-->

ผู้เขียน หัวข้อ: กำเนิดกีฬาโอลิมปิก  (อ่าน 1292 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
กำเนิดกีฬาโอลิมปิก
« เมื่อ: 05 สิงหาคม 2016, 17:23:19 »

กำเนิดกีฬาโอลิมปิก



กรีซ คือ ดินแดนที่ให้กำเนิดการแข่งขันกีฬาและกรีฑา เมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนจะมีการแข่งกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก
เมื่อ 233 ปีก่อนพุทธกาล หรือ  776 ปีก่อนคริสตกาล ที่วิหาร Olympia ทว่าไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ริเริ่มการ
แข่งขันกีฬาดังกล่าว นอกจากเทวตำนานเพียงไม่กี่เรื่อง เรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจากเรื่องราวของกษัตริย์หนุ่มจาก
นครไลเดีย (Lydia) นามว่า พีล็อพส์ (Pelops) ผู้เป็นหลานปู่ของมหาเทพซูส บุตรของราชาวิปริต แทนทาลัส (Tantalus)

 


แข่งรถม้าชิงนารี



เมื่อได้ครองกรุงไลเดียต่อจากบิดา (ที่โดนลงโทษให้ไปยืนแช่แม่น้ำนรกตลอดกาลแล้ว) พีล็อพส์ก็ตกหลุมรักเจ้าหญิง
ฮิปโปดาเมีย (Hippodamia) แห่งนครปิซา (Pisa) บิดาของ She  ซึ่งก็คือกษัตริย์อีโนมาอัส (Oenomaus)
ขึ้นชื่อในเรื่องความหวงพระธิดามาก ทั้งยังแอบซาดิสต์ด้วย ตานี่จัดแข่งซิ่งรถม้าขึ้น และประกาศว่าจะยกฮิปโปดาเมีย
ให้กับผู้ที่สามารถขับรถม้าได้เร็วกว่าตน ส่วนผู้แพ้จะต้องโดนเจี๋ยนทิ้งโดยไม่มีข้อแม้



มีชายหนุ่มท้าประลองอีโนมาอัสถึง 13 คน แต่ทุกคนก็พ่ายพ่ายแพ้และถูกตัดหัวไปประดับหน้าประตูวัง ทั้งนี้เพราะม้าเทียมรถ
ของอีโนมาอัสมิใช่ม้าธรรมดา แต่เป็นม้าที่อาเรส (Ares) เทพแห่งสงครามประทานให้ พวกมันจึงวิ่งได้เร็วกว่าม้าทั่วไป

อย่างไรก็ดี พีล็อพส์ ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงคนที่ 14 เองก็ไม่น้อยหน้ากว่ากัน เพราะเขาก็มีม้าที่เจ้าสมุทรโพไซดอนประทานมาให้
อีกทั้งยังได้ความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงฮิปโปดาเมีย ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะหลงเสน่ห์ของพีล็อพส์หรือเพราะทนความโหดร้าย
ของบิดาตนเองไม่ไหวอีกต่อไป  She จึงไปติดสินบนสารถี (คนขับรถม้า) ของอีโนมาอัสให้ช่วยดึงสลักที่ยึดล้อรถออก
ทำให้พอเลี้ยวรถ อีโนมาอัสก็กระเด็นตกลงมาที่พื้นอย่างแรงจนตาย ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าพีล็อพส์ชนะการแข่งขัน และจึงได้
สมรสกับฮิปโปดาเมียและปกครองนครปิซาต่อจากอีโนมาอัส

ต่อมา พีล็อพส์ได้จัดการแข่งขันกีฬาขึ้นที่ทุ่งโอลิมเปีย (Olympia)เพื่อบูชาซูสและทวยเทพองค์อื่นๆ โดยใช้รูปแบบการแข่งขัน
ตามการแข่งรถม้าที่อีโนมาอัสจัดขึ้น แต่ไม่มีการสังหารผู้แพ้อีกต่อไป

 


กำเนิดโอลิมปิกตำนานอื่น



ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า ซูสและเฮอร์คิวลิสเป็นผู้บุกเบิกการแข่งโอลิมปิก เกมการแข่งขันครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อราชาไอฟีโตส(Iphitos)
แห่งอีลีส(Elis)ได้ยินคำพยาการณ์จากเทพยากรณ์แห่งเดลฟี(Delphi)ว่าความมืดมิดจะเข้าครอบงำเมือง เพโลพอนนีส
(Peloponnese=เมืองทางใต้ของกรีกโบราณ)และนำมาซึ่งโรคระบาดและสงคราม มีเพียงเอาชนะเกมนี้เท่านั้นจึงจะสามารถ
ช่วยภัยพิบัติครั้งนี้ได้


ข้อสัญญาถูกเซ็นขึ้นภายใต้ข้อตกลงระหว่างเมือง อีลีส(Elis) สปาต้า(Sparta)และปีซ่า(Pisa) โดยหนังสือถูกเซ็นที่เมือง
ทางตอนใต้ของกรีซ สัญญานี้ได้กำหนดอาณาเขตรอบโอลิมเปียเป็น“พื้นที่ศักดิ์ที่ห้ามล้วงล้ำ” และถูกกำหนดให้อยู่ในข้อตกลง
ระหว่างแข่งโอลิมปิกด้วย

 
อย่างที่ทราบกันดีว่าพวกเขาอยู่ภายใต้สงคราม เพราะฉะนั้นการฝึกฝนร่างกายจึงเป็นสิ่งที่ชาวกรีกทำเป็นประจำ และแล้วถึงเวลาที่
พวกเขาต้องแสดงศักยภาพในโอลิมเปีย ทุกเมืองได้รับเชิญให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขัน โดยเฉพาะเมืองที่ต้องการผ่านไปมาบ่อยๆ
จะได้ผ่านเข้าออกอาณาจักรอย่างอิสระ หนังสือสัญญาโอลิมปิกจึงถูกสร้างขึ้นนับจากนั้น


ทุกๆ4ปีจะมีสาส์นของเมืองอีลีสถูกส่งมาในฤดูใบไม้ผลิ โดยจะตระเวนส่งให้ทั่วทั้งกรีกเพื่อเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมการแข่งขัน 
ในสมัยกรีกโบราณ การเคารพข้อตกลงโอลิมปิก(ข้อตกลงขึ้นอยู่กับผู้จัดโอลิมปิก)ถือเป็นหน้าที่ทางศีลธรรมที่ต้องปฏิบัติตาม
หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับบทลงโทษ  ขอบคุณสำหรับคำสัญญา “ไม่รุกราน”(7วันก่อนการแข่งและ7วันหลังจบการแข่ง) นักกีฬา
โปรดออกเดินทางจากเอเธนส์ สปาต้า โครินธ์ รวมไปถึงหมู่เกาะ และอาณานิคมบริเวณตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เพื่อมุ่งหน้าไปยังโอลิมเปีย

แน่นอนว่าการแข่งขันดึงดูดพ่อค้าและจิตรกรมาด้วย สังเกตได้จากเต็นท์ที่พักรอบกองไฟ ที่อยู่ถัดไปจากผู้เข้าชม
(ผู้ที่มีตระกูลสูงศักดิ์จะอยู่ในกระโจมที่พิเศษกว่าคนทั่วไป) ผู้ที่จะได้ตำแหน่งชมการแข่งขันที่ดีกว่าคนทั่วไป ซึ่งกรรมการ
เป็นผู้จัดหาให้นั้นได้แก่ ผู้นำทางศาสนา เศรษฐี และผู้ที่มีอำนาจ ผู้ชมทั่วไปจะได้นั่งชมบนพื้นรอบๆไหล่เขา ซึ่งสามารถ
จุคนได้ราวๆ4หมื่นคนต่อวัน



ก่อนหน้าคริสตกาลกว่า 1,000 ปี การแข่งขันกีฬาได้ดำเนินการกันบนยอดเขาโอลิมปัส ในประเทศกรีซ โดยนักกีฬา
จะต้องเปลือยกายเข้าแข่งขัน เพื่อประกวดความสมส่วนของร่างกาย


และยังมีการต่อสู้บางประเภท เช่น กีฬาจำพวกมวยปล้ำ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง ผู้ชมมีแต่เพียงผู้ชาย ห้ามผู้หญิงเข้าชม
ดังนั้นผู้ชมจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา ครั้นต่อมามีผู้นิยมมากขึ้น สถานที่บนยอดเขาจึงคับแคบเกินไป ไม่เพียงพอที่จุ
ทั้งผู้เล่นและผู้ชมได้ทั้งหมด


ดังนั้น เมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกได้ย้ายที่แข่งขันลงมาที่เชิงเขาโอลิมปัส และได้ปรับปรุงการแข่งขันเสียใหม่ให้ดีขึ้น
โดยให้ผู้เข้าแข่งขันสวมกางเกง พิธีการแข่งขันจัดอย่างเป็นระเบียบเป็นทางการมีการบันทึกการแข่งขันอย่างชัดเจน
มีจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน อนุญาตให้สตรีเข้าชมการแข่งขันได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าแข่งขัน

ประเภทกรีฑาที่แข่งขันที่ถือเป็นทางการในครั้งแรกนี้ มี 5 ประเภท คือ วิ่ง, กระโดด, มวยปล้ำ, พุ่งแหลน และขว้างจักร
ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง ๆ จะต้องเล่นทั้ง 5 ประเภท โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัล คือ มงกุฎที่ทำด้วยกิ่งไม้มะกอกที่มีชื่อว่า
ช่อลอเรล ซึ่งขึ้นอยู่บนยอดเขาโอลิมปัสนั่นเอง และได้รับเกียรติเดินทางท่องเที่ยวไปทุกรัฐ ในฐานะตัวแทนของพระเจ้า



การแข่งขันได้จัดขึ้น ณ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส ที่เดิมเป็นประจำทุกสี่ปี และถือปฏิบัติติดต่อกันมาโดยไม่เว้น เมื่อถึง
กำหนดการแข่งขัน ทุกรัฐจะต้องให้เกียรติ หากว่าขณะนั้นกำลังทำสงครามกันอยู่ จะต้องหยุดพักรบ และมาดูนักกีฬา
ของตนแข่งขัน หลังจากเสร็จจากการแข่งขันแล้ว จึงค่อยกลับไปทำสงครามกันใหม่

ประเภทของการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างในระยะต่อๆมา โดยมีการพิจารณาและลดประเภทของกรีฑาเรื่อยมา
อย่างไรก็ดีในระยะแรกนี้กรีฑา 5 ประเภทดังกล่าวที่จัดแข่งขันกันในครั้งแรก ได้รับเกียรติให้คงไว้ ซึ่งเรียกกันว่า
เพ็นตาธรอน หรือ ปัญจกรีฑา ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงกำเนิดของกรีฑา โดยในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการแข่งขันกันอยู่
ซึ่งประเภทของปัญจกรีฑาได้เปลี่ยนไปตามเวลา



การแข่งขันได้ดำเนินติดต่อกันมานับเป็นเวลาถึง 1,200 ปี จนมาในปี พ.ศ. 936 (ค.ศ. 393) จักรพรรดิธีโอดอซิดุช
แห่งโรมันได้ทรงประกาศให้ยกเลิกการแข่งขันนั้นเสีย เพราะเกิดมีการว่าจ้างกันเข้ามาเล่นเพื่อหวังรางวัล และผู้เล่น
ปรารถนาสินจ้างมากกว่าการเล่นเพื่อสุขภาพของตน รวมทั้งมีการพนันขันต่อ อันเป็นทางวิบัติซึ่งผิดไปจากวัตถุประสงค์เดิมคือ
ผู้เข้าแข่งขันทั้งหลายต่างก็อยากได้ช่อลอเรลซึ่งเป็นรางวัลของผู้ชนะ ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงสั่งให้ล้มเลิกการแข่งขันนี้เสีย


ตลอดระยะเวลาที่มีการแข่งขันนั้น ได้จัดขึ้น ณ บริเวณที่แห่งเดียว คือ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส จึงเรียกการแข่งขัน
ตามชื่อของสถานที่ว่า “การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก”







กีฬาโอลิมปิก (สมัยใหม่)
 



การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) หรือ โอลิมปิกส์ (Olympics) เป็นการแข่งขันกีฬาหลายชนิด
จากหลายประเทศทั่วโลกร่วมแข่งขัน โดยจัดขึ้นทุก 4 ปี และมีการแบ่งออกเป็น โอลิมปิกฤดูร้อน และ โอลิมปิกฤดูหนาว
   
รางวัลในกีฬาโอลิมปิก

ในสมัยก่อน รางวัลของการแข่งขันในสมัยโบราณผู้ที่ชนะจะได้รับการสรรเสริญมาก รางวัลที่ให้แก่ผู้ชนะในสมัยนั้น คือ กิ่งไม้มะกอก
ซึ่งตัดมาจากยอดเขาโอลิมปัส อันเป็นที่สิงสถิตของพระเจ้าซีอูซ แล้วทำเป็นวงคล้ายมงกุฎ จักรพรรดิจะเป็นผู้พระราชทานครอบลง
บนศีรษะของผู้ชนะนั้น ๆ พร้อมทั้งได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้ชนรุ่นหลังศึกษาและชื่นชมต่อไป

สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกสมัยปัจจุบันแบ่งรางวัลเป็นสามระดับ คือ เหรียญทอง, เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ให้แก่ผู้ชนะเลิศ,
ผู้ชนะเลิศที่สอง และที่สามตามลำดับ ส่วนอันดับที่สี่ไปถึงอันดับที่หก จะได้ประกาศนียบัตรการเข้าร่วมการแข่งขัน
 
 

คบเพลิงโอลิมปิก



สมัยก่อน โคมไฟโอลิมปิก เมื่อมีการแข่งขันโอลิมปิกจะมีการจุดไฟกองใหญ่ขึ้นบนยอดเขาโอลิมปัส
เพื่อให้ความสว่างไสว และเพื่อเป็นสัญญาณประกาศให้คนทั่วไปได้ทราบว่า การเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว พิธีการจุดไฟนั้น
เริ่มแรกทำบนยอดเขาโอลิมปัส

โดยใช้แว่นรวมแสงอาทิตย์ไปยังเชื้อเพลิง เมื่อติดไฟแล้ว จึงนำตะเกียงต่อเอาไว้ ไฟกองใหญ่จะคงลุกโชติช่วงต่อไปจนตลอดงานฉลอง
ส่วนตะเกียงนั้นจะมีการวิ่งถือไปทั่วทุกนครรัฐ ด้วยการส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ จากนักวิ่ง คนละ 2 ไมล์

หากผ่านทะเลหรือแม่น้ำก็จะลงเรือข้ามฟากโดยไฟไม่ดับ ไฟนี้ชาวกรีก ถือว่าเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ และความสงบสุขของชาวกรีก
ซึ่งพระเจ้าจะทรงพระพิโรธต่อบุคคลที่ไม่สนใจในกิจการนี้

โอลิมปิกปัจจุบันก็ยังคงรักษาประเพณีเรื่องการจุดไฟไว้ดังเดิมทุกประการ กล่าวคือ ก่อนจะมีการแข่งขันจะมีพิธีจุดไฟ ณ เขาโอลิมปัส
ผู้จุดคือ สาวพรหมจารีย์ผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ต่อไฟจากแว่นรวมแสงของดวงอาทิตย์ด้วยคบเพลิง และไฟนี้จะถูกแจกจ่ายไปยังประเทศ
สมาชิกทั่วโลก และข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ประเทศเจ้าภาพ

และมีการวิ่งถือคบเพลิงส่งต่อกันไปจุดที่กระถางใหญ่บริเวณงานในวันแรกของพิธีเปิดการแข่งขัน ไฟจะต้องไม่ดับตั้งแต่เริ่มจุด
ณ ภูเขาโอลิมปัส จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้นๆ


 
สัญลักษณ์โอลิมปิก


 
ธงโอลิมปิกมีผืนธงเป็นสีขาวขนาดมาตรฐานยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ส่วนเครื่องหมายห้าห่วงคล้องกันอยู่บนกลางธง ขนาด 2 เมตร คูณ 0.60 เมตร
มี สีฟ้า สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีแดง ตามลำดับจากซ้ายไปขวา คล้องไขว้กันอยู่ตรงกลางสองแถว แถวบน 3 ห่วง แถวล่าง 2 ห่วง
ห่วงสีที่คล้องกันอยู่ตรงกลางธงบนพื้นธงสีขาว รวมเป็น 6 สี โดยแท้จริงแล้ว ห้าห่วงหมายถึง ห้าส่วนของโลกที่อยู่ในโอบอ้อมของ “โอลิมปิกนิยม”
มิเจาะจงเป็นห้าทวีปในโลกอย่างที่เข้าใจกัน แต่บังเอิญห้าทวีปนี้ก็เป็นห้าส่วนของโลกก็เลยอนุโลมกันไปเช่นนั้น


Advertisement
ส่วนสีที่ห่วง 5 สี มิได้หมายถึงสีประจำทวีป ซึ่งสีทั้งหมด 6 สี รวมทั้งสีขาวที่เป็นพื้นธง หมายความว่า ธงชาติของประเทศต่าง ๆ ในโลก
ประกอบด้วยสีใดสีหนึ่งหรือมากกว่านั้นในจำนวนหกสีนั้น และไม่มีธงชาติของประเทศใดที่มีสีนอกเหนือไปจากหกสีนี้
 
 
ด้านล่างของห่วงมีคำอยู่ 3 คำ ซึ่งเป็นภาษาโรมัน แต่ละคำมีความหมายดังต่อไปนี้
 
Citius (swifter) : ความเร็ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องวิ่งให้เร็วที่สุด
Altius (higher) : ความสูง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องทำให้สูงที่สุด
Fortius (stronger) : ความแข็งแรง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องมีความแข็งแกร่งที่สุด




credit ::
http://www.thairath.co.th/content/277770
http://sport.sanook.com/5921/
http://povolam.exteen.com/
snews.in.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 สิงหาคม 2016, 16:22:23 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

happy007

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 105
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: กำเนิดกีฬาโอลิมปิก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2016, 15:59:24 »

สาระดีมากๆครับ

spspace

  • ว๊องแมน
  • *
  • กระทู้: 8
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: กำเนิดกีฬาโอลิมปิก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 11 กันยายน 2017, 11:43:22 »

ขอบคุณสาระดีๆ   dsgjsd

ข้อมูล BigBike