-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานกำเนิดโลกฉบับไอยคุปต์  (อ่าน 1033 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
ตำนานกำเนิดโลกฉบับไอยคุปต์
« เมื่อ: 15 สิงหาคม 2014, 16:51:14 »

ตำนานกำเนิดโลกฉบับไอยคุปต์



ตำนานการกำเนิดโลกที่เราคุ้นเคยมักเป็นเรื่องของเทพปกรณ์ณัมของชาวกรีกและ ชาวโรมัน แต่อีกซีกโลกหนึ่งก็มีตำนานที่น่าสนใจ
และพิศดารไม่แพ้กัน นั่นคือ ตำนานกำเนิดโลกของชาวไอยคุปต์ หรือชาวอียิปต์โบราณนั่นเอง เพียงแค่เรื่องเล่าของชาวอียิปต์
ก็นับตำนานและเทพเจ้ากันแทบไม่ถ้วน เพราะมีหลากหลายมากจริง ๆ แต่ละเมืองก็มีเรื่องเล่าต่างกันไป บางทีก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
แต่มีเรื่องหนึ่งที่แฟนตาซีและน่าสนใจที่สุด คือ ตำนานการสร้างโลกของ “เทพอตุม(Atum)” ซึ่งเป็นตำนานเทพแห่งนครเฮลิโอโพลิส
(Heliopolis) เขากล่าวเอาไว้ว่า…


ก่อนที่โลกจะเกิดเสียอีก มีผืนน้ำกว้างใหญ่แห่งหนึ่งเรียกว่า “นุน (Nun)” เป็นผืนน้ำแห่งความสับสนอลหม่าน ใต้ผืนน้ำนั้นมีไข่ห่านใบใหญ่
แล้วในวันหนึ่งไข่ห่านนั้นก็แตกออก สิ่งที่อยู่ในไข่นั้นทะลักท่วมออกมาปรากฏเป็นผืนดินขึ้นบนผืนน้ำแห่งนุน พร้อมกับมีเทพเจ้าพระองค์แรก
ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางผืนดินนั้น ซึ่งก็คือเทพอตุม



เทพอตุมอยู่บนเกาะคนเดียวก็เหงา จึงสร้างเทพรุ่นที่สองขึ้นมาอีกสองพระองค์โดยการจาม แล้วของเหลวที่กระเด็นออกมาจากร่างกาย
ก็กลายเป็นเทพชู(Shu) และเทพีเทฟนุต(Tefnut) เมื่อมีบุตรสาวและบุตรชายเทพอตุมก็มีความสุข

แต่แล้ววันหนึ่งเทพและเทพีผู้เป็นลูกทั้งสองได้ตกลงไปในผืนน้ำนุน บ้างว่าเทพแห่งนุนซึ่งเป็นผืนน้ำได้ลักพาตัวไป เทพอตุมตกใจและเป็นห่วงมาก
จึงควักลูกตาข้างหนึ่งของพระองค์ออกมา แล้วใช้ให้มันไปตามหาบุตรทั้งสอง โชคดีที่ลูกตานั้นได้ตามหาเทพชูและเทพีเทฟนุตพบและนำทาง
กลับมาอย่างปลอดภัย


เทพอตุมผู้เป็นบิดาก็ดีใจมาก แต่ดวงตาที่ถูกควักออกไปนั้นไม่พอใจอย่างยิ่งเพราะเมื่อกลับมาก็พบว่าเทพอตุ มได้เนรมิตดวงตาใหม่
ขึ้นมาแทนแล้ว เทพอตุมจึงต้องเนรมิตดวงตานั้นให้กลายเป็นงูเห่าตัวหนึ่งแล้วนำมาประดับไว้ บนหน้าผากของพระองค์เอง งูตัวนั้นชื่อว่า
งูยูเรอัส(Uraeus) ซึ่งเป็นงูที่ประดับบนศีรษะของเหล่าฟาโรห์อย่างที่เราเห็นกัน



ไม่นานนัก เทพชูและเทพีเทฟนุตก็ให้กำเนิดเทพอีกสองพระองค์ คือ เทพเจ้าเกบ(Geb) และเทพีนุต(Nut) จากนั้นเกบและนุตก็แต่งงานกัน
และให้กำเนิดดวงดาวต่าง ๆ มากมาย แต่แล้วเทพีนุตก็เกิดหิวจัด กินดวงดาวซึ่งเป็นลูก ๆ เข้าไปหมด ทำให้เทพเกบโกรธมาก กล่าวกันว่า
เทพีนุตจะกลืนกินลูก ๆ เข้าไปในยามเช้า และให้กำเนิดพวกเขาอีกครั้งในยามเย็น เกบและนุตจึงทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาด้วยเรื่องนี้

เทพีนุตอยากหนีไปให้ไกลจากเทพเกบ พระนางจึงโค้งตัวขึ้นข้างบนแล้วใช้ปลายเท้าและปลายนิ้วมือค้ำยันพื้นดินไว้ กลายเป็นจุดกำเนิดของท้องฟ้า
ส่วนเทพเกบก็ไม่อยากพบเจอเทพีนุตจึงนอนลงให้ต่ำที่สุดราบไปกับพื้นกลายเป็น แผ่นดิน แต่ทั้งคู่ก็ยังมีจุดที่บรรจบกันอยู่เรียกว่าเส้นขอบฟ้า
(ตรงที่นิ้วมือและนิ้วเท้าของเทพีนุตค้ำยันอยู่) ส่วนเทพชูผู้เป็นบิดาแห่งคู่กรณีทั้งสอง ก็ต้องยืนอยู่ตรงกลางคอยแยกเทพเกบและเทพีนุตออกจากกัน
ไม่ให้กลับมาทะเลาะกันอีก กลายเป็นอากาศที่อยู่ระหว่างฟ้ากับดิน

และนั่นเป็นคำอธิบายว่าทำไมเราจึงเห็นท้องฟ้ามีลักษณะโค้ง และบรรจบกัน ณ ที่ไหนสักแห่ง…



นี่คือตำนานการกำเนิดโลกของชาวอียิปต์โบราณ มันก็เหมือนนิทานเรื่องหนึ่ง แต่จะว่าไม่มีเหตุผลเลยเสียทีเดียวคงไม่ได้ เพราะดินแดนอียิปต์โบราณนั้น
ช่วงประมาณกลางปี แม่น้ำไนล์จะเอ่อท่วมผืนดินทุกปี กินระยะเวลาประมาณสี่เดือน เมื่อน้ำค่อย ๆ ลดลง แผ่นดินก็จะโผล่ขึ้นมา เป็นดินตะกอนสีดำอุดม
ไปด้วยแร่ธาตุที่เหมาะแก่การเพาะปลูก เทียบได้กับการเริ่มต้นใหม่ของทุกสิ่งทุกอย่างตามตำนาน และปรากฏการณ์ที่ซ้ำไปมาทุกปีนี้ก็กำเนิดเป็นความเชื่อ
ของการฟื้นคืนในโลก หลังความตาย และเกิดการทำมัมมี่เพื่อรอคอยการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง



***หมายเหตุ : ตำนานที่นำมาเล่านี้เป็นฉบับดั้งเดิม แต่มีบางตำรากล่าวว่า ที่จริงเทพีนุตเป็นชายาของสุริยเทพรา และพระนางรักอยู่กับเกบเทพแห่งผืนดิน
เมื่อเทพรารู้เข้าจึงสาปให้นุตและเกบ(ผืนดินและท้องฟ้า)ต้องแยกจากกันไปตลอด กาลและไม่ได้พบเจอกันอีกเลย วรรณกรรมเรื่อง The Red Pyramid
(เล่มแรกในชุด Kane Chronicles) ของ ริค ไรเออร์แดน ก็มีการกล่าวถึงนุตและเกบที่ถูกสาปให้ต้องแยกจากกันแม้จะคิดถึงกันมากแต่ก็
ไม่สามารถกลับมาพบกันได้อีก (แอดมินการันตีสำนวนการเขียนของริคเลย ใครได้อ่านหนังสือของริคจะหลงรักเทพปกรณัม)


——————————————————-



บรรยายภาพ : ในภาพแสดงเทพีนุตที่โค้งตัวเป็นท้องฟ้า ด้านล่างเป็นเทพเกบนอนอยู่เป็นแผ่นดิน ตรงกลางระหว่างเกบกับนุตคือเทพชูผู้เป็นบิดา
คอยแยกทั้งสองออกจากกัน ส่วนที่นั่งอยู่บนเรือที่ล่องผ่านร่างของนุตคือสุริยเทพ ทางซ้ายมือคือ “อตุม(Atun)” และทางขวามือคือ “รา(Ra)”
เป็นเทพคนละองค์กันเพราะ รา เป็นสุริยเทพตอนกลางวัน ส่วน อตุม เป็นสุริยเทพตอนเย็นบางครั้งก็เชื่อว่าอตุมล่องเรือผ่านช่วงเวลากลางคืน
เชื่อมโยงระหว่างความตายและโลกหลังความตายด้วย แต่บางแหล่งที่เอา รา กับ อตุม มารวมกัน เป็น “อตุม-รา” และถือว่าเป็นเทพองค์เดียวกัน
ส่วนมุมขวาล่างน่าจะเป็น “เคปริ(Khepri)” ซึ่งเป็นสุริยเทพตอนเช้า(ปกติจะอยู่ในร่างด้วงสการับ)


อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่าที่เป็นตำนานเทพเช่นนี้มักจะมีหลายที่มาจึงไม่ค่อยสอดคล้องเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันเท่าไร ใครที่คุ้นเคยกับเวอร์ชั่นอื่น ๆ
ไม่ได้หมายความว่าไม่ถูกต้องนะ ทุกเวอร์ชั่นถูกหมดแล้วแต่ที่มา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 สิงหาคม 2014, 13:13:20 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่