-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุการณ์สังหารหมู่สุดโหดในประวัติศาสตร์ชาติอังกฤษ  (อ่าน 281 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18150
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

เหตุการณ์สังหารหมู่สุดโหดในประวัติศาสตร์ชาติอังกฤษ
cr. ทีมงานนักเขียนเด็กดี

เหตุการณ์สังหารหมู่ The Harrying Of The North
สังหารหมู่ด้วยวิธีเผาหมู่บ้าน เผาอาหารจนหมด



พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 แห่งอังกฤษหรือสมญานามว่า “วิลเลี่ยมผู้พิชิต”( William the Conqueror) ได้ประสบความสำเร็จในการ
ยึดครองอังกฤษในปี ค.ศ. 1066 แต่แม้จะได้ครองราชย์แล้ว พระองค์ก็ยังไม่หยุดแผ่ขยายอำนาจของตน เพราะต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จ
ผ่านไปสามปีหลังการครองราชย์ ก็เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เรียกกันว่า Harrying of the North ขึ้น


ในช่วงนั้นกลุ่มกบฎทางตอนเหนือของอังกฤษใช้เทคนิคกองโจร เข้าโจมตีพระเจ้าวิลเลี่ยมจากนั้นก็ถอยหนี พระเจ้าวิลเลี่ยมเจอเหตุการณ์นี้
อยู่ไม่กี่หนก็ตัดสินใจว่า เมื่ออีกฝ่ายเล่นแบบนี้ คงต้องให้วิธีโหดร้ายกลับ ช่วงนั้นคือปลาย ค.ศ. 1069 พระองค์ได้สั่งการให้ทหารเริ่มปฏิบัติการ
“สังหารหมู่” โดยใช้วิธีเผาหมู่บ้านทางตอนเหนือไปทีละหมู่บ้าน และสังหารประชาชนทั้งหมด ไม่พอแค่นั้น พระองค์ได้ทำลายแหล่งอาหาร
ทั้งหมด เพื่อให้ผู้รอดชีวิตอดตายในช่วงฤดูหนาว

เชื่อกันว่าผู้คนที่ตายในเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้ รวมผู้เสียชีวิตมากถึง 100,000 ราย
 

 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Massacre Of Glencoe
การสังหารหมู่เพราะต้องการให้แสดงความจงรักภักดี



ในปีค.ศ. 1692 ช่วงเวลา 15 ปีก่อนจะเกิดพระราชบัญญัติสหภาพระหว่างอังกฤษและสก็อตแลนด์ พระเจ้าเจมส์ที่ 7 แห่งสก็อตแลนด์
ต้องลี้ภัยไปยังฝรั่งเศส เนื่องจากพระเจ้าวิลเลี่ยมแห่งออเรนจ์ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางทั้งหลาย และมีอำนาจครอบครองอังกฤษอยู่
กลุ่มต่างๆ หรือที่เรียกว่ากลุ่มแคลน (Clan) ของสก็อตแลนด์สนับสนุนพระเจ้าเจมส์ที่ 7 และมอบอำนาจให้พระองค์เต็มที่


แน่นอนว่าพระเจ้าวิลเลี่ยมแห่งออเรนจ์ไม่พอใจ และได้ยื่นคำขาดให้สก็อตแลนด์สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ภายในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1692
ไม่อย่างนั้น ก็จะจัดการขั้นเด็ดขาด ทว่าบรรดาผู้นำกลุ่มแคลนยังเลือกที่จะภักดีต่อพระเจ้าเจมส์และเฝ้ารอให้พระองค์กลับคืนแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าเจมส์ได้ประกาศว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ โดยวันที่พระองค์เลือกประกาศคือ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1691 แต่ต้องใช้เวลา
นานถึง 16 วัน สารสำคัญนี้จึงมาถึงสก็อตแลนด์ เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะถึงกำหนดการสุดท้ายที่พระเจ้าวิลเลี่ยมได้ให้ไว้
การตัดสินใจเป็นไปอย่างล่าช้ามาก ประกอบกับผู้นำของกลุ่มแคลนอย่าง อลาสแตร์ แมคเคลน ใช้เวลานานในการครุ่นคิด กว่าจะเลือก
ประกาศว่าจะสวามิภักดิ์ ก็ล่วงเลยมาจนวันที่ 31 ธันวาคมแล้ว

จอห์น ดาลริมเพิล เลขานุการของสก็อตแลนด์เองมีแผนต้องการกำจัดอำนาจของกลุ่มแคลน ที่เป็นพวกไฮแลนเดอร์อยู่แล้ว จึงปฏิเสธ
สารสวามิภักดิ์ และปล่อยให้พวกแคลนต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง 12 วันต่อมา กองทัพจากอังกฤษก็มาถึง ในตอนแรก พวกแคลนไม่รู้
ด้วยซ้ำว่ากำลังจะโดนสังหาร พวกเขาต้อนรับกองทัพอังกฤษอย่างดี มอบที่พักพิงให้และดูแลต้อนรับขับสู้

จนกระทั่งคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ระหว่างพวกแคลนนอนหลับ พวกเขาก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น รวมถึงตัวอลาสแตร์ แมคเคลนด้วย
 

 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Massacre Of The Jews At York
ชาวยิวเป็นเหยื่อในทุกยุคสมัย



ที่อังกฤษนั้น มีการต่อต้านยิวมาตั้งแต่ช่วงยุคกลางแล้ว และในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1190 ก็ได้มีเหตุการณ์โหดร้าย เมื่อชาวยิวจำนวน 150 คน
ถูกสังหารหมู่ที่ยอร์ก จุดกำเนิดของเรื่องนี้ เริ่มจากชายสี่คนชื่อว่า วิลเลี่ยม เพอร์ซี่, มาร์เม็ดดุ้ก ดาเรลล์, ฟิลิป เดอ โฟคอนเบิร์ก และริชาร์ด มาเลบิสส์
ทั้งสี่ต่างเป็นคนโลภและมีปัญหาทางการเงิน พวกเขายืมเงินจากชาวยิวเป็นจำนวนมาก ยิ่งเห็นว่าหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวและเลือก
ที่จะกำจัดชาวยิวเพื่อล้างหนี้แทน


แต่พวกเขาไม่ได้เลือกสังหารแค่เจ้าหนี้ของตน แต่เลือกพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลี้ภัยชาวยิวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ชาวยิวเหล่านี้แอบอาศัยอยู่ในปราสาทของเมือง
และมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ในคืนวันที่ 16 มีนาคม ทั้งสี่คนรวมตัวกันฆ่าผู้หญิงและเด็กๆ จำนวนมาก จากนั้นก็เผาปราสาททิ้ง สังหารชาวยิว
มากกว่า 150 คน
 



เหตุการณ์สังหารหมู่ The Wihtwara Pagan Massacre
เรื่องศาสนาก็เป็นประเด็นสำคัญที่ให้เกิดการสังหารหมู่



ช่วงปีค.ศ. 686 พระเจ้าแคสเวลล่า (Caedwalla) แห่งเวสเซ็กซ์พิชิตหมู่เกาะไอล์ออฟไวต์ที่อยู่ทางชายฝั่งตอนใต้ของอังกฤษ หลังจากยึดอำนาจมาได้
พระเจ้าแคสเวลล่าพบว่าผู้คนบนเกาะล้วนแต่นับถือลัทธินอกศาสนา ด้วยความที่พระองค์ให้ความสำคัญกับศาสนาคริสต์มาก จึงต้องการให้ทุกคนเปลี่ยน
มานับถือศาสนาคริสต์ พระเจ้าแคสเวลล่ายื่นคำขาดว่า ถ้าไม่เปลี่ยนศาสนาก็จะต้องถูกสังหารจนหมด


ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ประชากรทุกคนบนเกาะต่างทำหูทวนลมและไม่สนใจคำสั่งของพระองค์ ตามสถิติมีผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียวคือ น้องสาวของ
กษัตริย์ประจำเกาะ ที่อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็คเบิร์ตแห่งเคนท์ นอกนั้นถูกสังหารหมู่จนเกลี้ยงเกาะ
 



เหตุการณ์สังหารหมู่ The Betrayal Of Clannabuidhe
ความไม่ไว้วางใจนำมาซึ่งการสังหารหมู่



สำหรับเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้ น่าจะใกล้เคียงกับ “เรดเวดดิ้ง” ในซีรี่ย์เกมออฟโธรน (ถ้าเคยดู) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1574 เป็นเรื่องราวของ
เซอร์ไบรอัน แมคเฟลิม โอนีล ผู้นำของกลุ่มโอนีล แคลนนาบอย แห่งไอร์แลนด์เหนือ ในช่วงปี ค.ศ. 1568 โอนีลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวิน
หกปีต่อมา เขาก็พบว่าตัวเองประทับใจ และชื่นชมประเทศอังกฤษจนถึงขั้นอยากสวามิภักดิ์ น่าเสียดายที่อังกฤษไม่ได้ชื่นชมโอนีลเหมือนกับที่เขาชื่นชม
ประเทศของตน และมองว่าโอนีลอาจเป็นสายคนสำคัญ ประกอบกับกลุ่มโอนีล แคลนนาบอย ของเขาเริ่มแข็งแกร่งจนน่ากลัว


เหตุการณ์เลวร้ายเริ่มขึ้นเมื่อโอนีลได้เชิญเอิร์ลแห่งซัสเซ็กซ์มาที่ปราสาทของตนเพื่อปรับความเข้าใจ ระหว่างงานเลี้ยงทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่ง
งานจบน่ะแหละ กองทัพอังกฤษจึงบุกเข้ามาและสังหารโอนีลกับครอบครัวและผู้มาร่วมงานจนหมด นับรวมได้มากถึงเกือบ 500 คน ทุกคนไม่มีอาวุธ
และไม่มีอันตราย ตัวโอนีล ภรรยา น้องชาย ถูกจับตัวไปยังปราสาทดับลิน โอนีลถูกแขวนคอ ภรรยาโดนถ่วงน้ำ ส่วนน้องชายถูกแยกร่างเป็นสี่ส่วน
 


 
เหตุการณ์สังหารหมู่ St. Brice’s Day Massacre 
โครงกระดูกที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 2008



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1002 จุดเริ่มต้นมาจากปัญหาระหว่างกษัตริย์ของเดนมาร์ก พระเจ้าสเวนที่ 1 และกษัตริย์อังกฤษ
พระเจ้าแอเธลเรด ด้วยความที่พระเจ้าแอเธลแรดกลัวการรุกรานของเดนมาร์ก จึงตัดสินใจว่าจะสังหารชาวเดนมาร์กทุกคนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ ตัวเลข
ของผู้เสียชีวิตนั้นไม่ปรากฏ แต่เชื่อกันว่ามีจำนานมากมายเกินนับได้


ผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ในออกซ์ฟอร์ด พระเจ้าแอเธลแรดได้เขียนข้อความเอาไว้ว่า
“พวกเดนมาร์กมีอยู่เป็นจำนวนมาก แพร่กระจายเหมือนฝูงหอย และควรถูกทำลายให้หมดสิ้นด้วยการสังหาร พวกเดน (มาร์ก)
ที่อาศัยอยู่ในอ็อกฟอร์ด พวกนี้หนีความตายมา เข้ามาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ ทำตัวเป็นผู้ลี้ภัย แต่สุดท้ายพวกเขา
เป็นพิษเป็นภัยต่อเรา”


ในปี ค.ศ. 2008 นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเซ็นต์จอห์นได้ตรวจพบกระดูกของผู้ชายราว 35 คนในโบสถ์ของอ็อกฟอร์ด เชื่อกันว่าพวกเขาเป็นชาวไวกิ้ง
 


 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Storming Of Bolton
พวกคลั่งเจ้าและพวกบูชาประชาธิปไตยมักจะมีปัญหากันเสมอ



จากสถิติเชื่อกันว่าเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มีคนตายมากที่สุดในช่วงสงครามกลางเมือง 9 ปีของอังกฤษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ
วันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1644 เมื่อกลุ่มคาวาเลียร์ (พวกคลั่งเจ้า) ภายใต้คำสั่งของเจ้าชายรูเพิร์ต เข้าโจมตีกลุ่ม ราวด์เฮด (รัฐสภา) ที่เมืองโบลตัน
กองทัพของพวกคาวาเลียร์มีกองทหารม้า 2,000 นาย และทหารราบ 6,000 นาย


ในช่วงกลางดึกที่ฝนตกหนัก รูเพิร์ตนำกองทัพเข้าบุกและสังหารคนของฝั่งตรงข้ามไปมากกว่า 1,600 ราย ผู้เสียชีวิตมีทั้งคนไม่เกี่ยวข้อง
ที่ไม่ใช่ทหารและคนที่ปราศจากอาวุธ


 

เหตุการณ์สังหารหมู่ (จราจล) The Peterloo Massacre
การเมืองก็นำมาซึ่งการสังหารหมู่เช่นกัน



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1819 ในเขตแลงคาเชอร์ ช่วงเวลานั้น อุตสาหกรรมสิ่งทอกำลังขยายตัวไปทั่วตอนเหนือของอังกฤษ
และได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เจ้าของโรงงานจำต้องตัดคนงานออกถึง 2 ใน 3 เพื่อลดปัญหาค่าใช้จ่าย ไหนจะปัญหา
เรื่องกฏหมายอากรข้าวโพด ทำให้พืชผลราคาสูงจนเจ้าของโรงงานไม่มีเงินพอจะซื้ออาหารมาให้กับคนงาน


ผลกลายเป็นว่า คนงานจำนวนกว่าหนึ่งล้านคนในแลงคาเชอร์ต้องตกระกำลำบาก นักการเมืองอย่างเฮนรี่ ฮันท์ ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะเขา
ประกาศว่าจะจัดการกฎหมายนี้ ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1819 ผู้คนมากมายไปฟังฮันท์ปราศรัย ทุกคนต่างพาครอบครัวไปด้วย และเตรียมอาหาร
ไปปิกนิกกันอย่างครื้นเครง

น่าเสียดาย หลังปราศรัยไปได้ไม่นาน ฮันท์ก็ถูกจับ แน่นอนว่าประชาชนไม่ยอม พวกเขาปกป้องฮันท์เต็มที่ สุดท้ายบรรดาทหารม้าก็จำต้องทำร้าย
ประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้อง จำนวนผู้บาดเจ็บมีมากถึง 700 ส่วนจำนวนคนตายอยู่ที่ราวๆ 18-20 คน
 


 
เหตุการณ์สังหารหมู่ The Massacre Of Berwick
การเลือกข้างทำให้เกิดโศกนาฎกรรมได้เสมอ


เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถมาร์กาเร็ตแห่งสก็อตแลนด์ หรือ มาร์กาเร็ต ราชนารีแห่งนอร์เวย์สวรรคตในปี ค.ศ. 1290 ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพระองค์
มอบราชสมบัติให้ผู้ใดปกครองต่อ ผลทำให้เกิดการแย่งชิงบัลลังก์ขึ้น มีผู้คนมากมายแสดงตัวว่าเป็นรัชทายาทสายตรง สุดท้ายแล้ว พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด
ที่หนึ่งแห่งอังกฤษได้เลือก จอห์น บัลลิออล (John Balliol) ลอร์ดแห่งแกลโลเวย์เป็นกษัตริย์แห่งสก็อตแลนด์


แน่นอนว่าเมื่อเป็นผู้เลือกให้เป็นกษัตริย์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้คาดหวังว่า จอห์น บัลลิออลจะสวามิภักดิ์และเป็นพันธมิตรกับพระองค์ ในช่วงสงคราม
ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส พระองค์ได้เรียกร้องให้บัลลิออลมอบกองทัพสนับสนุนอังกฤษ แต่บัลลิออลกลับปฏิเสธ ทั้งยังเข้าพวกกับฝั่งเศสด้วย
ผลทำให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกริ้วมาก และได้เลือกเบอร์วิค ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างสก็อตแลนด์กับอังกฤษ เป็นพื้นที่แห่งการล้างแค้น

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ไว้ชีวิตใคร ไม่ว่าลูกเล็กเด็กแดง เพศหญิงหรือชาย ตลอดการสังหารหมู่ทั้งสองวัน ว่ากันว่าเลือดจากร่างกายของชาวสก็อต
หลั่งรดแผ่นดิน มีผู้คนมากกว่า 7,500 ต้องล้มตาย พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกรีฑาทัพเข้าสก็อตแลนด์ และได้ชัยในสงคราม สุดท้ายบัลลิออลก็ต้อง
สละราชสมบัติ

 

ข้อมูลจาก

http://listverse.com/2017/07/19/10-historical-british-massacres-that-outdo-game-of-thrones/
https://en.wikipedia.org/wiki/Peterloo_Massacre
http://www.bbc.co.uk/history/scottishhistory/independence/intro_independence2.shtml
https://englishhistoryauthors.blogspot.com/2014/01/the-menai-massacre-last-outpost-of.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Bolton_massacre
https://www.historytoday.com/richard-cavendish/st-brice%E2%80%99s-day-massacre
https://en.wikipedia.org/wiki/Betrayal_of_Clannabuidhe
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พฤศจิกายน 2018, 11:22:49 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่