-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 คดีฆาตกรรมปริศนาที่ยังไขไม่ออก (ภาค 1 ภาคคดีดัง)  (อ่าน 1372 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18212
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

10 คดีฆาตกรรมปริศนาที่ยังไขไม่ออก (ภาค 1 ภาคคดีดัง)
credit :: cammy@dek-d.com

ในอดีตที่ผ่านมี มีคดีปริศนาที่น่าสยดสยองและน่าพิศวงเกิดขึ้นมากมาย ในโลกบางคดีเป็นคดีลึกลับที่ไม่สามารถไข
ออกมาได้จนถึงบัดนี้ จนที่สนใจของคนที่ชอบเรื่องสยองขวัญและพวกคอสอบสวนอย่างไม่เสื่อมคลาย และนี้คือ
10 อันดับคดีฆาตกรรมปริศนาที่มีชื่อเสียงในประวัติในประวัติศาสตร์สมัยใหม่



อันดับ10. Oscar Romero


 
อาร์คบิชอปออสการ์ อาร์นุลโฟ โรเมโร (Oscar Romero) 1917-1980 เป็นหัวหน้าบาทหลวงคาทอริก ในเอลซัลวาดอร์
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ผู้เรียกร้องสิทธิมนุษย์ชนและต่อสู้เพื่อคนยากจนในประเทศจากสงครามกลางเมือง
ท่านเป็นนักพูด ปลุกระดมให้ประชาชนต่อต้านทหารสหรัฐ และเรียกร้องให้ทหารของซัลวาดอร์ให้สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน
มากขึ้น (เอล ซัลวาดอร์ ในช่วง 1980 เวลานั้น กองกำลังของรัฐบาลได้เกณฑ์เด็กอายุ12ปี บังคับให้ออกจากโรงเรียน
เข้ากองทัพ)


หากแต่ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1980 บาทหลวงโรมาโรในขณะนั้นอายุ 62 ปี ก็ถูกยิงตายในขณะพิธีมิซซาในโบสถ์เล็กๆ
ใกล้โบสถ์ของเขา เชื่อว่านี้เป็นการโดยกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายขวา, สหรัฐอเมริกา, หรืออาจเป็นฝีมือของโรเบอร์โต โดบุสซอง
(Roberto d'Aubuisson)ผู้สนับสนุนลัทธินาซียุคใหม่ เป็นตัวการในการลอบสังหารครั้งนี้(รวมทั้งคดีสยองขวัญอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน)
ซึ่งคนนี้มีอำนาจล้นฟ้าในประเทศนี้มาก และด้วยอิทธิพลและความอหังการ จนบัดนี้คดีของโรเมโร ก็ยังไม่ได้คลีคลายแต่อย่างใด





อันดับ9. Olof Palme


 
โอลอฟปาลเม่ (Olof Palme)เป็นนายกรัฐมนตรีสี่สมัย แห่งประเทศสวีเดน(1982-1986) ผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดไม่ให้
มีการใช้พลังนิวเคลียร์ทั้งหมดในประเทศสวีเดน หลังจากการเลือกตั้งเป็นนายกฯ อีกครั้งในปี 1982 เขาก็ได้ใช้นโยบายหลัก
ความเสมอภาคเศรษฐกิจ สังคมนิยม ทำให้สวีเดนเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีระบบสวัสดิการที่ดีที่สุดในโลก
เด็กๆได้รับการศึกษา ไม่มีคนไร้บ้าน ไม่มีใครอดอยากหิวโหยแต่น่าเสียดายนายกรัฐมนตรีคนดีเช่นนี้กลับถูกลอบสังหาร


เมื่อวันที่1986ฤดูหนาวอันโหดร้ายกินเวลายาวนาน ชาวสวีเดนนอนนานขึ้นและพูดกันน้อยลง โอลอฟ ปาลเม่พึ่งเดินควงแขน
ภริยาออกจากโรงภาพยนตร์โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดตาม สิ่งนี้คือความภาคภูมิใจของเขาที่ทำให้สวีเดนเป็น
ประเทศที่ปลอดภัย แต่แล้วเมื่อถึงเวลา เวลา11.21น. "ชายผมดำ ร่างสูง มีแขนข้างเดียว" ย่องไปด้านหลังของปาลเม่
ชักปืน .357แม็กนัม ออกมา และยิงนายกรัฐมนตรีในระยะเผาขน โอลอฟ ปาลเม่ เสียชีวิตทันทีในอ้อมแขนของภริยา
มือปืนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในความมืดของรัตติกาล ฆาตกรไม่ได้ทิ้งหลักฐานอื่นใดนอกจากกระสุนทองแดงสองนัด
ไม่มีใครรู้มูลเหตุจูงใจของการลอบสังหาร

และจนบัดนี้คดีก็ไม่ยังคลีคลายว่าใครเป็นคนฆ่าเขา?และฆ่าเขาเพื่ออะไร?ในเมื่อเขาไม่ได้สร้างศัตรูเลยสักนิด??




อันดับ8. The Boy in the Box


 
คดีเด็กชายในกล่องเป็นคดีสยองลึกๆ ที่ยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 1957 มีการพบศพเด็กชายลึกลับ
ไม่ทราบชื่อชาวคอเคเซียน อายุประมาณ 4-6ปี ร่างกายเปลือยเปล่าห่มด้วยผ้าสำลีลายสก็อตราคาถูก ศพถูกพบในสภาพ
หงายหน้าภายในกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ มีเพียงเท้าของเด็กที่ยื่นออกจากกล่องเท่านั้น ศพที่อยู่ในกล่องนั้นถูกพบที่
ข้างถนนในตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลาเดลเฟีย ที่น่าพิศวงคือร่างกายของเด็กคนนั้นแห้งและสะอาด แขนของเด็กถูกจัด
ท่าทางอย่างระมัดระวัง เล็บถูกเล็มสั้น ผมของเขาพึ่งตัดเร็วๆ นี้ คาดว่าก่อนตายเขาคงถูกเลี้ยงดูอย่างดี ส่วนสาเหตุการตาย
ถูกทำร้ายที่ใบหน้าและหัวอย่างรุนแรง


ส่วนข้อสันนิษฐานมีสองประการ คือเด็กคนนั้นอาจเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงโดยบ้านอุปถัมณ์ แต่เจ้าของบ้านนี้โหดร้าย
และชอบทำร้ายเด็ก จนเป็นสาเหตุทำให้เด็กตาย ส่วนอีกข้อคือเด็กผู้ตายอาจเป็นเด็กที่ถูกรับเลี้ยงดูพ่อแม่บุญธรรม
ซึ่งพ่อแม่บุญธรรมมีนิสัยโหดร้ายที่ชอบทำลายร่างกายและมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอย่างเกินพอดี และมีความคิดฆ่าแบบวิโรธ
คือฆ่าเด็กและทำความสะอาดและเลี้ยงดูเหมือนครั้งมีชีวิตอยู่ หากภายหลังก็นึกเบื่อเลยเอาไปทิ้งข้างทาง
 
ปัจจุบันคดียังคงเป็นปริศนา เนื่องจากไม่ทราบชื่อเด็กชายผู้ตาย หลายฝ่ายพยายามใช้DNAตรวจหาเพื่อเชื่อมโยงหาประวัติ
เด็กชายในฐานข้อมูลDNAระดับชาติ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ว่าเด็กชายคนนี้คือใครกันแน่ และทำไม
เขาต้องถูกฆ่า??ปัจจุบันเรื่องราวของเด็กชายในกล่องถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ ละครมากมาย หนึ่งในนั้นคือภาพยนต์
ซีรีย์เรื่องCSI






อันดับ7. Jack the Stripper


 
แจ๊ค เดอะ สทริปเปอร์(Jack the Stripper) หรือแจ๊คเปลือยเสื้อผ้า เป็นฉายาฆาตกรต่อเนื่องปริศนาในลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ระหว่างปี ค.ศ.1964ถึง ค.ศ.1965ซึ่งถูกขนามนามว่าเป็นแจ๊คหมายเลข 2เเนื่องมาจากพฤติกรรมในการสังหารเหยื่อที่เป็นโสเภณี
เหมือนกันกับของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ซึ่งเหยื่อที่ถูกมันฆ่ามีจำนวนทั้งหมด 6 ราย(หรืออาจมากกว่านี้ก็ได้) ในทั้งหมดถูกค้นพบ
ในสภาพเปลือย(ยกเว้นมีศพหนึ่งมีถุงเท้าสวมใส่อยู่)สภาพศพขาดอากาศหายใจ น่าจะเกิดจากการที่ฆาตกรบีบคอเหยื่ออย่างรุนแรง
หรือเอาไปถ่วงหน้าให้หายใจไม่ออก ที่ปากของพวกเธอถูกยัดลงคอด้วยกางเกงชั้นใน (กางเกงชั้นในของอังกฤษสมัยก่อนมีขนาด
ใหญ่มาก คิดดูสิเวลายัดลงในปากศพจะมีสภาพสยองขนาดไหน) และสถานทีพบศพส่วนใหญ่จะอยู่ในแม่น้ำเทมส์และจุดต่างๆ
ในกรุงลอนดอนนั้นเองที่ทำให้ฆาตกรคนนี้ถูกตั้งฉายาว่า "Jack the Stripper"




และหลังจากนั้นในปีค.ศ.1965ก็หยุดอาละวาดและหายตัวไปอย่างปริศนา โดยทิ้งปริศนาเอาไว้ให้หลายๆ ฝ่ายคาดเดาต่างๆ นาๆ
คดีนี้มีการสอบสวนจากตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด แต่จนบัดนี้คดีก็ไม่สามารถคลีคลายได้ มีการคาดเดาต่างๆ ถึงตัวจริงฆาตกรรายนี้
บ้างก็ว่า เป็นนักการเมืองของอังกฤษ, วงการภาพยนต์โป๊ แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะเชื่อมโยงถึงผู้ต้องสงสัยทั้งหลายได้ และคนที่
น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้มากที่สุดดันชิงฆ่าตัวตายลึกลับเสียก่อนโดยเขาทิ้งข้อความไว้ว่า
"ทนไม่ไหวแล้ว (unable to take the strain any longer head)"

ผลคือชื่อและหน้าของเขาไม่ได้ถูกประกาศสู่สาธารณชน(นี่จากจะทำให้ครอบครัวผู้ตายเดือดร้อน) ทำให้คดีนี้กลายเป็น
ปริศนาที่ไขไม่ออกในที่สุด





อันดับ6. The Axeman of New Orleans


 
แอกซ์แมน ออฟ นิวออร์ลีน (Axeman of New Orleans) เป็นฉายาฆาตกรต่อเนื่องปริศนาที่ก่อการอาละวาดฆาตกรรมผู้คนใน
นิวออร์ลีนและหลุยเซียนา ในระหว่าง พฤษภาคม 1918 ถึง ตุลาคม 1919นอกจากนี้ยังคาดว่ามันน่าจะฆ่าคนในปี 1911 ด้วย

(แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน)

คดีนี้เริ่มต้นเมื่อกลางดึกวันที่23พฤษภาคม1918โจเซฟ แมกกิโอ(Joseph Maggio) คนขายของชำชาวอิตาลีถูกโจมตีขณะที่การนอน
อยู่ข้างแคทเธอลีน แมกกิโอ(Catherine Maggio)ภรรยาของเขา ในบ้านของเขาบนมุมมุมถนนอัพเพอร์ลีนและถนนแมกโนเลีย
โจเซฟถูกฟาดหนึ่งแผลก่อนจะถูกปาดคอด้วยมีดโกน เขาอยู่รอดโดยไม่ตายหลายนาทีก่อนที่พี่ชายและน้องชายของเขา เจค และ แอนดรูว
ซึ่งอาศัยอยู่ตึกหลังถัดไป ยินเสียงร้องของพี่ชายจึงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่ช่วยชีวิตไม่ทัน ส่วนภรรยาของเขา แคทเธอลีน แมกกิโอ ฆาตกร
ฆ่าเธอโหดกว่านั้น มันใช้ขวานจามขวานที่คออย่างรุนแรงจนขวานนั้นลึกจนคอเกือบขาด ซึ่งเหลือเพียงผิวหนังอีกเสี้ยวเดียวที่ยึดคอเธอ
ไว้ติดกับตัว



และนี้คือจุดเริ่มต้นของแอกซ์แมน ออฟ นิวออร์ลีน หลังจากนั้นก็มีรายงานการปรากฏตัวของฆาตกรรายนี้จนสร้างความหวาดกลัวต่อผู้คน
ในพื้นที่อยู่มาก เพราะเหยื่อที่ถูกมันฆ่าส่วนใหญ่จะสุ่มฆ่า และถูกมันโจมตีอย่างฉับพลัน เช่น เปิดประตูบ้านก็ถูกขวานจามอย่างรุนแรง
หรือบุกไปฆ่าตอนเจ้าของบ้านนอนหลับอย่างสบายบนเตียง มันฆ่าคนแม้กระทั้งผู้หญิงตั้งครรภ์ และแม้แต่ทารกที่ฆ่าในแขนของแม่


นอกจากนี้มันยังเขียนจดหมายเหน็บแนมให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมืองบอกใบ้เหยื่อรายต่อไปที่มันจะไปฆ่าด้วย แสดงถึงนิสัยบ้าบิ่น
และความสนุกสนานในอาชญากรรมของฆาตกรรายนี้เป็นอย่างดี แต่แล้วจู่ๆ มันก็หยุดอาละวาดฆ่าคนเสียดื้อๆ หลังจากอาละวาด
ฆ่าคนไปแปดศพหลายๆ ฝ่ายพยายามหาข้อสมมุติฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายคนให้ข้อคิดเห็นว่า บางทีเจ้าฆาตกรคนนี้อาจเป็นมาเฟีย
จากอิตาลี หรืออาจเป็น โจเซฟ มัมเฟร(Joseph Momfre) ผู้ซึ่งถูกเปปิโทเน่(PietroPepitone) ภรรยาม่ายของเหยื่อรายสุดท้าย
ฆ่ามันด้วยปืนสั้น ซึ่งหลังจากการตายของมัมเฟร แอกซ์แมนก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นิวออร์ลีนส์อีกเลย และปัจจุบันมันก็ไม่ถูกตำรวจจับกุม
ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร และคดีก็ยังเป็นปริศนาอยู่ในแฟ้มต่อไป






อันดับ 5 JonBenet Ramsays


 
โจนเบนท์ แรมซี่ย์(JonBenet Ramsays)เป็นเด็กหญิงอายุเพียง 6 ปีมีสวยเสน่ห์ ฉลาด ช่างพูด ร้องเล่นเต้นรำบนเวทีเก่ง เธอทำได้
ราวจนเป็นมืออาชีพ ใคร ๆ ก็ชื่นชม เธอพึ่งได้รับเกียรติจากโรงเรียน ให้เป็นผู้ชนะรางวัล"นักเรียนดีเด่น"มาหมาด ๆเธอเป็นนางงามเด็ก
ที่ประกอบที่ไหนก็ได้รับรางวัลที่นั่นทั่วสหรัฐอเมริกา เป็นบุตรสาวของตระกูลแรมซี่ย์ครอบครัวที่มั่งคั่งแห่งเมืองโบลเดอร์


วันที่25ธันวาคม ปี1996เป็นวันคริสต์มาสสำหรับหลายๆ คน แต่เป็นวันหายนะของครอบครัวแรมซี่ย์ เมื่อเช้าวันนั้นแม่ของเธอแจ้งความ
ว่าเธอได้รับโน้ต เนื้อความประมาณว่าลูกสาวของเธอโดนคนคนร้ายลักพาตัวไปให้เงินประกันมาไถ่ แน่นอนตำรวจการดำเนินหาตัวเธอ
ก็เริ่มขึ้น แปดชั่วโมงผ่านไปแต่ก็ไม่มีใครพบเบาะแส ขณะที่ทุกคนมึนงงอยู่นั้น สมาชิกในบ้านแรมซีย์ก็พบเธอที่ชั้นใต้ดิน...เด็กหญิง
นอนหงายเธอถูกทุบกระโหลก และเธอถูกรัดคอตายอย่างโหดร้ายโดยสายเชือกสีขาวรัดแน่นมากอยู่ลำคอ มันมีแท่งไม้เสียบคล้าย
ขันชะเนาะฆาตกรคงใช้ไม้ขันชะเนาะนั้นรัดคอเด็กหญิงคนนั้นแบบช้าๆ


 
คดีนี้สร้างความพิศวงไปทั่วอเมริกา ปกติคดีฆ่าเด็กหญิงผู้ต้องสงสัยจะเป็นสมาชิกครอบครัวของเธอเป็นอันดับแรก แต่ปรากฏว่า
จากการสอบสวนแล้วไม่พบพิรุธในครอบครัวของเธอเลยหลักฐานต่อมาน่าฉงนยิ่งกว่า นั่นก็คือ โน้ตหรือจดหมายลักพาตัวนั้น
ถูกเขียนโดยปากกาในบ้านนั้นเอง ... แต่ลายมือไม่ใช่ของคนในบ้าน อีกหลักฐานที่พิศวงคือมีร่องรอยมีร่องรอยการข่มขืน
ยาวนานของหนูน้อยคนนี้แต่ครอบครัวแรมซีย์ปกปิดเงียบ ไม่รู้ว่าครอบครัวนี้ปกปิดเพื่ออะไร?มันสำคัญนักเหรอ?


และปรากฏคราบอสุจิและรอยเลือดที่แคมใหญ่ แต่คราบอสุจิและเลือดถูกใครบางคนใช้ผ้าเช็ดออกไปอย่างหมดจดก่อนโดนฆาตกรรม
แต่กระนั้นตำรวจก็ยังได้DNAที่คาดว่าจะเป็นของฆาตกร หากแต่เมื่อตรวจสอบพบว่าDNAอันนี้ไม่ตรงกับของใครเลย ทั้งสมาชิกแรมซีย์
และผู้เกี่ยวข้องDNAถูกส่งไปยังFBIเพื่อตรวจฐานข้อมูลแห่งชาติแต่ก็ไม่ปรากฏว่าไม่ตรงกับของใครเลยปัจจุบันคดียังมีการสืบสวนอยู่
(กฎหมายคดีฆาตกรรมเมืองโบลเดอร์ไม่หมดอายุความ) แต่ดูเหมือนยังมืดแปดด้าน

เพราะหลักฐาน DNA จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร....คดีนี้จึงเป็นคดีปริศนาอีกคดีหนึ่ง







อันดับ 3Black Dahlia


 
อลิซาเบธ ช็อท(Elizabeth Short) เกิด 29 กรกฎาคม1924เป็นหญิงชาวอเมริกันฉายา “ดอกรักเร่สีดำ”ฉายาของเธอมาจาก
การแต่งตัวสีดำเกือบทั่วตัว จนหลายคนเปรียบเทียบเธอกับตัวละครในหนังเรื่อง “รักเร่สีดำ”ซึ่งเป็นหนังดังในขณะนั้น และเธอถูก
ฆาตกรสังหารในสภาพพิสดารมาก ศพของเธอถูกพบเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1947 ถูกทิ้งไว้ข้างทางถนนนอร์ตัน สวนสาธารณะ
ไลเมิร์ต ชานเมืองลอสแอนเจลีส สหรัฐอเมริกาสภาพเหมือนหุ่นเสื้อที่ชำรุด คือสภาพเปลือยเปล่าถูกถ่ายเลือดออกจนขาวโพลนนั้น
ถูกพบในสภาพขาดเป็นสองท่อน ปากถูกกรีดตั้งแต่หูซ้ายจรดหูขวา ทั่วทั้งตัวถูกล้างจนสะอาดหมดจด ที่คอมีร่องรอยการถูกรัด
ด้วยของที่คล้ายเชือก แต่จากการชันสูตรพบว่าสาเหตุการตายโดยตรงคือแผลขาดสองท่อนกลางลำตัวขณะที่มีชีวิตอยู่
แต่น่าพิศวงมากกว่านั้นที่กระเพาะของเธอปรากฏว่ามีอุจจาระจำนวนมาก ไม่รู้เป็นของเธอหรือฆาตกร แต่กระนั้นฆาตกร
ก็บังคับให้เธอกลืน จนอิ่มเต็มกระเพาะ!

 
1อาทิตย์หลังจากพบศพ มีการพบพัสดุสีน้ำตาล เหม็นกลิ่นน้ำมันหึ่ง และมีโน๊ตสั้นๆ ที่ใช้ตัดคำมาจากหนังสือพิมพ์แล้วมาแปะ
ใจความว่า"นี้คือสมบัติส่วนตัวของ ดาห์เลีย และเอกสารที่เป็นเบาะแส"



ภายในมีสมุดบันทึก นามบัตร บัตรประจำตัว บัตรประกันสังคมซึ่งเป็นของอลิซาเบธ แต่ทั้งหมดก็ถูกแช่น้ำมันเบนซิลจนไม่สามารถ
ตามเบาะแสหรือหารอยนิ้วมือคนส่งได้ มีการสืบพยานและผู้ต้องสงสัยหลายรายจากสมุดบันทึก แต่เนื่องจากผู้ตายมีผู้ชายติดพัน
หลายคน อีกทั้งมีข่าวลือว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนอีกด้วย ทำให้คดีนี้ยุ่งยากมากๆ จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่พบตัวคนร้ายที่แน่นอน เรื่องการ
ฆาตกรรมอลิซาเบธ ช็อทก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป






อันดับ3 Andrew and Abby Borden


 
เช้าของวันพฤหัสบดี วันที่4สิงหาคม1892แอนดรูว์ เบอร์เด็น(Andrew Borden) เศรษฐีผู้มั่งคั่งประจำเมืองนิวอิงแลนด์ประเทศ
สหรัฐอเมริกากลับมาบ้านเลขที่92เซคันด์สตรีทซึ่งเป็นบ้านของเขา ในเวลานั้นในบ้านของเขามีภรรยาคนที่สองชื่อแอบบี้เบอร์เด็น
(Abby Borden), สาวใช้ไอริชบริจิต ซาลีแวน(Bridget Sullive) และลูกสาวของเขาลิซซี่ เบอร์เด็น(Lizzie Borden)
(แอนดรูว์มีลูกสาวอีกคนแต่งวันนั้นเธอออกทำธุระนอกบ้าน) เขาพูดคุยกับสมาชิกในบ้านนิดๆ หน่อยก่อนที่จะขึ้นบนบ้าน
และโน้นตัวลงบนโซฟาเพื่อหลับนอน

 
เวลา11.05น. ลิซซี่ก็ได้ศพของพ่อเธอถูกฆ่าตายบนโซฟา เขาถูกขวานจามเข้าที่ศีรษะขณะกำลังงีบหลับอยู่ถึง11แผล หูถึงกับขาด
และตาทั้งสองหลุดทะลุออกมาจากเบ้าตาอย่างหฤโหด เมื่อตำรวจและแพทย์มาถึงบ้านตระกูลเบอร์เดน พวกเขาก็ได้พบกับอีกศพ
แอบบี้ถูกฆ่าตายอยู่ในห้องพักแขกชั้นสอง เธอถูกจามศีรษะด้านหลังถึง19แผล จนลงกองไปกับพื้น ผลจากการตรวจพบว่า
นางแอบบี้ตายก่อนหน้าแอนดรูว์หลายชั่วโมง



ต่อมาตำรวจทำการจับกุมลิซซี่ เบอร์เดน เนื่องจากตำรวจสืบพบว่าเธอซื้อยาพิษจากร้านขายยาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมไม่กี่วันก่อน
เกิดเหตุ(แต่หาซื้อไม่ได้)และมีคนพบเห็นเธอเผาชุดเปื้อนเลือดที่เตาไฟ และขวานที่เป็นอาวุธฆาตกรรมอยู่ชั้นใต้ดิน ลิซซี่ เบอร์เด็น
ถูกนำตัวขึ้นศาล แต่ผลสุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดและปล่อยตัวออกมาอย่างน่าพิศวง นั้นเองที่ทำให้หลายฝ่ายต่างสงสัยว่า
ทำไมลิซซี่จึงบริสุทธิ์ทั้งๆ ที่มีหลักฐานอยู่ตรงหน้า สาเหตุอาจมาจากอิทธิพลของตระกูลเบอร์เดนซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆ
ในเมืองทั้งหมด จึงไม่น่าแปลกที่มีหลายคนพยายามรวมหัวกันช่วยลิซซี่ เบอร์เดน ซึ่งหลังจากลิซซี่ เบอร์เดนรอดพ้นคดี เธอยังคง
อาศัยในบ้านที่เกิดคดีฆาตกรรมหลังนั้นจนกระทั่งเธอเสียชีวิตเมื่ออายุ67ปี






อันดับ 2 The Zodiac Killer


 
The Zodiac Killerเป็นฉายาของฆาตกรโรคจิต ที่โหดเหี้ยม ฉลาด และดวงดีสุด ๆ มันฆ่าเหยื่อจำนวนใดก็ไม่ทราบ ก่อวีรกรรม
อุบาทว์ในแถบ เบย์ แอเรีย เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มต้นในปี1968และออกอาละวาดฆ่าคนเป็นระยะยาวนานถึง6ปี
มันชอบแอบดอดไปฆ่าหนุ่มสาวที่กำลังจู๋จี๋ในรถหรือที่ลับหูลับตาชาวบ้านอย่างยิ่ง เหยื่อของมันโดนทั้งมีดทั้งปืน


เมื่อมันออกปฏิบัติการ มันจะใส่ชุดดำ มีฮู้ดคลุมหัวที่ติดตรารูปวงกลม สัญลักษณ์จักรราศี มีอยู่บ่อย ๆ เลยล่ะที่มันทิ้งหลักฐาน
เอาไว้ ให้เห็นชัด ๆ เลยล่ะว่าข้านี้แหละเป็นคนฆ่า
 
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ บางครั้งมันก็เปิดหน้าตาของตัวเอง และเจตนาให้เหยื่อเห็นเลยแหละ ให้จำลักษณะของมันแล้วไปฟ้องตำรวจเลย
ยิ่งกว่านั้นมันยังมีนิสัยชอบกวนประสาทด้วยการติดต่อถึงตำรวจด้วยตนเอง ส่วนใหญ่เป็นทางจดหมายทางไปรษณีย์ เขียนด้วยลายมือจริง ๆ
ข้อความในจดหมายก็มีรหัสลับแปลก ๆลงท้ายด้วย สัญลักษณ์วงกลมที่ถูกเขียนกางเขนทับกับคำขู่ว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นใครด้วย
แม้ฆาตกรรายนี้ แทบจะเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณชนและมีการติดต่อกับตำรวจตลอดเวลา แต่ก็จับตัวมาลงโทษก็ไม่ได้

และหลังจากตำรวจได้รับจดหมายจากโซดิแอค คิลเลอร์ ในปี1974การปฏิบัติการโหดของฆาตกรก็หยุดเฉย ๆ และจดหมาย
ฉบับสุดท้าย ส่งเมื่อ1978ก็ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้เมื่อเมษายน2004 SFPD (กรมตำรวจประจำซานฟรานซิสโก)
ได้ประกาศปิดคดีนี้ลงโดยที่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้อย่างเป็นทางการ เป็นเวลากว่า26ปีทีเดียวหลังจากที่เบาะแสสุดท้าย
ของฆาตกรซึ่งเรียกตัวเองว่าโซดิแอคขาดหายไป จนปัจจุบันนี้ก็ยังมีรหัสลับมากมายที่เขาทิ้งไว้และยังไม่มีใครไขออก





อันดับ 1  Jack the Ripper


 
เราขอเสียใจกับอันดับ 1 ที่น่าเบื่อหน่าย เราทราบดีว่า 10 คดีฆาตกรรมปริศนาที่ไขไม่ออก อันดับ 2 และ 1 มันเหมือน10 คดี
ที่ไขไม่ออกของเก่าราวกับแกะ ก็เพราะว่า 2 ฆาตกรปริศนานี้มันช่างสุดยอดจริงๆ และเป็นหนึ่งในฆาตกรในดวงใจของหลายๆ คน

(แต่ไม่ครองใจผมสักเท่าไหร่)

แม้จะผ่านมากว่า100ปีหลังจากเกิดคดีแล้ว แต่คนทั่วโลกต่างพูดถึงแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์อย่างไม่เสื่อมคลายและและคาดเดา
ไปต่างๆนานาว่าเขาเป็นใคร คดีนี้เริ่มต้นตอน รุ่งสางของวันที่31สิงหาคม1888ตำรวจซึ่งลาดตระเวนในตรอกไวท์แชปเปล
ในมหานครลอนดอน ซึ่งเป้นสถานที่แหล่งเสื่อมโทรมของลอนดอน โสเภณีเป็นอาชีพสุดฮิตของที่นี่ และไม่น่าแปลกที่
สถานที่แห่งนี้จะเกิดคดีอาชญากรรมขึ้นปล่อยๆ แต่วันนั้นต่างกันออกไป เมื่อเขาได้พบศพหญิงโสเภณีคนนอนหงายอยู่บนพื้น
เธอถูกปาดคอ ไส้ทะลักออกมานอกร่างกาย และมีรอยแทงด้วยของมีคมที่อวัยวะเพศ

 
และนี้คือเหยื่อรายแรกของ เดอะ ริปเปอร์ และในเวลาต่อมาก็มีหญิงโสเภณีตกเป็นเหยื่อของฆาตกรรายแล้วรายเล่า ทุกศพ
บ่งบอกสภาพถึงการฆ่าที่โหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้มีชำแหละปาดคอ การกระหน่ำแทงด้วยมีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควักไส้กระจัด
กระจายไปกับพื้น อวัยวะบางส่วนหายไป จนกระทั้งรายสุดท้าย(คาดว่า)จบลงเมื่อมี วันที่9พฤศจิกายน การพบศพโสเภณี
อายุ25ปีในห้องพักของเธอเอง ในสภาพสยดสยองจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ ฆาตกรชำแหละเธอทั่วทั้งร่าง ท้องถูกผ่า
เปิดออกเพื่อล้วงอวัยวะภายในทั้งหมดออกมาข้างนอก ใบหน้าถูกมีดถลกจนเห็นกระดูก คอถูกเชือดจนเห็นกระดูก ซึ่งเธอ
เป็นเหยื่อรายสุดท้ายของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ซึ่งดูเหมือนฆาตกรจะสะใจกับการฆาตกรรมรายนี้มาก และมันก็จากไป
โดยไม่มีใครได้ยินข่าวเกี่ยวกับตัวมันอีกเลย........

เรื่องราวของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจดหมายที่อ้างว่าเป็นฆาตกรในคดีนี้ที่ส่งมายังตำรวจเป็นของจริง
หรือไม่?เหยื่อของฆาตกรรายนี้มีกี่รายกันแน่?ฆ่าโสเภณีนี้เพื่ออะไร และสุดท้ายฆาตกรคดีนี้เป็นใครกันแน่ จนบัดนี้ก็ไม่ได้
คำตอบของปริศนานี้แต่อย่างใด............



http://listverse.com/2007/09/11/top-10-unsolved-murders

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มกราคม 2017, 10:59:52 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

น้ำขิง

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 462
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ปริศนาลึกลับ eta32 eta32

spspace

  • ว๊องแมน
  • *
  • กระทู้: 8
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

เป็นคดีที่ลึกลับและหน้ากลัวจริงๆ แต่ละคดีผ่านมาหลายปีแต่ก็ยังคงน่ากลัวอยู่     eta20

อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม