-->

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรขัณฑสกร คืออะไร เรามาทำความรู้จักกันเลย  (อ่าน 69 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

plawan1608

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 50
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด


ขัณฑสกร
ขัณฑสกร ใช้เป็นน้ำกระสายยาและเครื่องยา เนื่องจาก มีรสหวานมีกลิ่นหอม ใช้ละลายยาเพื่อให้กินง่ายมากยิ่งขึ้น และก็มีรสชาติน่าลิ้มลองขึ้น สรรพากรที่ใช้ในยาไทยนั้น เป็นของที่ได้จากธรรมชาติ แบบเรียนโบราณส่วนมากบันทึกเสียงที่มาไว้แตกต่างกัน รวมทั้งว่าขัณฑสกรที่ได้จากแหล่งแตกต่างนั้นจะมีสรรพคุณแตกต่างกันไปด้วย ดังนี้
สมุนไพร
๑.ขัณฑสกร ที่ได้จากหยดค้าง คือน้ำค้างในช่วงฤดูหนาว(หน้าหนาว) ที่ตกลงบนใบของพืชประเภทหนึ่งที่แบบเรียนเรียก ต้นขัณฑสกร หนังสือเรียนโบราณบอกว่า พืชนี้เจอในประเทศอินเดียแล้วก็มาเลเซียปัจจุบันยังไม่รู้จักว่าเป็นพืชประเภทใดแต่ว่ามั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นพืชจำพวกใดโดยเฉพาะ อาจเป็นพืชหลายหลากหลายประเภทซึ่งมีดอกที่มีน้ำหวานมากมาย ผู้เก็บจะออกไปเก็บน้ำค้างหรือน้ำฝนที่ชะหรือละลายน้ำหวานแล้วตกอยู่บนใบไม้ตั้งแต่ตอนเช้าตรู่เก็บใส่กระบอกไม้ไผ่ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปแขวนทิ้งเอาไว้ จนกระทั่งน้ำหวานน้ำตกผลึกและแห้ง จะได้ขัณฑสกรที่เป็นสีขาวนวลหรือสีขาวอมเหลืองขัณฑสกรที่ได้โดยแนวทางแบบนี้ น่าจะเป็นของส่วนประกอบระหว่างฟรักโทส (fructose) หรือน้ำตาลผลไม้ ซูโครส(sucrose) หรือน้ำตาลอ้อย แล้วก็ เดกซ์โทรส (dextrose) หรือน้ำตาลองุ่น ตำราคุณประโยชน์ยาโบราณว่าจะมีรสหวานกระทั่งขม มีคุณประโยชน์บำรุงกำลัง ทำให้ปัสสาวะช่อง ทำให้เยี่ยวคล่อง แก้เสมหะจุกลำคอ ทำให้ชุ่มคอ แก้อยากดื่มน้ำ

๒.ขัณฑสกร ที่ได้จากน้ำอ้อย ได้จากการนำน้ำอ้อยมาอุ่นที่อุณหภูมิต่ำๆจนงวด แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง จะได้เกร็ดสีขาวอมเขียว เกร็ดนี้มีองค์ประกอบหลักเป็นผลึกของน้ำตาลอ้อย แต่หากนำน้ำอ้อยไปนอนก้นโปรตีนออกก่อน ฟอกสีให้ขาว แล้วตกผลึกจะได้น้ำตาลทรายที่ใช้แต่งรส ที่รู้จักกันทั่วๆไป ตำราโบราณว่าขัณฑสกรที่ได้จากน้ำอ้อยนี้มีคุณประโยชน์ บำรุงธาตุ และก็แก้ฝี ผอมบางเหลือง
๓.ขัณฑสกร ที่ได้จากน้ำผึ้งรวงที่เกิดชายทะเล ว่ากันว่าน้ำผึ้งรวง (น้ำผึ้งที่บีบจากรวงผึ้งในธรรมชาติ ไม่ใช่ในรังผึ้งเลี้ยง) ที่เกิดริมทะเลนั้น เมื่อเอามาอุ่นด้วยไฟอ่อนๆสนงวดลงบ้าง แล้วก็ตั้งทิ้งไว้ จะมีเกร็ดขัณฑสกรมากกว่าน้ำผึ้งรวง ที่เกิดตามป่าเขา ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า ขัณฑสกรที่ได้ด้วยแนวทางแบบนี้มีสรรพคุณแก้นิ่ว แก้โรคท้องมาน แก้สะอึก แก้ไข้เซื่องซึม แก้จุกเสียด แก้ลมพิษ แก้คอแห้งผาก
๔. ขันทศมือ ที่ได้จากเกสรบัวหลวง พบบ่อยบนใบบัวหลวง ข้างหลังฝนตกโดยน้ำฝนชัดชัดเอาน้ำหวานจากดอกบัวหลวง แล้วขังไว้บนใบบัว เมื่อแดดออก น้ำระเหยไป จะเกล็ด สีขาวนวลหรือสีขาวอมเหลืองเกล็ดดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ก็น่าจะเป็นของผสมระหว่าง น้ำตาลผลไม้ น้ำตาลอ้อย แล้วก็ องุ่น น้ำตาลองุ่น เช่นเดียวกับขัณฑสกรที่ได้จากหยดค้าง ก็เลยมีคุณประโยชน์เสมอกัน ดังนั้นขัณฑสกรหรือที่บางตำราเรียนเรียกว่า น้ำตาลกรวด นี้ ในทางเคมีก็เลยเป็นของผสม ของน้ำตาลละลายจำพวกสุดแต่แหล่งเกิด อาจมีทั้งๆที่เป็นโมโนแซ็กคาไรด์ เป็นต้นว่าน้ำตาลผลไม้ น้ำตาลองุ่น และก็ ไดแซ็กคาไรด์ ยกตัวอย่างเช่นน้ำตาลอ้อย เวลานี้ขัณฑสกรที่หาซื้อได้ จากร้านขายเครื่องยาไทย มักไม่ใช่ขัณฑสกรที่ได้จากธรรมชาติ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น บางร้านค้าเอาเกร็ดน้ำตาลอ้อย ที่ได้จากการเอาน้ำตาลมาต้มกับน้ำแล้วเที่ยวจนกระทั่งงวด มาขายเป็นขัณฑสกร แต่ว่าร้านจำนวนมากมักเอาสารสังเคราะห์ที่เรียก แซ็กคารินหรือดีน้ำตาล มาขายเป็นขัณฑสกร ซึ่งไม่สมควรใช้ในการทำยาไทยเนื่องจากว่าเป็นสารก่อโรคมะเร็ง ในหนังสือเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์ระบุ ให้ใช้ขัณฑสกรเป็นน้ำกระสายยาในยามี่ใช้แก้ เตโชธาตุ ธาตุไฟ พิการ ขนานที่ ๑ แล้วก็ ๗ยกตัวอย่างเช่นในขณะ๗ดังนี้ ถ้าหากมีถอย ให้เอาผลชะพลู ผลสมอไทย ผลจิงจ้อหลวง รากเจตมูลเพลิงเเดง ผลมะขามป้อม ว่านเปราะป่า รากไคร้ต้น รากไคร้เครือ ชะเอมต้นหญ้ารังกา รากกะเบา เท่าเทียมกันทำเป็นจุล ละลายขันทศมือ กินตามควรจะ แก้ธาตุไฟให้โทษแลฯ ละลายขันทศมือ กินตามควรจะนั้นแปลว่าเมื่อจะกินยานี้ให้เอาขัณฑสกรมาละลายน้ำสุกหรือน้ำฝนหรือน้ำที่สะอาดก่อนแล้วจึงเอาน้ำที่ได้นั้นไปละลายยารับประทาน คำ ขัณฑสกร ที่ใช้ในที่ใช้กันในตอนนี้ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ. ศ. ๒๕๒๕ ในหนังสือเรียนพระโอสถพระนารายณ์เขียนเป็น ขันทศแขน คำนี้มาจาก คำ ขัณฑ แสดงว่าก้อน และก็ ศกร (อ่านว่า สะ-กะ-ระ มาจากคำสันสกฤต shakara ซึ่งเป็นต้นเหตุของคำ sugar ในภาษาอังกฤษ) หมายความว่า น้ำตาล บางตำราก็เลยเรียกว่าขัณฑสกรว่า “น้ำตาลกรวด” มักมี ผู้เข้าใจผิดว่าขัณฑสกรเป็นแซ็กคารินหรือดีน้ำตาล มันเป็นสารสังเคราะห์ที่มีชื่อทางเคมีว่า 2,3-dihydro-3-oxobenzisosulfonazole เคยใช้ปรุงแต่งรสหวานแต่ปัจจุบันใช้ลดลงมากมายเพราะหรือแทบไม่ใช้ก็แล้ว