-->

ผู้เขียน หัวข้อ: Merlin: พ่อมดในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์  (อ่าน 1315 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
Merlin: พ่อมดในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2014, 14:58:43 »

Merlin: พ่อมดในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์



เมอร์ลิน เป็นพ่อมดในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ กับอัศวินโต๊ะกลม ในยุคของประวัติศาสตร์อังกฤษตอนต้น ราวประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 5
มีตำนานและวรรณกรรมเล่าขานถึงอภินิหารต่าง ๆ ตำนาน มหัศจรรย์เกี่ยวกับพ่อมดเมอร์ลินมีอยู่มากมายเล่ากันว่า เขาคือผู้จัดเรียง
ก้อนหินมหึมาที่สโตนเฮนจ์ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่เหล่าทหารของกษัตริย์อาเธอร์ บ้างก็ว่าเมอร์ลินสามารถหยั่งรู้อนาคตได้อย่างชัดแจ้ง
เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่มีชีวิตย้อนหลัง กล่าวคือคนทั่วไปจะใช้ชีวิตจากอดีตไปสู่อนาคต แต่เมอร์ลินจะใช้ชีวิตจากอนาคตย้อนมาสู่อดีต
เมื่อเขาเคยผ่านอนาคตมาก่อนแล้ว จึงทำให้ทราบเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไป


กำเนิดของเมอร์ลินนั้น บางตำนานกล่าวว่าเขาเป็นบุตรของปีศาจที่แอบลอบ มาสมสู่กับเจ้าหญิงองค์หนึ่ง ทำให้เขามีอำนาจวิเศษ
มีคาถา อาคมและหยั่งรู้ในเหตุการณ์อนาคต


จากตำนานของชาวอังกฤษรุ่นก่อนๆ ได้บันทึกเอาไว้ว่า หลังจากที่โรมันได้ล่าถอยออกจากเกาะอังกฤษ ในอังกฤษเกิดความวุ่นวาย
อย่างล้นพ้นเนื่องจากแผ่นดินว่างกษัตริย์ เกิดการสู้รบกันระหว่างรัชทายาทแห่งบัลลังค์ไปทั่วทุกหย่อมหญ้าและนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนาน


เมื่อกษัตริย์วอร์ติเจิร์น (Vortigern) ผู้ซึ่งนำทัพตีฝ่าวงล้อมของพวกแซกซอน (Saxon) และหลบหนีไปยังสโนว์โดเนีย (Snowdonia)
ประเทศเวลส์ ด้วยหวังที่จะสร้างป้อมปราการบนภูเขาสูง ณ ดินาส เอมริส (Dinas Emrys: เป็นเนินเขาอยู่ทางตอนเหนือของเวลส์)
ซึ่งในป้อมปราการแห่งนี้เขาคาดว่าตนเองน่าจะปลอดภัยจากรัชทายาทองค์อื่นๆ แต่จนแล้วจนรอดป้อมปราการแห่งนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จเสียที
เนื่องจากทุกครั้งที่ป้อมใกล้จะเสร็จ ป้อมปราการแห่งนี้ก็จะถล่มลงมาทุกครั้งนำความเดือดร้อนมาสู่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก

บรรดาพ่อมดในราชสำนัก (ประมาณว่าโหรหลวง) จึงถวายคำทำนายว่า นอกเสียจากว่าพื้นดินบริเวณที่ตั้งป้อมปราการนั้นจะถูกอาบ
ไปด้วยเลือดของเด็กที่มีพ่อไม่ใช่มนุษย์เสียก่อนนั่นแลคำสาปจึงจะหาย (บางที่บอกว่าเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อ) สร้างความปั่นป่วนให้กับ
บรรดาคุณแม่ลูกอ่อนชาวอังกฤษทุกคนในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก แต่วอร์ติเจิร์นก็สิ้นหวังอีกครั้ง เพราะต่อให้พลิกแผ่นดินหายังไง
ก็ไม่รู้จะไปหาลูกครึ่งมนุษย์-ปีศาจมาจากไหน




แต่แล้ววันหนึ่ง พวกชาวบ้านลือกันว่า มีหญิงสาวให้กำเนิดลูกชายที่มีพ่อไม่ใช่มนุษย์ออกมา เด็กคนนั้นก็คือ เมอร์ลิน นั่นเอง

เมอร์ลินถูกนำตัวไปสังเวยทันที แต่ก่อนที่จะเริ่มพิธีสังเวยนั้น เมอร์ลินได้ใช้พลังหยั่งรู้ของเขาแจ้งแก่กษัตริย์วอร์ติเจิร์นว่าเหตุที่
ป้อมปราการแห่งนี้สร้างไม่เสร็จก็เนื่องจากในพื้นดินแห่งนี้เป็นที่อยู่ของมังกรแดงและมังกรขาว ซึ่งมังกรแดงหมายถึงชาวอังกฤษ
และมังกรขาวคือพวกแซกซอน ในการต่อสู้กันของมังกรทั้งสอง มังกรขาวมีท่าว่าจะพิชิตมังกรแดงลงได้ แต่แล้วมังกรแดงกลับ
พลิกล๊อกมาชนะได้ในที่สุด เมอร์ลินตีความหมายว่า อีกไม่นานเวอร์ติเจิร์นจะตายและ อัมโบรเซียส ออเรเลียนัส (Ambrosius Aurelianus)
จะขึ้นครองราชย์ต่อ ถัดมาคือ กษัตริย์อูเทอร์ และสุดท้ายคือ กษัตริย์อาร์เธอร์ ผู้ขับไล่ชาวแซกซอนให้กลับประเทศไปได้ในที่สุด

ไม่นาน … กษัตริย์วอร์ติเจิร์นได้ถูกปลงพระชนม์ ต่อมาอัมโบรเซียสได้ขึ้นครองราชย์ต่อ เมอร์ลินจึงได้อยู่ในราชสำนักตั้งแต่นั้นมา

ในช่วงนั้นมีเหตุการณ์ที่น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการสังหารหมู่ขุนนางอังกฤษ 460 คน ในการประชุมเพื่อสันติ ซึ่งพวกแซกซอน
เป็นคนคิดอุบายนี้ กษัตริย์อัมโบรเซียสปรึกษาเมอร์ลินว่าควรจะทำอย่างไรดีเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ขุนนางเหล่านั้น เมอร์ลินและว่าที่กษัตริย์อูเทอร์
จึงได้ส่งคณะสำรวจไปที่ไอร์แลนด์เพื่อไปหาก้อนหินแห่ง คอเรีย จิแกนทัม (Chorea Gigantum) (แหวนแห่งยักษ์) และด้วยพลัง
ของเมอร์ลินได้นำก้อนหินเหล่านี้มาสู่เกาะอังกฤษ ณ ทิศตะวันตกของเมืองเอมสบิวรี (Amesbury) ที่ซึ่งเมอร์ลินได้ใช้เวทย์มนต์
ของเขาในการจัดเรียงหิน เหล่านี้รอบๆ สุสานของขุนนางอังกฤษทั้ง 460 คน ในปัจจุบันหินเหล่านี้ก็คือ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)
อันเลื่องลือนั่นเอง




หลังจากการสิ้นพระชนม์ของอัมโบรเซียส บัลลังก์ได้ตกเป็นของอูเทอร์ผู้น้อง ด้วยความช่วยเหลือของเมอร์ลินทำให้กษัตริย์อูเทอร์ครอบครอง
แผ่นดินอังกฤษได้สำเร็จในศึกที่เมอร์ลินคาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แผ่นดินอังกฤษจะสงบสุข เมอร์ลินจึงยอมช่วยเหลือโดยการ
แปลงร่างของอูเทอร์ให้เป็นร่างของกอร์ลอส (Gorlois) ขุนนางชั้นสูงแห่งคอร์นวอลล์ (Cornwall) สามีของนางอิเกรน (Igraine)
ด้วยแผนลวงครั้งนี้ทำให้อูเทอร์ในร่างแปลงของกอร์ลอสเดินเข้าไปในปราสาทได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่กอร์ลอสตัวจริงออกไปตั้งทัพ
นอกปราสาทแล้ว อูเทอร์จึงร่วมหลับนอนกับนางอิเกรนและได้ให้กำเนิดบุตรชาย (อาเธอร์) ในที่สุด โดยที่กอร์ลอสผู้น่าสงสารไม่รู้อะไรเลย
และต่อมากอร์ลอสได้ปะทะกับอูเทอร์ในสนามรบและถูกฆ่าโดยทหารของอูเทอร์ในที่สุด

หลังจากที่เจ้าชายอาเธอร์ประสูติ เมอร์ลินได้ถวายการศึกษาแก่อาเธอร์อย่างดีที่สุด โดยให้อาศัยอยู่กับเซอร์เอกเตอร์ (Ector)
และอย่างที่เรารู้ๆ กัน เมื่อเมอร์ลินทำอุบายปักดาบลงในหินพร้อมกับคำจารึกว่า
"ผู้ที่ดึงดาบได้คือราชาแห่งอังกฤษ ซึ่งอาเธอร์คนเดียวเท่านั้นที่ดึงได้และได้กลายเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษในที่สุด"
ต่อมาเมอร์ลินได้พบกับเทพธิดาแห่งทะเลสาบและใช้ วาจาหว่านล้อมให้นางมอบของกำนัลแก่กษัตริย์อังกฤษ
ของกำนัลนั้นก็คือ ดาบวิเศษ "เอกซ์คาลิเบอร์" นั่นเอง



ตามตำนานยังกล่าวต่อไปอีกว่า เมอร์ลินเป็นผู้สร้างโต๊ะกลมและเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงเหตุการณ์ต่างๆ ทุกๆ การเคลื่อนไหวของกษัตริย์
และเมืองคาเมลอทดีที่สุด แต่แล้วอยู่ๆ เมอร์ลินก็หายตัวไปจากคาเมลอท

เมื่อเมอร์ลินหายไป อาเธอร์ก็ทำอะไรไม่ถูก ประกอบกับมีคดีความกับนายลานซล๊อตอีกเรื่องจึงวุ่นวายไปกันใหญ่ จนกระทั่งสงครามสุดท้าย
ของกษัตริย์อาร์เธอ ซึ่งอาร์เธอร์บาดเจ็บสาหัสมากและสิ้นพระชนม์ในที่สุด อันเป็นสาเหตุแห่งการล่มสลายของคาเมลอทในกาลต่อมา
(บางตำนานก็ว่าพ่อมดเมอร์ลินหายสาบสูญไปเมื่อตอนที่สิ้นสุดยุคสมัยของกษัตริย์อาเธอร์ครับ)


สาเหตุการหายไปของเมอร์ลิน ตำนานแรกก็ว่าเมอร์ลินลืมไปว่าในโต๊ะกลมนั้นมีเก้าอี้อันตรายอยู่และมีแต่อัศวินที่ได้รับเลือกเท่านั้น
จึงจะนั่งได้ แต่ด้วยความหลงๆ ลืมๆ ทำให้เมอร์ลินบ้าจี้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ไปท่ามกลางความตกใจของบรรดาอัศวินตลอดจนกษัตริย์อาร์เธอ
เมอร์ลินถูกดูดลงไปสู่พื้นภิภพอันดำมืดและไม่สามารถหลุดออกมาได้ตลอดกาล



อีกตำนานหนึ่งว่ากันว่าเมอร์ลินตกหลุมรักกับวิเวียน (Vivien) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งทะเลสาบ (Lady of the Lake) เมอร์ลินยินดี
สอนคาถาตลอดจนวิชาต่างๆ ให้นาง นับวันนางก็ยิ่งมีพลังมหาศาลมากเกินกว่าพลังของเมอร์ลิน จนเมื่อเมอร์ลินไม่มีอะไรจะสอนนาง
แล้วและเพื่อให้พลังของนางเป็นหนึ่งในยุทธภพ นางจึงขังเมอร์ลินไว้ในหอคอยแก้วผลึกในป่าแห่งนิรันดร์ ถ้ำแห่ง ความมืดหรือจะคุก
อะไรก็ตามแต่ที่คนเราสามารถจะจินตนาการให้กักขังพ่อมดที่มีพลังมากที่สุดบนโลกมนุษย์ได้ แต่สุดท้ายคือเมอร์ลินถูกขังเอาไว้นั่นเอง


มีการบันทึกเอาไว้ว่าเมอร์ลินรู้ซึ้งถึงผลการรบครั้งสุดท้ายดี จึงรวบรวมพลังจิตครั้งสุดท้ายไปบอกกับวิญญาณของเซอร์กาเวน
ให้ไปบอกอาร์เธอว่า

"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้เชื่อใจ ลานซล๊อต อย่าบุ่มบ่ามทำการรบโดยปราศจากลานซล๊อต"


นี่คือคำพูดสุดท้ายของพ่อมดแห่งเวลส์ครับ

"I am also the greatest fool. I love another more than I love myself, and I taught my beloved
how to bind me to herself, and now no one can set me free."


ถ้าแปลก็คงประมาณว่า

"ตัวข้าแท้จริงเป็นเพียงแค่ผู้โง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น ข้าเลือกที่จะรักคนอื่นมากกว่าเลือกที่จะรักตัวข้าเอง ข้าสอนนางอันเป็นที่รัก
ถึงวิธีผูกมัดตัวข้าเองเอาไว้กับตัวนางและบัดนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถปลดปล่อยพันธนาการแห่งข้าได้อีกเลย … ไม่มีแม้แต่ผู้เดียว"


เมอร์ลินจะมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ หรือเป็นเพียงนิยาย ตำนานเล่าลือกันมา มีผู้วิเคราะห์วิจารณ์ ไว้ดังนี้ครับ



ชื่อ "เมอร์ลิน" ปรากฏเป็นหนแรกในบทนิพนธ์ของ จอฟฟรีย์ มอนเมาธ์ ซึ่งประพันธ์ ขึ้นในปี ค.ศ. 1136 เรื่อง
"ประวัติ กษัตริย์ แห่งบริเทน" ทว่าต่อมา เมื่อเขาเขียนขึ้นอีกเล่มหนึ่ง "ชีวิตของเมอร์ลิน" มอนเมาธ์กลับ นำเอานามแรกเริ่มเป็น
ภาษาละติน "เมิร์ดดิน" มาใช้เป็นชื่อของพ่อมดที่มีบทบาทอยู่ในตำนานพื้น บ้าน ของชาวเวลส์หลายเรื่องในช่วงศตวรรษที่ 6
แต่เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดก่อนมอนเมาธ์นำมา เขียนหลายร้อยปี จึงพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่าเมิร์ดดินกับเมอร์ลินเป็นพ่อมด
ตนเดียวกัน หรือไม่


ล่วงมาถึง ปี ค.ศ. 1960 เอ.โอ.เอช. จาร์แมน เป็นนักประวัติศาสตร์คนแรก ที่เริ่มต้นค้นคว้าหากำเนิดที่แท้จริงของเมอร์ลิน
เขาติดตามร่องรอยไปในแถบสกอตแลนด์ที่มีตำนานเล่าขานตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติ ศาสตร์ ถึงเรื่องของ "คนป่า" ซึ่งไม่ปรากฏนาม
เขาผู้นั้นถูกขับไล่ด้วยสาเหตุ บางอย่างให้มาอยู่ในป่าลึกและใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าสัตว์ทั้งหลายในป่า ต่อมาคนป่าผู้นี้ก็ได้มีอำนาจพิเศษ
ในการพยากรณ์อนาคต รวมทั้งได้รับการตั้งชื่อว่า "ลายโล เคน" เรื่องของเขาเชื่อมโยงกับ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตาม
ประวัติศาสตร์สมัยศตวรรษที่หกและเจ็ดของบริเทน ตอนเหนือ ตลอดจนถึงศตวรรษที่แปดและเก้าของแคว้นเวลส์
และช่วงนี้เองที่จาร์แมนระบุว่าชื่อของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นเมิร์ดดิน ตรงกับที่มอนเมาธ์ได้ เคยรจนาไว้



การที่เมอร์ลินมีอำนาจวิเศษหลายประการทำให้บางคน ถึงกับอ้างว่าเมอร์ลินนั่นแหละที่เป็นผู้สร้างกองหินมโหฬาร "สโตนเฮนจ์"
ซึ่ง โด่งดังไปทั่วโลก โดยขนย้ายแท่งหินยักษ์เหล่านี้มาจากภูเขาพรีเซลิในแคว้นเวลส์ แล้วก่อตั้งขึ้นในที่ราบซาลิสบิวรี่ มณฑลวิลท์ไชร์
ทางตอนใต้ของอังกฤษ ซึ่งแท้จริงแล้ว กองหินนี้เกิดขึ้นในช่วง 3,100-1,100 ปีก่อน ค.ศ. ก่อนหน้าการถือกำเนิดของเหล่า
พ่อมดและอัศวินนับพันปี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 มิถุนายน 2014, 17:37:09 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่