-->

ผู้เขียน หัวข้อ: “5 เพลงกล่อมเด็กโหด” ที่มีที่มาจากเรื่องจริง!!  (อ่าน 479 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18211
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

“5 เพลงกล่อมเด็กโหด” ที่มีที่มาจากเรื่องจริง!!
(The Disturbing Origins of 5 Common Nursery Rhymes)
               


"มาเธอร์ กูส(MOTHER GOOSE)" เป็นหญิงชาวบ้านเป็นแม่ม่ายอารมณ์ดีคนหนึ่ง ซึ่งมีลูกติดสิบคน
เธอโด่งดังในฐานะนักเล่านิทาน และลำนำจำนวนมากมายเหลือเฟือที่มาเล่าให้ลูกๆ คนเธอฟังอย่าง
ไม่รู้จักหมดสิ้น และเมื่อ ชาร์ลส์ เพอโรลท์ ยอดนักเขียนของฝรั่งเศส รวบรวมนิทานและเรื่องราวปรัมปรา
มาเล่าใหม่จึงได้ตั้งชื่อหนังสือรวมนิทานของเขาว่า "นิทานมาเธอร์ กูส" ซึ่งมีเรื่องเด่นหลายเรื่อง
อย่างเช่น เจ้าหญิงนิทรา หนูน้อยหมวกแดง ซินเดอเรลลา


คุณคิดว่านี้เป็นเพลงของมาเธอร์ กูสน่ารักนั้นเนื้อหาน่ารักเหรอ ผิดเลย!!

เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แสนโหดร้าย น่ากลัว เซ็กต์ ฆาตกรรม และความตายเพลงนี้เป็นเพลงแบบที่
เขาเรียกว่า nursery rhyme คือเพลงเด็กร้องเล่น ถ้าฟังแบบเฉยๆ ไม่คิดอะไรมากก็นึกว่าเนื้อหามันธรรมดา
ใช่เปล่า แต่ถ้าเราตีความหมายและทราบที่มาละก็มันโหดไม่ใช่เล่น มีหลายเพลงก็เอามาจากเรื่องจริงอีกต่างหาก

Pop Goes the Weasel



All around the mulberry bush
The monkey chased the weasel
The monkey thought 'twas all in good sport
Pop! goes the weasel.
A penny for a spool of thread,
A penny for a needle-
That's the way the money goes,
Pop! goes the weasel.
We Thought it Meant...


เขาบอกว่าเพลงนี้มาจากภาษาคอคนีย์ เป็นชั้นชั้นล่างของลอนดอนประเทศอังกฤษ โดยพวกนี้มักมีคำแสลง
เฉพาะตัวของบุคคลครับ แบบวัยรุ่นไทยเรามีศัพท์เฉพาะนั้นแหละ เช่นคำว่า weasel ในเพลงนี้มาจาก
weasel and stoat วีเซิลแอนด์สโต๊ต ก็พ้องกับคำว่า coatหรือเสื้อคลุม (วีเซิล (weasel) เป็นสัตว์กินเนื้อ
ตัวเล็กรูปร่างคล้ายพังพอน มีสีหลายสี และตัวสโต๊ต(stoat) เป็นสัตว์กินเนื้อ คล้าย ๆ วีเซิล )
ส่วนคำว่า pop นั้น มาจากคำว่า pawn ซึ่งแปลว่าจำนำครับ


เนื้อเพลงนี้เป็นการล้อพวกชนชั้นล่างชาวอังกฤษครับ คือพวกคนจนในอังกฤษสมัยก่อนส่วนใหญ่มักจะมี
เสื้อแพงๆสวยๆ มาใส่อย่างน้อยหนึ่งตัว ซึ่งอาทิตย์หนึ่งจะใส่หนึ่งครั้ง และถ้าเกิดเงินใช้จ่ายหมด ก็จะเอา
เสื้อแพงๆ นี้ไปจำนำ ซึ่งเนื้อเพลงก็จะมีคำว่าเข็มกับด้ายก็หมายถึงพวกเขาจะเอาเงินพวกนี้ไปซื้อโน้นซื้อนี้
จิปาทะเหมือนเข็มกับด้ายไงครับ เลยมาเป็น Pop! goes the weasel.ในที่สุด

แต่ปัจจุบันเด็กอังกฤษแทบจะไม่รู้ความหมายของเพลงนี้แล้วครับ หลายคนก็ร้องเล่นๆ เท่านั้น
ไม่คิดอะไรมากหรอก



อันดับ 5. หนูตาบอดสามตัว (Three Blind Mice)
               


Three blind mice, three blind mice, (หนูตาบอดสามตัว หนูตาบอดสามตัว)
See how they run, see how they run, (ดูซิมันจะวิ่งอย่างไร ดูซิมันจะวิ่งอย่างไร )
They all ran after the farmer's wife, (มันวิ่งตามหลังภรรยาของชาวนา)
Who cut off their tails with a carving knife, (เธอ...เธอตัดหางพวกหนูด้วยมีดอันคมกริบ)
Did you ever see such a thing in your life, (คุณเคยเห็นอะไรอย่างนี้ในชีวิตหรือเปล่า)
As three blind mice?  (อย่าง หนูตาบอดสามตัว)


เพลงหนูตาบอดสามตัว ผมว่าเพลงนี้คนไทยน่าจะพอรู้จักนะ เพราะมันถูกนำมาใช้ในการสอนภาษาอังกฤษ
ซึ่งใครเคยอ่านนิยายของอกาธาคริสตี้ ก็คงร้องเอ๋อเพราะมันเป็นเพลงกล่อนเด็กที่นำไปใช้ในคดีฆาตกรรม
ในนวนิยายของเธอในตอน The Mousetrap และตอน Three Blind Mice


แต่ใครจะรู้ไหมว่าเพลงนี้มีอีกความหมายหนึ่งนั้นมันมีที่มาจาก.......

เริ่มจากภรรยาของชาวนานั้นหมายถึงควีนแมรี่ ที่ 1 (Queen Mary I) หรือแมรี่บ้าเลือด(“Bloody Mary”)
ราชินีแห่งศตวรรษ16 (1516 – 1558) ราชินีที่โหดเหี้ยมพระองค์หนึ่งของประวัติศาสตร์อังกฤษที่มีความประสงค์
ให้อังกฤษเป็นประเทศที่นับถือนิกายคาธอลิกอย่างเดียว พระองค์เลยสั่งประหารพวกโปรแตสแตนท์ให้หมดสิ้น
จากประเทศตายกว่าร้อยคน โดยมีสตีเฟน การ์ดิเนอร์ สังฆราชคนโปรดผู้เกลียดชังนิกายใหม่นี้เป็นผู้สนับสนุน

ส่วนสามหนูในที่นี้หมายถึงคนที่ต่อต้านพระราชินีนั้นเอง และที่ตาบอดก็เพราะว่าพวกนั้นหมดสิทธิที่จะแก้ต่าง
ให้ตัวเอง ถ้าโดนจับได้เมื่อไหร่ประหารทันทีโดยไม่ต้องฟังคำแก้ตัว ส่วนคำว่าตัดหางคือ “ตัดความกังวล”
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์ราชินีแมรี่มีความเด็ดขาดในการลงโทษนักโทษ 






อันดับ 4. Georgie Porgie
 

             

Georgie Porgie pudding and pie (Georgie Porgie ขนมพุดดิ้งและขนมพาย)
Kissed the girls and made them cry (จูบเด็กผู้หญิงและทำให้พวกเขาร้องไห้)
When the boys came out to play(เมื่อไรเด็กชายออกมาเล่น)
Georgie Porgie ran away (Georgie Porgiedก็วิ่งหนีไป)


ที่มาเพลงนี้เกี่ยวกับเซ็กต์ครับ เซ็กต์ลูกเดียวๆ (เหอๆ ชอบ) ดูจากเนื้อเพลงอาจหมายถึงการละเล่น
ตามประสาเด็กใช่เปล่าละ แต่ที่มาขอบอกว่าตะลึงมากเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซ็กต์เกย์ชายรักชาย
อันร้อนแรงอื้อฉาวที่เกี่ยวพันกับพระราชา King Charles I แห่งอังกฤษ


เริ่มจากคำว่า Georgie Porgie หมายถึง George Villiers ท่านดยุคแห่งบักกิงแฮม ซึ่งเขาถูกลือว่าเขาเคย
เป็นคู่รักเก่าของเจ้าหญิงแอนแห่งออสเตรีย (Anne of Austria) (พระราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศส) 
นอกจากนั้น George Villiers ก็หันมาจีบ King Charles I แห่งอังกฤษ ยอมเป็นคู่นอนของพระองค์เพื่ออำนาจ
ซึ่งก็ได้ผลครับเพราะ Villiers กลายเป็นคนมีอำนาจ มีอิทธิพลและยศอัศวิน แต่เรื่องนี้ทำให้รัฐสภาปวดหัว
เป็นอย่างมาก จนมีคำสั่งให้ King Charles I ตัดความสัมพันธ์กับVilliersในที่สุด ซึ่งตรงกับเนื้อหาสุดท้าย
ของเพลงคือ “เมื่อไรเด็กชายออกมาเล่น Georgie Porgiedก็ วิ่งหนีไป” ซึ่งคำว่า “เด็กชาย”
ก็หมายถึง King Charles I นั้นเอง

ส่วนคำว่า "ขนมพุดดิ้ง และขนมไพน์"ไม่มีความหมายครับ................. (จะพูดทำไมเนี้ย)




อันดับ3. ห่านตัวผู้ (Goosey Goosey Gander)
               


Goosey Goosey Gander, whither shall I wander? (ห่านตัวผู้มันถามว่าฉันควรไปไหน)
Upstairs and downstairs and in my Lady's chamber. (ชั้นบน ชั้นล่าง และห้องของคุณนาย)
There I met an old man who wouldn't say his prayers, (ที่นั้นฉันพบชายแก่ผู้ซึ่งไม่เว้าวอนสงสาร)
So I took him by his left leg and threw him down the stairs. (ดังนั้นฉันจึงจับขาซ้ายของเขาและโยนเขาลงบันได)


เพลงนี้ฟังๆ ดูก็ไร้ศิลธรรมดีเนอะ รังแกคนแก่อย่างโหดร้ายน่ากลัว ความจริงแล้วมันมีความหมายมากกว่านั้นครับ
คำว่าชายแก่ (old man) นั้นแปลว่า พวกคาทอลิกนั้นเองครับ ในศวรรษที่ 16
(ยุคของพระนางแมรี่คนเดิม) 

ชาวยุโรปส่วนใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการกำจัดโรคระบาด และกำจัดพวกโปรแตสแตนท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักบวชชั้นสูง
ของโปรแตสแตนท์ ซึ่งจะมีรางวัลให้กับพวกคาทอลิกที่พบพวกนั้น และจะมีเงินพิเศษถ้าทำการกำจัดพวกนักบวชคาทอลิก
โดยการจับพวกนั้นมัดขาแล้วโยนลงจากขั้นบันไดหรือไม่ก็บ่อน้ำ ซึ่งแน่นอนพวกโปรแตสแตนท์ก็กลัวตายเหมือนกัน
เลยอ้อนวอนขอให้คนฆ่าเมตตาพวกเขาบ้าง หรือไม่ก็สวดมนต์เป็นภาษาลาติน ซึ่งคนฆ่ามันฟังไม่ออกหรอกว่ามันแปลว่าอะไร
เลยไม่สนใจจับพวกนั้นโยนซะเลย

ส่วนคำว่า “ห่าน(Gander)” ที่เป็นภาษาตลาดของอังกฤษหมายถึงโสเภณี
หรือผู้หญิงที่มักมากในกามหาผู้ชายตอนกลางคืน ซึ่งมักติดโรคจากผู้ชายเหล่านี้
จนทำให้เกิดกามโรคนั้นเอง ซึ่งถ้าเอามารวมๆ กันมันก็หมายถึงการกำจัดโรคระบาด
และพวกโปรแตสแตนท์นั้นเอง





อันดับ 2 ลิซซี่ บอร์เดน (Lizzie Borden)



Lizzie Borden took an axe  (ลิซซี่ บอร์เดนถือขวานมา)
And gave her mother forty whacks. (ฟันแม่เลี้ยงตั้งสี่สิบครา)
And when she saw what she had done (เมื่อได้เห็นผลงานนี้)
She gave her father forty-one. (ก็จามพ่ออีกสี่สิบเอ็ดที!)


ความหมายตรงกับตัวเลยครับไม่จำเป็นต้องแปลอะไรก็ฆ่าๆ ตามเนื้อเพลงเลย เพียงแต่เพลงนี้
เอามาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของคดีฆาตกรรม


เรื่องมันมีอยู่ว่า..เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1892 เวลา นิวอิงแลนด์ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่บ้านเลขที่ 92 เซคันด์สตรีท 
โดยนางลิซซี่ บอร์เดน ลงมือสังหาร นาย แอนดรูว์ พ่อแท้ๆของตน ตายบนโซฟาด้วยขวานถึง 11 แผล จนหูขาด
และตาทั้งสองหลุดออกจากเป้า จากนั้นนางแอบไปฆ่าภรรยาที่สองของนายแอนดรูว์ และแม่เลี้ยงของตน
ด้วยการเฉาะศีรษะด้านหลังถึง 19 แผล  ภายหลังลิซซี่ เบอร์เด็นถูกจับและนำตัวขึ้นศาล แต่สุดท้ายก็ถูกตัดสินว่า
ไม่มีความผิดและปล่อยตัวออกมา เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติ(ท่ามการมรดกนายแอนดรูว์) ของจนกระทั่งเสียชีวิต
ไปด้วยอายุ 67 ปี

(ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 92 เซคันด์สตรีทได้กลายมาเป็นโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
อันมีชื่อของฟอลรีเวอร์ แขกผู้มาพักสามารถเลือกพักในห้องต่างๆ
ซึ่งรวมไปถึงห้องของลิซซี่เองหรือห้องพักแขกที่แอบบี้ถูกฆ่าได้ด้วย)




อันดับ1. แมรี่ แมรี่ เธอช่างดื้อรั้น (Mary, Mary Quite Contrary)
               


Mary Mary quite contrary , (แมรี่ แมรี่ มันช่างดูขัดกัน)
How does your garden grow? (สวนของเธอมันงอกงามได้อย่างไรนะ)
With silver bells and cockleshells (ด้วยกระดิ่งเงินและเปลือกหอย)
And pretty maids all in a row. (และบรรดาสาวใช้แสนสวยทั้งหมดในขบวนแถว)


(silver bells เป็นชื่อดอกไม้ และ cockleshells เป็นชื่อหอยและชื่อดอกไม้ด้วย)

และนี้คืออันดับ 1 ของเรา ซึ่งฟังจากเนื้อเพลงแล้วมันไม่มีอะไรจริงๆ (นะ) แต่ถ้าแปลและรู้ความหมาย
ที่แท้จริงแล้วปรากฏว่ามันโหดอย่างเหลือเชื่อ!!


เพลงนี้ฟังๆ คงคิดว่าเป็นแนวๆ หญิงแก่ที่แสนฉลาดรักสงบทำสวนสวยเป็นงานอดิเรกยามว่างของเธอใช่ไหมละ
ก็ผิดอีกแหละ...มันมีที่มาจากพระนางแมรี่จอมบ้าเลือด (อีกแล้วละ) ผู้ซึ่งเป็นที่มาของเพลงกล่อมเด็กโหดจริงๆ
คือว่าคำว่าสวนของแมรี่ก็หมายถึงสุสานไงละครับ


ซึ่งแมรี่ฆ่าคนเหมือนผักปลาจนสุสานแทบไม่มีพื้นที่ฝังศพ ส่วนคำว่า “silver bells” เป็นเครื่องทรมานชนิดหนึ่ง
ของยุโรปที่ใช้บดหัวนิ้วมือ และ “cockleshells” เป็นเครื่องทรมานชนิดหนึ่งของยุโรป คล้ายหอยเวลาจะทรมาน
ก็เอาอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชายมาหนีบกับเครื่อง (อู้ย....)

ส่วนคำว่า "คนใช้ (The Maiden)" มันหมายถึงกิโยติน (guillotine) ซึ่งเป็นเครื่องประหารสำหรับคอนักโทษ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่แมรี่ฆ่าคนนั้นเอง

(เพลงนี้ถูกนำไปประกอบในหนังเรื่อง URBAN LEGENDS ปลุกตำนานโหด.. มหาลัยสยอง 2 ด้วยนะ)

บางตำราบอกว่าแมรี่ในที่นี้คือ แมรี่ราชินีแห่งสก๊อตแลนด์ ผู้ซึ่งถูกเอลิซาเบธที่หนึ่งขังเอาไว้ และประหารในข้อหา
คบคิดล้มราชบัลลังก์อังกฤษ โดยมีแผนปลงพระชนม์เอลิซาเบธเสีย แมรี่เคยเสกสมรสกับพระยุพราชฝรั่งเศส
Cockle shells คืออาหารฝรั่งเศสที่เธอโปรดปราน กระดิ่งเงินนั้นก็คือกระดิ่งประดับภูษาฉลองพระองค์


อันเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในราชสำนัก และสาวใช้สวยๆที่เข้าแถวรับใช้อยู่ก็คือ “แมรี่ทั้งสี่”
ชื่อของนางพระกำนัลสาวสวยสี่คนในสมัยของเธอ ขณะอยู่สก๊อตแลนด์

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=805.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มกราคม 2018, 14:38:30 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่