-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Henri Désiré Landru ฆาตกรเคราน้ำเงิน  (อ่าน 1232 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Henri Désiré Landru ฆาตกรเคราน้ำเงิน
« เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2017, 14:42:34 »

Henri Désiré Landru ฆาตกรเคราน้ำเงิน



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายเจ้าของที่ดินผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง แม้เขาจะร่ำรวยมาก แต่เขากลับถูกสาปให้มีหนวดเครา
สีน้ำเงินบนใบหน้าของเขา ซึ่งไม่มีเด็กหรือผู้หญิงคนใดเลยที่เห็นหน้าเขาแล้วไม่วิ่งหนีด้วยคนตกใจ ชายเคราน้ำเงิน
คนหนึ่งมีเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านคนนั้นมีลูกสาวที่สวยมาก เคราน้ำเงินจึงมาสู่ขอหญิงสาวให้มาแต่งงานกับตน


แน่นอนว่าลูกสาวของเพื่อนบ้านอยากแต่งงานกับเคราน้ำเงิน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอหวาดกลัวเพราะเคราน้ำเงินเป็นพ่อม่าย
ที่แต่งงานมาแล้วเจ็ดครั้ง และภรรยาทั้งเจ็ดก่อนหน้าล้วนหายสาบสูญโดยไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา
แม้ตอนแรกทั้งสองดูกังวล หากแต่เมื่อเคราน้ำเงินมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ ก็พบว่าเขาดูน่าปลอดภัย ไม่ได้อันตราย
อย่างที่คิดเอาไว้ในตอนแรก



ในไม่ช้าเคราน้ำเงินได้แต่งกับคนน้อง เมื่อไปถึงปราสาท เคราน้ำเงินก็มอบพวงกุญแจทั้งหมดให้ภรรยาของตนแล้วบอกว่า
"เธอจะเข้าไปยังห้องไหนก็ได้ แต่ห้ามเข้าห้องที่ถูกล็อคด้วยกุญแจดอกเล็กที่สุดในพวงกุญแจนี้เป็นอันขาดไม่ว่ากรณีใดๆ"

อย่างไรก็ตาม เมื่อเคราน้ำเงินออกไปธุระข้างนอก ภรรยาก็เข้าไปยังห้องนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ในตอนแรกเธอไม่ได้เห็นอะไร เพราะห้องนั้นมืด และเมื่อดวงตาของเธอปรับเข้ากับแสงสลัว เธอก็พบว่าห้องข้างในนั้น
เลวร้ายมาก มันเหมือนโรงฆ่าสัตว์ที่เต็มไปด้วยสระเลือด หากแต่ซากศพที่ว่านั้นไม่ใช่สัตว์ที่ถูกเชือด แต่เป็นซากศพ
ภรรยาทั้งเจ็ดของเคราน้ำเงิน ลำคอของพวกเขาถูกเชือดจนถึงใบหู ศพถูกห้อยจากตะจอบนผนัง



เธอตกใจกับภาพที่เห็นข้างหน้า เลยวิ่งออกจากห้องโดยทันที แต่คราบเลือดที่ติดมาไม่สามารถล้างออกได้ และพอดี
เวลานั้นเองเคราน้ำเงินกลับมาพบเธอเข้าพอดี เคราน้ำเงินเห็นสีหน้าของภรรยา ก็รู้ทันทีว่าเธอไปเห็นอะไรมา
เขาคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว และพยายามฆ่าหญิงสาว แม้หญิงสาวจะพยายามอ้อนวอนร้องขอชีวิต แต่เคราน้ำเงินนั้น
จิตใจยิ่งกว่าหิน



อย่างไรก็ตามในขณะที่เคาน้ำเงินจะลงมือฆ่าหญิงสาว ได้พี่ชายของหญิงสาวโผล่มาช่วยแล้วฆ่าเคราน้ำเงินลงไปทันท่วงที

เคราน้ำเงินนั้นไม่มีทายาทดังนั้นทรัพย์สมบัติทั้งหมดจึงถูกยกให้ภรรยาของเขา และต่อมาพี่น้องก็ได้พบคู่ที่เหมาะสม
แล้วแต่งงานกันอย่างมีความสุขในที่สุด

นี่คือเนื้อหาคร่าวๆ ของนิทาน “เคราน้ำเงิน” หรือ " Bluebeard " (La Barbe bleue ) นิทานพื้นบ้านของฝรั่งเศส
ที่มีชื่อเสียง ที่เขียนโดยชาร์ลส์ แปร์โรลท์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1697 ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องของขุนนางชายที่ชอบฆ่าภรรยา
ซึ่งต่อมา “เคราน้ำเงิน” ก็ได้เป็นคำที่ใช้เรียกฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าภรรยาหลายคน
(ส่วนผู้หญิงที่ฆ่าคนรักหลายคนเรียกว่า “แม่ม่ายดำ”)




แม้ว่าแหล่งที่มาของนิทานเรื่องนี้จะไม่มีใครทราบว่ามาจากที่ใด หรือว่ามีต้นแบบมาจากใคร กล่าวกันว่าต้นแบบของเคราน้ำเงิน
คือกิล เดอ เรย์ หรือบางเอกสารก็อ้างว่ามีต้นแบบมาจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แต่อย่างไรก็ตามที่ฝรั่งเศสก็ได้มีเรื่องจริงเกี่ยวกับ
ชายคนหนึ่งที่ถูกตั้งฉายาว่า “เคราน้ำเงิน” เนื่องจากก่อคดีฆาตกรรมภรรยา และบางทีอาจโหดร้ายกว่านิทานด้วยซ้ำ
เพราะเขาฆ่าภรรยาถึง 11 คน และเกือบทั้งหมดศพถูกชำแหละอย่างโหดเหี้ยม โดยที่ผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีพระเอกขี่ม้าขาว
มาช่วยเหลือเหมือนในนิทานเลยแม้แต่น้อย
 
 
อองรีเดเซเร ลานดรี ( Henri Désiré Landru)


 
นิทานเคราน้ำเงินเป็นนิทานที่สอนถึงบทเรียนว่าความอยากรู้อยากเห็นจองมนุษย์นั้นเป็นประตูสื่อความน่ากลัวและความสยดสยอง
แต่ในต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีนิทานเคราน้ำเงินคนใหม่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสซึ่ง หากไม่ได้ปรากฏเป็นนิทานสำหรับเด็กแต่อย่างใด
หากแต่เป็นการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจริงของชายที่ชื่อ “อองรี ลานเดรี” ชายที่ฆ่าผู้หญิงถึง 11 คนซึ่งเป็นภรรยา
ของเขาโดยไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด


อองรีเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฉายา “Bluebeard”  หรือเรียกกันในชื่อของ “ผีร้าย” หรือ “เคราคราม” ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านฝรั่งเศส
ที่สามีมีพฤติกรรมฆ่าภรรยาต่อเนื่องหลายคน มีนิสัยละโมบและขี้ฉ้อโกง โกงแม้แต่นายจ้าง จนทำกลายเป็นนักต้มตุ๋น
เขาเริ่มกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องเมื่อเขาลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ปารีสคอล์มหนุ่มพ่อหม่ายหัวใจว้าเหว่โดยเนื้อหาบอกว่า
“พ่อหม้ายกับลูกติดสองคนอายุ 46 มีฐานะทางการเงินดีและมีหน้าตาทางสังคม ต้องการแม่หม้ายเพื่อออกเรือน”

ผู้หญิงที่เป็นหลงกลโฆษณานี้ก็ถูกฆ่าเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อพวกเธอมาถึงบ้านเขาจะฆ่าแล้วคว้านไส้พุงออกมาแล้วเผา
ชิ้นส่วนร่างกายของพวกเธอลงในเตาอบของเขา เชื่อว่าเขาสังหารผู้หญิงไป 11 ราย และเขาถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1922

อองรีอาจเป็นชายร่างเล็กกะทัดรัด หัวล้าน และหนวดเคราสีน้ำตาบแดงยาว คิวของเขาหนาดกดำและโค้งเหนือดวงตา
ของเขาแสดงให้เห็นความลึกลับและน่าประหลาดใจต่อผู้พบเห็น ลักษณะทางกายของอองรี ลานเดรีไม่น่าจะจะมี
ความสามารถฆ่าคนได้เลย หากเป็นไปแล้วเมื่อชายจากชนชันกลางตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์มือสองและช่างรถผู้นี้
สามารถหลอกล่อผู้หญิงที่หลงเสน่ห์เขาได้อย่างง่ายดาย

ผู้หญิงกว่า 10 คนเต็มใจที่จะเชื่อคำโกหกของเขา ยินดีที่จะฝากชีวิตและทรัพย์สมบัติอันมีค่าของพวกเขาให้กับชายคนนี้
ราวกับตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดที่มิอาจต้านทานได้ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตามมาก็คือชะตากรรมอันโหดร้ายที่สุดจะคาดคิดได้



 
อองรีเกิดในปารีส ประเทศฝรั่งเศส เกิดในวันที่ 12 เมษายน 1869 ในครอบครัว ฐานะยากจน แต่มีความสุขและทำงานหนัก
พ่อของเขาเป็นพนักงานขายหนังสือ และแม่ของเขาเป็นช่างตัดเสื้อ


พ่อแม่ของอองรีได้รับการสอนจากพ่อแม่.ให้มีอัธยาศัยดีและมีความซื่อสัตย์ ซึ่งตัวหนุ่มอองรีถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่สดใส
เข้าโรงเรียนที่สอนโดยนักบวช เขาเป็นเด็กฉลาด ทำกิจกรรมร้องประสานเสียงในบวช ซึ่งพ่อแม่ของเขาตั้งใจทำงานหนัก
เพื่อส่งลูกที่มีความประพฤติดีคนนี้เรียนหนังสือ

เมื่ออายุ 17 ปีเขาก็จบหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง หลังจากออกจากโรงเรียนเขาใช้ชีวิตใน
กองทัพฝรั่งเศส เมื่อปี 1887  ชีวิตเขาดูเหมือนเวลาเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า หากแต่ไม่ช้าอองรีก็เริ่มเรียนรู้วิธีการโกหก
หลอกลวงและการขโมย เขาไม่ต้องการใช้ชีวิตที่ไม่มีความเจริญก้าวหน้า คนอยากเขาต้องมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น อย่างไร
ก็ตามหลังจากใช้ชีวิตทหารได้ 4 ปี เขาก็ถูกปลดในปี 1891 เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องเขา

หลังจากออกจากทหาร ชีวิตของอองรีตกต่ำมาโดยตลอด ส่วนใหญ่เป็นแมงดาและขโมย แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้อง
อายุ 24 มีลูกสี่คนกับเธอ แม้ว่าเขาจะพยายามทำงานสุจริต แต่ส่วนใหญ่มักไปไม่รอด มักจบด้วยการลักเล็กขโมยน้อย
ต่อมาก็ฉ้อโกงแม่ม่ายสูงอายุ จนถูกตัดสินให้จำคุกสองปีในปี 19100 หลังออกจากคุก เขาก็ห่างเหินจากภรรยา
และทำอาชีพเป็นตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์มือสอง

ในปี 1914 อองรี ตอนนี้อายุ 43 ได้คิดแผนที่ตนมั่นใจว่าจะนำความมั่งคั่งมาสู่ของเขา และทำให้สถานะทางสังคมดีขึ้น
เขาเริ่มต้นโฆษณาตนเองว่าเป็นพ่อม่าย (แม้ว่าตามกฎหมายเขาจะไม่ได้หย่ากับเรมี่ก็ตาม) ต้องการหาหญิงวัยกลางคน
(เพราะเขาเชื่อว่าพวกเธอมีเงิน)


ในเดือนธันวาคม 1914 เขาได้พบกับมาดามฌานน์ กูเช อายุ 39 เวลานั้นมาดามฌานน์พิจารณาแล้วว่าอองรีเป็นคนตัวเล็ก
ไม่น่าจะมีพิษภัย อีกทั้งยังมีเสน่ห์และดูสุภาพ อีกทั้งยังไม่ได้รังเกียจลูกชายอายุ 18 ปี ของเธออีกต่างหาก และนั้นเอง
ทำให้มาดามเชื่อใจอองรี และหวังจะแต่งงานกับเขา อองรีได้ย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์ของมาดามนอกกรุงปารีส หากแต่ใน
ไม่ช้ามาดามณานน์และลูกชายของเธอก็หายตัวไป และในเวลาต่อมาอองรีก็ได้มรดก 15,000 ฟรังก์จากหลักทรัพย์ของมาดาม
 

 
หลังจากนั้นอองรีก็ย้ายที่อยู่ และยังคงประกาศหาแฟนสาวมาเป็นคู่ครอง  โดยใช้นามแฝงหลายชื่อ  อองรีสามารถจีบผู้หญิง
ได้หลายคน แม้เขาจะเป็นคนตัวเล็ก แต่ก็มีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งยังมีไหวพริบ  อีกทั้งร่ำรวย ทำให้ช่วงระหว่างปี
1915 และ 1921 มีผู้หญิงถึง 8 คนเข้ามาชีวิตของเขา ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้รู้จักเขาผ่านโฆษณาท้องถิ่น และทุกคนที่รู้จักอองรี
พบจุดจบที่โหดร้ายทั้งสิ้น


มาดาม ลาบอร์ด-ลีน คือหนึ่งในเหยื่อ ถัดจากมาดามณานน์และลูกชาย เธอเป็นภรรยาม่ายเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่เธอ
จะหายตัวไปนั้นเธอได้บอกกับเพื่อนๆ ว่ากำลังวางแผนแต่งงานกับวิศวกรที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่สัญญาว่าจะจัดพิธีแต่งงาน
แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน และแล้ววันที่ 26 มิถุนายน 1915 เธอก็หายไปพร้อมสุนัขสองตัวของเธอ

หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงมากมายที่หายตัวไป ไล่ตั้งแต่ มาดาม Berthe-Anna Héon พบเห็นครั้งสุดท้าย วันที่ 8 ธันวาคม 1915 ,
มาดามแอน โกลองบ์ (Anne Collomb) พบเห็นครั้งสุดท้าย 25 ธันวาคม 1915

ไม่เพียงมาดามเท่านั้นที่หายตัวไป Andrée-Anne Babelay หญิงรับใช้ก็หายตัวไป เมื่อวันที่ 12 เมษายน 1916 ซึ่งสาเหตุ
ที่เธอถูกอองรีฆ่านั้นยังคงลึกลับ เพราะว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงยากจนที่ไม่มีอะไรให้อองรีเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นอองรีก็ได้ซื้อเตาหลอมเหล็กมาติดตามในบ้านของเขา ด้วยอาชีพทำให้ไม่มีใครสนใจมากนัก
ต่อมาอองรีติดพันกับมาดาม Célestine Buisson เศรษฐีม่าย ก่อนที่เธอจะหายในวันที่ 9 สิงหาคม 1916
เหยื่อรายต่อมา มาดาม Louise-Joséphine Jaume ได้หายตัวไปวันที่ 25 พฤศจิกายน 1917 ซึ่งหลังวันที่
เธอหายตัวไปไม่ก็วัน เพื่อนบ้านของอองรีได้สังเกตเห็นควันดำที่มีกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนออกมาจากบ้านพักของเขา

ต่อมามาดาม Anne-Marie Pascal ก็หายไปในฤดูใบไม้ผลิตของปี 1918 และ Marie-Thérèse Marchadier 
(พบเห็นครั้งสุดท้าย 15 มกราคม 1919) รวมทั้งสิ้น 6 คน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคู่รักของอองรีทั้งสิ้น


จนกระทั่งเหล่าพี่น้องของหญิงสาวที่หายตัวนั้นเริ่มสงสัยในตัวอองรี เป็นต้นว่าน้องสาวของแอนนา  (Anna Colomb)
เริ่มรู้สึกกังวลใจเมื่อข่าวของพี่สาวของเธอเงียบหายไป แม้ว่าเธอจะส่งจดหมายไปหาพี่สาวที่บ้านของอองรีก็ไม่ตอบรับ
นอกจากนี้ก็มีน้องสาวของเซเลสเต้ (Celeste Buisson) ก็เริ่มสงสัยในตัวอองรีในการหายตัวของพี่สาวเช่นกัน
และนั้นเองทำให้หญิงสาวสองคนติดต่อกับเทศมนตรี และก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นก็มีหมายจับอองรีออกมา
และแล้วในวันที่ 11 เมษายนร 1916 มีคนพบเห็นอองรีในกรุงปารีส เขาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง และนั้นเองทำให้ตำรวจ
ตามตัวเขาพบในไม่ช้า




และเมื่ออองรีเห็นตำรวจ เขาก็ตกใจมาก ระหว่างนั้นก็พยายามที่จะโยนสุมดบันทึกเล่มหนึ่งออกไปหน้าต่าง หากแต่ไม่นาน
ตำรวจก็ตามเก็บและเมื่อเปิดดูก็พบว่าในบันทึกนั้นเขียนด้วยลายมือของผู้หญิงอดีตคู่รักของเขา ที่เนื้อหาบ่บอกถึงสิ่งที่
พวกเธอจะให้เขา

อย่างไรก็ตาม สมุดบันทึกนั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ตำรวจพบเห็นหลังจากสำรวจบ้านของอองรี เมื่อพวกเขาพบโครงกระดูก
มากมายไม่ว่าจะเป็นเศษกระดูกและฟันในเตาผิง กว่า 290 ชิ้น ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วมันเป็นโครงกระดูกของมนุษย์
นอกจากนี้ยังมีเสื้อหามหาศาลและทรัพย์สินบางส่วนอยู่ในบ้าน แน่นอนไม่ต้องสืบแล้วว่าอดีตคนรักของออรีนั้นอยู่ที่ไหน
และพวกเธอมีชะตากรรมอะไรหลังจากที่คบกับเขา


จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมามีควันดำที่น่าสงสัยลอยออกจากปล่องไฟบ้านอองรี ซึ่งควันที่ว่านั้นเกิดจากการกำจัด
ร่างกายเหยื่อของอองรีนั่นเอง

แม้ว่าวิธีการฆ่าเหยื่อนั้นไม่ชัดเจนมากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะใช้ยาพิษ ซึ่งน่าจะเป็นไปได้สูงเพราะว่าอองรีนั้นเป็นคนตัวเล็ก
ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงที่ตัวใหญ่กว่าเขาได้

แม้จะปรากฏหลักฐานมากมายในบ้าน แต่อองรีก็ไม่ให้การใดๆ ทั้งสิ้น รวมไปถึงไม่ยอมรับความผิด
 



 
อองรีถูกพบฐานฆ่าคน 11 คน เขาถูกพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่สองเดือน แม้ว่าเขาจะรับสารภาพ
ในภายหลังว่า “ผมเผาร่างกายพวกเธอ (อดีตคนรักเขาฉ ในเตาเผาห้องครัว” แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้คณะลูกขุนใจอ่อน อองรี
ถูกลงโทษด้วยการประหารชีวิตด้วยกิโยติน

ในวันประหารนั้นอองรีพยายามขอให้ผู้คุมโกนหนวดเคราของเขาออก นอกจากนี้เขายังปฏิเสธการสวดจากนักบวช คำพูด
สุดท้ายของเขาคือ “ฉันจะกล้าหาญ”

เฮนริเดเซเร ลานดรีถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1992 เขาตายไปพร้อมกับความโลภที่ทำให้คน
หลายคนต้องทุกข์ทรมาน โดยไม่มีความสำนึกผิดมนข้อหาการก่ออาชญากรรมของเขาเลยแม้แต่น้อย



 

อ้างอิง
http://murderpedia.org/male.L/l/landru-henry.htm
http://serialkillercentral.blogspot.com/2010/06/henri-desire-landru-bluebeard.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 มีนาคม 2017, 11:51:30 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

น้ำขิง

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 462
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: Henri Désiré Landru ฆาตกรเคราน้ำเงิน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2017, 23:07:00 »

เคราน้ำเงิน lkkjjh lkkjjh