-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานผีญี่ปุ่น Part2  (อ่าน 1144 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
ตำนานผีญี่ปุ่น Part2
« เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2014, 17:39:38 »

1. บรรพชิตทะเล



ปีศาจวิญญาณของคนตายในทะเล บรรพชิตทะเล ดูแล้ว คงเป็นปีศาจที่ต้องมีลักษณะเป็นนักบวช เช่นเดียวกับ นักบวชอิวานะแน่ๆ แต่พอจริงๆ
กลับมีลักษณะเป็นเต๋าแต่มีส่วนศีรษะเป็นมนุษย์ที่โกนศีรษะเหมือนนักบวชในพระพุทธศาสนา


ชาวญี่ปุ่นในอดีตมันต้องเดินทางสัญจรทางทะเลบ่อยครั้ง และด้วยว่ายึดอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักเพราะเป็นประเทศที่มีภูมิทัศน์เป็นเกาะ
และมักพบกับเหตุเภทภัยทางทะเล มีผู้คนล้มตายจมทะเลเสียชีวิต คนญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า ปีศาจที่มีลักษณะเป็นเต่าและมีศีรษะเป็นนักบวช นั้นคือ
ดวงวิญญาณของคนที่ตายในทะเล ซึ่งความจริงว่าปีศาจประเภทนี้ไม่มีพิษไม่มีภัยต่อมนุษย์แต่ด้วยรูปลักษณ์ของมันสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน
คนญี่ปุ่นจึงมักทำการเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ คือ ทำพิธีบรวงสรวงต่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แต่พอพระพุทธศาสนาเข้ามาจึงเปลี่ยนเป็นการอุทิศ
ส่วนบุญส่วนกุศลแก่ผู้ที่ตาย จึงไม่ีมีการพบเจ้าปีศาจบรรพชิตทะเลอีกเลย

แต่ด้วยว่าชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า เต่า เป็นสัตว์ที่มีชีวิตที่น่าพิศวง ไม่แพ้กับสุนัขจิ้งจอก ด้วยว่าเป็นสัตวที่อายุยืนแล้ว และยังมีคติว่า เต่าทะเลนั้น
เป็นข้ารับใช้ของจ้าวมังกร เทพเจ้าแห่งทะเล ซึ่งเคยปรากฏเป็นนิทานเก่าแก่ของญี่ปุ่น เรื่อง อุราชิม่าทาโร่ ที่ได้ช่วยเต่าทะเลไว้จากเด็กเกเร
และเจ้าเต่าทะเลก็กลับมาตอบแทนบุญคุณด้วยการพาอุราชิม่าทาโร่ไปเที่ยวยังวังมังกร ซึ่งนี่เป็นการระบุและหลักฐานทางความเชื่อว่า ชาวญี่ปุ่น
ยกย่องและนับถือเต่าทะเลเป็นสัตว์ที่พิศวง จึงอาจเป็นที่มาของการสร้างปีศาจตนนี้ขึ้นมาก็เป็นได้


2. เงือกทะเล ปีศาจผู้งดงามจากท้องทะเล



เงือกทะเล ถูกจัดเป็นปีศาจที่ไม่ได้ให้โทษกับมนุษย์ก็จริง แต่หากไปยุ่งกับเขาหรือไปทำร้ายเขาก็ไม่แน่ อาจตามมาด้วยความหายนะ ตามระบุ
ของเรื่องเล่าว่า เงือกทะเลมีรูปลักษณ์ที่งดงาม เป็นหญิิงที่งดงามผิวขาวราวลูกแก้วที่ผ่องใส และนิสัยอ่อนน้อมต่อมนุษย์มาก เคยมีเล่าว่าถึงขนาด
ไว้วางใจมนุษย์ คือ ให้ทำผมให้ด้วย ด้วยเป็นปีศาจที่มีความรักสวยรักงาม ว่าได้ว่าเป็นภูตผู้งดงามจากท้องทะเล แต่ตามที่มีหลักฐานเป็รภาพวาด
ก็มีความคล้ายกับอามาปิเอะ แต่ดูแล้วอาจเป็นประเภทเดียวกัน แต่มีความแตกต่างคือ อามาปิเอะปรากฏขึ้นเพื่อมาแจ้งข่าว แต่เงือกทะเลกลับปรากฏ
บ้างในบางครั้งและกลับช่วยที่อยู่กับมนุษย์อย่างคุ้นเคย จนสามารถรับประทานของมนุษย์ได้ทุกอย่าง


มีตำนานเล่าขานมาถึงพลังอันเร้่นลับของเงือกทะล มีหญิงสาวคนหนึ่งเธอเดินเล่นตามหาดทราย เธอก็พบเข้ากับสิ่งประหลาดที่นอนอยู่ในช่องแคบ
ของโหดหิน นั่นคือ เงือกทะเล เธอเห็นเงือกทะเลกำลังแห้งด้วยแสงแดด เธอก็ช่วยอุ้มเงือกทะเลตนนั้นออกจากโหดหิน เธอพาเงือกทะเลปล่อยสู่
ท้องทะเล เงือกทะเลได้ตอบแทนคุณของหญิงสาวด้วยเลือดของตน แต่หลังจากที่หญิงสาวได้กินเลือดของเงือกทะเล กลับทำให้เธอมีร่างกายแข็งแรง
ไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บอีกเลย นี้เป็นผลดีของมัน แต่เธอได้โตมีครอบครัววันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พ่อแม่ของเธอสิ้นบุญไปตามสังขาร สามีที่เคย หนุ่มก็แก่เป็นตาแก่ ญาติพี่น้องที่เคยเห็นมาแต่เด็กก็ตายจากไป ลูกของเธอก็มีครอบครัวมีหลาน
เธอมีความสุขที่ได้เห็นลูกหลาน แต่พอลูกของเธอกลับแก่ชราลง และรุ่นเหลนก็เข้ามาแต่ที่ เธอมองเห็นความเปลี่ยนของคนรอบข้าง จากเพื่อน
ที่เคยรักและรู้จัก และการอยู่โดยปราศจากคนที่รักอยู่เคียงข้าง เธอมองตนเองในกระจก เงาของเธอกลับสะท้อนกลับมาเป็นภาพของเธอในวัยสาว
หลังจากที่เธอได้กินเลือดของเงือกทำให้เธอไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

เธอต้องนั่งมองดูลูกหลานของเธอตายไปคนแล้วคนเล่า คนเก่าไปคนใหม่มา จนเธอถูกเรียกว่าทวด เธอทนต่อความเป็นไปไม่ได้ จึงหนีจากสิ่งเหล่านี้
โดยอาศัยร่มเงาของพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง เธอบวชเป็นชีไปตลอดกาล และเรื่องราวของหญิงสาวที่ได้กินเลือดของเงือกแล้วเป็นอมตะก็ได้หายไป
ตามกาลเวลา เธออาจอยู่ที่ไหนสักที เธออาจมองดูท้องทะเล และอาจตามหาเงือกผู้ตอบแทนเธอแล้วบอกว่า หากเป็นไปได้น่าจะปล่อยให้เจ้าตาย
ไปในวันนั้นเสียเลย..ข้าจะได้ไม่ต้องมาทรมานอยู่อย่างนี้...



3. อุมิโบซุ ปีศาจมหึมาจากท้องทะเล



อุมิโบซุ เป็นปีศาจที่ปรากฏในทะเล ด้วยประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ ด้วยชาวญี่ปุ่นแต่โบราณมาจะเดินทางสัญจรทางทะเล และยึดอาชีพการประมงเลี้ยงชีพ
จึงมักต้องออกทะเลอยู่บ่อยครั้ง และเจ้าปีศาจพวกนี้มักจะออกมาปรากฏให้เห็นบ่อยๆ เจ้าอุมิโบซุ มีลักษณะตัวใหญ่กลมผิวสีดำลื่นๆ มักปรากฏขึ้นแล้ว
เรืออัปปางเพราะด้วยความใหญ่ของตัวเจ้าปีศาจสามารถทำให้เกิดคลื่นใหญ่ได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นปีศาจที่สร้างความเตือนร้อนให้แก่มนุษย์


อุมิโบซุ นั้นคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นปีศาจที่จำแลงมาจากปลาในทะเล เพราะด้วยความใหญ่โตของมันไม่อาจจะอยู่ในทะเลได้ เพราะด้วยยิ่งมันปรากฏตัวขึ้น
และสนใจหรือกลัวมัน มันยิ่งทำให้เรืออัปปาง แต่มีทางแก้คือ พอมันปรากฏตัวก็ทำเป็นไม่สนใจทำเป็นมองไม่เห็นอย่างกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็จะหายไปเอง...



4. อุนไง เคียว ปีศาจกระจก



ด้วยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า สรรพสิ่งมีชีวิต แม้แต่สิ่งที่ไม่มีชีวิต มันก็มีชีวิตและกลายเป็นปีศาจได้ ยิ่้งของสิ่งของที่มีอายุมากแล้วอยู่ไปนานๆเข้า
มันจะกลายเป็นปีศาจได้ อย่างปีศาจตนนี้  อุนไง เคียว เป็นปีศาจที่กลายมาจากกระจกเก่าแก่อายุพันปี ซึ่งเชื่อว่า ของเก่าเก็บจนลืมมันจะสะสมพลัง
(คล้ายกับการบำเพ็ญประมาณนั้น) จนสามารถกลายเป็นปีศาจ และให้โทษกับมนุษย์ ด้วยว่าหากผู้ใดดังไปส่องกระจกบานที่เป็น อุนไง เคียว เข้าล่ะก็
วิญญาณของคนผู้นั้นจะถูกดูดเข้าไปในกระจกกลายเป็นพลังแก่เจ้าอุนไง เคียว เท่ากับว่า มันกินวิญญาณนั่นเอง 


แต่เจ้าอุนไง เคียวถึงจะเป็นปีศาจที่ญี่ปุ่นแต่มันกลับมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เพราะกระจกเริ่มแรกนั้นทำจากทองเหลืองและมีผลิตในประเทศจีน
และนำเข้ามาจากประเทศจีนในช่วงนั้น วิธีป้องกันมันก็มีเขาว่า เจ้าอุนไง เคียวเป็นประจกทองเหลือง ซึ่งมีทางเดียวที่จะปลอดภัยจากมัน บางคนว่า
ทุบทำลายคงยากเพราะเป็นทองเหลือง แต่มีทางคือ การใช้น้ำเกลือราดลงไปและทองเหลืองจะขึ้นสนิมเมื่อขึ้นสนิมเงาของผู้ส่องก็มิอาจจะปรากฏ
บนบานกระจกได้ มันก็จะหมดพลัีงกลายเป็นกระจกทองเหลืองธรรมดาไปเอง...


5. เอนรา เอนรา ปีศาจควันไฟ



คนญี่ปุ่นเมื่อก่อนมักจะมีกิจกรรมทางสังคมที่จะเป็นธรรมชาติมากว่าในปัจจุบัน และมีวิถีชีวิตกับธรรมชาติและพลังอันเร้นลับ จึงมักมีภูตผีปีศาจ
ที่ก่อกำเนิดมาจากเครื่องมือเครื่องใช้ หรือไม่ก็สิ่งของโดยส่วนมาก แต่เจ้าปีศาจตนนี้กลับกำเนิดจากควันไฟจากกิจกรรมการดำรงชีพของคนญี่ปุ่นในอดีต
ที่ยังคงใช้ฟางหญ้าแห้ง กิ่งไม้ก้านไม้ ใบไม้ เป็นวัตถุติดความร้อนเป็นเชื้อในการหุงต้มอยู่


เอนรา เอนรา เป็นปีศาจที่เกิดจากควันไฟ จะปรากฏต่อเมื่อในที่นั้นมีควัน เช่น ห้องครัวที่กำลังทำอาหารที่ใช้เชื้อฟืนหุงต้ม โดยลักษณะของเจ้า เอนรา เอนรา
จะเป็นลักษณะเหมือนควันที่จุดยากันยุง เขาว่าหากเป็นคนที่ไม่สนใจหรือจิตไม่ว่างก็จะไม่เห็นเจ้าเอนรา เอนรา แต่เมื่อคนที่ใจลอย จิตว่างเมื่อใดไป
จ้องควันเหล่านั้น ก็จะพบเป็นใบหน้าคน หรือไม่ก็ใบหน้าของปีศาจที่น่ากลัว แต่มีวิธีป้องกันอยู่บ้างโดยการเป่าหรือพัดให้ควันนั้นหายไป

การเกิดปีศาจตนนี้ไม่ได้เป็นปีศาจที่ให้โทษต่อมนุษย์แต่มันอาจจะเกิดจากการเพ่งจิตจินตนาการไปมากกว่า เพราะจิตของคนเราเวลาเพ่งกับอะไรมาก
มักจะเกิดมโนภาพจินตนาการขึ้น อย่างไปจ้องมองควันมากๆ ก็เกิดความคิดกลัวขึ้นมาภายใต้จิตใจจึงสร้างภาพเป็นใบหน้าคนก็เป็นได้....


6. โอคามุโร ปีศาจหน้าตามหึมา



ยามค่ำคืนจะมีเสียงประหลาดดังขึ้นนอกบ้าน ด้วยความประหลาดใจว่ามันเป็นเสียงอะไร และผู้ที่เปิดประตูนั่นจะต้องหงายหลังเมื่อมัน.....เป็น
โอคามุโร ... ปีศาจหน้าตามหึมาใหญ่ยักษ์


โอคามุโร บางคนว่าเป็นหัวหน้าปีศาจกัปปะ มาแกล้งมนุษย์โดยทำเป็นเสียงประหลาดๆให้มนุษย์เจ้าของบ้านไปเปิดดูที่ประตู และมันก็กลายเป็น
ปีศาจหน้ามหึมา สร้างความตกใจแก่ผู้พบเห็น บางคนว่าเป็นทานูกิแปลงมาเช่นกัน คงเป็นทั้งสองเละ กล่าวว่าหากเป็นทานูกิก็เพียงแค่เผาใบไม้
ให้ควันพุ่งเข้าใส่หน้ามันก็จะเผยธาตุแท้ออกมา... ซึ่งเขาว่าโอคามุโรที่เป็นทานูกิแปลงจะไม่กินคน ให้อยู่เฉยๆไว้ แต่ไม่รู้ว่าถ้าเป็นเจ้าโอคามุโร
ที่เป็นกัปปะแปลงจะกินคนหรือเปล่า? ...!

ปีศาจตนนี้จะปรากฏตัวในแถบจังหวัดโืทคุชิมะ ใครโดยนั่นคงไม่กล้าแน่ๆ หากได้ยินเสียงประหยาดๆตอนกลางคืน ระวังหากยามวิกาล
ได้ยินเสียงประหลาด โอคามุโร อาจจะมาเยี่ยมคุณก็ได้....!

7. โอโทโรซิ  ปีศาจผู้พิทักษ์ศาลเจ้า



คนญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแต่อดีต โดยมักจะสร้างศาลเจ้าไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อเวลานักเดินทางผ่านมาจะได้ขอพรให้เทพเจ้าคุ้มครอง
ซึ่งด้วยว่ามีศาลเจ้ามากก็ยิ่งมีศาลเจ้าที่ถูกลืมเลือนไป กลายเป็นศาลเจ้าร้าง คนญี่ปุ่นบางพวกที่อาจเป็นนักเดินทางที่หาที่พักก็พบว่ามีศาลเจ้าจึงเข้าพักค้างแรม
แต่ต้องตกใจกับเสียงคำรามที่น่ากลัว และใบหน้าที่ใหญ่โตคล้ายยักษ์โอนิ นั่นคือ โอโทโรซิ


โอโทโรซิ เป็นปีศาจที่ไม่ทำลายใครถึงแก่ชีวิต เพราะใครเห็นเจ้าโอโทโรซิ ก็หนีวิ่งป่าราบไปแล้ว ด้วยโอโทโรซิ เป็นปีศาจที่เชื่อว่า มีหน้าที่พิทักษ์เทพเจ้า
จึงมาอยู่ตามศาลเจ้าที่ร้าง เพื่อดูแลสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

ด้วยคนญี่ปุ่นได้รับคติมาจากประเทศจีนอยู่บ้าง คงเชื่อในเทพารักษ์ จึงสร้างปีศาจตนนี้ขึ้นกลายเป็นเรื่องเล่าถึงความน่ากลัวของเทพารักษ์ที่มีรูปลักษณ์เป็นปีศาจ
เพื่อเป็นกุศโลบายในการป้องกันคนลบหลู่ทางสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เช่น อาจมีนักเดินทางหรือไม่ก็เด็กๆ เข้าเล่นรบกวนศาลเจ้าร้าง หรือไม่ก็ถ่ายสิ่งประติกูล
เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ เป็นการลบหลู่เทพเจ้า ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างปีศาจตนนี้ไว้เพื่อให้ผู้คนรุ่นหลังเกิดความกลัวเกรงและให้ความเคารพต่อสถานที่นั่นเอง...


8. เบโตะ เบโตะซัง ปีศาจตามคน



เวลายามค่ำคืนระหว่างมาคนเดียว แต่กลับรู้สึกสัมผัสได้ว่ามีคนตามเรามาข้างหลัง อยู่ๆตัวก็รู้สึกหนักขึ้นกระทันหัน นั่นคือ เบโตะ เบโตะซัง ปีศาจตนนี้เป็นปีศาจ
ที่เป็นประเภทให้โทษแต่ไม่ร้ายแรง เพราะมันทำการก่อกวนสร้างความลำบากต่อมนุษย์เท่านั้น


ช่วงกลางคืนเวลาเดินทางเพียงคนเดียว เจ้าปีศาจตนนี้มักจะตามมาอย่างเงียบ จนบางครั้งมีเพียงแค่ความรู้สึกแต่ไม่เห็นตัวตน จนบางคนไม่ทันระวังตัว
ก็ถูกมันเกาะที่ตัวทำให้ตัวของผู้ที่ถูกเกาะกลับมีน้ำหนักเพิ่มจากมิอาจจะขยับได้ ซึ่งไม่มีทางเลยจะขับไล่เจ้าปีศาจตนนี้ได้ ซึ่งหากผู้ใดโดน
เบโตะ เบโตะซังเกาะเข้า ก็ถือว่าดวงซวย เพราะมันจะเกาะไปนานจนกว่ามันจะออกไปเอง ฟังแล้วเหมือนทำนองผีเกาะคนอย่างบ้านเรา
แต่ต่างที่ว่าผีที่เกาะตามมาเพื่อขอส่วนบุญหรือขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าปีศาจโอบาเรียนนั่นแตกต่างด้วยทำไปเพราะการอยากเล่นกับมนุษย์มากกว่า
ซึ่งมนุษย์ก็ไม่ได้ชอบการที่เจ้าปีศาจมากระทำกับตนมากนัก

แต่ก็มีวิธีรับมือกับเจ้า เบโตะ เบโตะซัง เช่นกัน แต่ถ้าจะยากเสียหน่อยคือ อย่าไปสนใจมัน ทำเป็นไม่รับรู้หรือวิ่งหนีเลยเมื่อรู้สึกว่า
เมื่อจะเป็นเบโตะ เบโตะซังตามมา ซึ่งข้อนี้เละที่ยาก เพราะน้อยคนนักที่จะรู้ทันว่าเป็นเบโตะ เบโตะซัง ด้วยส่วนมากจะรู้ก็ตอนที่มันมาเกาะแล้ว และวิธีหนึ่่งคือ
พอมีความรู้สึกและหันไปแล้วเห็นเจ้าปีศาจเพราะบางครั้งมันก็ปรากฏเป็นรูปลักษณ์เหมือนกัน ก็แค่พยายามหนีไม่ให้มันเกาะได้เป็นพอ อาจจะวิ่งหนีถอยหลัง
หรือ เดินหลบมันเพราะมันจะลอยไปมาในอากาศ... ระวังนะไปไหนมาไหนในตอนกลางคืนแล้วรู้สึกเหมือนคนตามมา จงระวังอาจเป็นเจ้าเบโตะ เบโตะซัง
ตามหลังมาแน่ๆ...



9. ปีศาจร่ม



คนญี่ปุ่นมีคติความเชื่อมานานแล้วในเรื่อง ปีศาจ ที่เกิดจากสิ่งของ อย่างปีศาจ อุนไง เคียว ที่เป็นกระจกทองเหลืองกลายเป็นปีศาจ อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว
ปีศาจตนนี้ก็เช่นเดียวกัน เคยเป็นร่มเก่าๆอายุร้อยปี ซึ่งน้อยกว่าเจ้าอุนไง เคียว


ปีศาจร่มเป็นปีศาจที่ไม่มีโทษกับมนุษย์ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัว คือ มีเท้าเหมือนคนข้างเดียวใช้เดียวโดยการกระโดด และดวงตาดวงเดียว มีลิ้นที่มัก
แลบหลอกคน ดังรูป ปีศาจร่มมักหลอกผู้คนโดยทำเสียงประหลาดรบกวน จนผู้คนที่สงสัยมาดูต้นเสียงและพบเจ้าปีศาจร่มเข้าก็หงายหลังกันเป็นแถว...
ด้วยปีศาจร่มเป็นปีศาจที่คนญี่ปุ่นกลัว จึงมักจะป้องกันตัวโดย การใช้ไฟเผาหรือไม่ก็กรรไกรตัดตัวที่เป็นร่มเพราะร่มให้สมัยนั้นจะทำจากกระดาษ
แต่บางที่กล่าวว่าเป็นปีศาจที่ไม่น่ากลัว เพราะสามารถถูกกำจัดได้ง่ายโดยอาศัยธรรมชาติช่วย คือ ลม ใช่ร่มหากถูกลมพัดมาย่อมถูกลมหอบไป... (แปลกดี)

คนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่แปลกเหมือนกัน สิ่งของที่ถูกเก็บลืมแม้มีอายุมากเป็นของเก่าแก่ ก็มักจะเชื่อว่ามีพลังของภูตจนกลายเป็นปีศาจ อย่างปีศาจที่เคย
กล่าวอย่าง อุนไง เคียว ปีศาจกระจก และปีศาจร่ม และปีศาจอื่นๆ อีกมากมายที่มักจะมีรูปลักษณ์เป็นเครื่องใช้ ซึ่งว่าไปปีศาจตนแรกที่มาจากเครื่องใช้
คือ อุนไง เคียว ซึ่งเป็นกระจกทองเหลืองและมาจากประเทศจีน เป็นไปได้ว่าความเชื่อภูตผีปีศาจของญี่ปุ่นมักจะมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม
ความเชื่อของประเทศจีน...



10. กาซาโดคุโร ปีศาจวิญญาณของคนที่ถูกฆ่าหมกทุ่ง



ยามค่ำคืน ผู้คนที่เดินทางสัญจรกลับบ้านผ่านทุ้งที่มีหญ้าขึ้นสูงเลยศีรษะเสียงบางอย่างเหมือนกำลังโกรธดังขึ้น พอเขาหันไปยังต้นเสียงที่เขาได้ยิน
แต่พอมองหาไปมาด้วยความสงสัย เจ้ากรรมแสงโคมไฟที่เขาถือกลับส่องให้เห็น เงาของบางสิ่งบางอย่างที่สะท้อนกับพื้นถนน เงาร่างยักษ์ที่ประหลาด
ดูไปมาคล้ายโครงกระดูก แต่พอเขามองไปยังต้นตัวของเงา เจ้าปีศาจโครงกระดูกขนาดใหญ่จ้องมองเขาจากข้างบนเหนือศีรษะของเขา เสียงกรีดร้อง
ที่ทรมาณของทั้งชายและหญิงที่เหมือนทุรนทุราย ดังขึ้น...ใครจะอยู่เล่า เขาวิ่งหนีป่าราบไปแล้ว... เจ้าปีศาจตนนี้คือ กาซาโดคุโร


กาซาโดคุโร เป็นปีศาจที่น่าสงสาร เพราะกำเนิดจากดวงวิญญาณของคนที่ถูกฆ่าหมกทุ่ง และมักจะปรากฏในที่ๆเป็นที่ๆตนตาย เพื่อเรียกร้อง
ความยุติธรรมของตนที่ไม่รู้อะำไรเลย แต่กลับมาถูกฆ่าตาย อาจเป็นไปได้ว่าผู้ที่ถูกฆ่าอาจเป็นกลุ่มคณะเดินทางไปค้าและถูกโจรปล้นและฆ่าหมกทุ่งในทุ่งนี้
หรือไม่ก็เป็นหญิงสาวที่เดินทางกลับบ้านหรือเดินทางไปยังเมืองอื่นผ่านมาและถูกโจรปล้นสวาทข่มขืนแล้วฆ่าตาย
(และทุ่งที่เป็นที่ตายของวิญญาณเหล่านั้น คือ ทุ่งหญ้าแถบจังหวัดฮิโรชิม่าเพราะเขาว่าเป็นสถานที่เจ้ากาซาโดคุโรปรากฏตัวมาหลอกหลอนผู้คน)

ด้วยเหตุนี้กลายเป็นความแค้น วิญญาณเหล่านี้เลยรวมตัวกันจนกลายเป็น กาซาโดคุโร

วิธีป้องกันไม่มี แต่ทางที่ดีไม่ควรเดินทางผ่านทุ่งหญ้านั่น หรือหากจำเป็นก็ควรวิ่งหนีลูกเดียวเมื่อเจ้ากาซาโดคุโรปรากฏตัว เพราะไม่รู้ว่าเมื่ออยู่เฉยๆ
แล้วมันจะทำอะไรเราบ้างก็ไม่รู้ แต่มีบางมุมที่ปีศาจตนนี้ดูอ่อนโยน คือ ชอบการร้องเพลง ซึ่งดูแล้วแปลกจริงๆ... เขาว่าปีศาจตนนี้จะไม่หายไป
และจะปรากฏตัวอยู่เรื่อยจนกว่าความแค้นของวิญญาณเหล่านี้จะได้รับการถูกชำระความแค้น หรือไม่ก็ทางการมาจับพวกคนร้ายที่เป็นฆาตกรหมกทุ่งได้
ดวงวิญญาณเหล่านั้นก็จะไปสู่สุคติ เจ้ากาซาโดคุโรก็จะไม่มาปรากฏตัวอีกเลย... ระวังนะเวลาเดินผ่านทุ่งตอนดึกอาจได้ยินเสียงคนร้องเพลงประหลาด
อาจเป็นเจ้ากาซาโดคุโรก็เป็นได้...


credit :: มะเดหวีมาตา@dek-d.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 กุมภาพันธ์ 2014, 12:08:14 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่