-->

ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านอาถรรพณ์  (อ่าน 523 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

don

  • บุคคลทั่วไป
บ้านอาถรรพณ์
« เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2008, 01:15:59 »

พิษณุ" เล่าประสบการณ์จากซอยเปลี่ยว

ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยโดนผีหลอกสักครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเขาลือว่าซอยบ้านเราผีดุจะตายชัก ไหนจะผีเจ้าที่เจ้าทางสมัยที่นนทบุรียังมีสวนทุเรียนมากที่สุดในเมืองไทย ไหนจะผีตายโหงสารพัดรูปแบบที่ล้มตายกันในซอยและบ้านสองฟากถนนอีกล่ะ

ผีเจ้าที่ชักจะซาๆ ไปเมื่อความเจริญรุกล้ำเข้ามา ตึกรามบ้านเรือนชักจะคับคั่ง แต่ผีตายโหงชักจะหนาตามาแรงกว่าผีเจ้าที่ตั้งพะเรอ!

ว่าแต่ตายโหงแบบไหนมั่งล่ะ? ส่วนมากรถชนกันครับ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์...ผมเองยังแทบไม่อยากเชื่อว่าสองฟากถนนซอยที่มีต้นไม้ร่มครึ้ม จะกลายเป็นบ้านช่อง ตึกแถว ทาวน์เฮาส์ แม้กระทั่งหอพักก็ยังผุดขึ้นทีละแห่งสองแห่งแทบจะไม่รู้ตัว

มาสังเกตอีกที...อ้าว? เขาทยอยขายสวนกันทีละเจ้าสองเจ้า ต้นไม้ร่มครึ้มยังอยู่แม้ว่าจะบางตาไปกว่าเดิมมากโข ปีก่อนยังมีที่ว่าง 3-4 แปลง มาถึงตอนนี้ไม่มีเหลือเลยสักแปลงเดียว!

แหม! เกือบลืมเล่าไปว่า นอกจากโดนรถชนตาย แล้วยังมีฆ่าแกงกันอีก พวกนักเลงในซอยมั่ง พวกเมาเหล้าแล้วเห็นช้างเท่าหมู นิสัยเกะกะเกเร ชักมีดชักปืนเป็นว่าเล่น...ไปนอนป่าช้าก็มี ไปนอนในลูกกรงก็มี น้อยคนนักที่จะรอดตัวมาได้

ผีพวกนั้นแหละครับ ที่เขาลือกันว่าชอบออกมาเพ่นพ่านตอนดึกๆ เล่นเอาร้องโหวกโหวย วิ่งแหกป่าแหกสวน แทบจะจับไข้หัวโกร๋นไปตามๆ กัน

ไหนจะบ้านที่มีเรื่องมีราวจนฆ่าฟันกันตายอีกล่ะ? บ้านที่เกิดเหตุร้ายมี 2-3 หลัง แต่ขอตัดทอนมาเล่าแค่บ้านอาถรรพณ์ หรือบ้านผีสิง แค่หลังเดียวแล้วกันครับ เหตุผลก็เพราะผมไปเจอดีเข้าที่บ้านหลังนั้นน่ะซี ไม่ช็อกตายคาที่ก็บุญเหลือหลายแล้ว คุณเอ๋ย...

บ้านหลังนั้นอยู่ค่อนไปทางปลายซอย ก่อนจะถึงบ้านผมราว 5-6 หลัง...ตอนแรกน่ะผัวแทงเมียตายเพราะความหึงหวง แล้วเตลิดหนีหายไปจนป่านนี้ น่าเวทนาแต่เมียสาวที่กระเสือกกระสนเข้าหาลูกเล็กๆ อายุราว 2 ขวบที่ร้องไห้จ้า กอดลูกขาดใจตายอยู่ข้างเตียงนั่นเอง...เด็กกอดศพแม่ร่ำไห้ตลอดคืน!

ญาติๆ เขาปล่อยให้เช่า...คราวนี้มีผัวเมียคู่หนึ่งย้ายมาอยู่กับลูกอายุราว 5-6 ขวบ มีลูกจ้างเป็นเด็กสาวหน้าตาหมดจด รูปร่างบึ้บบั้บจนมีวัยรุ่นเดินผ่านมาเป่าปากเปี๊ยวป๊าวเชียว

อยู่ได้ปีเดียวก็บ้านแตก เมื่อสาวใช้เกิดท้องโย้ขึ้นมา...ตัวการไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือพ่อบ้านนั่นเองที่มุดมุ้งสาวใช้ แถมไม่รู้จักคุมกำเนิด หรือสาวใช้จะจับนายจ้างก็ไม่ทราบแน่ชัด...ที่แน่ๆ คือทะเลาะกันแทบบ้านช่องแตก สาวใช้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหน้าบ้าน

ครอบครัวย้ายออกไปไม่นาน...ได้ข่าวว่าเขาขายนะครับ คนมาอยู่ใหม่เป็นผัวเมียวัย 40 เศษ มีลูกชายวัยรุ่นหน้าตาดีคนหนึ่ง ไม่ช้าก็ช็อกตายคาบ้านเพราะเสพยาอย่างแรง!

มีคนเวียนเข้าเวียนออก เหมือนบ้านจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจ หรือว่าที่อยู่แบบบ้านราคาถูกหายากก็ไม่รู้...น่าแปลกอยู่อย่างที่ไม่เคยมีใครเล่าว่าโดนผีหลอกในบ้านนั้น แต่อยู่ไม่นานก็มีเรื่องร้ายๆ จนต้องย้ายหนีกันทั้งนั้น...อาถรรพณ์ของบ้านนี้จะดุร้ายสาหัสยิ่งกว่าโดนผีหลอกซะละมั้ง?

คืนหนึ่งผมก็เจอดีเข้าจนได้!

เลิกงานกลับบ้านตอนค่ำๆ ผมก็เดินย่ำต๊อกเข้าซอย เสียดายค่าตุ๊กตุ๊ก 20 บาทหรือค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง 10 บาท...ผมถือคติว่า "ไม่จ่าย 10 บาทก็เท่ากับเรามีรายได้ 10 บาท"

ถึงแม้อากาศในเดือนธันวาคมจะเยือกเย็น ชวนให้วังเวงใจ ขนลุกง่ายๆ แต่ผมก็ไม่สนใจ เพราะเดินเข้าออกมาเกือบ 30 ปีแล้ว บ้านทุกหลังปิดประตูรั้วหมด แต่ส่วนมากยังเปิดไฟอยู่ข้างใน เสียงทีวีจากบ้านบางหลังก็ดังแว่วออกมา

ผ่านกลางซอยที่เป็นตึกแถวร้านค้าไปแล้ว...พอดีมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินบิดสะโพกอยู่ข้างหน้า ดูเหมือนจะทอดน่องแบบเอ้อระเหยชอบกล...

ผมเดินไปทันเธอใต้ร่มมะขามเฒ่าที่มีกิ่งก้านยื่นล้ำมาจากริมรั้ว กลางวันให้ร่มเงากันแดดกันฝนดี ตอนกลางคืนก็ทำให้มืดครึ้มจนบังแสงจากเสาไฟฟ้า...ผมหันไปมองหน้าเธอในความสลัว เธอก็หันมามองสบตาเดี๋ยวเดียวก็พ้นร่มมะขามมาสู่แสงไฟเหลืองรัวเยือกเย็น...

"บ้านอยู่ไหนน่ะ พี่เดินเป็นเพื่อนมั้ย?"ผมถามขณะที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งแล่นผ่านเราไป เธอก็หันมายิ้มอายๆ ก่อนจะชี้มือไปข้างหน้า...ผมพลอยโล่งใจไปด้วย ก่อนที่เธอจะเดินไปที่ประตูเล็กที่อยู่ในประตูใหญ่ เอื้อมมือไปจับลูกบิดพลางหันมายิ้ม...

ยอดไม้ไหวซ่า...เสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาจากก้นซอย ผมมองแสงไฟจ้าก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นเธอหายเข้าไปในประตูเรียบร้อย ออกเดินไปได้หน่อยก็เจอเงาไม้ข้างหน้าอีก...เอ๊ะ! ต้นมะม่วงนี่นา

มอเตอร์ไซค์จอดพรืดจนผมสะดุ้ง หันขวับไปมองก็พบคนคุ้นๆ หน้ากัน เขาถามว่าเมื่อตะกี้คุณคุยกับใคร? ผมก็บอกว่าผู้หญิงบ้านนั้น...พลางชี้มือให้ดู เขามองตามแล้วหน้าเสียถามเสียงแหบพร่าว่า...บ้านต้นมะม่วงที่เคยมีผู้หญิงผูกคอตายใช่มั้ย? ผมหันมองอีกทีก็นึกขึ้นได้

"ใช่! ย้ายเข้าย้ายออกกันบ่อยนะ นี่รายใหม่มาอยู่เมื่อไหร่"

"ไม่มีใครมาอยู่หร้อก" เขาตอบหน้าตาเฉย "ผมขับรถผ่านทุกวันทำไมจะไม่รู้...บ้านผีสิงนั่นยังเป็นบ้านร้างอยู่แท้ๆ ผมไปส่งคุณเอามั้ย?"

"ไม่เป็นไร ขอบใจนะพี่" ผมฝืนยิ้ม ก้าวเดินช้าๆ จนได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นไปทางปากซอยแล้วถึงได้จ้ำอ้าว...ขาหนักเหมือนกลายเป็นท่อนเหล็ก เย็นสันหลังวาบๆ ก่อนรวบรวมสติโกยแน่บไม่เหลียวหลัง...

ผีสาวใช้ท้องโย้ผูกคอตายไปตั้งหลายปีเพิ่งจะได้โอกาสมาหลอกหลอนเอาคืนนี้เอง หรือเธอจะมาขอส่วนบุญก็ไม่รู้...แต่ขนลุกครับ!


 
 
 

cmman573

  • บุคคลทั่วไป
Re: บ้านอาถรรพณ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2008, 09:34:01 »

สงสัยจามาขอส่วนบุญมากกว่าอ่ะท่าน เจอปุ๊บ ทำบุญให้ปั๊บเลย ถ้าเป็นผมนะ