. : : ไขปริศนาแอตแลนติส ทวีปที่สาปสูญ : : .ช่วงนี้น้ำท่วมหนักทั่วโลก ที่ดับลินล่าสุดก็เจอน้ำท่วมหนักในรอบ 38 ปี เรียกว่าปีนี้เป็นปีแห่งน้ำจริงๆ บ้านเราตอนนี้น้ำก็ไหลเข้ามาเตรียมจะทลายเมืองหลวงแล้ว ของกินของใช้ตอนนี้ขอบอกว่าแพงและหาได้ยาก ระดับน้ำก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เห็นแล้วเหนื่อยใจมาก วันนี้ก็เลยหาเรื่องลึกลับมาให้อ่านกันแก้เครียดครับ เป็นเรื่องราวในสมัยก่อนที่มหาอุทกภัยได้เคยไหลเข้าท่วมทวีปที่รุ่งเรืองที่สุดของโลกในสมัยนั้นให้จมหายไปจากแผนที่โลก รวบรวมมาจากหลายสำนัก โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน คิดเสียว่ากำลังอ่านนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่งนะครับ ไม่พูดมากแล้วเรามาเริ่มกันเลย
อาณาจักรแอตแลนติสราว 400ปีก่อนคริสตกาล เพลโต ..นักปราชญ์ชาวกรีกได้เขียนเรื่องราวของ
แอสแลนติสไว้ใน “ครีเทียสกับทิมาอุส”ซึ่งเป็นการกล่าวถึงอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่
แต่ถูกคลื่นยักษ์กลืนลงสู่ทะเลและหายสาบสูญไป ต่อมาได้กลายเป็นที่สนใจ
ของผู้คนทั่วโลก ผู้คนต่างพากันถกเถียงเรื่อยมาว่าแอตแลนติสมีจริงหรือไม่
หรือจะเป็นเพียงเรื่องที่แพลโตได้จินตนาการขึ้น แต่หากคุณถามคำถามนี้กับ
นักแอตแลนติสวิทยาแล้วล่ะก็ คำตอบของพวกเขามีเพียงอย่างเดียวคือ ...
แอตแลนติสมีจริง
การค้นหาอาณาจักรที่หายสาบสูบไปร่วมหมื่นปีอย่างแอตแลนติสนั้นไม่ใช่จะหา
กันเจอง่ายๆ เพราะมีอุปสรรคหลายๆประการ ที่สำคัญที่สุดคือ ...การไม่รู้
ตำแหน่งที่แน่นอน หากแต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของนักสำรวจ
หมดไปแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันนี้มีคนจำนวนมากที่ออกค้นสำรวจอาณาจักร
แห่งนี้
แอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสาหินแห่งเฮอร์คิวลีสออกไป ซึ่งในปัจจุบัน คือ ช่อง
แคบยิบรอลตา แต่ก็มีบางคนที่คิดว่า พิลาร์ ออฟ เฮอร์คิวลีส นั้นจริงๆแล้ว
เพลโตน่าจะหมายถึง ช่องแคบดาร์ดาแนลเลสของทะเลดำมากกว่าช่องแคบ
ยิบรอลตา ดังนั้นการค้นหาแอตแลนติสในเวลาต่อมาจึงถูกย้ายจากมหาสมุทร
แอตแลนติกมาสำรวจในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแทน
แอตแลนติสมีอาณาเขตกว้างขวางตั้งแต่ลิเบีย(ทวีปแอฟริกาทั้งหมด ยกเว้น
อียิปต์) ไปจนถึงยุโรปบางส่วน เป็นอาณาจักรที่มีอยู่เมื่อ 11,500 ปีที่แล้ว
(โบราณมากๆ) พวกเขามีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการ มีกฎหมาย มีการ
ศึกษา มีสวนหย่อนใจ(คล้ายๆสวนสาธารณะนั่นล่ะ) โรงยิม สนามม้าสำหรับ
ให้ออกกำลังกาย มีน้ำพุใต้ดินสองแห่ง แห่งหนึ่งร้อน อีกแห่งหนึ่งเย็นใช้
เพราะปลูกกับอาบและกิน ที่อยู่อาศัยแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับราชวงค์ ชาวบ้าน
ธรรมดา ผู้หญิง ม้า สัตว์เลี้ยงอื่นๆ น้ำจากน้ำพุถูกลำเลียงส่งไปยังบริเวณ
เพาะปลูกที่เรียกว่า Grove of Poseidon และยังมีท่าจอดเรือชั้นนอกชั้นใน
ด้วย บ้างก็บอกว่าพวกเขามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากว่ามนุษย์ในปัจจุบันเสีย
อีก
ต่อมาพวกเขาพยายามจะครอบครองโลก จึงนำทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรมุ่ง
โจมตียุโรป เอเชีย และกรีก มีนครเอเธนส์เพียงแห่งเดียวที่ยืนหยัดต่อสู้กับ
แอตแลนติสได้ หากแต่อาณาจักรแห่งนี้ได้สูญหายไปเพียงเวลาชั่วข้ามคืน
เนื่องจากภัยพิบัติตามธรรมชาติ บางทฤษฏีบอกว่า เพราะโดนอุกาบาตพุ่งชน
บางทฤษฏีก็บอกว่าเกิดจากแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดจึงทำให้เกิดคลื่นยักษ์
(ซึนามิ)กวาดล้าง แต่ตามตำนานกรีกบอกว่าพวกเขาโดนเทพเจ้าลงโทษทำ
ให้โดนคลื่นกวาดลงไปเฝ้าเทพโพไซดอน
แอตแลนติสมีกำแพงห้าชั้นที่ทำจากทองคำ แต่มีบางคนบอกว่า น่าจะเป็นโอริ
ชาลคัมเสียมากว่า บริเวณใจกลางเกราะมีวิหารเงิน รอบๆวิหารเป็นรูปปั้นของ
กษัตริย์องค์ต่อๆมาจำนวนสิบองค์พร้อมด้วยมเหสี ภายในวิหารเป็นรูปเทพโพ
ไซดอนและพระนางไคลโต
รอบนอกสุดของดินแดนนี้ล้อมรอบด้วยกำแพงทองคำ มีส่วนหนึ่งจดหน้าผาริม
ทะเล ตรงนี้เป็นเขตชุมชนหนาแน่นรอบนอกท่าเรือมีเรือสินค้าจากแดนไกลมา
จอดเทียบ ทำให้คึกคักมากตลอดทั้งวันทั้งคืน
การถกเถียงได้แพร่สะพัดเมื่อศตวรรษที่ 19 ชาวอเมริกันชื่อ อิกนาเทียส ดอน
เนลลี่ ตีพิมพ์หนังสือชื่อ Atlantis : The Antediluvian World
เขาพยายามพิสูจน์ว่า แอตแลนติส ก็คือดินแดนที่ถูกนำไปกล่าวอ้างอิงใน
เทพนิยายและตำนานของชนชาติต่างๆ เป็นสวนสวรรค์แห่งอีเดน เป็นยุคทอง
ของมนุษย์ชาติที่มีความเจริญทางอารยธรรมสูงมาก เป็นต้นตอของภาษาตัว
อักษร เข็มทิศ การเดินเรือ ดินปืน กระดาษ ผ้าไหม ดาราศาสตร์ การ
เกษตร และเป็นบรรพบุรุษของชนเผ่าต่างๆหลายเผ่าทั่วโลกก่อนยุคน้ำท่วม
แต่ถูกภัยพิบัติธรรมชาติทำลายให้จมลง มีคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่รอดชีวิตมาได้
กระจัดกระจายไปสู่ดินแดนต่างๆ ทำให้มีตำนานเรื่องน้ำท่วมเล่าสืบต่อกันมา
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/06/W4447198/W4447198.html
แอตแลนติส (ทวีปปริศนาจากมุมมองทางโบราณคดี)ว่ากันว่าที่เกาะแอตแลนติสอันมั่งคั่ง เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรม กำแพง
เมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและสนามแข่งม้า ทว่ามันถูก
ทำลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา เรื่องราวขงแอตแลนติส
เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่ทว่า... ดินแดนในฝันนี้มันมีอยู่จริงหรือไม่ อยู่แห่งหนใด
และเมื่อในช่วงเวลาใด ที่อาณาจักรนี้ตั้งตระหง่านท้าทายอำนาจภูตเทพอยู่
ตำนาน เกี่ยวกับทวีปอันมั่งคั่งโอ่อ่าที่พลเมืองอาศัยอยู่อย่างสุขสันต์ทว่า ถูกกวาดทำลาย
สิ้นเพียงชั่วข้ามคืน ได้ติดตรึงอยู่ในใจของชาวตะวันตกมานานกว่า 2000 ปีแล้ว เพลโต
ปรัชญาเมธีชาวกรีกได้พรรณนาถึงการอุบัติและวิบัติของแอตแลนติสไว้ คำพรรณนาของ
เขาดลบันดาลใจให้มีคนพากันเขียนเรื่องเกี่ยวกับดินแดนนี้ประมาณ 2000 เล่ม มีการค้น
หาแอตแลนติสเป็นเวลานับไม่ถ้วนจำนวนปี บางคนทั้งนักวิชาการและวิชาเกินต่างพากัน
เสนอว่า ดินแดนนี้ควรจะอยู่ตรงนั้นตรงนี้บ้างต่างๆกันไป เบ็ดเสร็จจนถึงปัจจุบันแล้วก็ราวๆ
40 กว่าแห่ง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่ามันมีอยู่จริง
ที่ มาของแอตแลนติสที่พวกเรารู้จักกันดีนั้น มาจากงานเขียนของเพลโตที่ชื่อ ทิไมอุส และ
ครีติอัส ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวของเกาะที่"ใหญ่กว่าลิเบียและ
เอเชียไมเนอร์รวมกัน" กับพลเมืองที่อาศัยอยู่บนเกาะอันอุดมสมบูรณ์ โดยท้าวความถึง
เทพนิยายกรีกที่เมื่อแรกมีการแบ่งดินแดนกัน โปเซดอนเทพแห่งห้วงสมุทรและแผ่นดินไหว
ได้รับแอตแลนติสมาเป็นสมบัติ ชาวแอตแลนติสทุกคนจึงเป็นเชื้อสายของโปเซดอนกับ
เคลริโอ ชายาซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวโลก
ตาม ที่เพลโตกล่าวเอาไว้นั้น แอตแลนติสเป็นชาติที่กุมอำนาจทางทะเลเอาไว้ มีที่ตั้งอยู่
ณ ที่ซึ่งเลยเสาหินของเฮอร์คิวลิส หรือช่องแคบยิบรอลต้าในปัจจุบันออกไป อาณาจักรนี้
ครอบคลุมน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจรดอียิปต์และตุรกี เป็นดินแดนอันอุดมด้วย
ทรัพยากรและอาหารนานาชนิด ทิวเขาสูงกำบังลมจากทางเหนือ สรรพสัตว์ทั้งช้างและม้า
เล็มหญ้าอยู่ในท้องทุ่ง ดื่มกินน้ำจากทะเลสาบและลำธาร มีกษัตริย์สิบองค์ครองดินแดนสิบ
แคว้น พลเมืองทั้งหมดอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคีและสันติสุข "พวกเจารังเกียจทุกอย่าง
นอกจากคุณธรรมอันดีงาม ไม่สนใจใยดีต่อสมบัติพัสสถาน ไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือทรัพย์
สมบัติอื่นๆ" ชาวแอตแลนติสเป็นทั้งพลเมืองตัวอย่างและนักขี่ม้าที่เก่งกาจ นอกจากนั้น
พวกเขายังเชี่ยวชาญด้านการเดินเรืออีกด้วย
ต่อ มาชาวแอตแลนติสไม่พอใจกับโชคลาภที่มีและพยายามจะแผ่ขยายอาณาเขต เพื่อทำ
การครอบครองโลก เกิดสงครามที่รุนแรงตามมาหลายต่อหลายครั้ง ชาติเล็กชาติน้อย
ย่อยยับกับการกรีฑาทัพของแอตแลนติสไปเป็นแถวๆ มีนครเอเธนส์ของเทพีอาเธน่าเพียง
แห่งเดียวที่ยืนหยัดต่อต้านแอตแลนติสเอาไว้ ได้ โปเซดอนพิโรธชาวแอตแลนติสมาก และ
ประมาณ 9,500 ปีก่อน คริสตกาลก็เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นบนตัวทวีป ทำให้แอตแลนติส
จมหายไปใต้เกลียวคลื่น ไม่เหลือร่องรอยใดๆเอาไว้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
เพลโตยืนยันว่าแอตแลนติสเป็นเรื่องจริง และอ้างว่าเขาได้รับฟังเรื่องนี้มาจากรัฐบุรุษโซ
ลอน ซึ่งรับฟังมาอีกทอดจากนับวชก่อนหน้านั้น เรื่องราวได้รับการบอกเล่าสืบทอดกันมา
เป็นรุ่นๆ พูดแล้วน่าเศร้าครับ ในแง่ของประวัติศาสตร์ปัจจุบัน แม้กระทั่งท่านอริสโต
เติลลูกศิษย์ของเพลโตเองก็ไม่ยอมรับว่าแอตแลนติสเป็น เรื่องจริง การอุบัติและวิบัติของ
แอตแลนติสนั้นมีปัญหาอยู่สองประการ นั่นคือเรื่องของระยะเวลาและสถานที่ตั้ง ครับ...
นั่นคือมุมมองและบทสรุปของวิชาประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน ซึ่งนายโซนิคอ่านดูก็ออกจะขัด
ใจอยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาเพิกเฉยต่อหลักฐานหลายๆอย่างที่พอจะเอามาอ้างอิงได้ แต่ก็
เอาเถอะครับ ลองมาดูกันดีกว่าว่า ประวัติศาสตร์และโบราณคดีในปัจจุบัน สรุปเรื่องของ
แอตแลนติสเอาไว้อย่างไรกันบ้าง
แอตแลนติสเป็นอาณาจักรเจ้ากรรมที่มีข้อขัดแย้งกับนักประวัติศาสตร์ปัจจุบัน อยู่มากครับ
หลายๆท่านค้านว่าอาณาจักรนี้น่าจะเป็นเพียงอาณาจักรในนิทานมากกว่าที่จะมี อยู่จริงๆ
เพราะอะไรน่ะหรือครับ เรามาดูมุมมองของนักประวัติศาสตร์กันดีกว่า
อารยธรรม แห่งแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,500 ปีก่อนคริสตกาลหรือราวๆห้าพันปีก่อน ใน
ดินแดนแถบตะวันออกกลางที่เป็นที่ตั้งของประเทศอิรัคในปัจจุบัน ครับ ดินแดนเมโสโปเต
เมียนั่นเอง ถ้าจะอิงตามตำราประวัติศาสตร์มันก็ใช่อยู่หรอก เพราะไม่มีชุมชนถาวรของ
มนุษย์ตั้งอยู่เลยก่อนหน้าอารยธรรมสุเมเรียนจะ บังเกิด และก่อนหน้า 7,000 ปีก่อนคริสต
กาล ไม่มีร่องรอยของชุมชนมนุษย์ที่เป็นเมืองใหญ่เลยด้วยซ้ำ และประการสำคัญนครเอ
เธนส์ก็ยังไม่มีขึ้นบนโลกนี้ แล้วเอเธนส์ที่ทำศึกกับแอตแลนติสนั้นมาจากไหนเล่าครับ?
ใน ยุค 9,500 B.C. ที่เพลโตอ้างถึงนั้น มนุษย์ยังไม่รู้จักใช้ม้ากันเลย เพิ่งมาเริ่มใช้กัน
ตอนเริ่มยุคสำริดเมื่อประมาณ 300 BC. แต่ในเรื่องของเพลโตนั้นกลับกล่าวถึงม้าเอาไว้
หลายต่อหลายครั้ง และที่เพลโตย้ำว่าเกาะแอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสาหินของเฮอร์คิวลิส
ออกไปนั้น ยิ่งทำให้ระบุสถานที่ได้ลำบากเข้าไปใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าอะไรต่อมิอะไรมันอยู่
ตรงนั้นบ้าง ที่ตั้งที่พอจะใกล้เคียงกันกับแอตแลนติสของเพลโตนั้นก็มีเกาะธีราหรือซานโต
ริโนของกรีก (แต่มันไม่ยักกะตรงกันเลยในความเป็นจริง) แล้วก็เมืองทรอย ซึ่งอาจถูกเล่า
ลือกันว่ามันคือแอตแลนติส ในปี 1992 ดร.เอเบอร์ฮาร์ท ซังเงอร์ นักธรณีโบราณคดีผู้โยง
โบราณคดีเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาได้ตีพิมพ์ ผลงานการค้นคว้า ซึ่งว่าด้วย
เรื่องการค้นหาตำแหน่งของแอตแลนติส ซึ่งกินเวลาศึกษานานนับสิบปีในหนังสือชื่อ The
Flood from Heaven เขาเสนอว่าเมืองทรอยบนผืนแผ่นดินใหญ่ของตุรกีนั้นตรงกับคำ
บรรยายของเพลโต เกี่ยวกับแอตแลนติส เมืองทรอยตั้งอยู่ทางเหนือของที่ราบติดกับช่อง
แคบ มีลมจากทางเหนือพัดกระหน่ำเข้าใส่ รวมทั้งมีบ่อน้ำร้อนน้ำเย็นอยู่ใกล้ๆ ยิ่งไปกว่านั้น
เขาเชื่อว่า "เสาหินของเฮอร์คิวลิส" เพิ่งจะเอามาเรียกช่องแคบยิบรอลต้าเมื่อราวๆ 500 ปี
ก่อนคริสตกาลนี่เอง ก่อนหน้านั้นคำนี้ใช้เรียกช่องแคบดาร์คาแนลซึ่งคั่นระหว่างทวีปยุโรป
และ เอเชีย ช่องแคบดังกล่าวเชื่อต่อไปถึงทะเลดำ ส่วนเรื่องการจมหายไปของทวีปแอต
แลนติสนั้น(อย่าลืมนะครับว่า กรุงทรอยไม่ได้จมหายไปไหน) ดร.ซังเงอร์กล่าวว่า เมื่อ
ประมาณ 1,200 BC. มีอุทกภัยฉับพลันทำให้น้ำท่วมในดินแดนทรอยส่วนที่เป็นที่ราบ
และมันกลายไปเป็นตำนานน้ำท่วมแอตแลนติสไป เฮ้อ...
ภูมิประเทศ ที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟและหน้าผาสูงชัน เป็นข้อพิสูจน์ถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นแก่
เกาะธีราหรือซานโตริโน เมื่อประมาณ 1500 BC. นับแต่ปี ค.ศ. 1967 เป็นต้นมามีการ
ขุดพบซากอารยธรรมอันรุ่งเรืองยุคสำริด ซึ่งมีภาพเขียนปูนเปียกและโบราณวัตถุคล้ายคลึง
กับที่พบบนเกาะครีตของพวกไมโน อัน ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ 120 กม. มีข้าวของ
เครื่องใช้ของลัทธิบูชาวัว ซึ่งตรงกับคำบรรยายของเพลโตเกี่ยวกับควมเชื่อทางศาสนาของแอตแลนติส
ตาภูเขาไฟอันโด่งดัง มันคือชอนิมปล่องภูเขาไฟซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางกิโลเมตร
เป็นซากของภูเขาไฟที่เคยตระหง่านอยู่บนเกาะธีรา มีหลักฐานบ่งว่าแรงระเบิดแผ่ไปไกลถึง
เกาะครีตและชายฝั่งตะวันตกของตุรกี และเป็นไปได้มากว่าเถ้าจากภูเขาไฟระเบิดครั้งนี้
บดบังแสงอาทิตย์ทั่วทั้งแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกไปหลายวัน ยิ่งไปกว่านั้น
ภูเขาไฟระเบิดที่ธีรายังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการล่มสลายของอารยธรรมไม โนอัน
ซึ่งกำลังเรืองอำนาจอยู่บนเกาะครีตอีกด้วย
แล้ว อะไรมันเกิดขึ้นหรือครับ? นอกเหนือจากการไม่ยอมรับกันในเรื่องแอตแลนติสแล้ว คน
อีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อเรื่องการคงอยู่ของทวีปนี้กลับมองไปที่เกาะธีร่า เนื่องจากมีความคล้าย
คลึงกันหลายประการระหว่างคำบรรยายของเพลโตกับซาก โบราณคดีบนเกาะนั้น โดย
เฉพาะแหล่งโบราณคดีในยุคสำริดรอบๆทะเลอีเจียน เมื่อประมาณ 3000-1500 ปีก่อน
คริสตกาล นักโบราณคดีชาวกรีกชื่อศาสตรจารย์มารินาทอสขุดค้นที่อ่าวอะโคทิรีบนเกาะ
ธีรา และพบซากเมืองใหญ่ในยุคสำริด มารินาทอสสันนิษฐานว่าเมืองที่ขุดพบเป็นศูนย์
กลางการค้าสำคัญของอารยธรรมไม โนอัน บ้านเรือนสูงสองสามชั้นซึ่งถูกตบแต่งอย่าง
งดงามด้วยภาพเขียนปูนเปียกนั้น บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะ
เมื่อประมาณ 1500 BC. เกาะธีราก็ถึงแก่การพินาศ ๓ุเขาไฟบนเกาะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
ทำให้ทั้งเกาะถูกกลืนหายลงสู่ท้อง ทะเล...
ทว่านะครับ เมืองทรอยและธีราไม่ได้ตรงกับคำอธิบายของเพลโตว่าแอตแลนติสมีอยู่จริง
เมื่อ 9000 ปีก่อนสมัยของโซลอน มีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดการเผลอเติมเลขศูนย์เข้าไป
อีกตัวนึง หากเพลโตหมายถึงสมัย 900 ปีก่อนสมัยของโซลอน ระยะเวลาก็จะตรงกับที่
ภูเขาไฟระเบิดพอดิบพอดี
ถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีคำตอบใดๆมายืนยันชัดแจ้งว่า แอตแลนติสที่เพลโตเขียนเอาไว้นั้น
เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง หากมีการพิสูจน์ได้ว่าเกิดการคลาดเคลื่อนของเวลา และว่าเสา
หินของเฮอร์คิวลิสนั้นไม่ได้หมายถึงช่องแคบยิบรอลต้าเสมอไป ปริศนาเรื่องแอตแลนติสก็
อาจจะคลี่คลายไปก็ได้
นี่คือบทสรุปจากนักโบราณคดี ว่าด้วยเรื่องราวที่ "เป็นไปได้" ของอาณาจักรแอตแลนติส
ครับ ก็ลองใช้ความคิดใช้วิจารณญาณดูนะครับ ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด แต่
โดยส่วนตัวแล้วนายโซนิคไม่ค่อยยอมรับเรื่องของเกาะธีราหรือทรอยเท่าไหร่ เพราะหลัก
ฐานที่ว่าด้วยอาณาจักรปริศนานี้ยังมีอยู่อีกมาก
คำพรรณนาอันวิจิตรพิสดารของเพลโตเกี่ยวกับแอตแลนติส บันดาลใจให้หลายคนจำลอง
ภาพของแอตแลนติสออกมาตามจินตนาการเมืองหลวงประกอบ ด้วยลำคลองยาว 22.5
กิโลเมตร กำแพง อุทยาน ที่ตั้งกองทหารและสนามแข่งม้า ทุกอย่างที่กล่าวมาอยู่รอบๆ
พระราชวังและวิหารอันใหญ่ใจกลางของอาณาจักร โดยแอตแลนติสมีจุดสำคัญดังต่อไปนี้
*เกาะศูนย์กลางซึ่งมีพระราชวังและวิหารของเทพโปเซดอน กำแพงรอบนอกทำด้วย
ออริชอล์กซึ่งเป็นโลหะมีค่าชนิดหนึ่ง
* ท่าเรือภายใน
* เกาะวงแหวนเล็ก เป็นที่ตั้งสถานเล่นกีฬาและวิหาร กำแพงรอบนอกเป็นดีบุก
* เกาะวงแหวนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามแข่งม้าและกองทหาร
* ท่าเรือใหญ่
* คลอง ลอดใต้เกาะวงแหวนไปสู่ท่าเรือภายใน
* บริเวณนอกเมือง
* กำแพงหินรอบเมือง
* ทางเข้าสู่คลองจากทะเล บริเวณที่ประเทศอื่นๆใช้ติดต่อค้าขายกับแอตแลนติส
board.nip12.com/index.php?topic=300.0
เรื่องราวต่างๆที่คนมักจะเอามาเกี่ยวโยงกับแอตแลนติส1.อินเดียในคัมภีร์ “สัมสัปตะกะพธะ” ของอินเดียกล่าวถึงยานอวกาศที่ได้รับแรงขับจาก
พลังสวรรค์ กล่าวถึงขีปนาวุธที่มีฤทธาและระเบิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้าราวกับ
อาทิตย์นับพันดวง ส่วนใน “เมาโสละปุราวะ” ในภาษาสันสกฤต ยังอ้างถึงอาวุธ
ที่พวกเราไม่รู้จัก สายฟ้าเหล็กทูตมรณะยักษ์ซึ่งทำลายล้างเผ่าพันธุ์ทั้งปวง ทำ
ให้ศพของผู้ตายถูกเผาเป็นตอตะโก ผมและเล็บกลายเป็นสีเทา ตึกรามบ้าน
ช่องแตกสลาย ฝูงนกการ่วงหล่นจากท้องฟ้าด้วยขี้เถ้าสีขาว และภายในเวลา
ไม่ช้านานแหล่งน้ำคลังเสบียงก็ปนเปื้อนด้วยพิษจนไม่สามารถใช้การได้สิ้น
อเล็กซานเดอร์ กอร์โบฟสกี้ ให้ข้อคิดเกี่ยวกับโครงกระดูกที่พบ
บริเวณเมืองโบราณ โมเฮนโจดาโร และ ฮารัปปา ว่าล้วนแล้วแต่มีกัมมันตรังสี
ปนเปื้อนอยู่มากจนน่าตกใจ มันมีค่ามากถึงห้าสิบเท่าจากที่ควรจะมีตาม
ธรรมชาติ ราวกับชาวเมืองทั้งหลายตายด้วยระเบิดปรมาณูเสียอย่างนั้น เขา
สรุปว่าเรื่องราวใน “เมาโสละปุราณะ” คงเป็นเรื่องจริงมากกว่าจินตนาการ โดย
เล่าถึงเรื่องสงครามในสมัยมหาภารตะที่มีฟากฟ้าเป็นสมรภูมิ
การค้นพบเมืองโบราณโมเฮนโจดาโร และ ฮารัปปา บริเวณลุ่มน้ำสินธุ หรือ
การค้นพบเกาะครีต การค้นพบนครทรอย สิ่งเหล่านี้ย้ำเตือนใจว่า ในบางครั้ง
นิทานกลับเป็นประวิติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ แล้วในกรณีของแอตแลนติสนั้น
จะเป็นแค่ตำนานหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ? ก็ยังเป็นข้อสงสัยกันอยู่
2.มหากาพย์กิลกาเมชกล่าวถึงเทพผู้กลัวน้ำท่วม และอพยพหนีภัยขึ้นไปบนสวรรค์ จึงตีความ
ตำนานนี้ออกมาได้ว่า...สวรรค์เบื้องบนนั้นน่าจะหมายถึงอวกาศและเทพทั้ง
หลายก็ไม่ใช่เทพจริงๆ พวกเขาน่าจะเป็นชนชั้นปกครองของแอตแลนติสที่หนี
ภัยน้ำท่วมมากกว่า
3.อียิปต์ปาปิรัสโบราณสมัยราชวงศ์ที่ 12 ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ที่เลนินก
ราด ได้ระบุถึงเกาะแห่งหนึ่งนามว่าเกาะงูใหญ่ ความว่า “เมื่อเจ้าจากที่แห่งนี้ไป
แล้ว เราจะไม่พบเกาะนี้อีก เพราะที่แห่งนี้จะมลายหายไปกับคลื่นในมหาสมุทร”
ปาปิรัสนี้ยังบรรยายถึงอุกกาบาตที่ตกลงมาและน้ำท่วมใหญ่ ความว่า “เมื่อดาว
ร่วงจากสวรรค์และเปลวไฟลามเลียทุกสิ่งอัน สิ่งทั้งมวลก็ไหม้ไฟ แต่กระนั้น
ข้ารอดพ้นมาได้แต่ผู้เดียว เมื่อข้ามองเห็นศพกองเป็นภูเขา ข้าก็แทบจะสิ้นใจ
ด้วยความโศกาอาลัย”
นั่นก็คือคนที่บันทึกเรื่องนี้เอาไว้...น่าจะเป็นคนที่รอดตายจากมหัตภัยจาก
แอตแลนติส และสาเหตุที่ทำให้แอตแลนติสต้องหายสาบสูญก็คืออุกาบาตที่
พุงชน ทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและเกิดคลื่นขนาดใหญ่มหึมาหรือซึนา
มิขึ้น
The Book Of The Dead ในคัมภีร์แห่งความตาย ได้กล่าวถึงบันทึกของ
ธ็อธ...เทพแห่งวรรณคดีและความรู้ อันมีสถานที่กำเนิดอยู่ในดินแดนห่างไกล
ทางตะวันตก ที่นั่นมีนครริมทะเลและมีภูเขาไฟขนาดใหญ่ 2 ลูก วันหนึ่งมีสิ่ง
ผิดปกติเกิดขึ้นในดินแดนของธ็อธ อยู่ๆพระอาทิตย์ก็ได้ดับมืดลง แม้แต่เทพ
อย่างธ็อธก็ยังอับจนปัญญากับสถานการณ์เช่นนี้ พระองค์ทรงนำประชากรข้าม
น้ำไปยังดินแดนทางตะวันออก
ดินแดนที่ท่านจากมานั้นน่าจะหมายถึงแอตแลนติส อีกอย่างการเรียกว่าเทพใน
สมัยก่อนไม่ได้หมายถึงเทพจริงๆ แต่เป็นเพียงมนุษย์ที่มีคุณความดี ความ
สามารถก็ได้รับการนับถือว่าเป็นเทพได้เช่นกัน
4.อารยธรรม ณ ทะเลทรายโกบี (Uiger Civilization of Gobi Desert)มีเมืองโบราณและท่าเรือขนาดใหญ่ซุกอยู่ใต้ผืนทรายอันไพศาล นักโบราณคดี
หลายกลุ่มได้พบเครื่องยนต์โบราณอายุหลายพันปีในถ้ำบริเวณทะเลทรายโกบี
เชื่อกันว่าเครื่องยนต์เหล่านี้คือซากของยานบินวิมานะในตำนานโบราณของ
ชาวภารตะ
5.คัมภีร์มรกตคัมภีร์มรกตเป็นแผ่นโลหะสีมรกต 12 แผ่น ที่ไม่มีวันเป็นสนิมหรือผุกร่อน ร้อยด้วยห่วงสี
ทอง อักษรที่จารึกเป็นภาษาแอตแลนติสโบราณ
คัมภีร์มรกตมีอายุถึงสามหมื่นหกพันปีก่อนคริสต์กาล พวกนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่มีทาง
ยอมเชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผู้เขียนคัมภีร์มรกตนี้เป็นชาวแอตแลนติส ชื่อ เฮลมอส
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธ็อธ ภายหลังจากที่ทวีปแอตแลนติสล่มสลายจมลงใต้สมุทรแล้ว
ธ็อธได้ไปสร้างอาณานิคมแห่งหนึ่งของแอตแลนติสที่อียิปต์โบราณ ธ็อธนี่แหละ ที่สร้าง
มหาปิรามิดแห่งกีซา แต่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของพระเจ้าคีออปส์
ต่อมาในราว หนึ่งพันสามร้อยปีก่อนคริสตกาล เกิดความวุ่นวายในอียิปต์ กลุ่มพระผู้ดูแล
มหาปิรามิด ได้นำคัมภีร์มรกตไปที่อเมริกาใต้ ที่เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของแอตแลนติส
เหมือนกัน นั่นคือชาวเผ่ามายา"
ในศตวรรษที่ 10 ชาวเผ่ามายาได้อพยพไปที่อื่น คัมภีร์มรกตได้ถูกซ่อนไว้ใต้แท่นบูชาของ
วิหารที่บูชาพระอาทิตย์ พบคัมภีร์มรกตอีกครั้งที่ ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี 1925
มหาปิรามิดแห่งกีซามิใช่ห้องเก็บศพของพระราชา แต่เป็นสถานที่ถ่ายทอดวิชาเร้นลับต่าง
หาก ดร.โดเรียล และ เอ็ดการ์ เคซี่ ได้ทำการอ่านคัมภีร์เล่มนี้ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง
สองท่าน พูดเหมือนกันคือ มหาปิรามิดถูกสร้างโดยชาวแอตแลนติสที่ชื่อ เฮลเมส"
ทำไมมัมมี่หรือซากศพในปิรามิดไม่เน่าเปื่อยแม้ไม่ได้อยู่ที่น้ำยาหรือผ้าพันแผล ?
เมื่อนักโบราณคดีได้ไปวัดเส้นรอบฐานของมหาปิรามิดกิซาร์ แล้วเทียบหน่วยออกมาเป็น
นิ้ว จะได้ 36524 นิ้ว และถ้าลองสังเกตดูสักนิดจะเห็นว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ด้วย
เวลา 365.24วัน และยังมีตัวเลขอีกหลายค่าที่ตรงกับค่าต่างๆของคณิตศาสตร์ชั้นสูง
เคยมีคนค้นพบว่า เมื่อนำเนื้อสด ไปไว้ในรูปทรงปิรามิดจำลอง พบว่าสามารถ
ยืดอายุเนื้อไปได้อีก...ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กด้วย
เพราะปิรามิดที่พบทุกแห่ง มีการวางฐานอยู่ในทิศเหนือ-ใต้เสมอ และในการ
ทดลองก็ต้องอยู่ในทิศเหนือ-ใต้ อาหารหลายๆอย่างที่บูดง่าย เมื่อนำไปไว้ใต้ปิรามิดนี้ก็
เก็บรักษาได้อีกหลายวัน แถมยังมีรสชาติดีขึ้นอีกด้วย
ในระหว่างสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันคนหนึ่งพบว่า...มีดโกนหนวด
เมื่อนำไปวางไว้ในวัตถุรูปร่างคล้ายปิรามิดที่หันหัวและท้ายไปตามแนวขั้วโลกเหนือ-ใต้
แล้ว ปรากฏว่า มีดโกนนั้นจะคมขึ้น และสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
ไม่นานมานี้สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เสนอข่าวว่า คณะสำรวจของซาร์แมสต์ ได้ค้นพบแอต
แลนติสแล้ว หากแต่ผลการสำรวจของซาร์แมสต์นั้นถูกคัดค้าน ดังนั้น เหล่าผู้คนที่
หลงใหลในแอตแลนติสจึงยังคงค้นหากันต่อไป
สุดท้ายแล้วแอตแลนติสจะมีจริงหรือไม่ แอตแลนติสจะเป็นแค่เพียงจินตนาการอันบริสุทธิ์
ของเพลโต นักปราชญ์ชาวกรีก หรือว่าจะเป็นอย่างทรอย ...ซึ่งแต่ก่อนผู้คนมักจะคิดว่า
เป็นเพียงมหากาพย์หรือตำนานเท่านั้น หากแต่เมื่อค.ศ.1870 ไฮน์ริช ชไลมันน์ ได้ค้น
พบทรอย ทำให้เรื่องราวจากตำนานได้กลับกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ...แล้วแอตแลนติส
ล่ะ จะเป็นแค่ตำนานหรือเป็นเรื่องจริงที่รอให้เราค้นพบ
6.กรุงทรอยค.ศ.1870 ไฮน์ริช ชไลมันน์ (Heinrich Schliemann) มหาเศรษฐีเชื้อสายเยอรมัน ผู้ชื่นชอบในมหากาพย์อีเลียดมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็ไปสำรวจตามสถานที่ที่โฮเมอร์กล่าวไว้ ในที่สุดเขาก็ขุดพบทรอย ตามที่โฮเมอร์เขียนไว้
ราว 850 ปีก่อน ค.ศ. กวีชาวกรีก โฮเมอร์ (Homer) ได้แต่งเรื่อง อีเลียด (ILIAD) ขึ้น ซึ่งบางคนเรียกง่ายๆว่า "ตำนานสงครามกรุงทรอย"
เรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายปารีส โอรสกษัตริย์แห่งกรุงทรอย ได้ไปลักพา เฮเลน มเหสีของ เมเนเลอุส ผู้ครองนครสปาร์ตา ทำให้ฝ่ายที่เป็นสัมพันธมิตรกับเมเนเลอุสแค้นเคือง และช่วยกันระดมทัพเรือยกไปตีกรุงทรอย
สงครามล้างแค้นระหว่างชาวกรีกกับชาวทรอยจึงบังเกิดขึ้น และนำไปสู่การล่มสลายของเมืองทรอยในเวลาต่อมา โฮเมอร์ ประพันธ์เรื่องนี้ขึ้นมาจนกลายเป็นตำนานแห่งเมืองทรอย ซึ่งอันที่จริง ไม่ใช่จินตนิยาย ที่ปราศจากพื้นฐานข้อเท็จจริง
แต่ที่จริงแล้ว ตามประวัติการตั้งถิ่นฐานของชาวกรีกนั้น ชาวกรีกเผ่าแรก ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองไมซีนี คาบสมุทรกรีซ เมื่อประมาณ 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล ต่อมาได้ขยายอำนาจข้ามทะเลไปยังฝั่งเอเชียไมเนอร์หรือ ดินแดนอะนาโตเลีย ซึ่งมีเมืองทรอยเป็นหน้าด่านสำคัญ เมื่อเกิดความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ จึงเกิดการสู้รบที่ยืดเยื้อหลายปี แต่ไม่ใช่เพราะชิงสาวงามเฮเลน ดังที่ปรากฏในมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์
โฮเมอร์ระบุว่า ทรอยตั้งอยู่ในดินแดนเอเชียไมเนอร์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งของประเทศตุรกีในปัจจุบัน และล่มสลายด้วยนํ้ามือกรีกเมื่อ 1,185 ปีก่อนคริสต์ศักราช.
ตุรกีได้สร้างม้าไม้จำลองขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่หลงใหลในมหากาพย์อีเลียด “ม้าไม้” หรือที่นักประวัติศาสตร์เรียกกันว่า Trojan Horse ซึ่งตามตำนานบอกว่า หลังจากสู้รบกันจนเข้าปีที่ 10 แล้ว กรีกยังเอาชนะทรอยไม่ได้ จึงแสร้งทำเป็นยอมแพ้ สร้างม้าไม้ขนาดใหญ่ มีล้อ แล้วเข็นไปทิ้งไว้ที่หน้าประตูกำแพงเมือง
ชาวทรอยคิดว่าพวกกรีกยอมแพ้ และส่งม้าไม้มาเป็นเครื่องบรรณาการ จึงเข็นเข้าไปไว้ด้านในของประตูเมือง แล้วฉลองชัยชนะกันอย่างสนุกสนาน ตกดึก ม้าไม้ซึ่งดูภายนอกเหมือนไม่มีพิษสงอะไร แต่ภายในกลับซ่อนอันตรายใหญ่-หลวงไว้ คือ โอดีสซีอูสกับทหารกรีกจำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธ ได้ออกมาจากประตูลับที่ท้องม้า และสังหารทหารยามที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย พร้อมกับเปิดประตูเมืองรับกำลังพลส่วนใหญ่ เข้ามา ส่วนตัวเองก็โจมตีทหารทรอยจากด้านใน โดยอีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว จึงสามารถยึดเมืองทรอยได้ในที่สุด
7.ตุตันคาเมน"ตุตันคาเมน" เป็นฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียง 10 พรรษา ทรงเป็นกษัตริย์อียิปต์โบราณในช่วงปี 1334 - 1323 ก่อนคริสตกาล ภายหลังขึ้นครองราชย์ได้เปลี่ยนพระนามเป็น “ตุตันคามุน”
ตุตันคาเมน ถูกกล่าวถึงกันมากในเรื่องอาถรรพ์จากคำสาป โดยที่นักบวชแดนไอย์คุปต์ได้สลักไว้ในสุสานของพระองค์ ข้อความนั้นเปี่ยมด้วยอาถรรพ์ที่ว่า "มรณะจักโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังควานสันติสุขแห่งพระองค์ฟาโรห์" ทำให้มีการตายอย่างน่าพิศวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อกันว่า ความตายเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์คำสาป
4 พฤศจิกายน 1922 โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ และลอร์ด คาร์นาวอน ชาวอังกฤษค้นพบสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก พวกเขาเป็นสองคนแรกที่เข้าไปในสุสานของตุตันคาเมนในรอบ 3,000 ปี ในห้องที่พวกเขาพบเต็มไปด้วยทองคำและของมีค่ามากมาย ซึ่งเจ้าของของสิ่งมีค่าเหล่านี้คือฟาโรห์หนุ่มที่มีพระนามว่า "ตุตันคาเมน"
ต่อมาลอร์ดคาร์นาร์วอน เจ้าของทุนในการขุดค้นสุสานได้เสียชีวิตลงหลังจากถูก “ยุงกัด” และนี่เองที่ทำให้หลายคนเชื่อเรื่องคำสาปที่อยู่บนโลงศพของพระองค์
ตุตันคาเมนทรงสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนม์เพียงแค่ 18 พรรษา โดยไม่ทราบสาเหตุแต่เชื่อกันว่าฟาโรห์หนุ่มองค์นี้ถูกลอบปลงพระชนม์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวออกมาแย้งว่าจากการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่พบว่าพระองค์น่าจะสิ้นพระชนม์จากบาดแผลที่ติดเชื้อมากกว่าถูกลอบปลงพระชนม์
ด้วยระยะเวลาอันสั้นในการครองราชย์ทำให้ทรงไม่มีภารกิจใดมากนัก นอกจากนั้นหลังสิ้นพระชนม์ทรงถูกกษัตริย์องค์ต่อมาลบทุกสิ่งทุกอย่าง ...รวมทั้งพระนามของตุตันคาเมนออกจากรายนามพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ทำให้ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนใดรู้จักพระนามของพระองค์เลย
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/06/W4447198/W4447198.html%5DPANTIP.COM:W4447198
http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA-245045.html
ฮือฮา! ทีมวิจัยมะกันอ้างพบ'ทวีปแอตแลนติส' ที่สาบสูญทีมนักวิจัยอเมริกันภายใต้การนำของศาสตราจารย์ริชาร์ด ฟรอยด์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่อ้างว่า ค้นพบ "แอตแลนติส" ทวีปเก่าแก่ในตำนานที่สาบสูญไปเพราะถูกสึนามิถล่มเมื่อ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล แล้ว โดยระบุทวีปลึกลับถูกฝังอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำทางตอนใต้ของประเทศสเปน...
สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า "เนชันแนล จีโอกราฟฟิก แชนเนล" ช่องรายการสารคดีชื่อดังระดับโลกได้เผยแพร่สารคดีชุดใหม่ล่าสุดในสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (13) โดยสารคดีชุดดังกล่าว อ้างผลการศึกษาล่าสุดที่ระบุว่า "ทวีปแอตแลนติส" ในตำนานที่สูญหายไปหลังเกิดสึนามิครั้งใหญ่เมื่อกว่า 10,000 ปีก่อน แท้ที่จริงแล้วถูกฝังอยู่ ณ พื้นที่ชุ่มน้ำทางตอนใต้ของประเทศสเปนในปัจจุบัน
รายงานข่าวระบุว่า สารคดีชุดดังกล่าวซึ่งใช้ชื่อว่า " Finding Atlantis" ของเนชันแนล จีโอกราฟฟิกได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ให้กับแวดวงวิทยาศาสตร์และโบราณคดี ทั่วโลก หลังจากอ้างว่าทวีปแอตแลนติสในตำนานที่สาบสูญ ได้ถูกค้นพบอีกครั้งแล้วที่พื้นที่ชุ่มน้ำแถบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทาง ตอนใต้ของประเทศสเปนในปัจจุบัน
สารคดีชุดดังกล่าวถ่ายทำโดยอ้าง ผลการศึกษาของ ศ.ริชาร์ด ฟรอยด์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ดในมลรัฐคอนเน็คทิคัตของสหรัฐฯ ที่มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้ในการศึกษา ทั้งเรดาร์สำรวจพื้นผิวระดับลึก แผนที่ดิจิตอล และภาพจากดาวเทียม
แผนที่โบราณแสดงที่ตั้งของแอตแลนติสก่อนเผชิญสึนามิ
โดย ผลการศึกษาของ ศ.ฟรอยด์ อ้างว่า ได้ค้นพบที่ตั้งของทวีปแอตแลนติสอันเก่าแก่ที่หายสาบสูญไปจากพื้นโลก หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เมื่อ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยศาสตราจารย์ผู้นี้อ้างว่าพบซากของเมืองในทวีปเก่าแก่นี้ ถูกฝังอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำภายในอุทยานแห่งชาติโดนานญา ทางเหนือของเมืองกาดิซ เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศสเปน พร้อมทั้งระบุว่า ข้อมูลหลายอย่างจากการศึกษาครั้งนี้ตรงกับข้อมูลเกี่ยวกับทวีปแอตแลนติสที่ "เพลโต" มหาปราชญ์แห่งกรีกโบราณเคยบันทึกเอาไว้เมื่อ 360 ปีก่อนคริสตกาล
"ผม คิดว่าเราค้นพบข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว เกี่ยวกับปริศนาการสาบสูญของทวีปแอตแลนติสอันเก่าแก่ ที่เป็นจุดกำเนิดอารยธรรมของมนุษยชาติ และการศึกษาครั้งนี้ยังทำให้เราทราบว่าคลื่นสึนามิมีอำนาจทำลายล้างมากเพียง ใด" ศ.ฟรอยด์กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ดรายนี้ยัง อ้างว่า พบข้อมูลสำคัญที่ระบุว่า ประชากรบางส่วนของทวีปแอตแลนติส สามารถหลบหนีการซัดถล่มของคลื่นยักษ์สึนามิไปได้ และคนกลุ่มนี้ได้ไปก่อตั้งบ้านเมืองขึ้นใหม่แถบตอนกลางของประเทศสเปนในเวลา ต่อมา
อย่างไรก็ดี สารคดีชุดดังกล่าวถูกโจมตีอย่างรุนแรงในด้านความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นการนำเสนอโดยปราศจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมารอง รับ และยังถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนเนื้อหาที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ชุดหนึ่งของสเปนเคย ลงพื้นที่สำรวจอุทยานแห่งชาติโดนานญา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 อีกด้วย
ด้าน ฆวน บิญาเรียส โรเบลส ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยาจากหน่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสเปน หรือ "CSIC" ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลของ ศ.ฟรอยด์ ยังขาดความน่าเชื่อถือและดูจะมีความจงใจนำไปเชื่อมโยงกับตำนานทวีปแอตแลนติ สมากเกินไป อีกทั้งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ ศ.ฟรอยด์ นำไปอ้างว่าเป็นภาพของซากเมืองโบราณในทวีปแอตแลนติสนั้น จะใช่ทวีปแอตแลนติสที่สาบสูญไปจริงหรือไม่
ทั้งนี้ การศึกษาล่าสุดของ ศ.ฟรอยด์ ถือเป็นการนำเสนอทฤษฎีล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของทวีปแอตแลนติส หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีทีมวิจัยของสหรัฐฯ นำเสนอผลการศึกษาว่าพบทวีปแอตแลนติส บริเวณนอกชายฝั่งของไซปรัส และมีอีกหลายทฤษฎีที่อ้างว่าพบร่องรอยของทวีปดังกล่าว ตามหมู่เกาะต่างๆในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทวีปอเมริกากลาง หรือแม้แต่ที่ขั้วโลกใต้มาแล้ว.
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิงข้อมูลอื่นๆ
http://www.indepencil.com
http://www.crystalinks.com/ancientaircraft.html
http://blog.eduzones.com/racchidlom/32052
http://www.blognone.com/node/10788
http://www.gifeu.com/index.php/2009-02-16-10-49-53/42-news/63-google-earth
หนังสือพิมพ์ข่าวสด
อารยธรรมอันสูงส่งก็มีวันล่มสลายได้หากคนยังมีความกระหายและต้องการไม่สิ้นสุดจบละครับ เรื่องราวยังมีอักเยอะมาก จะทยอยเอามาลงให้อ่านกันนะครับ ตอนนี้นอนดูข่าวสถานการณ์น้ำกันต่อ เมื่อคืนฝนมาตกซ้ำอีก
ปลายเดือนยืนยันแล้วว่าน้ำทะเลหนุนหนักกทม.และเขตรอบนอกงานเข้าอีกนาน น้ำขังระวังโรคฉี่หนูด้วยนะครับ กรมอนามัยโลกเขาฝากเตือนมา
จากชาวแอตแลนติส มาสู่อารยะธรรมมายามหาปีรามิดแห่งพระอาทิตย์ในสภาพปัจจุบันภาพจำลองเมืองของทวีปแอตแลนตีสที่รุ่งเรืองที่สุดในสมัยนั้นcradit :: ฮัมมาบี้ soccersuck