อันดับ 5. Aaron Kominski (??-1919) ซอฟสกี้ (จอร์จ แซปแมน) อารอน โคสมินสกี้ ไม่มีใครทราบประวัติของเขามากนัก รู้แต่ว่าเขาเป็นช่างตัดผมชาวยิวโบลิซ(ชาวโปแลนด์)
ใฝ่ฝันจะเป็นหมอผ่าตัด เคยฝึกการผ่าศพมาอย่างช่ำชองก่อนเดินทางมาอังกฤษ มาแล้ว และมีอาการป่วยทางจิตตั้งแต่อายุ 25 เขาถูกสงสัยว่า
เป็นแจ๊ค เดอะริปเปอร์ จากบันทึกลับของหัวหน้าตำรวจ Melville Macnaghten
ปี 1888 ช่วงที่แจ๊คออกอาละวาดนั้น ไม่มีใครทราบข่าวว่า อารอน โคสมินสกี้ ไปไหน ว่ากันว่าเขาทำงานเป็นช่างตัดผมแถวนั้นพอดี
และเป็นอย่างไรในปีนั้น กว่าจะโผล่มาอีกทีก็เมื่อ 2 ปีข้างหน้าช่วงที่แจ๊คหายตัวไปแล้ว และหลังจากเหยื่อรายที่ 6 เขาย้ายไปนิวยอร์ก
และมีข่าวการฆาตกรรมบริเวณนั้นเหมือนกัน
วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 1590 อารอน โคสมินสกี้ ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลไมล์สเอ็นด์ โอลด์ทาวน์ หลังจากป่วยมาสองปี
ตามบันทึกของโรงพยาบาลอนาถาแห่งนี้ระบุว่า เขาร่างกายแข็งแรงดี แต่เป็นโรคประสาท สามวันต่อมาเขาถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของพี่ชาย
ซึ่งดูเหมือนจะชื่อวู้ล์ฟ อับราฮัมส์
ปี 1891 อารอน โคสมินสกี้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอนาถาอีกครั้ง ในขณะนั้นเขาอาศัยอยู่กับมอร์ริส ลูบ นาวสกี้ซึ่งเป็นพี่เขย
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1891 เขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิตโคลนี่ย์แฮ็ทช์ มีบันทึกอาการบอกว่าเขามักทำอะไรที่ไม่รู้ตัว และส่วนมากมักทำอะไรบ้าๆ
เช่น ดื่มน้ำก๊อกประปาจากถนน กินอาหารจากขยะ ถือมีดไล่ขู่น้องสาว ทำร้ายตนเอง เนื้อตัวสกปรกไม่ยอมอาบน้ำ แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีท่าทีที่ฆ่าตัวตายและไม่เคย
อาละวาดฆ่าคน และปี 1919 อารอน โคสมินสกี้เสียชีวิตในโรงพยาบาลโรคจิตที่ลี้ฟดอน ขณะอายุ 25 ปี
ในด้านนักแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์วิทยาบางคนไม่เห็นด้วยกับทฤษฏีนี้) เพราะตามบันทึกประวัติจะเห็นได้ว่าเขาเป็นเพียงคนจรจัดที่เที่ยวหาอาหารตาม
ถังขยะกันมากกว่าจะเห็นเป็นฆาตกรโหดฆ่าโสเภณีต่อเนื่อง 4-5 ศพ
นอกจากนี้ ไม่มีพยานคนไหนที่เอ่ยว่าอารอน โคสมินสกี้เหมือนแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เลยอีกทั้งโคสมินสกี้เป็นคนตัวเล็กและบอบบาง แต่คำให้การของพยาน
ส่วนมากบอกว่าแจ๊คที่เขาเห็นเป็นคนรูปร่างกำยำ ไหล่กว้าง อายุราว40 ปี แต่งตัวเหมือนเสมียนมากกว่ากรรมกร มีท่าทีเหมือนผู้ดีตกยาก
ซึ่งต่างจากโคสมินสกี้ที่แต่งตัวเหมือนขอทาน ยกเว้นวิลเลียม สมิธ ตำรวจคนที่เห็นแจ๊คกับเหยื่อรายที่ 3 ให้การว่าเหมือนโคสมินสกี้มาก อันดับ 4 Cutbush Thomas (??-1903) ในเดือนพฤศจิกายน 2008 มีเอกสารรายงานจากโรงพยาบาลโรคจิต Broadmoor รายงานว่า โธมัส เฮย์เนส คัทบุช อาจต้องรับผิดชอบในคดีฆาตกรรม
ต่อเนื่องในคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ซึ่งเขาถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าแจ๊คก็หยุดอาละวาดทันที เขาผู้นี้เป็นโรคประสาท(โรคซิฟิลิส)และทำอะไรโดยที่ตนไม่ตัวเคย
ทำลายและพยายามฆ่าผู้หญิง และเขาถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรมผู้หญิงที่ชื่อฟรอเลนซ์ จอนสัน เขาถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าและตายที่นั้นเมื่อปี 1903
เอกสารรายงานว่าเขาเป็นหลานชายของผู้กำกับตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ดซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกปกปิดด้วยใช้อำนาจมืด
อันดับ 3. Sir William Withey Gull (1816-1890) เซอร์วิลเลียม กัลล์ แพทย์ประจำพระราชสำนัก รักษาองค์ราชินีวิคทอเรียและมีชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจมานานแล้ว และเป็นเจ้าของทฤษฏีที่ว่า
ราชวงศ์อังกฤษอาจอยู่เบื้องหลังของแจ๊ค และเป็นที่นิยมในหมู่คนเขียนนิยาย ออกเป็นหนังสือและภาคยนต์(ปี 1988 นำแสดงโดย Michael Caine)
เขาฆ่าตัวตาย 2 ปีหลังจากเกิดคดีสุดท้าย แพทย์สภาได้สอบสวนเขา มี 12 เสียงที่เชื่อมั่นว่าเขาคือแจ๊ค เนื่องจากเขาชอบไปเดินตะลอนๆในเมืองยามดึกดื่น
โดยมีเลือดกระเซ็นเปรอะเต็มตัว เวลาคนถามก็เขาจะยิ้มตอบว่า
"เป็นเลือดคนไข้...” เรื่องราวของเขาเคยมีการถูกนำมาอ้างโดยโรเบิร์ต เจมส์ ลีส์ เขาเป็นคนดังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักสืบพลังจิตหยั่งรู้อดีตและอนาคต เมื่ออายุ 19 ปี เ
ขาเคยแสดงพลังอำนาจจิตให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของพระเนตรของพระราชินีวิคทอเรียมาแล้ว จนถึงขั้นได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาราชินีแบบลับๆอีกด้วย
เมื่อตอนช่วงแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ออกมาไล่ฆ่าคนรายแรกนั้น ลีส์ลองใช้พลังจิตหาตัวฆาตกรว่าในอนาคตฆตกรรายนี้จะฆ่าใครเล่นๆ ดู พบว่าเขามองเหตุการณ์
อนาคตทั้งหมดก่อนเกิดคดีฆาตกรรมครั้งที่สอง เขาเห็นหญิงชายคู่หนึ่งเดินมาด้วยกันตามตรอกซอยแคบๆ นาฬิกาบอกเวลา 00.30 น.
จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ถูกลากหลบไปที่ซุ้มประตู และฆาตกรก็ใช้มีดคมกริบบาดคอเธอ ร่างเธอแน่นิ่ง และมันก็ชำแหลจนแหลกเละ คนร้ายเช็ดเลือดออกจากตัว
แล้วแจกแจงสวมเสื้อคลุมยาวปกปิดร่างก่อนหายลับ ไปในเงามืด
ภาพนั้นรบกวนจิตใจของลีล์มาก เขาได้เขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด แล้วตรงดิ่งไปสถานีตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด และเล่าเรื่องเหตุการณ์อนาคตของ
คดีที่สองให้ตำรวจฟัง แต่เนื่องจากพอดีเวลานั้นไม่มีรายงานคดีฆาตกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ลีส์เลยโดนไล่ออกไปในเวลาอันรวดเร็ว
พร้อมกลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีก และในคืนนั้นเองที่แจ๊คออกปฏิบัติการฆ่าเหยื่ออีกครั้งในรูปแบบเดียวที่ลีส์บรรยายในสมุดพกไม่ผิดเพี้ยน!
หลักจากที่มีการฆาตกรรมเหยื่อรายที่สอง ลีส์ก็ได้เห็นภาพการฆาตกรรมอีก แต่ไม่ละเอียดเท่าหนแรก เขาเห็นหูผู้หญิงคนหนึ่งถูกเฉือนทิ้ง
เขาตรงดิ่งไปสถานีตำรวจอีกครั้ง คราวนี้ตำรวจสนฟังเรื่องของเขามากกว่าเดิม(นิดหน่อย) เนื่องจากพอดีมีจดหมายลงนามแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
ส่งมายังสถานี ในนั้นมีคำว่า
“เฉือนหูของนังหญิงทิ้ง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ดูเล่นๆ สนุกๆ”แต่ที่แน่ๆ วันที่ 1 ตุลาคม มีการพบเหยื่อรายที่สาม หล่อนถูกเฉือนหูทิ้งตามคำบอกเล่าของลีส์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
และแล้วลีส์ก็ได้มองทะลุล่วงเวลาเห็นฉากฆาตกรรมครั้งที่สามและถือว่าเป็นการมองอนาคต(แต่เป็นอดีต)เป็นครั้งสุดท้ายของลีส์ เพียงแต่มันเกิดขึ้นหลังจาก
ฆาตกรรมครั้งที่สามไปแล้ว คราวนี้มันแจ่มชัดกว่าครั้งแรกเพราะเขาเห็นฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ชัดเจน ลีส์เดินตรงไปสถานีตำรวจ บอกว่าเขารู้ตัวว่า
ใครเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คราวนี้ตำรวจประทับใจรายละเอียดที่ลีส์บรรยายให้ฟัง จากนั้นตำรวจพาลีส์ไปยังสถานที่เกิดเหตุเมื่อเร็วๆ นี้ จากจุดนั้น
ลีส์เดินนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามถนนในกรุงลอนดอน พลางบอกว่าเขารู้ดีว่าเขากำลังตามหาใคร ตำบลไหน และแล้วเขาก็โผล่มาที่บ้านของ
เซอร์ วิลเลียม กัลล์ นายแพทย์ที่นับถือหน้าถือตา
แต่เบื้องหลังเป็นบุคคลเสียสติ ภรรยายอมรับว่าเขาจะหายตัวทุกครั้งที่มีการปรากฏตัวของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
มันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องบังเอิญกันแน่? อันดับ 2. George Chapman(1559-1634) George Chapman เป็นชาวโปแลนด์(เขาไม่มีความสัมพันธ์แอนนาหนึ่งในเหยื่อแจ๊คนะครับ นามสกุลเหมือนก็จริง
แต่ไม่ใช้ญาติกัน)แต่เขาเดินเข้าเดินออกอังกฤษบ่อยๆ ในช่วง 1887-1888 โดยใช้นามแฝงหลายชื่อ เขาถูกประหารโดยการแขวนคอไปเมื่อปี ค.ศ.1903
เนื่องจากทำผิดฐานวางยาพิษฆาตกรรมภรรยาตัวเองสามคน ระหว่างที่แจ๊คออกอาละวาดเขาอาศัยและทำงานเป็นช่างตัดผมในลอนดอนในที่เกิดเหตุพอดี
อีกทั้งเขายังมีทักษะการแพทย์สามารถแล่เนื้อได้(เรื่องนี้ถูกถกเถียงว่าเขาชำนาญการแพทย์ระดับไหน) อย่างไรก็ดีเขาก็เป็นฆาตกรรมต่อเนื่องภรรยาของเขาเอง
สามคน ซึ่งโดยปกติแล้วฆาตกรต่อเนื่องมักจะใช้วิธีซ้ำๆ ซากๆ ที่ถนัดในการจัดการเหยื่อ ซึ่งหากเขาเป็นแจ๊คจริงเขาน่าจะฆ่าโสเภณีทั้งหลายมากกว่า
แทนที่จะรัดคอและใช้มีดชำแหละ
อันดับ 1. Druitt Montague John(1857-1888) มอง ตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ (หรือมองตากู) เป็นชายที่หลายๆ คน ต่างมีความเห็นว่าเขาอาจเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์มากที่สุดในผู้ต้องสงสัยในจำนวนหลายๆคน
ที่ว่ามา มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม 1857 เป็นลูกชายคนที่สองของศัลยแพทย์วิลเลี่ยม ดรูอิทท์แห่งวิมบอร์นในดอร์เซ็ทเป็นครอบครัวที่ดี
และมีการศึกษา จบจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดในปี 1880 ด้วยเกียรตินิยมอันดับสามในสาขาวิชาคลาสสิค
ต่อมาเขาก็ไปเรียนเป็นแพทย์ปีหนึ่งก่อนที่จะเบนเข็มเป็นนักกฎหมายโดยสมัคร เข้าเรียนอินเนอร์เท็มเพิ่ลเดือนพฤษภาคม 1882 และเดือนเมษายน 1885
ขณะเรียนกฎหมายเขาก็ทำอาชีพเป็นครูไปด้วย และบิดาของเขาก็เสียชีวิตในปีเดียวกัน ทำให้เริ่มมีอาการวิกลจริต ใน ปี 1888 ปีทีแจ๊คออกอาละวาด
ชีวิตของมองตากูว์ช่วงนั้นถึงขั้นล้มเหลวพอดี เมื่อเขาถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากเขามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและกระทำการลวนลามละเมิดเด็กนักเรียนชาย
แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตามต่อมา ยายและน้องสาวของมองตากูว์เกิดอาการผิดปกติทางจิตและฆ่าตัวตาย และแม่ต้องเข้าไปบำบัดจิตที่แคล็ปตันในเดือนกรกฎาคม
ช่วงนี้มองตากูว์ทุกข์มากๆ และส่งผลต่อสถาวะจิตใจ แต่ด้านสถานภาพการเงินของเขายังคงมั่งคงอยู่ ในขณะนั้น มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ อายุ 31 ปี
31 ธันวาคม 1888 เวลา 13.00 น. ผู้พบศพขึ้นอืด มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ที่แม่น้ำเธมส์เลยท่าเรือธอร์นีย์คร้อฟท์ไปเล็กน้อย
จากการสืบสวนพบว่าเขาหายตัวไปจากบ้านไป 4 อาทิตย์ และไม่มีร่องรอยถูกทำลายใดๆ สาเหตุการตายคือจมน้ำตาย โดยมีก้อนหิน 4 ก้อนในกระเป๋าเสื้อโค้ท
เป็นตัวถ่วงตนเองให้จมน้ำตาย 30 ธันวาคม ก่อนวันที่ มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ ตายมีการพบจดหมายลาตายของผู้ตาย มันซ่อนอยู่ในที่อยู่บ้านของมองตากูว์
ในจดหมายเขียนไว้ว่า
“นับตั้งแต่วันศุกร์ ผมรู้สึกกำลังจะเป็นแม่ และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือความตาย” ตำรวจ พบกระดาษโน้ตจากศพของเขาที่ลอยมาตามแม่น้ำเทมส์เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1888 ทั้งนี้ เขาหายตัวไปหลังจากที่พบศพเหยื่อรายที่ 5 ได้ไม่นาน
การสอบสวนของตำรวจระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้า และสรุปว่าเขาคือแจ็คเดอะริปเปอร์ เพราะช่วงปี 1888
เขาออกมาเป็นครูอยู่แถวที่เกิดเหตุนั้นพอดี ทำให้ตำรวจปิดคดีได้สำเร็จ เพียงแต่จากพยาน(ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก)บอกว่ามองตากูว์นั้นมีรูปร่างผอม ซูบซีด
ไม่กำยำและไหล่กว้างเหมือนกับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ที่พยานทั่วไปพบเห็น และแจ๊คนี้คาดว่าเป็นชาวต่างชาติแต่มองตากูว์ไม่ใช้
นอกจากนั้นเขายังมียังมีหลักฐานอ้างที่อยู่อีก คือ หนึ่งวันหลังจากแมรี่ แอนน์นิคอลส์เสียชีวิต มองตากูว์ซึ่งเป็นนักกีฬาคริกเก็ตกำลังเล่นให้ทีมในมณฑตดอร์เซ็ท
อยู่ซึ่ง อยู่ห่างที่เกิดเหตุไกลเหมือนกัน และตอนเกิดเหตุคดีฆาตกรรมแอนนี่ แซ็ปแมน 6 ชั่วโมง เขากำลังเล่นให้ทีมแบล็คฮี๊ธในลอนดอนตอนใต้
ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ว่าเขาสามารถเดินทางข้ามเมืองไปฆ่าคนและกลับไปตอนเช้า ไปเล่นคริกเก็ตได้ทันตามที่กำหนด อีกทั้งมีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตาย
หรือถูกฆาตกรรมเสียเองกันแน่ ??
แต่ กระนั้นการตายของเขาทำให้แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์หยุดอาละวาดลง
(ในเหยื่อที่ 5 ส่วนรายที่6นั้นมีคนบอกว่าเป็นการฆ่าแบบลอกเลียนแบบมากกว่า)cradit : toptenthailand