-->

ผู้เขียน หัวข้อ: auto and travel ตอน เสียงลมที่อื้ออึง ผสมเสียงการดีดดิ้นของชิ้นโลหะที่เรียกว่าโซ่  (อ่าน 1496 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tomm

  • บุคคลทั่วไป

    เสียงลมที่อื้ออึง ผสมเสียงการดีดดิ้นของชิ้นโลหะที่เรียกว่าโซ่ ดังประสานขณะที่ผมกระหน่ำคันเร่ง เข็มวัดรอบดีดตัววาบๆ ตามจังหวะการขึ้นลงของเกียร์ เส้นทางคดโค้งดูไม่ครณามือของเจ้าม้าเหล็กที่คร่อมอยู่ หลายปีแล้วที่ลืมความสนุกของรถมีเกียร์ ยิ่งรถมีเกียร์ที่ต้องคร่อมตัวลงไปบนตัวถังยิ่งห่างหายไปจากความรู้สึกเนิ่นนานมาแล้ว โค้งกว้างด้านหน้ารอการดึงหัวเข่าเฉียงไปด้านหลังเพื่อกดน้ำหนักปลายเท้าลงไปที่พักเท้า ผมเบนจุดศูนย์ถ่วงของรถให้เอียงรับกับโค้ง ทุกอย่างเป็นวินาทีไปหมด ยางหน้าเกาะกุมพื้นผิวตามแรงเสียดทาน ผมกระชากคันเร่ง เจ้าซีบีอาร์โฉมใหม่ทะยานขึ้นไปตามแรงมือมุ่งสู่เส้นทางสูงชันที่อยู่เบื้องหน้า

          ความคุ้นเคยกับรถสปอรต์ของผมไปเกิดขึ้นกับสายสองจังหวะ ตอนนั้น น้องคนกลางเจ้าต่อคร่อมคาวาซากิ เคอาร์เอสพีเข้าบ้าน รถที่พ่อให้เราได้เลือกสิ่งที่อยากได้ด้วยเงินดาวน์คนละหมื่น สมัยนั้นรถราไม่ได้แพงและก็ไม่ได้ถูก  แต่รถที่เราซื้อเป็นกลุ่มรถแพง ผมเองสบตากับเจ้าวีอาร์โฉมสุดท้ายสีทูโทน สองจังหวะยังไม่มีท่าทีจะลดน้อยถอยหลังในยุคอวสานทูทีเหมือนวันนี้ มันคือยุคของสองจังหวะที่แรงพุ่งคือสุดยอดของแรงม้าถ้าเทียบกับรถสี่จังหวะ ซีซีต้องมากกว่าถึงจะได้แรงม้ามากเท่านี้ ลูกพี่ลูกน้องอีกคนถอยเอาเอ็นเอสอาร์อาร์ออกมา เราสามคนจึงต่างปะหน้ากันไม่ได้ ไล่เคี้ยวชาวบ้านให้แหลกราน สายแม่ริมคือเรซซิ่งเซอร์กิตของเราและโดนเจ้าตั๋งน้องชายคนเล็กไล่ขย้ำด้วยสามร้อยห้าสิบคันเก่าของผมเป็นตัวปิดท้าย ต้องบอกก่อนนะครับตอนนั้นน้ำมันยังไม่สิบบาท และถนนรถรายังไม่เยอะแบบนี้ เราต่างผลัดกันคร่อมกันขี่รถของเราจนเริ่มซื้อรถยนต์ ผมเข้ากรุงเทพฯ เจ้าต่อเข้ากรุงเทพฯ เจ้าตั๋งเข้ากรุงเทพฯ และวันหนึ่งมอเตอร์ไซค์ทั้งหกคันของเราก็จางหายไป จากบ้าน แม่ขายทิ้งยกคอกไปเลย จบความฝันวัยหนุ่มของพวกเราทุกคน ชีวิตห่างหาย จวบจนผมกลับมาเล่นแฟนท่อม และชีวิตพลิกผันไปตามเวลา จนเปลี่ยนมาเล่นสายพานได้ร่วมหกปีแล้ว แน่นอน ความสบายคือสิ่งตอบแทนในการเดินทางและเป็นตัวเลือกที่ดีในยุคนี้ แต่รอยความทรงจำจางๆในวันวานยังทำให้เรากระหวัดคิดถึงเสียงโซ่สะบัดมาตลอด จนถึงวันนี้บนอานเจ้าซีบีอาร์ร้อยห้าสิบหัวฉีดตัวใหม่เอี่ยม

      หลังการรับรถทดสอบในวันเปิดตัวจากพี่จรงค์ และความไว้วางใจจากคุณภาณุพงศ์ บอสใหญ่ของฝั่งนิยม ให้เอารถมาดึงความรู้สึกเก่าๆกลับมา สัมผัสแรกในเส้นทางทดสอบเล็กๆข้างโชว์รูม ผมจับได้แต่ความดึงดันของรถมีอยู่บ้าง การบังคับควบคุมด้วยท่านั่งสปอรต์ยังเรียกว่าสบายไม่ได้ เพราะมันคือรถสปอรต์ แต่เรี่ยวแรงที่ติดไม้ติดมือใกล้เคียงกับเครื่องคาร์บิวทีเดียว บอดี้ของซีบีอาร์ถูกย่อส่วนจากตัวพันมาหลายมุมมองแต่ก็ไม่ได้เล็กจนเหมือนตัวเดิม ค่อนข้างเสมอตัวกับนินจาสองร้อยห้าสิบเลยทีเดียว ผมดึงเล่นสองรอบพอได้ความรู้สึก ก็ลงมายืนสุมหัวกับน้องๆพีซีเอ๊กซ์ ที่เราเอารถมาร่วมงานเปิดตัวซีบีอาร์ เจ้าใบตองซ้อนท้ายผมมาลงที่ร้านคาร์แลคเพื่อรอซีบีอาร์เช่นกัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนวัยนี้แหละที่จะซีบีอาร์ ครั้งแรกที่เด็กหนุ่มอย่างเจ้าตองสบตากับมันในโชว์รูมพร้อมอาการตาลุกวาวก่อนงานเปิดตัว คงเป็นภาพซ้อนในอดีตของพ่อและอาๆมันทุกคน เราต่างรักสายลมเหมือนๆกัน แต่ก็เป็นหนักถึงขนาดไปพาดหัวเฟสบุ๊คด้วยคำว่าอยากได้ๆ.....ซีบีอาร์สองร้อยห้าสิบ อันนี้สมัยก่อนไม่มี และหลังจากคร่อมซีบีอาร์กลับบ้านเรา คืนนั้นเจ้าใบตองก็เปลี่ยนมุมมองสายพานด้วยความประทับใจกับรถโซ่ จนภรรยาผมถึงกับเอ่ยปากว่า  ลูกขี่แล้วดูดี เป็นผู้ชายดี เริ่มงามไส้มั้ยล่ะซีบีอาร์ คืนนั้นเราพาเจ้านี่ออกร่อนไปทั่วเมือง ช่วงตีหนึ่งกว่าๆที่สะพานที่กลายเป็นคาเมร่าพ้อยย์ ที่อุดมไปด้วยสาวๆกับการถ่ายภาพ เคล้าด้วยเสียงประทัดยักษ์กลางแม่น้ำปิง ที่น่าจะจับยัดปากไอ้คนจุดให้มันสำนึกบ้าง ตำรวจนอกเครื่องแบบแอบแวะเวียนมาชมรถกับเค้าด้วย พร้อมการซุ่มจับประทัดยักษ์ ใครที่ยังไม่เคยขี่รถในแสงไฟของถนนไนท์บาซ่าร์ ท่าแพ จงออกมาเถิดแล้วจะรู้ว่าถนนสวยๆไร้สายไฟให้อะไรกับเรา ถ่ายภาพสวยโคตรๆขอบอก

  ถึงการเดินทางทดสอบเล็กๆของซีบีอาร์ ผมยังติดใจม่อนแจ่ม เพราะใกล้ แม้จะมีถนนที่ไกลกว่าอย่างวงแหวนสะเมิงให้เล่นโค้งได้สะใจก็ช่าง แต่อยากพักผ่อน บ่ายวันอาทิตย์หลังไปโบสถ์ พาภรรยาไปกินข้าว ทีนี้ตาเราบ้าง แต่เจ้าตองออกอาการอยู่คนเดียวของพี่เบริด์ จนล้มทริปไปขี่รถร่วม ทั้งที่รถมันแรงสุดในบ้านแม้จะเป็นสายพาน อาการอกหักฉับพลันใครก็ห้ามไม่ได้และเข้าใจกันดี ผมเหลือเพื่อนร่วมทางเพียงเจ้าตั๋งน้องชายคนเล็กที่ขึ้นมางานร้อยวันพ่อ บนเจ้าพีซีเอ็กซ์สีแดงของผม โค๊ชมะนาว พีซีเอ็กซ์คาดแดงที่แอบซ่อนอิตาลี่ไว้ฝั่งซ้าย กับเจ้าเอ็มอนาคตน้องเขยบนรถตระกร้าหน้าอย่างเวฟหัวฉีด ฮอนด้าล้วนๆเพราะเจ้าตองไม่เอาฟีโน่เหลืองมาแจมเราเลยสบาย เริ่มขยับตัวในแสงยามบ่าย มุ่งหน้าสู่สายแม่ริม ผมคร่อมเจ้าซีบีอาร์มาได้สิบนาทีเริ่มรู้สึกหนักๆข้อมือ กับหลังเร่ิมตึง รถมันสปอรต์แต่คนมันเริ่มสูงวัย จึงให้ผลแตกต่างไปบ้าง จากสายแม่ริมเราเลี้ยวลัดเลาะไปทางเลียบคลองชลประทานผ่านเส้นทางเงียบๆ ผู้คนต่างพักผ่อนสบายๆวันอาทิตย์ มีแต่ไอ้สี่ตัวนี่มาขี่รถเล่นนี่แหละ วนมาจนถึงสายแม่สา ผมเริ่มกดคันเร่งไปตามทางคดโค้ง การควบคุมที่ไม่ง่ายนักแต่เมื่อเริ่มคุ้นการกดข้อมือเพื่อองศาในการเข้าโค้งก็เริ่มง่ายขึ้น ความไม่มั่นใจผ่อนคลายลงเมื่อยางเริ่มสัมผัสดีขึ้นตามอุณหภูมิ การเริ่มทดสอบเล็กๆผ่านมาหลายช่วงเวลา อัตราเร่งยังคงดีเกินคาดสำหรับรถหัวฉีด วัดรอบตวัดตัวป้วยเปี้ยนที่หมื่นถึงหมื่นหนึ่งพันรอบต่อนาที ซึ่งก็ถือว่าเป็นรถรอบจัดจากปริมาตรเล็กๆของมัน การไต่ขึ้นที่สูงจึงต้องทอนเกียร์อยู่เยอะพอสมควร ใกล้ถึงจุดหมายบ้านหนองหอย แม่สาใหม่ ผมเริ่มเบาคันเร่ง ตัวสะกดรอยหลังอย่างเจ้าเอ็มทำให้ค่อนข้างกังวลใจ ผมไม่ชอบให้ใครมาใกล้เวลาขี่รถ กลัวเราเผลอล้มแล้วไอ้คันหลังมันมาซ้ำน่ะดิ  เลี้ยวขวาขึ้นดอยมาเรื่อยๆถนนสวยๆทำให้เผลอใจมองไปรอบๆอย่างชื่นใจ ถึงวันนี้คงปฎิเสธไม่ได้ที่ม่อนแจ่มเริ่มหนาตาไปด้วยผู้คน ที่ลานจอดค่อนข้างอบอุ่นไปด้วยผู้คนทีเดียว ฟ้าแจ่มๆบนดอยแจ่มๆ ผมเดินวนหามุมกับกล้องในมือ พักหลังๆนี่มือตกกับกล้องถ่ายรูปหันไปเล่นกล้องมือถือซะเยอะ เจ้าเอ็นแปดในมือที่ถือมาเกือบสามเดือนถ่ายไปเป็นพันรูปจนลืมว่ามันคือโทรศัพท์ แอบภูมิใจเล็กๆที่ได้มาตั้งกะเปิดตัว และทะลึ่งจองได้ แถมสีฟ้าที่เป็นสีของเครื่องที่มีปัญหาน้อยที่สุดของเอ็นแปด เสียงสาวน้อยที่พวกเราแอบหวิวตั้งกะเห็นที่ลานจอด มาดังที่ด้านหลังผม พี่คะช่วยถ่ายให้หน่อยได้มั้ยคะ อืมม์ พื้นที่กลางสวนสวย เพื่อนฝูงลับตา ผมพยักหน้าหยิบกล้องจากมือนุ่มนิ่ม กล้องมันตัวเล็กๆนะคะ เอาเห็นกว้างๆนะคะพี่ ครับ กดไปได้สองรูปเสียงมะนาวโชยมาตามลม พี่ตั๋งๆถ่ายรูปพี่ต้อมส่งไปให้พี่เต้ดูหน่อย ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเกรียวกราวทำให้ทุ่งดอกไม้หม่นหมองลงทันที เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี่หว่า เราใช้เวลาได้พักนึงก็กลับมาขี่รถขึ้นไปด้านตรงข้ามเพื่อทัศนัยอีกมุมที่ว่ากันว่าเป็นภูชี้ฟ้าเชียงใหม่ คราวน้ีหนักเลย เราเจอทางแยกเห็นป้ายแต่ไม่รู้มันไปทางไหน ผมหักหัวไปซ้าย ไต่ขึ้นและดิ่งลงไปตามร่องปูนเล็กๆ เอาละซิ ผมเคยมาแต่เมื่อหลายปีก่อนสมัยยังไม่เป็นม่อนแจ่ม มากำกับเอ็มวีเพลงของม้งที่อเมริกา ความเปลี่ยนแปลงมากมายทำให้จำอะไรไม่ได้เลย แต่เส้นทางก็บังคับให้เราต้องดิ่งลงอย่างเดียวจนเจอลานโล่ง ทางแยกถึงจอดรถได้ ใช้รถกันผิดประเภทหรือเปล่า เสียงใครคนหนึ่งพึมพำ ท่ามกลางความเงียบงันของผืนป่า ต้นสนที่รายล้อม แสงที่อ่อนลง ผมกดดูจีพีเอส เห็นตำแหน่งตัวเองท่ามกลางพื้นที่สีเขียว มันไม่มีในแผนที่ รถกระบะโฟร์วีลล์ขโยกขเยกมาจากป่าที่ลึกเข้าไป จะไปไหนกัน ทางนี้มันมีแต่รถไต่เขานะที่จะเข้าไปได้ จบกัน เราเลยทางแยกมาไกล ผมมองนาฬิกา กำหนดคืนรถให้ทันเวลาใกล้เข้ามาแล้ว ป่ะกลับ ทุกคันหันหัวกลับตามรอยเดิม จนกลับมาโผล่ที่หน้าม่อนแจ่ม และวิ่งมาตามทางออก ถนนสีดำทำให้ใจสบายขึ้นเยอะ ทางโค้งที่ดูอันตรายไม่เท่าไหร่แล้ว ความเร็วถูกปลดปล่อย ถึงถนนเมนผมกดคันเร่งต่อเนื่องไปตามรอบแบบปกติแต่เร็ว การพลิกตัวเข้าโค้งและการแบนโค้งทำได้คล่องตัวมากกว่าขามาแล้วเพราะไปเจอออฟโรดมาแล้วนี่นา วัดรอบดีดตัวขึ้นลงไปตามเส้นทาง ถึงสายแม่ริมเข็มไมล์ไปแช่นิ่งที่ร้อยยี่สิบเอ็ดในเกียร์ห้า พอตบหกทุกอย่างวูบลงมาทันทีที่ร้อยนิดๆ โอเว่อร์ไดรว์เฟืองสุดท้ายทำงานแล้ว เพื่ออัตราการประหยัด ตอนออกไฟแดงผมกระชากทุกเกียร์จนถึงเกียร์ห้า แสงไฟหน้าวิบวับดวงเล็กๆที่ทิ้งระยะด้านหลังทำให้สะใจในความรุนแรงแต่ได้ซักพักบรรดาฝูงพีซีเอ็กซ์ก็วิ่งมาจ่อตูด ผมหมดมือขณะที่มะนาวแซงผ่านไปด้วยพีซีเอ็กซ์ ที่เหนือกว่านิดหน่อย ไมล์หมดที่ร้อยยี่สิบสอง แล้วเราก็กลับเข้าเมือง ผ่านความวุ่นวายมาจนจอดเจ้าซีบีอาร์ ณ จุดที่มันจากมาในตอนเริ่ม น้ำมันที่ใช้ไปลดลงน้อยมากถ้าเทียบกับระยะทางและการขยี้ความเร็วที่มันโดนมา สายพานยังกินมากกว่า ผมก้าวขึ้นคร่อมเจ้าพีซีเอ็กซ์ของตัวเอง ก้นทรุดต่ำแฮนด์ยกตัวขึ้นสูง ปรับใจปรับกายไม่ทันเลยจริงๆ ได้แต่ต้วมเตี๊ยมกลับบ้าน สิ่งที่ถ่ายทอดผ่านหัวใจเหมือนการกลับมาหนุ่มขึ้นอีกครั้ง กระชับกระเฉงขึ้น ความรู้สึกสปอรต์ยังไม่จางจากหัวใจ นี่แหละสิ่งที่เราต้องการให้มันกลับมาบ้างในชีวิตของเรา


                                

riviara

  • บุคคลทั่วไป

เหมาะกับคนชอบความเร็ว

Makettingmanager

  • บุคคลทั่วไป

อยากขับครับ ถ้าทางจะแรงน่าดู dsgjsd