-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เบื้องหลังการตายและการเรียกวิญญาณของฮูดินี (ฮาโลวีน)  (อ่าน 1060 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

เบื้องหลังการตายและการเรียกวิญญาณของฮูดินี (ฮาโลวีน)



แม้เขาจะเสียชีวิตไปเกือบ 150 ปีแล้ว แต่ความยิ่งใหญ่และโด่งดังในฐานะจอมมายากลของ “ฮูดินี” ยังคงไม่มีใครเทียบเคียงได้

ฮูดินีถือกำเนิดวันที่ 24 มีนาคม 1874 ที่กรุงบูดาเพสต์ในนามจริงว่า อีริค ไวศ์(Erik Weisz) เป็นบุตรชายคนที่ 4ในจำนวนลูก 7 คน
ของแรมไบ(Rabbi-นักบวชชาวยิว)เชื้อสายฮังกาเรียนผู้ซึ่งต่อมาได้อพยพมาอยู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1878 และสุดท้าย
ก็ปักหลักที่นครนิวยอร์ค




สมัยเด็ก เจ้าหนูอีริกก็ชอบแสดงตัวออกสู่สาธารณะแล้ว โดยแค่9ขวบก็ได้เข้าแข่งขันการห้อยโหนตัวกลางอากาศ
ได้เป็นแชมป์ในการวิ่งมาราธอนข้ามรัฐ แล้วก็เลยมายึดอาชีพเป็นนักแสดงมายากลโดยขนานนามตัวเองว่า “ฮาร์รี่ ฮูดินี(Harry Houdini)
เพราะเขาชื่นชมการแสดงของมายากลฝรั่งเศสนามว่า ยูยีน โรแบรต์-อูแดง(Eugene Robert-Houdin)ส่วนชื่อแรกคือ “ฮาร์รี”
นั้นก็เอามาจาก ฮาร์รี เคลเลอร์(Harry Keller)มายากลที่ยกย่องเช่นกัน

ฮูดินีเปิดฉากการแสดงกลในปี 1891และก็เหมือนกับนักแสดงทั่วๆไปที่ไม่สู้จะประสบความสำเร็จสำหรับมายากลธรรมดาๆเช่น
การใช้ไพ่ (Card Tricks)แล้วเขาก็ได้พบกับ วิลเฮลมินา บีทริศ ราเนอร์ หรือ “เบสส์(Bess)” ผู้ต่อมาก็ได้เป็นคู่ชีวิต
และเป็นผู้ช่วยการแสดงบนเวทีการแสดงของฮูดินีตลอดมา



ความโด่งดังของฮูดินีเริ่มต้นขึ้นในปี 1899 เมื่อมาร์ติน เบค(Matin Beck) นักธุรกิจการแสดงได้เห็นและประทับใจในมายากลของฮูดินี
ที่วูดสก็ค,อิลินอยส์ และหนุนให้ฮูดินีเน้นหนักในด้านโชว์การหลุดพ้นจากพันธนาการต่างๆ ปี 1900 เบค พาฮูดินีออกทัวแสดงในยุโรป
และที่ลอนดอน ฮูดินีก็ได้สร้างความฮือฮาต่อบรรดาสื่อ เมื่อเขาท้าทายและสามารถสะเดาะกุญแจข้อมือที่สวมใส่โดยตำรวจแห่งสก็อตแลนด์
ยาร์คอันลือลั่นในด้านการสืบสวนผลจาการนี้ทำให้ฮูดินีได้รับสัญญาว่าจ้างแสดงที่โรงละครอัลฮัมบราแห่งลอนดอนยาวนานถึงหกเดือน



ถึงตอนนี้ฮูดินีก็ได้รับสมญานามว่า “เจ้าแห่งกุญแจข้อมือ (The Handcuff King)” เขาตระเวนโชว์ไปทั่วยุโรป ไม่ว่าที่เนเธอร์แลนด์
เยอรมัน ฝรั่งเศส รัสเซีย ฯลฯ โดยฮูดินีจะท้าทายให้โปลิศท้องถิ่นจับเขาสวมกุญแจมือแล้วใส่กรงขัง ทั้งนี้ด้วยการถอดเสื้อผ้าทุกชิ้น
และตรวจทั่วตัวก่อน ที่กรุงมอสโคว์ ฮูดินีหนีหลุดออกมาได้จากรถขนนักโทษไปไซบีเรียทั้งนี้เขาเล่าว่าหากไม่สามารถหลุดเป็นอิสระได้
ก็ต้องติดรถไปถึงไซบีเรียโน่นเพราะกุญแจที่มีเพียงดอกเดียวได้เก็บรักษาไว้ที่นั่น


ตลอดระยะปี 1907 ถึง 1910 ฮูดินีได้สร้างความเกรียวกราวทั่วอเมริกาด้วยการแสดงการหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งหลายแหล่ ทั้งกรงขัง
กุญแจมือ โซ่ตรวน เชือก ตลอดจนเสื้อแจ๊คเก็ตที่ใช้สวมรัดตัวคนบ้า(Straitjacket) ล้วนไม่สามารถยึดกักเขาไว้ได้ นอกจากนี้เขายังค้นคิด
วิธีการที่ตื่นเต้นโลดโผนขึ้นไปอีก เช่น การใส่กุญแจมือแล้วยัดตัวเข้าไปในถังน้ำ  ในหม้อต้ม ในถุงเมล์ แม้กระทั่งในท้องปลาวาฬที่มาเกยตื้น
ตายบนชายหาดเมืองบอสตัน การแสดงเช่นนี้อาจล้มเหลวและเสี่ยงต่อความตาย สร้างความระทึกใจแก่ผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง และทุกครั้ง
ของการแสดงฮูดินีก็จะใช้วิธีการประชาสัมพันธ์ด้วยการท้าทายเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งสื่อก็จะแพร่ข่าวสู่สาธารณะ นับว่าได้ผลดีกว่าการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ทั่วๆไปหลายเท่า



และในปี 1912 ฮูดินีก็ได้นำเอาโชว์ที่เรียกได้ว่าดังสุดๆของเขาออกแสดง นั่นคือการหลุดออกจาก
“ถังน้ำทรมานของจีน (The Chinese Water Torture Cell)”


ด้วยการถูกมัดตัวแล้วหย่อนห้อยหัวลงไปในถังที่ใส่น้ำเต็มปรี่ ซึ่งการนี้เขาต้องกลั้นลมหายใจนานกว่าสามนาทีแต่เขาก็หลุดเป็นอิสระออกมา
ได้ในวินาทีสุดท้ายทุกครั้งในระหว่างที่ผู้ดูใจหายใจคว่ำ


หลายคนคาดคะเนถึงวิธีการต่างๆที่ฮูดินีใช้ในการหลุดรอดจากพันธนาการ บ้างว่าใช้วิธีไสยศาสตร์ ใช้ในการถอดจิตวิญญาณ แอบซุกซ่อนกุญแจ ฯลฯ
แต่ฮูดินีก็ปฏิเสธวิธีการเหล่านี้ ตลอดอาชีพการแสดงฮูดินีได้เขียนอธิบายถึงกลวิธีต่างๆเป็นหนังสือหลายเล่ม เช่น “ความลับของกุญแจมือ (Handcuff Secrets)”
ซึ่งพิมพ์ในปี 1909 เขาได้เปิดเผยถึงการหลุดจากกุญแจมือและกุญแจล็อคตลอดจนโซ่ตรวน ว่าทั้งหมดล้วนเปิดออกมาได้ด้วยการใช้พลังที่เหมาะสม
หรืออุปกรณ์แม้กระทั่งเชือกผูกรองเท้า และอีกวิธีหนึ่งเมื่อถูกมัดด้วยเชือกหรือแจ๊คเก็ตคนวิกลจริต เขาจะเบ่งขยายกล้ามเนื้อไหล่และอก ขยับแขน
ให้ถ่างจากตัวก่อนจะถูกมัด ซึ่งทำให้เชือกหรือแจ๊คเก็ตหลวมหลังจากนั้นเขาก็ผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้หดลงและหลุดออกมาได้


แต่ก็มีบางคราวเหมือนกันที่เขาต้องเผชิญกับความยากวิบากในการแสดง โดยเฉพาะครั้งที่ นสพ.เดลี่มิร์เรอร์ ของลอนดอนได้ท้าทายให้ฮูดินี
แก้กุญแจมือที่ทำขึ้นพิเศษโดยนาธาเนียล ฮาร์ท(Nathaniel Hart) ช่างกุญแจแห่งเบอร์มิ่งแฮมซึ่งฮาร์ทใช้เวลาประดิษฐ์ขึ้นถึงเจ็ดปีฮูดินีรับคำท้า
และการประลองก็มีขึ้นในวันที่ 17 มีนาคม 1904 ณ โรงมหรสพฮิปโปโดรม มีผู้เข้าชมถึง 4,000 คนกับสื่อมวลชนอีกราวร้อยกว่า
นับเป็นรายการที่ตื่นเต้นและทรหดยิ่งยวดเพราะกินเวลานานนับชั่วโมง ช่วงเวลาดังกล่าวฮูดินีได้ออกมาจากฉากหรือม่านเล็กๆที่เขาเรียกว่า
“บ้านผี(Ghost House)” หลายหน



หนหนึ่งเขาได้ออกมาขอให้ช่วยถอดกุญแจมือออกชั่วคราวเพื่อที่เขาจะได้ถอดเสื้อคลุมออก แต่ตัวแทนของเดลี่มิร์เรอร์ปฏิเสธ โดยอ้างว่า
ฮูดินีอาจฉวยโอกาสดูวิธีการปลดกุญแจมือ ดังนั้นจอมมายากลจึงงัดเอาปากกามีดออกมา ใช้ฟันขบมีดไว้แล้วตัดเสื้อโค้ทขาดและปลดมันออกจากตัว
หลังจากนั้น 56 นาทีเบสส์ภริยาก็ขึ้นไปบนเวทีและจูบให้กำลังใจแก่เขา เชื่อกันว่าในปากของเธอมีลูกกุญแจซ่อนอยู่และเธอคายใส่ปากเขา
ฮูดินีกลับเข้าไปหลังฉากอีกครั้ง กระทั่งเมื่อเวลาทั้งสิ้นล่วงไปหนึ่งชั่วโมงกับสิบห้านาที เขาก็โผล่ออกมาอย่างเป็นอิสระ
ผู้ดูที่เอาใจช่วยต่างก็ไชโยโห่ร้องด้วยความยินดีและแบกเขาขึ้นบ่าแห่แหนเอิกเกริกจนฮูดินีน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ


เขากล่าวในภายหลังว่าครั้งนี้เป็นการหลุดพ้นจากพันธนาการที่ยากเย็นที่สุดในชีวิตมายากลของเขา ในเรื่องนี้เมื่อฮูดินีเสียชีวิตไปแล้วได้มีหนังสือ
เล่มหนึ่งชื่อ “เรื่องสั่นสะเทือนขวัญของบุคคลผู้ลึกลับ” เขียนโดย วิลล์ โกลด์สโตน มีข้อความตอนหนึ่งว่า มาร์ติน เบค ผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับฮูดินี
ได้เล่าว่า การแสดงครั้งนั้นอูดินีหมดท่าจนต้องให้เบสส์ช่วย ซึ่งโกลด์สโตนก็ยังอ้างอีกว่าเบสส์ได้ไปขอลูกกุญแจจากตัวแทนของเดลี่มิร์เร่อร์
จากนั้นก็เอาลุกกุญแจใส่ในแก้วน้ำยื่นให้ฮูดินีดื่ม อย่างไรก็ตามในหนังสืออีกเล่มหนึ่งคือ “ชีวิตลับของฮูดินี” ได้กล่าวว่าลูกกุญแจดอกสำคัญนั้น
มีความยายถึง 6 นิ้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแอบใส่ในแก้วน้ำ และก็ยังมีข่าวลืออีกอย่างว่า แท้จริงแล้วเรื่องนรี้ฮูดินีได้เป็นผู้วางแผนแต่ต้นเองแหละ
ด้วยว่าเขาเป็นนักแสดงและนักประชาสัมพันธ์ชั้นเยี่ยมอยู่แล้ว ก็ว่ากันไป



ฮูดินีนั้นมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงและแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา เขามีความมั่นใจขนาดกล้าท้าทายให้ใครก็ได้ต่อยท้องเขาแบบว่า
สุดแรงเกิด ทั้งนี้เขาเตรียมตั้งรับโดยเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องและยืดหยุ่นรับน้ำหนักหมัด หากทว่าการท้าทายนี้ได้นำซึ่งจุดจบแห่งชีวิตของฮูดินี


เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงมหรสพปรินเซสส์ในมอลทรีอัล,แคนาดา ซึ่งผู้ที่รู้เห็นคือ แจ๊คไพรซ์ กับ แซม สไมลีย์ สองนักศึกษา
แห่งมหาวิทยาลัยแม็คกิล(Mcgill University) ทั้งคู่ได้เล่าว่า ในตอนนั้นฮูดินีได้นั่งพักอยู่บนม้ายาวภายหลังจากเสร็จสิ้นการแสดง
และมีนักศึกษาศิลปะคนหนึ่งกำลังสเก็ตช์รูปของเขา



ทันใดนั้นเองก็ได้มีนักศึกษาชายนามว่า เจ กอร์ดอน ไวท์เฮด(J Gordon Whitehead) ได้พรวดพราดเข้ามาถามฮูดินีว่า จริงหรือที่เขา
สามารถรับหมัดที่ชกใส่พุงกะทิได้ ซึ่งฮูดินีพยักหน้ารับอย่างเพลียๆ และโดยที่ไม่คาดคิด ฉับพลันนั้นไวท์เฮดก็ได้อัดกำปั้นเข้าใส่ท้อง
ของฮูดินีเต็มเหนี่ยวถึงสามครั้งซ้อนๆ ก่อนที่ฮูดินีจะทันเกร็งหน้าท้องรับน้ำหนักหมัด เท่านั้นยังไม่พอไวท์เฮดยังกระหน่ำหมัดใส่อีกหลายครั้ง
ซึ่งทั้งสองนักศึกษากล่าวว่าฮูดินีมีอาการเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด


ฮูดินีได้บอกภายหลังว่าถ้าหากเขามีเวลาเตรียมตัวให้พร้อม เขาก็จะอยู่ในสภาพที่สามารถรองรับน้ำหนักหมัดได้อย่างดีกว่านี้ ทว่าก่อนหน้านั้น
เขาก็มีอาการเจ็บป่วยจากอาการไส้ติ่งอักเสบเป็นเวลาหลายวัน ที่สำคัญคือฮูดินีไม่สนใจในการไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหลาย
อย่างจริงจัง ด้วยเขาเชื่อมั่นในสภาพร่างกายของตนเองเกินไป และก็ยังคงออกตระเวนแสดงอยู่ต่อไป

เมื่อฮูดินีไปเปิดการแสดงที่การ์ริคเธียเตอร์ในดีทรอยต์,รัฐมิชิแกน ในวันที่ 24 ตุลาคม 1926 นั่นคือการแสดงมายากลครั้งสุดท้ายของเขา
ตอนนั้นฮูดินีมีไข้ขึ้นสูงถึง 40 c เขาไม่สนใจว่าตนเองกำลังเป็นไส้ติ่งอักเสบอย่างรุนแรงและขึ้นเวทีแสดง มีบางรายงานอ้างว่าเขาได้เสียชีวิต
บนเวทีไปแล้ว หากทว่าฟื้นขึ้นได้และแสดงต่อไปอีก กระทั่งในที่สุดก็ต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลเกรซ(Grace Hospital)แห่งดีทรอยต์




ฮูดินีเสียชีวิตด้วยเยื่อกระเพาะอักเสบอันเนื่องมาจากไส้ติ่งแตก เมื่อเวลา 01:26 น. ในห้องเลขที่ 401 ในวันที่ 31 ตุลาคม 1926 รวมอายุได้ 52 ปี
อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่า ฮูดินีเสียชีวิตจากการวางยาพิษโดยเหล่าผู้มีอาชีพทรงเจ้าเข้าผีและเชิญวิญญาณของผู้ตายให้มาพบปะสนทนากับญาติสนิท
มิตรสหาย ทั้งนี้เพราะในช่วงระยะหลังของชีวิต ฮูดินีได้ต่อสู้รณรงค์กับผู้ดำเนินการทรงเจ้าเหล่านี้ เขาประณามว่าเป็นการกระทำที่หลอกลวงชาวบ้าน
โดยไม่มีทางเป็นไปได้ในโลกของวิทยาศาสตร์ที่จะมีวิญญาณใดๆฮูดินีจะไปจับผิดและประกาศเปิดโปงเบื้องหลังของคนเหล่านั้น
ซึ่งสร้างความโกรธแค้นเคืองให้แก่เหล่าผู้เชิญวิญญาณทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งที่โด่งดังและมีผู้เชื่อถือมากมาย



โดยเฉพาะกับสาวงามนาม มินา แครนดอน หรือที่รู้จักในชื่อ “มาร์เจอรี่ (Margery) ผู้เป็นนักเชิญวิญญาณ (Spiritualists)และเป็นสาวสังคมชั้นสูง
ของบอสตัน(แถมสามียังเป็นอาจารย์สอนแพทย์อีกด้วย)เธอทำพิธีเข้าทรงวิญญาณโดยไม่เรียกร้องเงินทองจากญาติของผู้ตายแต่อย่างใด
ระหว่างวิญญาณปรากฏนั้นโต๊ะจะขยับขึ้นลง สรรพสิ่งเคลื่อนไหว และยังมีเสียงพูดของวิญญาณโต้ตอบกับญาติที่มาร่วมพิธี ซึ่งเหล่านี้ฮูดินีได้เปิดเผย
ถึงเบื้องหลังวิธีการและท้าทายให้มาเจอรี่มาเผชิญหน้าโดยเสนอรางวัลให้หนึ่งหมื่นดอลลาร์แต่ทว่าเธอไม่ยอมมาปรากฏตัว

เมื่อเขาสร้างศัตรูไว้มากมาย จึงเป็นไปได้เหมือนกันที่ฮูดินีจะถูกวางยาพิษ ศพของฮูดินีมีพิธีฝังในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1926
ที่สุสานมักเพลาห์(Machpelah),นิวยอร์ค โดยมีผู้มาร่วมไว้อาลัยอย่างเศร้าสร้อยกว่า 2,000 คน
มีศิลาจารึกของสมาคมมายากลแห่งอเมริกาประดับอยู่ที่หลุมศพของเขา




แม้ว่าเขาจะปฏิเสธเรื่องเข้าทรง แต่ฮูดินีก็ต้องการพิสูจน์ในเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนเสียชีวิตเขาจึงได้ทำข้อตกลงกับเบสส์ภริยาว่าถ้าหากวิญญาณ
ของเขาได้กลับมาหาเธอ เขาจะเปล่งเสียงออกมาเป็นรหัสลับที่รู้กันเพียงเขากับเธอว่า “Rosabelle believe” ซึ่งคำคำนี้เป็นวลีที่เบสส์
เคยใช้ในการแสดงของเธอสมัยที่ทั้งสองได้พบกันวันแรกๆ

เบสส์ได้พยายามทำพิธีเชิญวิญญาณของฮูดินีมาพบในวันฮาโลวีนของทุกๆปีติดต่อกันนานถึงสิบปี หากทว่าก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด
กระทั่งใน ค.ศ.1936 เบสส์ได้ทำพิธีเชิญวิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายที่โฮเตลนิคเกอร์บอคเกอร์ จากนั้นเธอก็เป่าเทียนที่จุดสว่างตลอดมา
นับแต่เขาเสียชีวิตให้ดับลง และได้เอ่ยในเวลาต่อมาว่า

“สิบปีนั้นยาวนานเพียงพอแล้วสำหรับการรอคอยใครก็ตาม”

ถึงกระนั้น บรรดามายากรทั้งหลายที่ชื่นชมในตัวฮูดินีก็ยังคงหวังที่จะได้พบวิญญาณของเขา และมีพิธีเชิญวิญญาณฮูดินีในวัน ฮาโลวีน
ในหลายสถานที่สืบเนื่องติดต่อกันมาแม้ในทุกวันนี้

<a href="http://www.youtube.com/v/72IBUiXJogc" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/72IBUiXJogc</a>

ใครจะรู้ว่าซักวันดวงวิญญาณของฮูดินี อาจปรากฏให้พวกเขามีโอกาสสัมผัสก็เป็นได้ติดตามชมรายละเอียดและภาพต่างๆ
ของจอมมายากลฮูดินีได้ในรายการโทรทัศน์ ทรู วิชั่น ช่องHistory(   ) เรื่อง “Houdini : Unlocking The Mystery”
ตามวันและเวลาที่ระบุในวารสารประจำเดือนของ PREMIER ครับผม




credit :: tuaytoon
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 พฤศจิกายน 2013, 13:43:19 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

pheebar

  • X5 Club
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1435
  • Country: 00
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-1
    • ดูรายละเอียด

คนนี้เป้นนักมายากลในตำนานเลย


First_1st

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 72
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ขอบคุณมากครับ  eta08

piryat

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 149
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-8
    • ดูรายละเอียด

Daran

  • เด็กหัดแอ่ว
  • *
  • กระทู้: 109
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-1
    • ดูรายละเอียด

ตำนานนักมายากล