-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ  (อ่าน 2824 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18149
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ   



อุปทานหมู่ (mass hysteria) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจิตสังคมซึ่งเกิดขึ้นกับบุคคลตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
ในกรณีที่กลุ่มบุคคลนั้นมีความคิดความเชื่อว่าตนเจ็บป่วยเป็นโรคเดียวกันหรือเผชิญปัญหาเดียวกัน จึงแสดงอาการ
ออกมาแบบเดียวกัน เช่น หลายคนออกอาการเหมือนผีเข้า หลายคนส่งเสียงกรีดร้องโดยไม่มีเหตุผล บางรายเห็น
ภาพหลอน แสดงกิริยาก้าวร้าวออกมาเป็นต้น และต่อจากนี้ขอเสนอ 10 อันดับที่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสุดๆ
มีเรื่องอะไรบ้าง ลองไปติดตามกันครับ



10. Mumbai Sweet Water



เมื่อปี 2006 ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในมุมไบต่างอ้างว่า
น้ำทะเลจากหาดมาฮิมจู่ๆก็เกิดมีรสหวาน หาดมาฮิม (Mahim Creek) เป็น หนึ่งในลำธารที่มีมลพิษทางน้ำ
มากที่สุดในอินเดีย ที่เกิดจากน้ำเสียและกากอุตสาหกรรมที่โรงงานต่างๆปล่อยลงสู่ท้องทะเล


ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป ประชาชนเมืองกูจารัต (Gujarat) ที่อยู่ใกล้ๆกันก็รายงานว่าน้ำทะเลจากชายหาด (Teethal)
ในตัวเมืองกลับมีรสหวานเช่นกัน จากเหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างพากันวิตกกังวลกับปรากฏการณ์ ดังกล่าว
เพราะประชาชนจำนวนมากต่างพากันดื่มน้ำเสียซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระบาดของโรคมากับน้ำเสีย เช่น
กระเพาะและลำไสอักเสบ หรือบางต่างพากันเก็บน้ำทะเล “รสหวาน” ใส่ภาชนะด้วยเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์
ปาฏิหาริย์ที่ควรบูชานับถือ

คณะกรรมการควบคุมมลพิษออกมาเตือนคนว่าห้ามดื่มน้ำและนำตัวอย่างน้ำทะเลไป ตรวจวิเคราะห์และเตือนไม่ให้
ประชาชนดื่มน้ำจากทะเลจนกว่าจะได้ผลวิเคราะห์ จากห้องปฏิบัติการ ในขณะที่พอหนึ่งวันผ่านไป น้ำทะเลก็กลับมา
มีรสเค็มเหมือนเดิม โอ้ประหลาดดีแท้จริงๆ!!!

 
 
 
9. Tanganyika laughter epidemic

<a href="http://www.youtube.com/v/Oq5r6PtZQus" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/Oq5r6PtZQus</a>

โรคระเบิดเสียงหัวเราะโดยไม่หยุด แทมกานิยาเป็นเหตุการณ์ในปี 1962 ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ Kashasha
บน ชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาปวิคตอเรียในประเทศแทนแกนนิยา (แทนซาเนีย ในปัจจุบันอยู่ติดเคนยา) ทวีปแอฟริกา
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อกลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนแห่งหนึ่งพูดคุยและ เล่าเรื่องตลกกัน


และเรื่องตลกนี้ทำให้เด็กกลุ่มนั้นเริ่มหัวเราะ จากกลุ่มเล็กๆ กลายเป็นว่ามันกลายเป็นโรคระบาดไปทั่ว โรคระเบิดหัวเราะ
ได้ขยายวงไปยังคนอื่นที่อยู่รอบข้าง คนที่เดินผ่าน คนที่ไม่เกี่ยวข้อง บนจนถึงโรงเรียนและหมู่บ้านอื่นๆ จนเป็นเหตุ
ทำให้โรงเรียนปิดกะทันหัน และเมื่อเด็กนักเรียนต่าง(หัวเราะ)กลับบ้านไป และก็นำเอาโรคหัวเราะไม่หยุดไปติดพ่อแม่
ผู้ปกครองอีก การหัวเราะไม่หยุดขยายเป็นวงกว้างจากหมู่บ้านดังกล่าวไปยังหมู่บ้านอื่น ชุมชนรอบข้าง คนเป็นพันๆ
ได้รับผลกระทบนี้ จนกระทั่งผ่านไปหกเดือนมันจึงยุติลง

แต่กระนั้นก็เกิดผลข้างเคียงต่างๆ นาๆ เช่น เมื่อคนอื่นหยุดหัวเราะแล้ว ทุกคนต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญ
เป็นลมหมดสติ ผื่นขึ้น เจ็บปวด และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

 
 
8. Hindu Milk Miracle

<a href="http://www.youtube.com/v/7sdYlRBISmU" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/7sdYlRBISmU</a>

อุปทานหมู่สุดเหลือเชื่ออันดับที่ 8  เกี่ยวกับมหัศจรรย์รูปปั้นฮินดูดื่มนม เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1995
ในตอนเช้าที่วัดทางภาคใต้ของนิวเดลี ที่ถวายนมแก่รูปปั้นพระพิฆเนศ โดยการเอาช้อนดักนมเต็มช้อนแล้วสัมผัสริมผีปาก
รูปปั้นเพื่อเป็นการถวายตาม ประเพณี


แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นเมื่อนมที่เป็นของเหลวค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตา จนหลายคนชื่อว่าเป็นเพราะรูปปั้นดื่มนม
หลังจากเหตุการณ์นี้เรื่อง มหัศจรรย์รูปปั้นฮินดูดื่มนมได้แพร่กระจายปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว จนมีรายงานว่าหลายคน
ในวัดทั้งภาคเหนือต่างพยายามเอานมป้อนรูปปั้นกันทั่ว หน้าและผลปรากฏว่ารูปปั้นพระเจ้าฮินดูโบราณหลายองค์
สามารถดื่มน้ำนมได้ และเหตุการณ์นี้ได้ระบาดมายังประเทศไทยด้วยเมื่อพระพิฆเนศในที่ต่างๆทั่วโลก (รวมทั้งประเทศไทย)
ได้เริ่มดื่มนมที่คนนำมาถวาย เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นอยู่หลายสัปดาห์ก่อนที่จะยุติลง หลังจากผ่านไป 10 ปีแล้ว

นักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แต่ในภายหลังได้การพิสูจน์ความจริงบางประการที่ยังไม่ยืนยัน 100%
ว่าชัวร์หรือเปล่า นั่นคือการพบว่ารูปปั้นหลายรูปมีโพรงน้อยใหญ่เหมือนฟองน้ำสามารถกักน้ำได้ในปริมาณมากนั่นเอง

 
 
 
7. June Bug Epidemic



ปี 1962 เกิดโรคระบาดลึกลับในแผนกตัดเย็บเสื้อผ้าของโรงงานสิ่งทอแห่งหนึ่งในสหรัฐ อเมริกา เมื่อสาวโรงงานกว่าหกสิบคน
เกิดอาการ มึนงง คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ เป็นลมหมดสติ บางรายถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล


โดยมีหลายคนอ้างว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการถูกแมลงชนิดหนึ่งกัด ภายหลัง แพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานสาธารณสุข
ได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็น ปรากฏการณ์อุปาทานหมู่ จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีแมลงที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว
และในบรรดาคนงานทั้งหมดที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ไม่มีใครเลยที่มีแผลถูกแมลงกัด

แพทย์เชื่อว่ามีคนงานบางคนถูกแมลงกัดแต่เพียงเล็กน้อย แต่กลับเกิดความกังวลเกินกว่าเหตุจนแสดง
ออกมาเป็นอาการประหลาดดังกล่าว

 
 
6. Soap Opera Hysteria



ละครเรื่อง Morangos Com Açúcar เป็นละครวัยรุ่นที่นิยมอย่างมากในประเทศตุรกี โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิต
ของเด็กวัยรุ่นทั่วไป ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 มีการระบาดของโรคที่ชื่อว่า ‘Morangos Com Açúcar virus’


มีรายงานว่าครั้งแรกระบาดในโรงเรียน 14 แห่ง นักเรียนมากกว่า 300 คน เกิดอาการประหลาดๆซึ่งคล้ายคลึง
กับอาการของตัวละครหนึ่งในละคร อาการดังกล่าวได้แก่ ผื่นขึ้น หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะ รุนแรงถึงขนาด
บางโรงเรียนต้องปิดลง

หน่วยสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็นปรากฏการณ์อุปทานหมู่ซึ่งเกิด จากละคร
จนบรรดาผู้ปกครองต่างพากันวิตกกังวล เพราะละครน้ำเน่าดังกล่าวไม่ได้ฉายทางทีวีอย่างเดียว
มันยังตีพิมพ์เป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์ นิตยสารและอื่นๆ

 
 
5. The Toxic Lady



เมื่อเวลา 8:15 ในตอนเย็น เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1994 กลอเรีย รามิเรซ (Gloria Ramirez) อายุ 31 ปี
หญิงสาวที่อาศัยยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เกิดอาการป่วยจากโรคมะเร็งปากมดลูกกำเริบ ต้องเข้าห้องภาวะฉุกเฉิน
ของโรงพยาบาลในเมืองแคลิฟอร์เนียทางใต้ของ Riverside ตอน นั้นเธอใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น มีอาการแปลกๆ
อาการตื่น หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วเกินไป ความดันเลือดสูง และเธอตอบสนองกับคำถามสั้นๆ เท่านั้นแต่ก็พูดตะกุตะกะ


โดยขั้นแรกนั้นคณะแพทย์สันนิษฐานว่าเธอเป็นมะเร็ง คณะแพทย์ที่รักษากลอเรีย ได้ทำการฉีดให้กับ แต่เธอก็
กระตุกเป็นระยะๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจเธอ เขาลอกเสื้อเชิ้ตของเธอออก และกดขั้วไฟฟ้าที่หน้าอกของเธอ
ในระหว่างนั้นเอง บางคนได้กลิ่น ของผลไม้และกระเทียมออกจากปากของเธอ แพทย์เลยทำการเจาะเลือดเพื่อวิเคราะห์

นางพยาบาล Susan Kane ทำการแนบกระบอกฉีดยา และเธอเลือดของเธอมีสีแปลกๆ มีกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย
จากนั้นหายนะก็เกิด เมื่อเลือดของเธอพุ่งกระเด็นจากช่องรูเข็มฉีดยามันไปโดนหน้านางพยาบาลจนหน้าของเธอไหม้!!
(เลือดของเธอมีวัสดุประหลาดๆคล้ายเศษ กระดาษอยู่ภายใน) เธอล้มลงไปกับพื้น คลื่นไส้อาเจียน จากนั้นพยาบาลอีกคน
ก็ล้มชักอีกคน จากนั้นมันเริ่มลุกลามมายังคนใกล้เคียง ใครก็ตามที่ได้สัมผัสร่างกายหรือเลือดของเธอต่างพากันป่วย
ไข้กันไปหมด จนผู้บริหารโรงพยาบาลออกประกาศภาวะฉุกเฉินภายใน ผลสุดท้ายมีผู้ป่วยจากเหตุการณ์นี้จำนวน 23
(คณะที่รักษาเธอมี 37 คน) ซึ่งทั้งหมดถูกจับเพื่อเข้าเขตกักกันเชื้อโรคทั้งหมด โดยมีอาการเหมือนหญิงที่ป่วย
ในตอนแรกไม่มีผิด

ภายหลังมีผลสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้พบว่าหญิงคนนั้นและคนป่วยทั้งหมดในเหตุการณ์นี้ มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ
ในบรรดาพนักงานที่ล้มป่วย เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และจากผลการตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งหมดก็พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆเลย
จึงสรุปปรากฏการณ์ที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ว่าเป็นอุปทานหมู่ (อีกตามเคย) ทำให้เรื่องราวของเธอยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้

 
 
4. The War of the Worlds

<a href="http://www.youtube.com/v/MJYnHA2OzfA" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/MJYnHA2OzfA</a>

อุปทานที่เกิดจากเรื่องของมนุษย์ต่างดาวกันบ้าง อันดับที่ 4 คือเรื่อง The War of the Worlds เป็นนิยายวิทยาศาสตร์
ที่เขียนโดย เอช.จี. เวลส์ นักเขียนชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1898 เนื่อเรื่องบรรยายถึงเหตุการณ์ที่มนุษย์ต่างดาว
จากดาวอังคาร ส่งยานอวกาศเข้ามาโจมตีกรุงลอนดอน เป็นนวนิยายเรื่องแรกที่กล่าวถึงการรุกรานโลกจากต่างดาว


นวนิยายถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครวิทยุ ความยาว 60 นาที โดย ออร์สัน เวลส์ ออกอากาศทางเครือข่ายซีบีเอส
ของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1938 เนื่องในวันฮาโลวีน ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในหลายมลรัฐ
ทางตะวันออก ผู้ฟังรายการที่ไม่ได้ฟังประกาศจากสถานีตอนต้นของรายการ ว่าเป็นเรื่องแต่ง ทำให้คนต่างเข้าใจว่า
มีมนุษย์ต่างดาวโจมตีโลกจริงๆ และออกจากบ้านเพื่อหนีตายด้วยความตื่นตระหนก เนื่องจากในขณะนั้นเกิดความตึงเครียด
ว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง

มีผู้วิจัยว่า จากจำนวนผู้ฟัง 6 ล้านคน มี 1.7 ล้านคน คิดว่าเป็นเหตุการณ์จริง ในจำนวนนี้ 1.2 ล้าน เกิดความตื่นตระหนก
ประชาชนหลายคนอุปาทานว่าตนเองได้กลิ่นก๊าซลึกลับ เห็นวัตถุประหลาด เห็นแสงวูบวาบ เกิดการชุมนุมจนตำรวจ
ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ความโกลาหลที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาดูแล้วกคล้ายคลึงกับที่บรรยายในนิยายไม่มีผิด
หลังจากนั้นได้มีผู้นำนวนิยายเรื่องนี้ไปออกอากาศทางวิทยุอีกหลายครั้ง เช่นในปี ค.ศ. 1944 ที่กรุงซานติอาโก
ประเทศชิลี ปี ค.ศ. 1949 ที่กรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ และ ค.ศ. 1950 ทางสถานีวิทยุบีบีซี

 
 
 
3. Y2K



คราวนี้อุปทานแตกตื่นกันไปทั่วทุกมุมโลก ก่อนจะถึงปี 2000 ช่วงนั้นโลกของเราวุ่นวายมากๆ เพราะมีหลายคน
เชื่ออะไรหลายๆ อย่าง เช่น คำทำนายของนอสตราดามุส และพุทธทำนาย ก็ล้วนแต่จ้องจะเกิดในช่วงนี้ทั้งสิ้น
แต่ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะไม่เกิน ปัญหาคอมพิวเตอร์ปี 2000 (Y2K)


ปัญหา Y2K อ่านว่า วาย ทู เค หรือ Year two thousand ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 คำนี้เป็นศัพท์ทางวงการ
คอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ปี ค.ศ. เป็นเลข 2 หลัก กล่าวคือ ปี ค.ศ. 1900 จะบันทึกเป็น 00
คือ 2 หลักหลัง (ขณะนี้เป็น 1999 จะบันทึกเป็น 99) เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปี ค.ศ. 2000 จะต้องบันทึกเป็น 00
ตามแนวทางเดิมซึ่งจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์จะไม่ทราบได้ว่าเป็นปี 1900 หรือ 2000 หากแต่คอมพิวเตอร์จะคิดว่า
เป็นปี 1900 ฉะนั้นการคำนวณใดที่เกี่ยวข้องกับวัน และเวลา จะผิดไปหมด เช่น คิดอายุผิด คิดดอกเบี้ยผิด การนัดหมาย
การจองโรงแรม หรือสายการบิน และถ้าร้ายแรงหน่อยก็ จะทำให้ระบบคอมที่ควบคุมการยิงขีปนาวุธของรัสเซีย
และอเมริกาจะผิดพลาด ระบบการเงิน ATM จะ ปั่นป่วนทั่วโลกจะวุ่นวายสับสน ห้องฉุกเฉินใน รพ.ระบบเครื่องมือแพทย์จะรวน
คนจะตายหลักล้าน หลายคนคาดว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่ของโลกอาจจะต้องหยุดทำงาน ระบบทุกชนิด
ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงระบบควบคุมการบินต่างตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งสิ้น ความกลัวว่าการดำเนินธุรกิจต่างๆ
จะเป็นอัมพาต สารพัดสารเพ

เหตุการณ์ Y2K นำ มาซึ่งความวุ่นวายต่อมวลมนุษย์อย่างมากในช่วงนั้น ต่างตื่นตะหนก หลายคนเชื่อว่าปัญหานี้
จะทำให้มนุษย์กลับเข้าสู่ยุคหินหรือเป็นวันสิ้นโลก เลยทีเดียว หลายฝ่ายระดมผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ยกใหญ่
ในการแก้ปัญหา แก้ระบบคอมแก่หน่วยงานใหญ่ๆหลายพันล้านดอล รวมถึงประเทศไทยด้วย แก้เซ็ทระบบกันระนาว
มีคนฆ่าตัวตายหมู่เพื่อหลีกหนีวันสิ้นโลก พวกเด็กต่างเครียดเป็นแถบๆ เพราะว่ากลัวเล่นเกมส์ไม่ได้

ปัญหา Y2K ก็สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1999 เมื่อเหตุการณ์ของโลกปกติสุขไม่มีปัญหาเรื่อง Y2K แต่อย่างใดเลย
(เนื่องจากมีการเตรียมการอย่างดี) และวันที่ 1 มกราคมปี 2000 ก็เหมือนกับวันอื่นๆ ไม่มีรายงานข่าวว่ามีระบบเสียหาย
ครั้งใหญ่ที่ไหนเลย

 
 
 
2. Penis Panic



อันนี้ท่าทางผู้ชายคงตื่นตระหนกกันไปหมดทั้งโลก ว่ากันว่า Koro “โรคจู๋” หรือ “โรคอวัยวะเพศหด” เป็นโรคทางจิต
ที่มีความคิดว่าอวัยวะเพศของตัวเองหดหรือหายไป ซึ่งน่าประหลาดคือโรคนี้เกิดขึ้นทั่วโลกในแอฟริกาและเอเชีย
พบได้ในประเทศ ทางภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ โดยมากจะพบในคนเชื้อสายจีน
โดยความเชื่อท้องถิ่นจะมีความเชื่อว่าเมื่ออวัยวะเพศของตัวเองหดอาจทำให้ตาย หรือเสียชีวิตได้


ทำให้เกิดความกลัวที่ว่าอวัยวะเพศจะหดเข้าไปในช่องท้องตนเองจะถึงแก่ความตาย จนทำทุกวิธีการเพื่อไม่ให้อวัยวะเพศหด
คือชอบจับและดึงอวัยวะเพศไว้ บางรายก็เลยร้องเรียกให้คนช่วยดึง (เอ้อ! ไปกันใหญ่) แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้เพศ
ตรงข้ามช่วย เพราะถือว่าเป็นข้อห้าม บางรายถึงกับให้ผูกอวัยวะเพศไว้ (เอ้า! หนักเลยคราวนี้ 555+)

และมีความเชื่อแปลกๆ ตามมาเช่น ห้ามกินแตงโม ห้ามเดินข้ามขนม้าและมูลเต่า บางแห่งห้ามเดินผ่านเต่าเพราะถ้าเต่าหดหัว
จะพลอยทำให้จู๋หดไปด้วย!!! โรคนี้ระบาดในสิงคโปร์ในปี 1967 จนรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
ส่วนสาเหตุของโลกนี้ก็แปลกๆ พอๆ กันคือจากการตรวจสอบพบว่าผู้มีอาการนี้ส่วนใหญ่จะมีกิจกรรมทางเพศมากเกินไป

บางรายเกิดอาการหลังจากมีเมียน้อยไม่นาน หรืออวัยวะเพศกระทบกับความเย็นนานเกินไป หรือรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ
ไปละหลาดดีแท้!!

 
 
 
1. Salem witch trials

<a href="http://www.youtube.com/v/W8dZ0lYU8Kc" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/W8dZ0lYU8Kc</a>

นี้คือเหตุการณ์อุปทานหมู่สุดเหลือเชื่อสุดๆ การสอบสวนแม่มดแห่งซาเล็ม เป็นคดีที่ผู้พิพากษาสั่งฟ้องร้องผู้คนกล่าวหาว่า
มีใช้เวทมนตร์คาถาใน Essex, Suffolk, และ Middlesex ในเขตอาณานิคมรัฐแมสซาซูเซตต์ ระหว่างกุมภาพันธ์ 1692
และ1693 มีจำนวนกว่า 150 ถูกจับกุมและจำคุก และมีหลายคนถูกแขวนคอ และประหารชีวิต และหนึ่งในนั้นคือ
ไกล์ คอเรย์ ( Giles Cory ) ผู้ซึ่งไม่ยอมบอกข้อมูลของแม่มดซาเล็มเขาถูกหินบดทับจนถึงแก่ความตาย
และอีกห้าคนตายในคุก


เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม ปี 1692 เมื่อเด็กหญิงหลายคนในหมู่บ้านซาเล็ม รัฐแมสซาซูเซตต์ เมืองเล็กๆ
ในอเมริกา คืออลิซาเบธ แพร์ริส (Elizabeth Parris) อายุ 9 ปี บุตรสาวของซามูเอล แพร์ริสผู้นำนิกายโปรเตสแตนท์
และเป็นนายกเทศมนตรีท้องถิ่นแห่งหมู่บ้านซาเล็ม อบิเกล วิลเลี่ยม (Abigail Williams) อายุ 12 ปี หลานสาวของมูเอล
และแอน พัตนัม (Ann Putnum) อายุ 12ปี ลูกสาวของครอบครัวพัตนัม และเพื่อนๆ เกิดอาการเป็นลมหน้ามืด
และมีอาการผิดปรกติหลายอย่าง เช่น หวีดร้องโหยหวน สักพักก็ล้มชักดิ้นชักงอ หน้าตาบิดเบี้ยว อยู่ในสภาวะไม่รู้สึกตัว
กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นพระเจ้า ศาสนา ถ้อยคำบางท่อนก็ฟังดูประหลาดลึกลับ คล้ายกับภาษาโบราณที่ฟังไม่รู้เรื่อง

จากนั้นชั่วเวลาไม่นานนัก เด็กสาวอีกหลายคนก็แสดงอาการพฤติกรรมประหลาดที่ว่าเกิดขึ้นอีกหลายๆ หลังคาเรือน
ภายใต้ความกดดันอย่างหนักที่จะระบุแหล่งที่มาและต้นกำเนิดของภัยร้าย จู่ๆ บรรดาเด็กสาวได้อ้างชื่อผู้หญิงออกมา
สามคนคือ ทิทูบา อินเดียน(Tituba), ซาราห์ ออสบอร์น (Sarah Osburn ) และ ซาราห์ กู๊ด(Sarah Good)

ทาสรับใช้คาริบเบียนที่อาศัยในบ้านของซามูเอล แพร์ริส...ว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ ต่อมาหญิง 3 คนนั้นก็ถูกจับ
ออสบอร์ยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ทิทูบา กลับสารภาพว่าฝึกเวทย์มนต์คาถาของแม่มดจริงๆ ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาชาวเมือง
จำนวนมากออกมาต่อว่าว่าเคยถูกก่อกวนและเคยเห็นร่าง ปีศาจจำแลงของคนในชุมชนเดียวกัน ทำให้เกิดล่าแม่มดขึ้น
มีผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดก็มีเพิ่มทุกขณะ

ถึงเดือนมิถุนายน 1692 ผู้ว่าการรัฐ จัดตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีแม่มดโดยเฉพาะ เรียกว่า
"ศาล พิเศษเพื่อรับฟังความและตัดสินโดยพิจารณาความเชื่อถือ" ศาลแห่งนี้ตัดสินความโดยพิจารณาคดี
จากการกล่าวหาซึ่งๆ หน้า มีการประมวลวัตถุพยาน ทั้งที่จับต้องได้และจับไม่ได้ ส่งผลทำให้ผู้บริสุทธิ์
ถูกตัดสินประหารชีวิตจำนวนมาก(ทั้งศาลยุติธรรมและศาลเตี้ย) กว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดก็อีก 19 ปีต่อมา
โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1711 กฎหมาย ฉบับใหม่ได้สั่งให้คืนทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากผู้ตายและครอบครัว


credit :: toptenthailand
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

PeachZ

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 88
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2013, 20:32:09 »

อ่านเพลินดีครับ  pongz pongz

supsombut

  • แอบหื่น
  • ***
  • กระทู้: 31
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2013, 19:29:42 »

I3adI3oy

  • คณะสำรวจ
  • *
  • กระทู้: 658
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-1
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2013, 16:53:12 »

เคยเห็นอาการคล้ายๆผีเข้า ลงไปนอนชักดิ้นชักงอคนนึง แล้วก็มีอีกหลายคนลงไปนอนชักด้วย
" ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  แล้วอนาคตมันจะดูแลตัวของมันเอง "

adidas

  • แอบหื่น
  • ***
  • กระทู้: 37
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2013, 16:55:57 »

อ่านเพลินเลย

OsamaB

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 143
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 00:01:40 »

โรคจู๋ น่ากลัวสุดแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ

"เชื่อไหมว่าในวัยเด็ก ผู้ชายอย่างเรา ๆ ก็เคยกลัวจู๋จะหายไปด้วยนะครับ เรียกว่าปมปิฏุฆาต ส่วนสาว ๆ ก็อิจฉาที่ไม่มีจู๋แบบเรา เรียก penis envy"

ทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์

feoracompany

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 62
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด
    • ฟีโอร่า
Re: 10 อันดับอุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 09 กันยายน 2015, 17:08:25 »

เป็นไปได้เนาะคนเรา eta06