-->

ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีคลุมดินปารเพราะปลูกขิงมีวิธีอย่างไรบ้าง  (อ่าน 30 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

plawan1608

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 50
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด


 
การคลุมดินขิง
จะ อาจลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดวัชพืชไปด้วย ช่วย เยียวยาความชื้นในแปลง ปลูก สำหรับวัสดุคลุมดินที่ใช้นั้น ก็หาที่มีอยู่ตามหมู่บ้าน เช่น ทางมะพร้าว ใบหญ้าคา ฟางข้าว เป็นต้น
การใส่ปุ๋ยขิง
สำหรับปุ๋ยที่ใช้คือปุ๋ยสูตร 15-15-15 ซึ่งจะใช้เป็นปุ๋ยรองพื้นในอัตรา 50-60 กก.ต่อไร่ ต่อจากนั้นเมื่อขิงอายุได้ 2 เดือน และ 4 เดือน จะใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ในอัตรา 50-60 กก.ต่อไร่ การใส่ควรใส่ระหว่างหลุม ปลูกประมาณหลุมละ 1 ช้อนชา
การกำจัดวัชพืช
ขิงจะเริ่มตั้งแต่การเตรียมแปลง เพาะปลูก โดยในการไถจะต้องทำการไถพรวนเก็บเอาเศษวัชพืชออกให้หมด หลังจาก เพาะขิงเรียบร้อยแล้วนั้น สามารถที่จะทำได้วิธีเดียว คือ ใช้มือถอน เนื่องจากเป็นวิธีที่กระทบกระเทือนต่อขิงน้อยที่สุด
การกลบโคนหรือถมโคน
นอกจากจะเป็นการกำจัดวัชพืชไปในตัวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้ขิงแตกหน่อแตกกอดี และแง่งจะเจริญสมบูรณ์ ครั้งแรกทำการกลบโคนเมื่อขิงมีอายุ 2 เดือน หรือเมื่อต้นขิงงอกขึ้นมาได้ประมาณ 3 ต้น โดยใช้จอบโกยดินบนสันร่องกลบโคนต้นขิง เพียงครึ่งหนึ่งของร่อง ครั้งที่สองกระทำหลังจากครั้งแรกประมาณ 1 เดือน คือ เมื่อขิงมีอายุ 3 เดือน
การเก็บเกี่ยวขิง
การเก็บเกี่ยวขิงอ่อน จะเริ่มเก็บเมื่ออายุประมาณ 4-6 เดือน ผลผลิตของแง่งสดได้ประมาณ 3,000-4,000 กก.ต่อไร่ การเก็บเกี่ยวขิงแก่ จะเริ่มเก็บเมื่อขิงมีอายุได้ประมาณ 8-12 เดือน โดยจะสังเกตได้จากใบและลำต้นเริ่มมีอาการเหี่ยวเฉา
ขิงมีฤทธิ์ช่วยกล่อมประสาทตามธรรมชาติ จึงทำให้ผู้ที่กินขิงนอนหลับได้สนิทและยาวนานขึ้น มีผู้รู้ประเภทไม่น้อย ที่ใช้ขิงเป็นยารักษาอาการนอนไม่หลับ ทั้งในรูปแบบของอาหารที่มีส่วนผสมของขิง น้ำขิง และขิงแคปซูล
ขิงฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดบุตร
เพราะร่างกายของคุณแม่นั้น เสียทั้งพลังหยาง เลือด และมีน้ำในร่างกายตกค้าง
การรับประทานขิงจะช่วยขับระบายของเสียหรือน้ำตกค้าง น้ำคาวปลา ทำให้ระบบน้ำในร่างกายเป็นปกติเร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้คุณแม่มือใหม่ ควรบริโภคเมนขิงเป็นประจำทุกวัน
ขิงต้านเชื้อแบคทีเรียและพยาธิ
ขิงสามารถต้านเชื้อโรคและอาจยับยั้งเชื้อโรคได้ จากน้ำขิงที่แช่ไว้ตามเวลาที่กำหนด และนอกจากนี้แล้ว การกินน้ำขิงเป็นประจำ ยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของพยาธิอย่างต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น พยาธิตัวกลมในลำไส้
ขิงเยียวยาภูมิแพ้
ขิงช่วยทำให้อาการของโรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในรายที่เป็นภูมิแพ้ ที่มีอาการเป็นหวัดหรือคัดจมูก เพราะขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงทำให้อาการไข้หวัดดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง สามารถใช้ควบคู่ไปกับการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
แนะนำให้กินน้ำขิงชงอุ่นๆ โดยอาจบีบน้ำมะนาวหรือเติมน้ำผึ้งลงไป เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ขิงไล่หวัด
น้ำขิงต้มทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจจับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอันเนื่องมาจากหวัดอย่างได้ผล เพราะทั้งช่วยอาการไอโดยเฉพาะการไอมีเสมหะ ลดอาการตัวร้อน ลดอาการปวดเนื้อปวดตัว และอาการเซื่องซึม นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการเบื่ออาหารระหว่างมีไข้ ช่วยให้เจริญอาหารและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ขิงต้านอัลไซเมอร์
ขิงมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีสมรรถนะภาพในการป้องกันระบบประสาท (Neuroprotective Function) ดีขึ้น ซึ่งสรรพคุณนี้สอดคล้องกับที่ทีมนักค้นหาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำการลองมากว่า 3 ปี และได้ผลลัพธ์ออกมาว่า ขิงสามารถช่วยเยียวยาโรคอัลไซเมอร์ของกลุ่มคนสูงวัยได้ เพราะขิงช่วยเพิ่มความทรงจำต่อสิ่งเร้า และช่วยเรื่องการเรียนรู้และความทรงจำโดยทั่วไปให้ดีขึ้นได้
การเติมขิงลงไปในสลัดหรือผัดผักในคุณภาพรวมประมาณ 1 ขีดทุกๆ วัน จะเป็นการช่วยบำรุงสมองชั้นเอกทีเดียว
อาการกรดไหลย้อน (Gastro-Esophageal Reflux Disease: GERD) คือ ภาวะที่มีกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร เป็นอีกโรคหนึ่งที่คนในสมัยนี้เป็นกันมาก
สาเหตุใหญ่ก็เพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปนั้นเอง การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในการกินอาหาร หรือมักมีสาเหตุมาจากหลอดอาหารที่ไม่ทนต่อกรด จึงทำให้เกิดอาการหลอดอาหารอักเสบ
สาระสำคัญในขิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันหอมระเหยของขิง สามารถเยียวยากรดไหลย้อนได้ เพียงนำขิงแก่สด 2-3 แง่ง มาทุบให้ละเอียด นำไปต้มในน้ำเดือด รอให้อุ่น กรองน้ำดื่มหรือจิบบ่อยๆ ระหว่างวัน
การต้มน้ำขิงด้วยความร้อน จะทำให้ได้สาระสำคัญบางอย่างในขิง ซึ่งมีประโยชน์ลดอาการปวดต่างๆ เช่น อาการปวดตามข้อ หายไปได้ ดังนั้น ควรใช้เวลาต้มสั้นๆ ไม่เกิน 3-5 นาที เพราะหากใช้เวลาต้มนาน นอกจากจะทำให้สาระสำคัญสลายไปแล้ว จะทำให้กลิ่นหอมของขิงหมดไป ทำให้ไม่มีกลิ่นหอมชวนอุปโภค
ขิงแก้คลื่นไส้ อาเจียน เมารถ เมาเรือ
ขิงจะมีฤทธิ์และคุณสมบัติแตกต่าง กับยาแผนปัจจุบันที่ใช้สำหรับแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และลดอาการเมารถ เมาเรือ ตลอดจนอาการเมาเครื่องบินได้อย่างไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
 
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ในการศึกษาที่ให้ผู้ป่วยหญิงรับประทานแคปซูลขิงขนาด 1 กรัม หรือขิงผงขนาด 1 กรัม ก่อนการผ่าตัดทางนรีเวช เปรียบเทียบกับยาเมโทโคลพราไมด์ (Metoclopramide) และยาหลอก พบว่าขิงและยาเมโทโคลพราไมด์ สามารถต้านอาเจียนได้ดีกว่ายาหลอก มีผู้ค้นพบฤทธิ์แก้อาเจียนของขิงเทียบกับโดรเพริดอล (Droperidol) ในที่ผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง พบว่า การใช้ขิง 2 กรัม หรือโดรเพริดอล 1.25 มก. หรือทั้งสองอย่างมีผลลดการอาเจียนเหมือนกัน
ขิงแก่ ขิงอ่อน แบบไหนดีกว่ากัน
ขิงอ่อน มีประโยชน์ในการเจริญธาตุ แก้ไข้ บรรเทาปวด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย แก้ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย
ขิงแก่ จะมีจำนวนของสารโอลีโอเรซิน (Oleoresin) ในปริมาณที่สูง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มรสเผ็ดร้อนในขิง ทั้งยังมีกลิ่นหอมมากกว่าขิงอ่อน ขิงแก่นอกจากจะมีสรรพคุณแก้พะอืดพะอม คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ช่วยขับลมในกระเพาะ ช่วยเจริญอาหาร ตลอดจนใช้เป็นยาแก้ปวด โดยมีฤทธิ์คลายอาการปวดกล้ามเนื้อ และยับยั้งอาการอักเสบของข้อต่อได้เป็นอย่างดี