-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ  (อ่าน 875 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18221
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ
« เมื่อ: 07 เมษายน 2017, 11:50:14 »

10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ

อันดับ 10 Hetty Green
 


เฮ็ตตี โรบินสัน หรือ เฮ็ตตี กรีน(เกิด 21 พฤศจิกายน 1834-3กรกฎาคม 1916) เป็นชาวอเมริกาที่ร่ำรวย
ได้รับมรดกจากพ่อที่อดีตเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จากการล่าวาฬ เมื่ออายุ 30ปี และนำไปลงทุนในหุ้นและพันธบัตร
ในช่วงสงคตรามกลางเมืองจนร่ำรวย เธอเก่งกาจเรื่องการเงินและการปั่นหุ้น จนได้รับฉายาว่า

"แม่มดแห่งวอลล์สตรีท"

แต่ชื่อเสียงของเธอนั้นไม่ได้อยู่ที่เป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ หากแต่เป็นนิสัยของเธอที่ได้รับสดุดี
ว่าเป็นผู้หญิงที่ขี้เหนียวที่สุดในโลก โดยมีรายการความขี้เหนียวต่อไปนี้


เธอไม่เคยอาบน้ำร้อน, เธอใส่เสื้อผ้าสีดำชุดเดียวซ้ำกันทุกวัน เพื่อประหยัดผงซักฟอก เวลาซักผ้าเธอก็จะซักเฉพาะ
ตรงส่วนล่างที่เรี่ยพื้น, เธอไม่เคยล้างมือ(เขาเรียกสกปรกมากกว่าขี้เหนียวน่า), เธอขี่รถเก่า, เธอกินแต่
พายราคา 15 เซนต์ มีข่าวลื่อว่าเธอกินแต่ข้าวโอ๊ตที่อุ่นในสำนักงาน,เธอไม่ยอมซื้อบ้าน แต่พักอยู่ตามโรงแรมซอมซ่อ
และย้ายที่ไปเรื่อยๆ เพื่อเลี่ยงภาษี, เมื่อลูกชายบาดเจ็บที่หัวเข่า เธอส่งลูกไปแผนกอนาถา แต่โชคร้ายที่หมอจำเธอได้
จึงเรียกเก็บเงิน เธอไม่ยอม พาลูกกลับ สุดท้ายสองปีต่อมาลูกต้องถูกตัดขา,เมื่ออายุมากเธอประสบปัญหาไส้เลื่อน
แต่ปฏิเสธการรักษาทั้งๆ ที่มีค่าใช้จ่ายแค่ 150 ดอลลาร์ ทำให้เธอต้องใช้รถเข็น, เธอหวาดกลัวการถูกลักพาตัว
และการถูกวางยาพิษ

สุดท้ายเธอก็ตายด้วยโรคชัก ขณะที่เถียงคนขายเรื่องต่อราคานม ทิ้งมรดกมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์
และกินเนสบุ๊คได้บันทึกว่าผู้หญิงที่ขี้เหนียวที่สุดในโลก




อันดับ 9 William Archibald Spooner


 
William Archibald Spooner (1844–1930) อดีตอธิการบดีของ New College มหาวิทยาลัย อ๊อกซฟอร์ด
แต่ชื่อเสียงของเขามาจากการที่เขาเป็นผู้กำเนิดคำผวน(spoonerism-คำผวน เป็น วิธีการสลับคำ โดยใช้ สระ
และ ตัวสะกด ของ พยางค์หน้า และ พยางค์สุดท้าย มาสลับกัน ทำให้เกิดคำใหม่ที่อาจไม่มีความหมาย เช่น
อรีด่อย = อร่อยดี , ทรายบันหยุด = สุดบรรยาย)


โดยเขามักเผลอสลับพยัญชนะต้นของคำบางคำในประโยค ไม่ว่าจะเป็นบังเอิญหรือจงใจบางครั้ง มีหลายครั้ง
เขามักพูดคำผวนไม่ได้ตั้งใจในชั่วโมงสอน และสุนทรพจน์ต่อหน้านักเรียนนับร้อยคน จนเขามีชื่อเสียง
ในด้านการพูดเพี้ยน ดังตัวอย่างต่อไปนี้

• "Let us raise our glasses to the queer old Dean" (...dear old Queen)
• "We'll have the hags flung out" (...flags hung out)
• "a half-warmed fish" (A half-formed wish)
• "Is the bean dizzy?" (Is the Dean busy?)
• "Go and shake a tower" (Go and take a shower)
• "a well-boiled icicle" (A well-oiled bicycle)
• "I've lost my signifying glass". (Later): "Oh, well, it doesn't magnify."
• "This vast display of cattleships and bruisers". (This vast display of battleships and cruisers)

 




อันดับ 8 Simeon Ellerton


 
Simeon Ellerton (1702 – 1799) เป็นคนที่อาศัยในศตวรรษที่ 18 และขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าออกกำลังกาย
เขารักเดินทางไกลและมักทำงานหนัก เขามักกอบหินจากริมถนนและรวบรวมหินเพื่อสร้างบ้านของตัวเอง


จนในที่สุดเขาก็สามารถเอาหินของเขาสร้างกระท่อมเล็กๆ ของตัวเองได้ ซึ่งต้องเวลาหลายปีตลอดชีวิต
ของเขาเวลาเดินทางไปไหนเขามักเอาหินใส่กระเป๋าเสมอ



 

อันดับ 7 William Buckland


           
วิลเลียม บัคแลนด์ (12 มีนาคม ค.ศ. 1784 - 14 สิงหาคม ค.ศ. 1856)เขาเป็นนักธรณีวิทยา และ นักบรรพชีวินวิทยา
ชาวอังกฤษ ผู้ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์อย่างละเอียดเป็นเล่มแรก


[แต่นั้นไม่เทียบกับนิสัยของเขาที่สุดยอดมากๆ คือเขาเป็นนักกินตัวยง เขากินทุกอย่างไม่เลือก อะไรที่เขาพบเห็น
เขาจะกินหมดโดยเฉพาะสัตว์  ที่บ้านของเขาถูกสร้างขึ้นเสมือนหนึ่งสวนสัตว์เต็มไปด้วยสัตว์นานาพันธุ์เพื่อที่เขา
จะได้กินมันเป็นอาหาร เวลาแขกมาบ้านเขามักเสิร์ฟอาหารจำพวกหนู,นกกระจอกเทศพร้อมกับสัตว์ชนิดหนึ่ง
ที่มีขนแหลม(เม่น) รวมไปถึงลูกสุนัข จระเข้ 



เขาอ้างว่าเขากินสัตว์มาแล้วทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นจิงโจ้ เช่น หนูบ้านทอด ตัวเฮดจ์ฮ็อกย่าง
ปลิงทะเลต้ม เสือดำ นกคูรัสโซ(นกชนิดหนึ่งคล้ายไก่ฟ้า) ปลาโลมาต้ม-ย่าง เขาสามารถ
นำเนื้อม้าเสิร์ฟให้แขกกว่า 160 คน เขาบอกว่าสัตว์ที่รสชาติเลวร้ายที่สุดคือแมลงวันหัวเขียว
และโมล(นั้นมันแมลงแล้ว)


มีข่าวลือว่าเขาเคยกินเนื้อมนุษย์ด้วย!!




 
อันดับ 6 Kamala and Amala


         
คนปละ(Feral humans) พูดง่ายๆ ก็เมาคลีและทาร์ซาน นั้นแหละครับ โดยเป็นคนที่โดนสัตว์ไปเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก
เมื่อเด็กเติบโตจะมีพฤติกรรมของสัตว์ ไม่สามารถพูดภาษามนุษย์หรือเดินแบบมนุษย์ได้


กรณีคนปละนี้มีหลายคน เช่น Wild Peter, Oxana Malaya, John Ssebunya
แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ กมลา และ อมรา สองเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูโดยหมาป่า ที่ถูกจับในปี 1920
ในป่าแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านแดงกานาเลีย ในมายุรภัณช์ แคว้นโอริสสา  มินาโพร์ แม่หมาป่าถูกยิง 
ทำให้หลวงพ่อซิงห์ต้องรับไปเลี้ยงดูในสถานเด็กกำพร้า 


จากการสันนิษฐานเด็กทั้งสองคาดว่าไม่ใช่พี่น้องกัน เด็กทั้งสองมีนิสัยเหมือนหมาป่าชอบหอนและแยกเขี้ยว
ชอบแสดงอารมณ์ความหวาดกลัว ปฏิเสธการกินอาหารเหมือนมนุษย์ชอบกินเนื้อดิบและกินซากจากพื้นดิน
ไม่มีความรู้สึกร้อนเย็น ชอบแก้ผ้า ออกหากินเวลากลางคืน ชอบอยู่ที่มืดเกลียดแสงแดด ชอบข่วนหรือกัดคนแปลกหน้า
เวลาดื่มน้ำจะใช้ลิ้นตวัดน้ำเหมือนหมาป่ากินน้ำ ไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ อีกทั้งรูปร่างของพวกเธอแปลกประหลาด
กว่าเด็กทั่วๆ ไป ใบหูใหญ่สามารถได้ยินเสียงดียิ่งขึ้น รูจมูกใหญ่สามรถดมกลิ่นฉับไวเป็นพิเศษ ทำให้เด็กสองคน
ชอบดมตลอดเวลา มีฟันแข็งแรงสามารถขบกระดูกได้สบาย พละกำลังแข็งแรงผิดจากรูปร่างที่ผอม

เด็กสองคนสูญเสียการยืนตัวให้เหยียดตรง ทำให้เด็กสองคนต้องอยู่ในลักษณะก้มตัวคลานสีขา แต่กระนั้นเวลาวิ่ง
จะรวดเร็วคล้ายหมาป่า ตกกลางคืนดวงตาเด็กทั้งสองจะส่องแสงเสมือนดวงตาสุนัขและแมวทำให้เชื่อว่าเด็กทั้งสอง
มองเห็นได้ดีแม้จะเป็นเวลากลางคืน

หลวงพ่อซิงห์พยายามให้เด็กทั้งสองเรียนรู้การเป็นมนุษย์แต่ก็ล้มเหลว ต่อมาอมราได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1921
ส่วนกมลามีอายุยืนกว่านั้น และสามารถพูดและมีพฤติกรรมเหมือนคนเล็กน้อยก่อนตายเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1929
เรื่องราวของพวกเธอถูกเก็บไวในไดอารี่ของหลวงพ่อหลวงพ่อซิงห์



 

อันดับ 5 Noel Godin


 
(เกิด 1945) เจ้าของฉายา Gloupier George เป็นนักเขียนชาวเบลเยี่ยม, นักวิจารณ์, นักแสดง และมีชื่อเสียง
จากการเป็นนักขว้างพายใส่หน้าบุคคลสำคัญของโลกหลากหลายเชื้อชาติในเวลาที่แตกต่างกัน โดยเหยื่อคนแรกคือ
Marcel De Corte อาจารย์จากมหาวิทยาลัย université de Liège, ในปี 1968


นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็มักใช้พายขว้างใส่บุคคลดังๆ หลายคนที่ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่เขาเกลียดเป็นการส่วนตัว
เช่น Bernard-Henri Lévy(นักเขียนแนวปรัชชญาสมัยใหม่), Bill Gates(เจ้าพ่อคอมพิวเตอร์), Doc Gynéco
(นักร้องชาวฝรั่งเศส), Jean-Luc Godard(นักสร้างหนังชาวฝรั่งเศส), Marco Ferreri(นักแสดงอิตาลี),
Maurice Béjart(นักเต้นฝรั่งเศส) ฯลฯ นอกจากนี้เขายังตั้งกลุ่มปาพายของเขาด้วย โดยไม่กลัวจะถูกฟ้องแต่อย่างใด




 
อันดับ 4 Matayoshi Mitsuo



มาตาโยชิ มิตซูโอะ (เกิด 5 กุมภาพันธ์ 1944-??) เป็นนักการเมืองญี่ปุ่นวิตถารที่คิดว่าตนเองคือ"บุตรของพระเจ้า"
ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อที่จะแสดงวันพิพากษาโลกในรูปของการเมือง โดยเขาบอกว่าก่อนอื่นเขาจะต้องเป็นนายก
รัฐมนตรีญี่ปุ่นก่อน แล้วเขาจะปฏิรูปสังคมญี่ปุ่น และเสนอตัวเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ และเขาจะปกครองโลก
ควบสองหน่วยงานโดยจะทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลง และสนับสนุนให้ทุกประเทศพึ่งพาตัวเองโดยใช้เกษตร
อีกทั้งเขาจะให้สหรัฐอเมริกาถอนกำลังทหารออกจากโอกินาว่าทั้งหมด


โดยนโยบายหาเสียงสุดต๊อง ทำให้นายมิตซูโอะไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองสักที เขาสมัครเลือกตั้งหลายครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรี(1997), ผู้ว่าราชการโอกินาวา(1998), สภาผู้แทนเลือกตั้งโตเกียว(2005) ฯลฯ
ล้วนสอบตกหมดเลย และเป็นข่าวด้วยเมื่อเขาบอกให้คู่แข่งของตนคว้านท้องซะ(คือการฆ่าตัวตายแบบมีเกียรติ
ที่เรียกว่าฮาราคีรีนะครับ)
 



อันดับ 3 Mehran Karimi Nasseri


 
Mehran Karimi Nasseri เป็นผู้ลี้ภัยชาวอิหร่าน เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ ห้องพักผู้โดยสารขาออก ในสนามบินชาร์ลส เดอ โกล
(Charles de Gaulle Airports) ตั้งแต่ 8 สิงหาคม ปี 1988 จนถึงเมื่อปี 2006


สาเหตุที่เขาเป็นเช่นนี้ เนื่องมาจากตอนที่เขาอยู่อิหร่านเขาโดนข้อหาอะไรบางอย่าง
จนต้องจำคุกและเนรเทศออกนอกประเทศ และเอกสารขอลี้ภัยเขาเกิดหายทำให้เขาไม่สามารถ
เดินทางลี้ภัยจากประเทศอื่นๆ ในยุโรปได้


เรื่องของเรื่อง ในตอนนั้นเขาตัดสินใจจะเป็นสหราชอาณาจักร แต่เอกสารเอกสารสำคัญที่แสดงถึงสถานภาพผู้ลี้ภัยดันหาย
ในขณะที่เขากำลังรอที่ชานชาลา RER เพื่อไปสนามบิน Heathrow ในอังกฤษ และเมื่อไปถึง เขาถูกทางการปฏิเสธ
ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่มีเอกสาร (ก็เขาทำมันหายที่ฝรั่งเศสไปแล้วนี่) ดังนั้นอังกฤษจึงต้องทำการส่งเขากลับมาที่ฝรั่งเศส
ทางการฝรั่งเศสก็ไม่สามารถไล่เขาออกไปได้เพราะเขาเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถึงกระนั้นเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส
ก็ไม่สามารถออกเอกสารเขาได้เช่นกัน ทำให้เขาต้องติดแหง็กที่สนามบินฝรั่งเศส และต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามบิน
Chales de Gaulle นับตั้งแต่นั้นเป็นมา(เขาไม่สามารถออกมานอกสนามบินได้เพราะกฎหมายห้าม)



ใน 18 ปีที่เขาอยู่สนามบิน ชีวิตเขาอยู่แต่อาคารที่ 1 มีกระเป๋าเดินทางเป็นเพื่อน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนเรื่องราวของเขา
และศึกษาเศรษฐศาสตร์ เขาได้รับอาหารและหนังสือพิมพ์จากพนักงานสนามบิน อัตชีวประวัติของเขา ถูกตีพิมพ์ออกมา
เป็นหนังสือภายใต้ชื่อว่า “The Terminal man” เรื่องราวของเขาได้ต้องตาต้องใจ สตีเว่น สปีลเบิร์ก อย่างจังเขาถึงกับ
ขอซื้อลิขสิทธิ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสร้างหนังโดยเอา ทอม แฮงค์ส แสดงเป็นพระเอก

6 มีนาคม 2007 Nasseri ถูกย้ายจากสถานพยาบาลสภากาชาดฝรั่งเศสมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านพักคนอนาถาในปารีส
 




อันดับ 2 Lina Medina


 
ลินดา มีไดน่า  (27 กันยายน 1933) เธอเป็นคนเมือง Paurange ประเทศเปรู (Peru) เธอถูกบันทึกว่าเป็นคุณแม่
ที่อายุน้อยที่สุดในโลก เพราะในเธอให้กำเนิดลูก เธอมีอายุเพียง 5 ขวบกับ อีก 7 เดือน ถูกพ่อแม่นำมาส่งที่โรงพยาบาล
ตอนอายุ 5 ปี เนื่องจากหน้าท้องของเธอมีการขยายขนาดอย่างมาก ตอนแรกพ่อแม่คิดว่าเป็นเนื้องอก

แต่แพทย์วินิจฉัยว่าเธอตั้งท้อง!!

เธอถูกส่งไปยังรพ.ในเมืองหลวงของเปรู ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าเธอตั้งท้องจริง และคลอดโดยการผ่าตัด
จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าลินดา มีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 8 เดือนและมีหน้าอกตั้งแต่อายุ 4 ปี เมื่ออายุ 5 ปี
อุ้งเชิงกรานของเธอขยายกว้างขึ้นและมีการเจริญพัฒนาของกระดูกเต็มที่



เด็กที่คลอดออกมามีชื่อว่า Gerardo ตามชื่อหมอที่ทำคลอดให้ และลินดา
ถูกทำให้เชื่อภายหลังว่าเป็นน้องชายของเธอ ตอน คลอดเขามีน้ำหนักเพียง 2.7 kg
เขามีอายุยาวถึง 40 ปี...


ส่วนบิดาของเด็กในท้องยังคงเป็นปริศนา แม้แต่ลินดา ก็ไม่รู้ว่าใครทำให้เธอตั้งท้อง บิดาของลินดา เองถูกจับกุม
เนื่องจากถูกสงสัยว่าเป็นคนข่มขืนลูกตนเองจนตั้งท้อง แต่ได้รับการปล่อยตัวในที่สุดเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ...
ส่วน Gerardo สุขภาพแข็งแรงดีและถูกเลี้ยงในฐานะน้องชายของลินดา จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ จึงได้รู้ว่าที่จริงแล้ว
ลินดา เป็นแม่ของตัวเอง ปัจจุบันลินดามีอายุยืนยาวถึง 74 ปี ในช่วงชีวิตของเธอ เธอแต่งงานและมีลูกอีกคน
ซึ่งไม่ปรากฏนาม
 




อันดับ 1 Le Petomane


 
ปูจอล(1875-1945) เป็นนักแสดงบนเวทีที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในฝรั่งเศส คือเขาสามารถควบคุมการผายลม(ตด)
ได้โดยใช้กล้ามเนื้อหูรูดตูด เขาสามารถใช้ความสามารถพิเศษนี้สร้างชื่อเสียงและกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวยในชั่วพริบตา
ปูจอลรู้ถึงความสามารถตนเองเมื่อครั้งยังเด็กตอนว่ายน้ำทะเล เขากลั้นหายใจใต้น้ำ จากนั้นเขาก็รู้สุกเย็นยะเยือก
ด้านหลังของเขา เขาวิ่งขึ้นฝังด้วยความตกใจ และประหลาดใจเมื่อมีน้ำไหลจากทหารหนักของเขา
แต่แพทย์ลงความเห็นว่า ไม่มีอะไรผิดปกติ


ต่อมาเขาข่าวร่วมกองทัพและเขาก็แสดงความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งให้เพื่อนทหารดูคือเขาสามารถควบคุม
การผายลมได้ และสามารถเล่นเพลงได้ด้วย!!


จากนั้นปูจอลก็ได้ตัดสินใจใช้ความสามารถนี้ไปแสดงว่าเวทีใน Marseille debuteed ในปี 1887 และได้ผลตอบรับ
เป็นอย่างสูง และเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงจากการแสดงในโรงละคร มูแล็ง รูจ (Moulin Rouge) ที่ปารีสนั้นในปี 1892
คนดูบางคน ลุกขึ้นยืนตัวแข็งน้ำตาไหลพราก บางคนก็ ตีอก ชกหัว ส่วนอีกบางคนก็หัวเราะจนลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้น
ผู้หญิงสมัยนั้นใส่สเตย์รัดรูปแน่นหัวเราะหนักเข้าก็เกิดอาการหายใจไม่ออก และด้วยเหตุนี้ เวลานายปูจอลออกแสดง
จึงต้องมีนางพยาบาลแต่งเครื่องแบบออกมาคอยทำหน้าที่ทางที่นั่งคนดูครั้งละหลายคนเสมอ

การแสดงของปูจอลอยู่ชุดเดียว ไม่ได้เปลี่ยนเลยตลอดเวลายี่สิบปีเขาจะขึ้นเวทีคนเดียว
นุ่งกางเกงแพรดำแค่เข่า สวมเสื้อแดง เดินออกไปคำนับคนดูที่หน้าเวทีและกล่าวกับผู้ชม
ด้วยอารมณ์ขันว่า 

“ท่านสุภาพสตรี ท่านสุภาพบุรุษ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะนำเสนอต่อท่านการแสดงตด...”

แล้วนายปูจอลก็จะจากนั้นเขาก็โก้งโค้งลงตดแบบต่างๆ ตดเป็นเสียงเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงอ่อนหวานช้าๆ (ตดเบาๆ)
เพลงตื่นเต้น (ตดดังๆ) เขาเล่นได้หมด นอกจากนี้ เขายังสามารถทำเสียงตดให้เหมือนยิงปืนกลทั้งตับ
หรือตดดังกระหึ่มครึมคราง เหมือนเสียงปืนใหญ่และฝนฟ้าคะนองได้ ผ่านทวารหนักของเขาซึ่งดังอยู่ถึงสิบวินาที
นอกจากนั้นนายปูจอลยังตดไล่ลูกฆ้อง ทำเสียงโด เร มี ฟา จากเสียงสูงไปหาต่ำ และจากต่ำไปหาสูง 
นอกจากนี้เขายังเป่าเทียนดับโดยใช้ตดได้อีกด้วย

ปรากฏว่าในการแสดงรอบกลางวันนายปูจอลเรียกคนดูได้คิดค่าตั๋วเป็นเงินถึง 20,000 ฟรังค์  มีคนดูเข้ามาชม
การแสดงของปูอย่างล้นหลาม รวมไปถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอย่างพระองค์ก็เข้ามาดูการแสดงของปูจอลด้วย
ทำลายสถิตนางซาราห์แบรน์ฮาร์ดดาราหญิงผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนั้น ซึ่งได้ค่าตั๋วรอบกลางวันเพียง 8000 ฟรังค์เท่านั้น
ผิดกันตั้งไกล


ต่อมาอีกภายในเวลายี่สิบปีนายปูจอลก็ได้แสดงที่ปารีส ที่บรุสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยี่ยมในแอฟริกาเหนือ
และในที่อื่นๆ ทั่วยุโรป

ต่อมานายปูจอลเกิดไม่ลงรอยกับโรงละคอนมูแล็ง รูจ จึงออกไปตั้งการแสดงด้วยตนเอง เปิดโรงละครขึ้นใหม่
เป็นของตน ชื่อโรง “ปอมปาดัวร์” แสดงตดเกือบจะล้วนๆ นายปูจอลมีอายุอยู่มาถึง 88 ปี และตายเมื่อวันที่ 1945
ถูกฝังที่ป่าช้า La Valette de Var หลุมศพของเขายังคงเห็นทุกวันนี้ ครอบครัวของเขาได้รับขอเสนอ
เป็นเงินก้อนโตให้แพทย์ศึกษาร่างกายของเขา แต่พวกเขาปฏิเสธข้อเสนอ

ข้อมูลจาก http://www.siamstamp.com/forum/index.php?topic=3159.msg108043

จัดอันดับโดย
http://www.2spare.com/item_45962.aspx
http://listverse.com/2009/03/15/10-incredibly-eccentric-people/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 เมษายน 2017, 11:58:38 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

Mild123123

  • ว๊องแมน
  • *
  • กระทู้: 6
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2017, 08:49:30 »

ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยค่ะ pongz
แทงบอล

nawin

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 98
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2017, 04:09:43 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดี ครับ

Meteol2a

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 53
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2017, 00:32:18 »

แปลกสุดๆ บางเรื่องก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง  dsgjsd

nameispop

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 104
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2017, 23:02:33 »

ขอบคุณครับ

น้ำขิง

  • เด็กหัดเสียว
  • **
  • กระทู้: 462
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 บุคคลแปลกที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2017, 22:29:41 »

แต่ละคนแปลกจริงๆ pongz