เรื่อง อาจารย์ห่วงสอน
อาจารย์ที่ผมจะเล่าถึงนี้ชื่ออาจารย์ ประกิต ทองอิทร์ เป็นอาจารย์คนแรกที่สอนกลองให้ผม
สาเหตุที่อาจารย์เสียชีวิตก็เพราะว่าอาจารย์ชอบดื่มเหล้าส่วนจะหนักหรือเปล่าผมไม่ทราบ มีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่อาจารย์กลับบ้าน พอลงรถเมล์ที่คลองสานเส้นโลหิตในสมองก็แตก พอดีคนนำส่งโรงพยาบาล
พอรู้ข่าวผมก็ว่าจะไปเยี่ยม แต่เนื่องจากการทำงานตอนกลางวันเลยไม่ได้ไปจนกระทั่ง รู้อีกทีอาจารย์ก็เสียชีวิตแล้ว ซึ่งยังเป็นความผิดติดใจผมอยู่ว่าผมน่าจะไปเยี่ยมท่านบ้าง ไม่น่าผลัดวันประกันพรุ่งเลย
จากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้ไปเรียนที่โรงเรียนอีก จะไปก็เว้นวันไปครั้งสองวันไปครั้ง หนึ่งอาทิตย์ไปครั้งระหว่างที่ผมยังไปเรียนอยู่บ้านนั้น ก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับนักเรียนคนอื่นที่มาเรียนกลอง ในห้องนั้นเด็กคนนั้นตอนเริ่มเรียนวันแรกก็เข้าไปในห้องชั้นบนปรากฎว่ามีอาจารย์คนหนึ่งเดินเข้ามาจับมือไว้ พร้อมกับบอกว่า
"การตีกล้องเนี่ยเธอต้องนับจังหวะให้ดี มือขวาสำคัญ เท้าขวาสำคัญเธอต้องจำไว้ให้ดีนะ จังหวะเนี่ยเธออย่าให้ขาดให้หล่นเลย"
เด็กคนนั้นก็รับคำ "ครับ...ครับ"
หลังจากนั้นอาจารย์คนนั้นก็เดินออกไป มีอาจารย์คนใหม่เดินเข้ามาแทน แล้วถามว่า "ถึงไหนแล้ว"
เด็กคนนั้นบอกว่า "เมื่อกี้มีอาจารย์อีกคนมาสอนผมครับรูปร่างอ้วนๆ ไม่สูงนัก ศีรษะเล็กๆ ผมยาว" อาจารย์คนใหม่ก็งงว่า "เอ๊ะ ไม่..." จากนั้นก็ชวนกันลงมาชั้นล่างเพื่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า
"เอ มีอาจารย์สอนกลองอีกคนเหรอ"
"ไม่มีนี่ครับ...ก็มีอาจารย์คนเดียวที่ให้มาสอนกลองแทน"
คนนั้นยืนยันว่า "มีอาจารย์อีกคนหนึ่งจริงๆ นะครับยังสอนผมเลย" แล้วก็พยายามอธิบายลักษณะรูปร่างของอาจารย์ประกิตให้ฟังผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ก็เลยนึกแวบไปถึงอาจารย์ประกิตแต่ยังไม่กล้าพูดอะไรเจ้าหน้าที่โรงเรียนฟังอยู่สักพักก็บอกว่า "เดี๋ยวนะ" แล้วค้น หนังสือไควเอ็ท สตรอมให้เด็กคนนั้นดู ก่อนจะถามว่า "คนนี้ใช่มั้ย" "ใช่ ใช่ คนนี้แหละครับ เนี่ย คนนี้เลย" เด็กคนนั้นเข่าอ่อนไปเลย คิดดู...มาสอนมาอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่นั้นมาเด็กคนนั้นก็ไม่มาเรียนอีกเลยหลังจากนั้นก็เริ่มมีพวงมาลัยเข้ามาแขวนในห้อง ไว้ที่ข้างฝาบ้างหลังกลองบ้างโดยส่วนตัวผมเอง ไม่เคยเห็นท่านอาจารย์ประกิตแบบจังๆ เหมือนเด็กคนนั้น แต่จะเห็นเหมือนเงาวูบๆ ผ่านหน้าประตูห้องเรียน ซึ่งเป็นกระจกครึ่งหนึ่ง แต่พอเปิดประตูออกมาดูก็ไม่มีใคร ผมได้แต่นึกขอบคุณที่อาจารย์เป็นห่วงเป็นใย คอยมาดูแล แต่ไม่ต้องให้ผมเห็นอาจารย์เนี่ย...ดีแล้วครับ
---จบแล้วครับ---