-->

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร Part 3 (end)  (อ่าน 6359 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • บุคคลทั่วไป

จิตรกรเป็นฆาตกร!



6 ธันวาคม พ.ศ.2544
   แพทริเซีย คอร์นเวลล์ นักเขียนนิยายอาชญา ชาวอเมริกัน ได้ให้สัมภาษณ์ตัวจริงของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ จากหลักฐานทั้งหมดเธอ
ที่รวบรวมมาอย่างยากลำบาก
 
"จากการศึกษาของเดี้ยน  เดี้ยนมั่นใจว่า นาย วอลเต้อร์ ริช้าร์ด ซิคเกิร์ต คือแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ แน่นอนค่ะ  ฟันธง....."

ใครคือ วอลเต้อร์ ริชาร์ด ซิคเกิร์ต
    วอลเต้อร์ ริชาร์ด ซิคเกิร์ต เกิดที่มิวนิค ในเยอรมัน 31 พฤษภาคม 1860 บิดาเป็นช่างวาดภาพประกอบลงในนิตรสาร
ต่อมาครอบครัวของเขาก็ย้ายมาปักหลักที่กรุงลอนดอน

    พฤษภาคม  ซิคเกิร์ต ได้เป็นจิตรกรอย่างเต็มตัว เมื่อได้จิตรกร ชาวอเมริกาชื่อ เจมส์ แม็คนีลล์ เป็นผู้สอน จนกระทั้งผลงานที่ถนัด
คือการใช้แสงเงา ในใบหน้าของบุคคลทำให้มีลักษณะกรีดเฉือน

    ในด้านการงานถือว่าดี  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซิคเกิร์ต นำภาพเขาแสดงในงานหลายครั้งและเป็นอาจารย์สอนศิลปะในลอนดอน
จนมีชื่อเสียงในกรงลอนดอน

    ในด้านชีวิตคู่ ถือว่าไม่ค่อยดีนัก เขาหย่ากับภรรยาคนแรก และภรรยาคนที่สองตายก่อนวัยอันควร แต่เขาก็ได้คู่ชีวิตอีกครั้งในชีวิตปั้นปลาย

เขาเสียชีวิตที่เมืองบ๊าธในวันที่ 22 มกราคม
    เท่าที่ดูจากชีวิตและประวัติของ ซิคเกิร์ต แล้ว ไม่เห็นเค้าใด ๆ ที่บอกว่า ซิคเกิร์ต ส่อแววเป็นฆาตกรตั้งแต่เด็กเลยถึงแม้เขาจะมีปัญหากับชีวิต
บ้างในหน้าที่การงานและผู้หญิง แต่เขาก็อดทนและแก้ไขได้จนมีชื่อเสียงและประสบผลสำเร็จในชีวิต ไม่มีลักษณะใด ๆ ทั้งสิ้น ว่า ซิคเกิร์ต คือแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์      
               


ทำไมต้อง ซิคเกิร์ต
    สาเหตุที่เขาถูกสงสัยเพราะงานเขียนของเขา มีหลายคนเชื่อว่างานเขียนของเขามีแรงบันดารใจจากแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
 แต่ทำไมเขาต้องฆ่าโสเภณีทั้ง ๆ ที่เขามีทั้งชื่อเสียงและเงินตรา คำตอบคงอยู่ที่ ........................

โจเซฟ กอร์แมน ซิคเกิร์ต เขาอ้างว่าเป็นลูกชายของซิคเกิร์ตนักจิตรกร เขาบอกว่า.........

"ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต(1942) พ่อได้สารภาพก่อนตายว่า พ่อรู้เรื่องการวางแผนฆ่าโสเภณีที่รู้เรื่องความลับของเจ้าชายอัลเบิร์ต วิคเตอร์"

    เจ้าชายอัลเบิร์ต วิคเตอร์ ชอบปลอมตัวท่องราตรีและชักชวนเขามาเที่ยวด้วย พวกเขาได้รู้จักกับหญิงสาวชื่อแอนนี่ เอลิซาเบธ
เจ้าชายผกพันรักใคร่ได้ไม่นาน แอนนี่ก็ต้องท้อง และเมื่อรู้ถึงพระราชินี พระองค์ทรงพิโรธมาก และแยกสองคนออกจากกัน
และลบชื่อของ แอนนี่ เอลิซาเบธ

และแมรี่ เคลลี่ก็รู้ความลับนี้ ! และต่อมาเธอและเพื่อนำความลับนี้มาต่อรองเรียกเงินจากรัฐบาล ถ้าความลับนี้เปิดเผยต่อภายนอก
เรื่องจะบานปลายยิ่งกว่ารัฐประหาร!
               
   เซอร์กัลล์นายแพทย์ประจำพระองค์พร้อมกับจอห์น เน็ต คนขับม้าได้วางแผนสังหารพวกผู้หญิงปากหอยปากปูและสอนบทเรียนที่มีค่าว่า
นี้คือผลการเป็นศัตรูกับรัฐบาล ทั้งสองได้สร้างแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ขึ้นมา และต่อมาได้ขอร้องให้ตำรวจเข้ามาช่วยกลบเกลื่อนอาชญากรรรม
และให้ทำเป็นเอาหูเป็นตาไปไร่ระหว่างที่เกิดฆาตกรรรม

    ซิคเกิร์ต รู้สึกผิดมากในการมีส่วนร่วมการฆาตกรรรมนี้ มันอัดอั้นจนบอกใครไม่ได้ เขาจึงระบายความลับทั้งหมดในงานเขียนที่โด่งดังหลายภาพของเขา
และหลังจากนั้นหลายฝ่ายได้มีการตรวจสอบคำพูดของ โจเซ้ฟ กอร์แมน ซิคเกิร์ต ก็พบว่า มีผู้หญิงชื่อ แอนนี่ ครุก อาศัยอยู่ในช่วงเวลานี้จริง
และเธอกำเนิดลูกไม่มีพ่อในช่วงเวลานี้จริง

    แต่หลาย ๆ ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ จนกระทั้ง แพทริเซีย คอร์นเวลล์ นักเขียนนิยายอาชญา กระโดดเข้าร่วมพร้อมหลักฐานว่าเขาคือฆาตกร
ไว้ท์แซ็พเพล แต่หลักฐานทั้งหมดก็โต้กลับโดยผู้เชี่ยวชาญว่าไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่า ซิคเกิร์ต  คือ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

    จนบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานนับศตวรรษ ปริศนาทั้งหลายก็ยังไม่อาจไขกระจ่างได้ ยังคงเป็นม่านหมอกอันดำมืดในอดีตของอังกฤษ
ที่ ณ ครั้งหนึ่งเคยมีฆาตกรใจโฉดนาม แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาศัยอยู่ แม้ว่าแฟ้มคดีของแจ๊คนั้นจะถูกปิดไปเมื่อปี ค.ศ. 1892 และวายร้ายคนนี้ก็หายไปจาก
หน้าประวัติศาสตร์ของอังกฤษอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงเหลือทิ้งไว้แต่ปมตำนานอันน่าสยองขวัญและลึกลับที่ผู้คนยังคงเล่าขานต่อกันมาจนถึงปัจจุบันพร้อม
กับคำถามที่ว่า "ใครคือ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ?"




ข้อมูลจาก หนังสือแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ต้นแบบฆาตกรต่อเนื่อง โดยกอบกุล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มิถุนายน 2011, 18:54:42 โดย etatae333 »

etatae333

  • บุคคลทั่วไป
Re: แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร Part 3 (end)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2011, 18:53:24 »

10 สุดยอดผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นแจ๊คเดอะริปเปอร์



  แจ็คเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper) ชื่อนี้หลายๆ คนคงรู้จัก เพราะไม่มีฆาตกรคนในอีกแล้วที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
เป็นสมญาของฆาตกรต่อเนื่องที่ออกทำฆาตกรรมในย่าน "ไวท์แชเปล" ซึ่งเป็นถิ่นยากจนใกล้นครลอนดอนในช่วงครึ่งปีหลังของ 1888 เหยื่อทั้งหมด
เป็นผู้หญิงที่เป็นโสเภณี ทุกรายถูกเชือดคอ หลังจากนั้นซากศพจะถูกหั่นตรงช่วงท้องและบางครั้งที่อวัยวะเพศ

   แจ็คเดอะริปเปอร์ (ชื่อสมญาได้มาจากข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่างๆ ที่ลงข่าวจดหมายลึกลับที่เขียนถึงสำนักข่าวกลางโดยผู้เขียนที่อ้างตนว่าเป็นฆาตกร
ถึงแม้จะมีการสืบสวนและมีทฤษฎีที่น่าเชื่อถือมากมาย แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉมหน้าที่แท้จริงของฆาตกรได้เลย

    ความนิยม. ความน่ากลัว และการขาดหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดนี้เองทำให้เกิดมีคำว่า "นักริปเปอร์วิทยา" มาใช้เรียกนักประวัติศาสตร์และนักสืบสมัครเล่นที่ศึกษา
คดีอันโด่งดังนี้เพื่อกล่าวหาหรือพาดพิงถึงบุคคลต่างๆ ว่าคือตัวริปเปอร์ ทำให้หลายปีที่ผ่านมามีผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นแจ็ค เดอะ ริปเปอร์มาขึ้น
ซึ่งบางคนดูแล้วมันน่าจะเป็นเลยแท้ๆ ...... และนี้คือรายชื่อผู้ต้องสงสัยทั้ง 10 ที่น่าสนใจที่สุด ที่คาดว่าน่าจะเป็นแจ็ค เดอะ ริปเปอร์


อันดับ 10. Lewis Carroll (1832-1898)


               
    ลิวอิส คาร์รอลล์เป็นนามปากกาของ Charles Lutwidge Dodgson เป็นนักประพันธ์และที่ที่ปรึกษาคนสนิทขององค์ราชินีวิคทอเรีย
เป็นครู เป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีที่มีอารมณ์อ่อนไหว เรียบง่าย สมถะ และบุคลิกแบบตรงไปตรงมา เขาเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2375
ที่เมือง Darebury ในแคว้น Cheshire ของอังกฤษ บรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลนี้นับตั้งแต่ ทวด ปู่ ฯลฯ ทุกคนมีอาชีพสอนศาสนา

    เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาได้ไปเรียนต่อที่วิทยาลัย Christchurch ของ Oxford และเรียนจบปริญญาตรีคณิตศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1
เมื่ออายุ 22 ปี จากนั้นก็ได้รับทุนการศึกษาต่อ แต่ทุนนี้เป็นทุนศาสนา ซึ่งมีเงื่อนไขว่าผู้รับทุนต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้าม และต้องบวช
หลายๆ คนอาจ งง ว่าเขาคือใคร แต่ถ้าบอกว่าเขาคือคนแต่งนิทานเรื่อง

อลิซผจญภัยดินแดนมหัศจรรย์(Alice’s Adventures in Wonderland)


คงรู้จัก มีทฤษฏีเกี่ยวกับเขาว่าเขาน่าจะเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ไว้หลากหลาย เพราะเขาเคยถูกกล่าวหาว่าพยายามพรากผู้เยาว์
เพราะเขาเคยเข้าไปยุ่งลูกสาว 3 คนของคณบดีคนหนึ่งที่มหาลัยของเขาทำงาน(ชอบเด็ก)

บางคนก็ว่าเขาได้ร่วมมือกับเพื่อนที่ชื่อ Thomas Vere Bayne สังหารเหยื่อที่เป็นโสเภณี โดยเขาได้เขียนรหัสลับบอกนัยๆ ว่าเขาเป็นแจ๊คในนิทานเรื่องอลิซ
 
อันดับ  9. Prince Albert (1864 -1892)


               
   หรือเจ้าชายเอดดี ดยุคแห่งแคลเรนซ์(Prince Albert Victor ดยุคแห่ง Clarence และ Avondale)  และคณะ เจ้าชายองค์นี้
มีโอกาสได้ขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษด้วยซ้ำ  แล้วเหตุใดจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นแจ๊คได้นี้ เนื่องจากหนังสือเรื่องหนึ่งที่ตีพิมพ์ในปี 1962 อ้างว่าพระองค์
มีนิสัยสำส่อนและ ทั้งภาครัฐและราชวงศ์เคยเสด็จไปเที่ยวซ่องในย่านอีสต์เอนด์ และสันนิษฐานว่าพระองค์เรียนรู้เทคนิคในการชำแหละมาจากการล่าสัตว์
และทรงติดเชื้อซิฟิลิส

   ขณะที่สาเหตุอย่างเป็นทางการระบุว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากอาการปอดอักเสบ หนังสือหลายเล่มชี้ว่าพระองค์เป็นผู้ลงมือเองหรือไม่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง
กับการฆาตกรรมเพื่อปิดปังพฤติกรรมอันเหลวแหลก หรือปิดปกที่ตนทำให้โสเภณีคนหนึ่งท้องจนโดนขู่ฟ้องแบลคเมล์ ทำให้รัฐบาลและราชวงศ์คิดจะกำจัด
โสเภณีเหล่านี้แบบถอนรากถอนโคน ซึ่ง ข้อมูลนี้กล่าวว่าแจ๊คน่าจะเป็นคณะบุคคลหลายคน

   ทฤษฎีนี้แพร่หลายมาก แต่อย่างไรก็ตามสาวกของแจ็คส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบันทึกเกี่ยวกับพระกรณียกิจของเจ้าชายยืนยันว่าในขณะที่การฆาตกรรม
เกิดขึ้นพระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในลอนดอนเลย อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีนี้โต้ว่าเจ้าชายเอดดีอาจจะแอบมาลอนดอน หรือมิเช่นนั้นบันทึกของทางการอาจ
จะเป็นสิ่งที่ "แต่ง" ขึ้นมาก็ได้
 
อันดับ 8. Jill The Ripper (1866-1890)
               


  ส่วนมากมักมีคนตั้งสงสัยว่าฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เป็นผู้ชาย แต่ไม่มีใครสักคนต้องข้อสงสัยว่าเป็นผู้หญิง คำตอบคือมีคนหนึ่งครับที่คาดว่าเธออาจเป็นแจ็ค
ก็คือ นาง แมรี่ เพียร์ซี่ย์(Mary Pearcey)  ซึ่งทฤษฏีนี้มาจากเซอร์โคนันคนแต่งเซอร์ล็อกโฮล์มแหละครับ
(ที่น่าสังเกตคือโคนันภาคหนังโรงแจ๊คเป็นผู้หญิงเหมือนกัน คงเอาโครงเรื่องมาจากคนนี้แหละ)

ซึ่งมีชื่อเดิมว่า แมรี่ เอเลียนอร์ วีลเลอร์ เกิดในปี 1866 บิดาชื่อโธมัส วีลเลอร์ เป็นนักโทษประหารคดีฆ่า
และถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อ 29 พฤศจิกายน 1880 ทำให้เธอมีเพียงแม่และพี่น้องเท่านั้นที่ช่วยเลี้ยงดู จนเธอเติบโตเป็นผู้หญิงรูปร่างดีน่าดึงดูด
จนหลายคนอุปมาว่าเธอเหมือน "shapely hands".(มันสวยตรงไหนเนี้ย ) เธอสูงประมาณ 5 ฟุต 6 นิ้ว ผมสีแดงน่ารักและดวงตาน้ำเงินสวยใส

   อย่างไรก็ตามแม้แมรี่จะมีรูปร่างดี แต่ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ดีนัก ด้วยสภาพความเป็นอยู่ทีแร้งแค้นของยุค 18 ทำให้แมรี่มักแก้ปัญหาด้วยการดื่มเหล้า
จนกระทั้งเธอเป็นโรคจิดสุราเรื้อรัง
   แมรี่ใช้นามสกุล “เพียร์ซี่ย์” จาก John Charles Pearcey ช่างไม้ที่เธออยู่อาศัยด้วย แต่ดูเหมือนว่าจอร์ดจะเป็นสามีที่ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา
เขาทิ้งแมรี่ไปหาหญิงคนใหม่ ซึ่งเป็นโสเภณี ทำให้แมรี่เกลียดโสเภณีจนถึงขั้นอยากจะฆ่าเธอ จากนั้นเธอก็จับอาชีพเป็นหมอตำแยและฆ่าพวกโสเภณีที่แย่งแฟน
ของเธอไปทำให้ได้รับขนานนาม “จิล เดอะ ริปเปอร์” ด้วยความที่เป็นหมอตำแยทำให้เสื้อของเธอมักเปื้อนเลือดอยู่แล้ว ทำให้คนผ่านมาไม่สงสัย ไม่ใส่ใจ
และเธอก็สามารถปลอมเป็นผู้ชายได้ด้วย(หน้าให้ขนาดนั้น)

เธอถูกตัดสินประหารจากคดีฆ่าคนรักและลูกเมื่อเดือนตุลาคม 1890 ติดเพียงแค่  DNA เท่านั้นที่ DNA ของเธอไม่ตรงกับในจดหมายของแจ๊ค
ที่ส่งให้ตำรวจ(แต่ก็นั้นอีกแหละจดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้นี้น่า)

 
อันดับ 7. Thomas Neil Cream (1850-1892)

               
    ดร.โทมัส นีล ครีม เป็นแพทย์เฉพาะทางเกิดในสก็อตแลนด์ศึกษาในลอนดอนและไปทำงานในแคนาดาและไปทำงานในชิคาโกและอิลลินอยส์
แต่พฤติกรรมของเขาไม่ดีนัก เพราะเป็นคนเลวและมีพฤติกรรมสกปรก และชอบทรมานคนอื่น  ในปี 1881 เขาถูกต้องข้อหาฆาตกรรมโดยเป็นนักวางยาพิษ
ในผู้ป่วยของเขาหลายราย เขาถูกจับในอิลลินอยส์ และถูกประหารโดยการแขวนคอในปี 158 พฤศจิกายน 1892 และเมื่อถึงเวลาประหาร
เขาตะโกนออกมาว่า

"ฉันคือแจ๊คเดอะริปเปอร์" (ที่จริงตะโกนได้แค่ว่า I'm Jack..... ก็ตายเสียก่อน)

ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่าเขามีอาชีพเป็นหมอซึ่งชำนาญผ่าตัด เขาชอบโสเภณี และจากคดีที่เขาก่อเหยื่อส่วนมากเป็นโสเภณีซะด้วยแต่เนื่องจากขณะที่
แจ๊คก่อคดีในลอนดอน เขายังอยู่ที่นิวยอร์ค และเขาถูกจำคุกที่ชิคาโก้ ทฤษฎีนี้จึงตกไปแต่กระนั้นก็ไม่สามารถตัดรายชื่อผู้ต้องสงสัยได้เพราะว่าเขาอาจ
ใช้วิธีอ้างฐานที่อยู่ก็ได้(เรื่องราวของเขาจะถูกนำเสนอในตอนต่อๆ ไป)
 
อันดับ 6. Dr. Tumblety Francis (1833-1903)
           

   
   เป็นแพทย์ชาวไอริช เป็นนักต้มตุ๋น เขาเดินทางมาหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา และแคนาดา เขาอยู่ในลอนดอนในปี 1888
ซึ่งเป็นช่วงแจ๊คอาละวาดพอดี นอกจารกนั้นเขายังมีความใกล้ชิดกับพระนางเจ้าวิคตอเรียเนื่องจากเขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงและรักษาคนมีชื่อเสียงหลายคน
เขาถูกจับกุมเมื่อ 7 พฤษภาคม 1888 ในคดีต้มตุ๋นหลายคดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มิถุนายน 2011, 19:07:01 โดย etatae333 »

Blablabla

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 110
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร Part 3 (end)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2011, 19:08:04 »

ขอบคุณครับ สนุกมากเลย  ;kljj

etatae333

  • บุคคลทั่วไป
Re: แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร Part 3 (end)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2011, 19:21:08 »

อันดับ 5. Aaron Kominski (??-1919)



    ซอฟสกี้ (จอร์จ แซปแมน) อารอน โคสมินสกี้ ไม่มีใครทราบประวัติของเขามากนัก รู้แต่ว่าเขาเป็นช่างตัดผมชาวยิวโบลิซ(ชาวโปแลนด์)
ใฝ่ฝันจะเป็นหมอผ่าตัด  เคยฝึกการผ่าศพมาอย่างช่ำชองก่อนเดินทางมาอังกฤษ มาแล้ว และมีอาการป่วยทางจิตตั้งแต่อายุ 25 เขาถูกสงสัยว่า
เป็นแจ๊ค เดอะริปเปอร์ จากบันทึกลับของหัวหน้าตำรวจ Melville Macnaghten

   ปี 1888 ช่วงที่แจ๊คออกอาละวาดนั้น ไม่มีใครทราบข่าวว่า อารอน โคสมินสกี้ ไปไหน ว่ากันว่าเขาทำงานเป็นช่างตัดผมแถวนั้นพอดี
และเป็นอย่างไรในปีนั้น กว่าจะโผล่มาอีกทีก็เมื่อ 2 ปีข้างหน้าช่วงที่แจ๊คหายตัวไปแล้ว และหลังจากเหยื่อรายที่ 6 เขาย้ายไปนิวยอร์ก
และมีข่าวการฆาตกรรมบริเวณนั้นเหมือนกัน

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 1590 อารอน โคสมินสกี้ ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลไมล์สเอ็นด์ โอลด์ทาวน์ หลังจากป่วยมาสองปี
ตามบันทึกของโรงพยาบาลอนาถาแห่งนี้ระบุว่า เขาร่างกายแข็งแรงดี แต่เป็นโรคประสาท สามวันต่อมาเขาถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของพี่ชาย
ซึ่งดูเหมือนจะชื่อวู้ล์ฟ อับราฮัมส์

  ปี 1891 อารอน โคสมินสกี้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอนาถาอีกครั้ง ในขณะนั้นเขาอาศัยอยู่กับมอร์ริส ลูบ นาวสกี้ซึ่งเป็นพี่เขย

  วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1891 เขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิตโคลนี่ย์แฮ็ทช์ มีบันทึกอาการบอกว่าเขามักทำอะไรที่ไม่รู้ตัว และส่วนมากมักทำอะไรบ้าๆ
เช่น ดื่มน้ำก๊อกประปาจากถนน กินอาหารจากขยะ ถือมีดไล่ขู่น้องสาว ทำร้ายตนเอง เนื้อตัวสกปรกไม่ยอมอาบน้ำ แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีท่าทีที่ฆ่าตัวตายและไม่เคย
อาละวาดฆ่าคน และปี 1919 อารอน โคสมินสกี้เสียชีวิตในโรงพยาบาลโรคจิตที่ลี้ฟดอน ขณะอายุ 25 ปี

   ในด้านนักแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์วิทยาบางคนไม่เห็นด้วยกับทฤษฏีนี้) เพราะตามบันทึกประวัติจะเห็นได้ว่าเขาเป็นเพียงคนจรจัดที่เที่ยวหาอาหารตาม
ถังขยะกันมากกว่าจะเห็นเป็นฆาตกรโหดฆ่าโสเภณีต่อเนื่อง 4-5 ศพ

    นอกจากนี้ ไม่มีพยานคนไหนที่เอ่ยว่าอารอน โคสมินสกี้เหมือนแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เลยอีกทั้งโคสมินสกี้เป็นคนตัวเล็กและบอบบาง แต่คำให้การของพยาน
ส่วนมากบอกว่าแจ๊คที่เขาเห็นเป็นคนรูปร่างกำยำ ไหล่กว้าง อายุราว40 ปี แต่งตัวเหมือนเสมียนมากกว่ากรรมกร มีท่าทีเหมือนผู้ดีตกยาก
ซึ่งต่างจากโคสมินสกี้ที่แต่งตัวเหมือนขอทาน ยกเว้นวิลเลียม สมิธ ตำรวจคนที่เห็นแจ๊คกับเหยื่อรายที่ 3 ให้การว่าเหมือนโคสมินสกี้มาก

 
อันดับ 4 Cutbush Thomas (??-1903)
               


   ในเดือนพฤศจิกายน 2008 มีเอกสารรายงานจากโรงพยาบาลโรคจิต Broadmoor รายงานว่า โธมัส  เฮย์เนส คัทบุช อาจต้องรับผิดชอบในคดีฆาตกรรม
ต่อเนื่องในคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ซึ่งเขาถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าแจ๊คก็หยุดอาละวาดทันที เขาผู้นี้เป็นโรคประสาท(โรคซิฟิลิส)และทำอะไรโดยที่ตนไม่ตัวเคย
ทำลายและพยายามฆ่าผู้หญิง  และเขาถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรมผู้หญิงที่ชื่อฟรอเลนซ์ จอนสัน เขาถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าและตายที่นั้นเมื่อปี 1903

เอกสารรายงานว่าเขาเป็นหลานชายของผู้กำกับตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ดซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกปกปิดด้วยใช้อำนาจมืด
 
อันดับ 3. Sir William Withey Gull (1816-1890)


               
  เซอร์วิลเลียม กัลล์ แพทย์ประจำพระราชสำนัก รักษาองค์ราชินีวิคทอเรียและมีชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจมานานแล้ว และเป็นเจ้าของทฤษฏีที่ว่า
ราชวงศ์อังกฤษอาจอยู่เบื้องหลังของแจ๊ค และเป็นที่นิยมในหมู่คนเขียนนิยาย ออกเป็นหนังสือและภาคยนต์(ปี 1988 นำแสดงโดย Michael Caine)

เขาฆ่าตัวตาย 2 ปีหลังจากเกิดคดีสุดท้าย แพทย์สภาได้สอบสวนเขา มี 12 เสียงที่เชื่อมั่นว่าเขาคือแจ๊ค เนื่องจากเขาชอบไปเดินตะลอนๆในเมืองยามดึกดื่น
โดยมีเลือดกระเซ็นเปรอะเต็มตัว เวลาคนถามก็เขาจะยิ้มตอบว่า "เป็นเลือดคนไข้...”

   เรื่องราวของเขาเคยมีการถูกนำมาอ้างโดยโรเบิร์ต เจมส์ ลีส์ เขาเป็นคนดังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักสืบพลังจิตหยั่งรู้อดีตและอนาคต เมื่ออายุ 19 ปี เ
ขาเคยแสดงพลังอำนาจจิตให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของพระเนตรของพระราชินีวิคทอเรียมาแล้ว จนถึงขั้นได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาราชินีแบบลับๆอีกด้วย

เมื่อตอนช่วงแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ออกมาไล่ฆ่าคนรายแรกนั้น ลีส์ลองใช้พลังจิตหาตัวฆาตกรว่าในอนาคตฆตกรรายนี้จะฆ่าใครเล่นๆ ดู พบว่าเขามองเหตุการณ์
อนาคตทั้งหมดก่อนเกิดคดีฆาตกรรมครั้งที่สอง เขาเห็นหญิงชายคู่หนึ่งเดินมาด้วยกันตามตรอกซอยแคบๆ นาฬิกาบอกเวลา 00.30 น.
จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ถูกลากหลบไปที่ซุ้มประตู และฆาตกรก็ใช้มีดคมกริบบาดคอเธอ ร่างเธอแน่นิ่ง และมันก็ชำแหลจนแหลกเละ คนร้ายเช็ดเลือดออกจากตัว
แล้วแจกแจงสวมเสื้อคลุมยาวปกปิดร่างก่อนหายลับ ไปในเงามืด

ภาพนั้นรบกวนจิตใจของลีล์มาก เขาได้เขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด แล้วตรงดิ่งไปสถานีตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด และเล่าเรื่องเหตุการณ์อนาคตของ
คดีที่สองให้ตำรวจฟัง แต่เนื่องจากพอดีเวลานั้นไม่มีรายงานคดีฆาตกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ลีส์เลยโดนไล่ออกไปในเวลาอันรวดเร็ว
พร้อมกลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีก และในคืนนั้นเองที่แจ๊คออกปฏิบัติการฆ่าเหยื่ออีกครั้งในรูปแบบเดียวที่ลีส์บรรยายในสมุดพกไม่ผิดเพี้ยน!

หลักจากที่มีการฆาตกรรมเหยื่อรายที่สอง ลีส์ก็ได้เห็นภาพการฆาตกรรมอีก แต่ไม่ละเอียดเท่าหนแรก เขาเห็นหูผู้หญิงคนหนึ่งถูกเฉือนทิ้ง
เขาตรงดิ่งไปสถานีตำรวจอีกครั้ง คราวนี้ตำรวจสนฟังเรื่องของเขามากกว่าเดิม(นิดหน่อย) เนื่องจากพอดีมีจดหมายลงนามแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
ส่งมายังสถานี ในนั้นมีคำว่า “เฉือนหูของนังหญิงทิ้ง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ดูเล่นๆ สนุกๆ”

แต่ที่แน่ๆ วันที่ 1 ตุลาคม มีการพบเหยื่อรายที่สาม หล่อนถูกเฉือนหูทิ้งตามคำบอกเล่าของลีส์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

    และแล้วลีส์ก็ได้มองทะลุล่วงเวลาเห็นฉากฆาตกรรมครั้งที่สามและถือว่าเป็นการมองอนาคต(แต่เป็นอดีต)เป็นครั้งสุดท้ายของลีส์ เพียงแต่มันเกิดขึ้นหลังจาก
ฆาตกรรมครั้งที่สามไปแล้ว คราวนี้มันแจ่มชัดกว่าครั้งแรกเพราะเขาเห็นฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ชัดเจน ลีส์เดินตรงไปสถานีตำรวจ บอกว่าเขารู้ตัวว่า
ใครเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คราวนี้ตำรวจประทับใจรายละเอียดที่ลีส์บรรยายให้ฟัง จากนั้นตำรวจพาลีส์ไปยังสถานที่เกิดเหตุเมื่อเร็วๆ นี้ จากจุดนั้น
ลีส์เดินนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามถนนในกรุงลอนดอน พลางบอกว่าเขารู้ดีว่าเขากำลังตามหาใคร ตำบลไหน และแล้วเขาก็โผล่มาที่บ้านของ
เซอร์ วิลเลียม กัลล์ นายแพทย์ที่นับถือหน้าถือตา

แต่เบื้องหลังเป็นบุคคลเสียสติ ภรรยายอมรับว่าเขาจะหายตัวทุกครั้งที่มีการปรากฏตัวของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
มันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องบังเอิญกันแน่?

 
อันดับ 2. George Chapman(1559-1634)

               

   George Chapman เป็นชาวโปแลนด์(เขาไม่มีความสัมพันธ์แอนนาหนึ่งในเหยื่อแจ๊คนะครับ นามสกุลเหมือนก็จริง
แต่ไม่ใช้ญาติกัน)แต่เขาเดินเข้าเดินออกอังกฤษบ่อยๆ ในช่วง 1887-1888 โดยใช้นามแฝงหลายชื่อ เขาถูกประหารโดยการแขวนคอไปเมื่อปี ค.ศ.1903
เนื่องจากทำผิดฐานวางยาพิษฆาตกรรมภรรยาตัวเองสามคน ระหว่างที่แจ๊คออกอาละวาดเขาอาศัยและทำงานเป็นช่างตัดผมในลอนดอนในที่เกิดเหตุพอดี
อีกทั้งเขายังมีทักษะการแพทย์สามารถแล่เนื้อได้(เรื่องนี้ถูกถกเถียงว่าเขาชำนาญการแพทย์ระดับไหน) อย่างไรก็ดีเขาก็เป็นฆาตกรรมต่อเนื่องภรรยาของเขาเอง
สามคน ซึ่งโดยปกติแล้วฆาตกรต่อเนื่องมักจะใช้วิธีซ้ำๆ ซากๆ ที่ถนัดในการจัดการเหยื่อ ซึ่งหากเขาเป็นแจ๊คจริงเขาน่าจะฆ่าโสเภณีทั้งหลายมากกว่า 
แทนที่จะรัดคอและใช้มีดชำแหละ
 
อันดับ 1. Druitt Montague John(1857-1888)
               


มอง ตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ (หรือมองตากู) เป็นชายที่หลายๆ คน ต่างมีความเห็นว่าเขาอาจเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์มากที่สุดในผู้ต้องสงสัยในจำนวนหลายๆคน
ที่ว่ามา มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม 1857 เป็นลูกชายคนที่สองของศัลยแพทย์วิลเลี่ยม ดรูอิทท์แห่งวิมบอร์นในดอร์เซ็ทเป็นครอบครัวที่ดี
และมีการศึกษา จบจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดในปี 1880 ด้วยเกียรตินิยมอันดับสามในสาขาวิชาคลาสสิค

   ต่อมาเขาก็ไปเรียนเป็นแพทย์ปีหนึ่งก่อนที่จะเบนเข็มเป็นนักกฎหมายโดยสมัคร เข้าเรียนอินเนอร์เท็มเพิ่ลเดือนพฤษภาคม 1882 และเดือนเมษายน 1885
ขณะเรียนกฎหมายเขาก็ทำอาชีพเป็นครูไปด้วย และบิดาของเขาก็เสียชีวิตในปีเดียวกัน ทำให้เริ่มมีอาการวิกลจริต ใน ปี 1888 ปีทีแจ๊คออกอาละวาด
ชีวิตของมองตากูว์ช่วงนั้นถึงขั้นล้มเหลวพอดี เมื่อเขาถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากเขามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและกระทำการลวนลามละเมิดเด็กนักเรียนชาย
แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตามต่อมา ยายและน้องสาวของมองตากูว์เกิดอาการผิดปกติทางจิตและฆ่าตัวตาย และแม่ต้องเข้าไปบำบัดจิตที่แคล็ปตันในเดือนกรกฎาคม
ช่วงนี้มองตากูว์ทุกข์มากๆ และส่งผลต่อสถาวะจิตใจ แต่ด้านสถานภาพการเงินของเขายังคงมั่งคงอยู่ ในขณะนั้น มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ อายุ 31 ปี
31 ธันวาคม 1888 เวลา 13.00 น. ผู้พบศพขึ้นอืด มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ที่แม่น้ำเธมส์เลยท่าเรือธอร์นีย์คร้อฟท์ไปเล็กน้อย

จากการสืบสวนพบว่าเขาหายตัวไปจากบ้านไป 4 อาทิตย์ และไม่มีร่องรอยถูกทำลายใดๆ สาเหตุการตายคือจมน้ำตาย โดยมีก้อนหิน 4 ก้อนในกระเป๋าเสื้อโค้ท
เป็นตัวถ่วงตนเองให้จมน้ำตาย 30 ธันวาคม ก่อนวันที่ มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ ตายมีการพบจดหมายลาตายของผู้ตาย มันซ่อนอยู่ในที่อยู่บ้านของมองตากูว์

ในจดหมายเขียนไว้ว่า

“นับตั้งแต่วันศุกร์ ผมรู้สึกกำลังจะเป็นแม่ และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือความตาย”

   ตำรวจ พบกระดาษโน้ตจากศพของเขาที่ลอยมาตามแม่น้ำเทมส์เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1888 ทั้งนี้ เขาหายตัวไปหลังจากที่พบศพเหยื่อรายที่ 5 ได้ไม่นาน
การสอบสวนของตำรวจระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้า และสรุปว่าเขาคือแจ็คเดอะริปเปอร์ เพราะช่วงปี 1888
เขาออกมาเป็นครูอยู่แถวที่เกิดเหตุนั้นพอดี ทำให้ตำรวจปิดคดีได้สำเร็จ เพียงแต่จากพยาน(ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก)บอกว่ามองตากูว์นั้นมีรูปร่างผอม ซูบซีด
ไม่กำยำและไหล่กว้างเหมือนกับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ที่พยานทั่วไปพบเห็น และแจ๊คนี้คาดว่าเป็นชาวต่างชาติแต่มองตากูว์ไม่ใช้

นอกจากนั้นเขายังมียังมีหลักฐานอ้างที่อยู่อีก คือ หนึ่งวันหลังจากแมรี่ แอนน์นิคอลส์เสียชีวิต มองตากูว์ซึ่งเป็นนักกีฬาคริกเก็ตกำลังเล่นให้ทีมในมณฑตดอร์เซ็ท
อยู่ซึ่ง อยู่ห่างที่เกิดเหตุไกลเหมือนกัน และตอนเกิดเหตุคดีฆาตกรรมแอนนี่ แซ็ปแมน 6 ชั่วโมง เขากำลังเล่นให้ทีมแบล็คฮี๊ธในลอนดอนตอนใต้
ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ว่าเขาสามารถเดินทางข้ามเมืองไปฆ่าคนและกลับไปตอนเช้า ไปเล่นคริกเก็ตได้ทันตามที่กำหนด อีกทั้งมีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตาย
หรือถูกฆาตกรรมเสียเองกันแน่ ??

แต่ กระนั้นการตายของเขาทำให้แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์หยุดอาละวาดลง
(ในเหยื่อที่ 5 ส่วนรายที่6นั้นมีคนบอกว่าเป็นการฆ่าแบบลอกเลียนแบบมากกว่า)


cradit : toptenthailand
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มิถุนายน 2011, 19:22:56 โดย etatae333 »

Bangsaen Coyote

  • โอมมะลึกตึ๊กตักเงินนักๆสาวหุม
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1465
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-2
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร Part 3 (end)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2011, 17:48:18 »

ฆาตกรในคราบจิตรกร
ร้านบางแสน
301 ถ.เจริญราษฎร์ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
โทร 053-306172

handnew

  • V.I.P.
  • เด็กหัดเสียว
  • *
  • กระทู้: 270
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร Part 3 (end)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2011, 15:55:30 »

หน้าตาโคตรโรคจิตอ่ะ  ghjk