจ(สเนป)มาจากคุณครูคนหนึ่งของฉันสมัยมัธยม...''
ซึ่งว่ากันว่าโรว์ลิ่งก็ไม่ค่อยชอบหน้าคุณครูคนนี้เหมือนกัน ก็เลยเขียนโดยเข้าใจความรู้สึกของแฮร์รี่ที่ไม่ชอบหน้าสเนปได้ดี
 

คุณครูคนนั้นก็คือ จอห์น เนทเทิลชิพ (John Nettleship) อาจารย์โรงเรียนมัธยมผู้สอนวิชาปรุงยา หรือวิชาเคมีแบบที่
ชาวมักเกิ้ลเรียกกันที่โรงเรียนเวย์ดีน (Wyedean School) ในประเทศอังกฤษ มณฑลมณฑลกลอสเตอร์เชอร์ บ้านเกิดของโรว์ลิ่ง
 
จอห์นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเค้าเคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับโจแอน โรว์ลิ่ง จนกระทั่งลูกศิษย์ในชั้นเรียนและภรรยาของเขาต่างก็ทักว่า
ทำไมอาจารย์ปรุงยาที่รับบทโดย อลัน ริคแมน (Alan Rickman) ดูช่างคล้ายกับเขาเหลือเกิน เมื่อตอนภาพยนตร์ภาคแรกออกฉาย
 


หลังจากที่เขาทราบว่าเขาคือส่วนหนึ่งของการกำเนิดเซเวอรัส สเนป  เขาให้สัมภาษณ์ว่า
''…ผมตกใจมากเลยนะ  ผมก็รู้ว่าผมเองเป็นครูที่ค่อนข้างดุและเข้มงวด แต่ผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย ฮ่าๆ 
แต่ผมก็ยอมรับนะว่า สมัยก่อนผมเคยเป็นครูปรุงยาที่ไว้ผมยาวมันเยิ้มเหนียวหนืด นิสัยค่อนข้างอารมณ์ร้อน
และเคยมีช่วงชีวิตน่าเศร้าในห้องปรุงยา..''
(แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นแฟนคลับของสเนปไปจนได้ หุหุ)
 


 


นอร์แมน เบตส์ (Norman Bates)
จากนวนิยายเรื่อง ไซโค (Psycho)



นอร์แมน เบตส์ ชายวัยกลางคน นิสัยเงียบๆและเก็บตัว อาศัยอยู่กับแม่ นอร์ม่า เบตส์ (์Norma Bates) ในโรงแรมเล็กๆ
ที่เขาเป็นเจ้าของ เบตส์ โมเทล (Bates Motel) ด้วยความที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่ห่างไกลจากถนนสายหลัก ทำให้นานๆครั้ง
จะมีคนผ่านเข้ามาเช่าห้องสักที  ซึ่งถ้าดูจากภายนอก เบตส์โมเทลก็ดูเหมือนโรงแรมทั่วๆ ไป แต่ที่จริงแล้วโรงแรมแห่งนี้
มีความลับอันสุดสยองซ่อนอยู่ ไม่ว่าใครที่หลงเข้ามาพักแล้วจะไม่มีวันได้เช็คเอ๊าท์ออกไป!


นอร์แมน เบตส์ ตัวละครฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตของโรเบิร์ต บล็อกช์  (Robert Bloch) นักเขียนชาวอเมริกันผู้แต่งนวนิยาย
แนวระทึกขวัญเรื่องไซโค (Psycho) ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1959  หลังจากนั้นหนึ่งปีก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์ขาวดำ
สร้างโดยอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock) เขาเปลี่ยนบทของนอร์แมนจากนิยายที่เป็นชายหนุ่มรูปร่างอ้วน
ไปเป็นชายหนุ่มรูปบอบบาง อายุราว 30 ต้น ๆ ขี้อาย ซึ่งดูภายนอกไม่เหมือนคนโรคจิตสักนิด
 
แม้ว่าจะเป็นเวลาผ่านมาเกือบ 60 ปีแล้วหลังจากตีพิมพ์ครั้งแรก นอร์แมน เบตส์ ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรโรคจิตชื่อดัง
ที่นักอ่านรู้จักเป็นอันดับแรกๆ ของเหล่าตัวร้าย เป็นเพราะนักอ่านชื่นชอบในความโรคจิตและพล็อตเรื่องที่หักมุม
ซึ่งนอกจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่โด่งดัง เมื่อปี ค.ศ. 2013  นอร์แมนก็ได้ไปโลดแล่นผ่านหน้าจอโทรทัศน์
ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง เบตส์ โมเทล (Bates Motel) โดยนำเสนอเรื่องราวของนอร์แมนในช่วงวัยรุ่นและปม
ที่เป็นจุดกำเนิดโศกนาฎกรรมของครอบครัวเบตส์


บุคคลต้นแบบ


ซ้าย : แอนโทนี เพอร์กินส์ ผู้รับบทนอร์แมน เวอร์ชั่นภาพยนตร์
ขวา : เอ็ด กีน ฆาตรกรโรคจิตต้นแบบของนอร์แมน
 
นอร์แมน เบตส์มีที่มาจากฆาตรกรต่อเนื่องโรคจิตชื่อดัง เอ็ดเวิร์ด ทีโอดอร์ กีน (Edward Theodore Gein)
หรือ เอ็ด กีน ชาวอเมริกันที่ก่อเหตุสยองขวัญขึ้นในรัฐวิสคอนซินช่วงทศวรรษที่ 50

 
เอ็ดเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวกีน เขาเป็นคนขี้อาย เก็บตัว และโดดเดี่ยว โดยมีแม่ผู้เคร่งศาสนาและเข้มงวด
ทำหน้าที่สอนหนังสือและเลี้ยงดูเขาอย่างเด็กผู้หญิง เพราะอยากได้ลูกสาว เธอมักบอกกับเอ็ดว่า การมีความสัมพันธ์
กับผู้หญิงเป็นสิ่งผิด ผู้หญิงคนอื่นเหล่านั้นล้วนเป็นคนบาป และเขาไม่สามารถมีเพื่อนคนอื่นได้นอกจากแม่ 
ซึ่งทำให้เอ็ดไม่เคยได้รู้จักกับผู้หญิงคนอื่นเลย และมองแม่เป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอมาตั้งแต่เด็ก
 
จนกระทั่งเมื่อครอบครัวของเขาทั้งหมดเสียชีวิตลง จุดเริ่มต้นความสยองก็เริ่มต้นขึ้น (ว่ากันว่าเอ็ดฆ่าพี่ชายของตัวเอง
เพราะเห็นเค้าพูดจาไม่ดีใส่แม่สุดที่รักของตน และเอ็ดอยากจะเก็บแม่ไว้ครอบครองคนเดียว)
 
เมื่อหญิงแก่ 2 คนเริ่มหายตัวไปในเวลาไล่เลี่ยกัน และเมื่อตำรวจเริ่มสืบค้นหลักฐานพบว่าบุคคลสุดท้ายที่อยู่กับเหยื่อ
ทั้ง 2 ตามลำพังคือเอ็ด พวกเขาบุกบ้านของเอ็ดที่คนแถวนั้นเรียกกันว่าบ้านผีสิง และต้องตกตะลึกกับซากศพและ
ชิ้นส่วนมนุษย์กว่าหลายชิ้นที่แขวนไว้ในบ้าน และเอ็ดยอมรับสารภาพทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่มีข่าวลือว่าเขากินเนื้อมนุษย์!
 
ภายหลังจากการชันสูตรศพในบ้านหลังนั้น พบว่าเป็นศพคนกว่า 50 ศพที่ระบุชื่อไม่ได้ รวมไปถึงชิ้นส่วนที่ไม่สามารถ
ประกอบเป็นร่างได้อีกหลายร้อยกว่าชิ้น ซึ่งเจ้าของโรงเลื่อยคนหนึ่งที่เคยขายเลื่อยให้เอ็ดได้เล่าให้ฟังภายหลังว่า

''ตอนที่มารี (เหยื่อรายแรก) หายตัวไป เอ็ดบอกผมว่า เธอไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่อยู่ที่ฟาร์มผมนั่นแหละ
ตอนนั้นผมก็คิดว่าเขาพูดเล่นเสียอีก…''


บรึ๋ยส์ นักฆ่าต้นตำรับคนนี้น่ากลัวกว่าในหนังสือเยอะเลย



 
โมบีดิก (Moby-Dick)
จากนวนิยายเรื่อง  โมบีดิก (Moby-Dick)



มาถึงคนสุดท้ายกันแล้ว แต่มาในร่างวาฬหัวทุยสีขาวตัวยักษ์ โมบิดิก จากนวนิยายชื่อดังที่ได้รับยกย่องว่าเป็นนวนิยาย
ภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมที่สุด โมบิดิก (Moby-Dick) ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอเมริกัน เฮอร์มัน เมลวิลล์
(Herman Melville) เมื่อปี ค.ศ. 1851

 
โมบิดิก เล่าเรื่องราวความแค้นของกัปตันอาฮับ(Ahab) ผู้เดินทางผจญภัยไปในท้องทะเลเพื่อตามล่าและแก้แค้น โมบิดิก
วาฬหัวทุยสีขาวขนาดมหึมาที่นิสัยดุร้ายมาก ซึ่งเคยทำลายเรือของเขาจนพังยับและยังกัดขาเขาจนกลายเป็นคนพิการ
โดยมีกะลาสีหลายชีวิตร่วมชะตากรรมไปด้วยบนเรือ และหนึ่งในนั้นคือ อิขมาเอล (Ishmael) ทำหน้าที่เล่าเรื่องบรรยาย
สภาพชีวิตของกะลาสีบนเรือ ไปจนถึงการผจญภัยสุดระทึกในการตามล่าวาฬยักษ์
 
ซึ่งได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่น่ายกย่องในยุคหลังศตวรรษที่ 18 เมลวิลล์แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นโดยสื่อถึง
เรื่องของชนชั้นและฐานะทางสังคม ความดี ความชั่ว และการมีอยู่ของพระเป็นเจ้าผ่านสายตาอิชมาเอลได้อย่างสวยงาม
นักวิจารณ์ว่ากันว่า เขาใช้เทคนิคเดียวกับวรรณกรรมของเชกสเปียร์ (เป็นการเล่าผ่านมุมมองเหมือนกำลังดูละครเวที)

ซึ่งนอกจากรูปแบบวรรณกรรมแล้วก็ยังมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อปลายปีที่แล้วในชื่อว่า หัวใจเพชรฆาตวาฬมหาสมุทร
(In the Heart of the Sea) นำแสดงโดยแฟนหนุ่มของพี่วิวเอง คริส เฮมส์เวิรธ (Chris Hemsworth)
เรื่องราวนั้นลุ้นระทึกไม่แพ้ต้นฉบับนวนิยายเลยหละ
 

บุคคลต้นแบบ



โมบิดิก มีตัวตนอยู่จริงๆ ในชื่อว่า โมชาดิก (Mocha-Dick) วาฬหัวทุยขนาดยักษ์ที่ปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1810 บริเวณเกาะโมชา
ประเทศชิลี ตั้งแต่นั้นมาชาวเรือจึงเรียกมันว่า โมชาดิก และเริ่มตามล่าตัวมัน (ว่ากันว่ามันทำลายเรือล่าวาฬไปกว่า 20 ลำเลยทีเดียว )
 

เจ้าโมชาดิก ถูกค้นพบโดยนักสำรวจและนักเขียนชาวอเมริกัน เจเรมายห์ เรย์โนลด์ (Jeremiah N. Reynolds) ซึ่งตีพิมพ์เล่าเรื่องการค้นพบนี้
ในนิตยสารรายเดือน ดิ นิกเกอร์บอกเกอร์ (The Knickerbocker) เมื่อปี ค.ศ. 1839 ในชื่อ  โมชาดิก : วาฬขาวแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก
(Mocha Dick: Or The White Whale of the Pacific) และได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เมลวิลล์เขียนเรื่องราวการผจญภัย
ในท้องทะเลและตามล่าวาฬในตำนานนี้ขึ้นมา ซึ่งผู้เขียนก็ยังใช้ประสบการณ์ในอดีตที่เคยเป็นลูกเรือมาก่อน นำมาเขียนในส่วนเกียวกับ
การเล่าบรรยายชีวิตบนเรืออีกด้วย


 
เจ้าโมชาตัวจริงตายในปี ค.ศ. 1838  (ว่ากันว่าในร่างกายของมันนั้นพบฉมวกล่าวาฬเกือบ 20 อัน และบาดแผลที่ด้านนอกร่างกายนับไม่ถ้วน) 
พวกเขานำเขี้ยวของมันมาทำเครื่องประดับ และนำ ขี้วาฬ (รูปร่างและสีคล้ายอำพัน บางครั้งก็เรียกอำพันทะเล ซึ่งจะมีกลิ่นหอม)
มาใช้เป็นส่วนผสมพิเศษในการทำน้ำหอมด้วย ซึ่งสมัยนั้นมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก


 
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://flavorwire.com/230949/10-famous-literary-characters-and-their-real-life-inspirations
http://www.barnesandnoble.com/blog/10-fictional-characters-based-on-real-people/
http://listverse.com/2013/02/19/10-fictional-characters-based-on-real-people/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กรกฎาคม 2017, 16:09:26 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่