-->

ผู้เขียน หัวข้อ: เทพ อมาเตระสุ สึคิโยมิ ซูซาโนะโอะ  (อ่าน 6137 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18236
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
เทพ อมาเตระสุ สึคิโยมิ ซูซาโนะโอะ
« เมื่อ: 12 ธันวาคม 2014, 16:16:51 »

อันนี้จะว่าซ้ำก็ซ้ำนะ แต่มีเกล็ดเล็กๆเพิ่มเติมมา ใครอยากอ่านเพิ่มมาต่อกันเลย  kjhg

อมาเตระสุ จักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์



อมาเตระสุ คือ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ในศาสนาชินโต แล้วยังถูกสถาปนาให้เป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญอย่างสูงสุดในศาสนาชินโต
คือ อมาเตระสุทรงดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์ ทั้งยังมีความสำคัญต่อราชวงศ์แห่งญี่ปุ่น  ซึ่งตามเทวตำนาน (โคจิกิ)
ระบุว่าพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นเป็นผู้สืบเชื้อสายมาแต่เทพีอมาเตระสุ จึงเป็นว่าพระเชื้อพระวงศ์ญี่ปุ่นเป็นทายาทแห่งเทพีอมาเตระสุ
ดังนั้นศาสนาชินโตจึงให้ความสำคัญรวมถึงชาวญี่ปุ่นมาแต่อดีตกาลที่นับถือเทพีพระองค์นี้มาแต่ดึกดำบรรพ์


เทพีอมาเตระสุกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น จึงมักเรียกญี่ปุ่นว่า "แดนอาทิตย์อุทัย"

ด้วยทรรศนะความเชื่อนี้จึงปรากฏให้เราทราบ คือ สัญลักษณ์ธงประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นเป็น วงกลมสีแดงอยู่ตรงกลาง ซึ่ง
วงกลมสีแดงนั่นหมายถึง ดวงอาทิตย์ ซึ่งแสดงว่า ชาวญี่ปุ่นนั่นนับถือดวงอาทิตย์และยกย่องให้เทพีอมาเตระสุเป็นเทพมารดาแห่งญี่ปุ่น
เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าตนเองเป็นลูกหลานของเทพีอมาเตระสุ

แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ในสัญลักษณ์สากลมักระบุความหมายของดวงอาทิตย์นั้นเป็นเพศชาย ซึ่งเทพแห่งดวงอาทิตย์ไม่ว่า
จะเป็นพราหมณ์ - ฮินดู กรีก อียิปต์ มักปรากฏในรูปลักษณ์ที่เป็นบุรุษ เช่น พระสุริยเทพ , เทพอะพอลโล , เทพราห์
ซึ่งล้วนแล้วเป็นบุรุษทั้งนั้น แม้เทพแห่งดวงอาทิตย์ของศาสนาลัทธิเต๋ายังเป็นบุรุษ

 
แต่ว่าของศาสนาชินโตกลับมีเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์เป็นสตรีเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด ซึ่งอาจสื่อนัยว่าการที่เทพเจ้าแห่งอาทิตย์
ถูกยกย่องเป็นเทพเจ้าสูงสุดและเป็นผู้หญิงด้วยนั้นมันแสดงภาพสะท้อนว่าญี่ปุ่นอาจเป็นกลุ่มที่ยกย่องให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ในทางด้าน
การปกครองมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ แต่ในยุคต่อๆมาอาจมีการลดบทบาทของผู้หญิงในทางด้านการปกครองลงบ้าง
ซึ่งตามข้อมูลในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็มีเชื้อพระวงศ์ที่เป็นเจ้าหญิงขึ้นปกครองญี่ปุ่นเป็นจักรพรรดินีหลายพระองค์ด้วยกัน
 
ตามเทวตำนานกล่าวถึงเทพีอมาเตระสุว่าทรงเป็นพระราชธิดาอันเกิดแต่เทพบุตรอิซานางิเพียงพระองค์เดียว  ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า หลังจาก
ที่เทพอิซานางิหนีออกมาจากแดนโยมะได้สำเร็จ ด้วยความเหนื่อยล้าจึงทรงแวะสรงพระพักตร์ยังแม่น้ำ ปรากฏว่า มีรัศมีพุ่งออกมาจาก
พระเนตรข้างซ้าย กลายเป็นเทพีอมาเตระสุ แต่ไม่เพียงเท่านั้นเทพบุตรอิซานางิยังให้กำเนิดเทพเจ้าซึ่งเป็นพระราชโอรสอีกสองพระองค์
คือ เทพทซูกิโยมะ เทพแห่งดวงจันทร์อันประสูติจากพระเนตรข้างขวา และ เทพซูซาโนะวู เทพแห่งลม เกิดจากลมปราณจากพระนาสิก
ตอนขณะทรงสรงพระพักตร์ แต่เทพบุตรอิซานางิทรงพอพระทัยในพระราชธิดาองค์นี้มาก จึงทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดินี
แห่งสรวงสวรรค์ นัยก็คือ ท่านเป็นประมุขแห่งเทพเจ้าทั้งปวงของศาสนาชินโต ซึ่งเทพีอมาเตระสุทรงเสด็จประทับอยู่ยังพระราชวัง
บนสรวงสวรรค์ ทำหน้าที่ฉายแสงรัศมีทำความอบอุ่นแก่โลก ทำให้เกิดข้าวธัญญาหาร ดังนั้นมนุษย์จึงมีข้าว ผลไม้ ผัก
และสมุนไพรอุปโภคและบริโภค   


ตำนานกำเนิดกลางคืนกลางวัน



ตามเทวตำนานกล่าวถึงเทพซูซาโนะโอะ เทพแห่งสายลม ซึ่งมีความอยากพบพระมารดา คือ เทพธิดาอิซานามิ จึงร้องไห้คร่ำครวญ
จึงมองว่ามีผู้เดียวที่จะปลอบโยนพระองค์ได้แทนพระมารดาคือ พระเชษฐาภคินี คือ เทพีอมาเตระสุ ดังนั้นพระองค์จึงเสด็จขึ้นไป
บนสวรรค์เพื่อหวังให้พระพี่นางอมาเตระสุปลอบพระทัย แต่ด้วยการมาของพระองค์มาในรูปของพายุร้าย พระเทพีเห็นดังนั้นก็เกรงว่า
พระอนุชาจะมาแย่งชิงบัลลังก์แห่งสรวงสวรรค์

 
พระเทพีจึงขับไล่พระอนุชาไป แต่ความน้อยใจต่ำใจแห่งพระอนุชาจึงทำให้ทรงคิดจะยึดบัลลังก์สวรรค์ขึ้นมาจริงๆ จึงทูลขอให้พระพี่นาง
ประลองวัดความสามารถว่าผู้ใดสร้างพระโอรสได้ก่อนกันผู้นั้นจะได้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ พระเทพีทรงรับคำท้า เทพซูซาโนะโอะคว้าสร้อย
พระศอของพระเทพีมาเคี้ยวแล้วพ่นออกมากลายเป็นเทพบุตร 5 พระองค์ ส่วนพระเทพีจึงคว้าดาบของพระอนุชามาหักเป็น 3 ท่อน
แล้วทรงเคี้ยวจนละเอียดแล้วพ่นออกมากลายเป็นเทพธิดา 3 พระองค์ ผลดูผิวเผินแล้วเทพซูซาโนะโอะเป็นฝ่ายชนะ แต่เหล่าทวยเทพ
พากันลงมติว่าเทพีอมาเตระสุเป็นผู้ชนะเพราะเทพบุตรทั้ง 5 นั้นเกิดจากสร้อยพระศอของพระเทพีอมาเตระสุ ดังนั้นเทพซูซาโนะโอะจึงเป็นฝ่ายแพ้

เทพซูซาโนะโอะไม่รับคำตัดสินในครั้งนี้ จึงบันดาลในเกิดพายุใหญ่กระจายไปทั่วโลกอย่างบ้าระห่ำแล้วพัดเอาหลังของลูกม้าปลิด
มาตกกลางเทวสภา ทำให้เทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งเป็นบริวารของพระเทพีสิ้นบุญด้วยความตกใจ การกระทำของเทพซูซาโนะโอะในครั้งนี้
ทำให้พระเทพีทรงพระพิโรธเป็นอย่างยิ่ง แต่ทรงทำอันใดไม่ได้เพราะความบ้าบิ่นของพระอนุชา ดังนั้นพระเทพีจึงตัดสินพระทัยเดินทาง
ออกจากสรวงสวรรค์ไปประทับยังถ้ำสวรรค์แทน

เมื่อสรวงสวรรค์ไร้ซึ่งดวงอาทิตย์แสงรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องโลกและสวรรค์จากความมืดจึงไม่มีอีกต่อไป เหล่าภูติผีปีศาจจึงออกมา
อาละวาดสร้างความเตือนร้อนให้แก่มนุษย์ เหล่าเทพเจ้าจึงลงประณามเทพซูซาโนะโอะว่าความหายนะครั้งนี้เกิดเนื่องจากพระองค์ 
จากนั้นพระองค์ทรงสำนึกผิดได้จึงเดินทางออกจากสวรรค์แล้วจะไม่ทรงค่อยเกี่ยวกับแดนสวรรค์อีกต่อไป

ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเวลากลางคืนเกิดขึ้นเนื่องจากเทพีอมาเตระสุทรงเข้าไปประทับในถ้ำสวรรค์เนื่องจากทรงกริ้วพระอนุชา
คือ เทพซูซาโนะโอะนั้นเอง   


หลังจากนั้นเหล่าทวยเทพเจ้าจึงมาชุมนุมกันเพื่อหาทางให้เทพีกลับมายังสวรรค์อีกครั้งแต่ไม่เป็นผล ดังนั้นเหล่าทวยเทพ
จึงพากันไปวินวอนเทพียังหน้าถ้ำขอให้เทพีกลับไปทำหน้าที่เป็นผู้ให้แสงสว่างดังเดิม แต่เทพีทรงไม่ยอมออกมา
ดังนั้นเหล่าเทพจึงนำอัญมณีที่สวยงาม และ กระจกไปแขวนไว้ที่หน้าถ้ำ แล้วเหล่าเทพเจ้าต่างบรรเลงดนตรีด้วยจังหวะสนุกสนาน
จนเทพธิดานามว่า " อเมโนะ อูซูเมะ " ออกมาเต้นรำอย่างสนุกสนาน พร้อมทั้งทำเป็นถอดเครื่องอาภรณ์ไปทีละชิ้น เหล่าเทพเจ้า
ซึ่งกำลังชมการแสดงอยู่นั้นต่างพากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่ จนเทพีอมาเตระสุเริ่มมีปฎิกิริยาตอบสนองคือ ทรงหัวเราะแล้ว
เหล่าทวยเทพต่างได้ยินเสียงนั้น ดังนั้นเริ่มเห็นผลเหล่าทวยเทพพากันทวีการหัวเราะยิ่งขึ้นเสมือนเป็นเทศกาลสนุกสนาน

ทางถ้ำสวรรค์เริ่มมีแสงเรืองรองออกมา เทพีอมาเตระสุออกมาดูพร้อมกับใบหน้าที่มีความสุข แต่เทพีหันไปมองซึ่งที่สะท้อนแวววับ
นั้นคือกระจก เทพีเห็นความงดงามของตนเอง ยิ่งทำให้พระองค์ทรงแย้มพระสรวลได้อย่างภาคภูมิพระทัย จึงเสด็จออกมาจากถ้ำ
สำเร็จได้สำเร็จ เทพีจึงเสด็จกลับคืนสู่สรวงสวรรค์อีกครั้ง คือ เช้าของวันใหม่นั้นเอง




สึคิโยมิ เทพแห่งจันทรา



สึคิโยมิ คือ เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ทรงกำเนิดจากดวงพระเนตรด้านขวาของเทพบุตรอิซานางิ และทรงเป็นพระอนุชาองค์รอง
แห่งเทพีอมาเตระสุ และยังทรงเป็นพระอนุชาที่พระเทพีทรงโปรด

เพราะคนญี่ปุ่นสมัยโบราณมองว่าดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์นั้นเป็นของคู่กันนั้นเอง แล้วยังประทับอยู่ในที่เดียวกันคือท้องฟ้า
ซึ่งตามเทวตำนานกล่าวว่าพระเทพีอมาเตระสุทรงโปรดให้เทพสึคิโยินั้นประทับร่วมกับพระเทพีในพระราชวังบนสรวงสวรรค์
เหล่าเทพธิดาอันเป็นบริวารของพระเทพีคอยดูแลพระอนุชาดั่งไข่ในหิน จนทำให้พระอนุชาสึคิโยมิกลายเป็นผู้ที่เอาแต่พระทัย
อะไรไม่ได้ดั่งพระทัยก็ทรงให้อารมณ์ตัดสินปัญหาตลอดจนพระเทพีผู้เป็นพระพี่นางปวดพระเศียรตลอด
 
ซึ่งมีตำนานกล่าวว่า เทพีแห่งอาหาร นามว่า " ยูเกะ โมชิ " เสด็จขึ้นมารับหน้าที่ทำพระกระยาหารถวายเทพีอมาเตระสุ
ด้วยรสฝีมือเลิศรสหาคนเทียบได้ไม่ จึงทำให้เทพียูเกะ โมชิ กลายเป็นคนโปรดของพระเทพี วันหนึ่งพระอนุชาสึคิโยมิ
ทรงอยากลองลิ้มรสฝีมือของเทพียูเกะ โมชิ จึงทรงมีพระโองการให้เทพีแห่งอาหารประกอบพระกระยาหารถวาย



 
พระอนุชาสึคิโยมิเสวยพระกระยาหารแล้วทรงพอพระทัยยิ่งนัก จึงทรงเปรยให้พระเทพียูเกะ โมชิ ทำพระกระยาหารถวายอยู่เรื่อยๆ
นานวันเข้าพระอนุชาทรงอยากทราบว่าเหตุใดพระกระยาหารนี้จึงมีรสชาติวิจิตรและเลิศรสเช่นนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเทพีแห่งอาหารได้
ประกอบพระกระยาหารอยู่ในครัวหลวง ซึ่งเทพสึคิโยิทรงแอบดูพระเทพียูเกะ โมชิประกอบพระกระยาหารอยู่นั้น แทบไม่เชื่อ
พระเนตรของพระองค์เอง เมื่อพระเทพียูเกะ โมชิทรงดึงอาหารออกมาจากดวงตา จมูก ปาก และ ที่แย่ที่สุดคือ ทวารหนัก

( เพราะว่า เทพียูเกะ โมชิ เป็นเทพีแห่งอาหาร ซึ่งชาวญี่ปุ่นยกย่องเป็นคล้ายๆกับ พระแม่โพสพทางบ้านเรา จึ
งไม่แปลกอะไรที่พระเทพีจะอวัยวะในร่างกายมาทำอาหารได้ )

เมื่อเทพสีคิโยมิทอดพระเนตรเช่นนั้นจึงทรงกริ้วต่อการกระทำของเทพียูเกะ โมชิ พระองค์เลยพังประตูครัวหลวงและใช้ดาบ
ฟันจนเทพียูเกะ โมชิสิ้นบุญ เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณแห่งเทพีอมาเตระสุ ดังนั้นพระเทพีจึงทรงกริ้มาก จนไม่สามารถ
ให้อภัยต่อการกระทำในครั้งนี้ได้ พระเทพีอมาเตระสุทรงตรัสขึ้นว่า

" สิคิโยมิอนุชาแห่งข้า เจ้ากระทำเกินไป เจ้าสังหารคนของพี่ เท่ากับเจ้าทำลายพี่ด้วย
 นับจากนี้ไปเจ้ากับพี่ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก "


ตั้งแต่นั้นดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์จึงปรากฏกันคนช่วงเวลากลายเป็นตำนานเรื่องเล่าถึงสาเหตุที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
ปรากฏบนท้องฟ้าคนละเวลากัน จากนั้นเป็นต้นมา ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์จึงไม่เคยเลยทีจะปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกั




ซูซาโนะโอะ เทพแห่งลม



ซูซาโนะโอะ คือ เทพเจ้าแห่งลม ซึ่งเป็นพระอนุชาพระองค์เล็กแห่งเทพีอมาเตระสุ  ซึ่งกำเนิดเนื่องจากลมปราณแห่งเทพบุตร
อิซานางิผู้เป็นเทพบิดรหลังจากการสรงน้ำพระพักตร์หลังจากเสด็จกลับจากโยมะ (ยมโลก)

หลังจากโลกมนุษย์จึงตกอยู่ในความมืด มนุษย์ตกอยู่ในความเตือนร้อนซ้ำสอง เหล่าทวยเทพขับไล่เทพซูซาโนะโอะออกจากสวรรค์
เพราะทรงกระทำความสงบสุขแห่งโลกมนุษย์และแดนสวรรค์ เทพซูซาโนะโอะทรงสำนึกผิดความผิดของพระองค์จึงยินยอมออก
จากเทวสภาไปยังแดนมนุษย์

ตามเทวตำนานระบุว่าหลังจากทรงออกจากเทวสภาแล้วเสด็จท่องเที่ยวไปทั่วเกาะญี่ปุ่น จนมาถึงเกาะของชนเผ่าหนึ่งในญี่ปุ่น
คือ ชนเผ่าอิซูโม ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน ซึ่งตรงข้ามกับประเทศเกาหลี

 
เทพซูซาโนะโอะให้ความช่วยเหลือเทพธิดาแห่งเผ่าอิซูโม ที่จะต้องเป็นเครื่องสังเวยมังกรร้ายที่จะขึ้นมารับเครื่องสังเวยปีละครั้ง
ซึ่งพี่สาวของเทพธิดาทั้ง 7 ถูกส่งเป็นเครื่องสังเวยมาแล้วจนมาถึงคราวของเทพธิดาที่จะเป็นเครื่องสังเวย

พระองค์ทรงพบรักกับเทพธิดาแห่งชนเผ่าอิซูโม ซึ่งต้องถูกนำไปสังเวยแด่มังกรร้าย คือ "ยามาโต โนโอโรชิ" ซึ่งเป็นมังกรที่มี 8 หัว
และเป็นหนึ่งในกลุ่มมังกรของเทวตำนานญี่ปุ่นและนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เทพซูซาโนะโอะทรงรับอาสาช่วยเหลือหญิงอันเป็นที่รัก
ให้พ้นจากการเป็นเครื่องบูชายัญแด่มังกรร้าย โดยทรงแต่งองค์เป็นหญิงสาวแล้วประทับยังกระท่อมที่สร้างขึ้นมา หัวทั้ง 8
ของมังกรยามาโต โนโอโรชิจึงเข้าไปในแต่ละห้องจะวางภาชนะขนาดใหญ่ที่บรรจุเหล้าไว้จนเต็ม แล้วพระองค์จักทรงประทับ
บนคานของกระท่อม โดยให้เงาของพระองค์ลงมากระทบกับภาชนะใส่เหล้าเหล่านั้นเป็นภาพของหญิงสาวสะท้อนออกมา

เมื่อเจ้ามังกรร้ายยามาโต โนโอโรชิขึ้นมาจากทะเลก็หมายจู่โจมเข้ามาในกระท่อมเพื่อกินเทพธิดา แต่แล้วมังกรร้ายต้องถึงกลับ
สับสนเมื่อพบว่ามีหญิงสาวถึง 8 นางอยู่ในกระท่อม มังกรร้ายใช้แต่ละหัวเข้าไปในแต่ละห้องแล้วจู่โจมกับภาชนะบรรจุเหล้าเพราะเชื่อว่า
เป็นหญิงสาว มันก็สับสนเพราะหญิงสาวเหล่านั้นอยู่ในน้ำจึงหมายดื่มน้ำออกจากภาชนะเสียก่อน แต่น้ำนั้นเป็นเหล้าจึงทำให้มันเมามาย
จนไม่ได้สติ เทพซูซาโนะโอะมอมเจ้ามังกรร้ายสำเร็จ


 
เทพซูซาโนะโอะจึงสังหารเจ้ามังกรร้ายนั้นแล้วชำแหละร่างของมันจนพบว่าในท้องของมันนั้นมีดาบ ซึ่งต่อมาดาบนั้นถูกเรียกว่า
"ดาบคูซานากิ" หลังจากนั้นเทพซูซาโนะโอะทรงสมรสกับเทพธิดาแล้วสถิตอยู่ ณ เกาะอิซูโม โดยทรงเนรมิตปราสาทขึ้นมาอย่างงดงาม


เทพซูซาโนะโอะมอบดาบคูซานากิแด่เทพีอมาเตระสุ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการยืนยันความจำนงของเทพซูซาโนะโอะ
ต่อพลังอำนาจแห่งจักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์ หลังจากนั้นพระเทพีอมาเตระสุเสด็จออกจากถ้ำคืนแสงสว่างแด่โลกและสวรรค์ตามเดิม
เทพซูซาโนะโอะทรงสำนึกในความผิดจึงเสด็จจำนงต่อพระเทพีแล้วมอบดาบคูซานากิมอบแด่พระเทพีอมาเตระสุ เพื่อเป็นของขวัญ
แสดงถึงความยินยอมต่อความผิดของพระองค์และเป็นสิ่งยืนยันในการยอมอยู่ภายใต้อานัสแห่งจักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์พระองค์นี้ตลอดไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 ธันวาคม 2014, 10:58:27 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

xnavin

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 85
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: เทพ อมาเตระสุ สึคิโยมิ ซูซาโนะโอะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 25 มกราคม 2015, 20:45:34 »

แล้วเทพนกป.ล่ะ!

PLAYBOY ขั้นเทพ

  • V.I.P.
  • อาชาคะนองศึก
  • *
  • กระทู้: 1345
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +6/-2
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
Re: เทพ อมาเตระสุ สึคิโยมิ ซูซาโนะโอะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 25 มกราคม 2015, 21:37:42 »

เทพนกป.ลีลาเด็ดสุด
***** PLAYBOY ขั้นเทพ #  PRESENTS   การบ้านสะท้านปฐพี   ==> ความมันส์!..กำลังจะบังเกิดแล้วครัชพี่น้อง *****

Daddy Cm

  • เด็กทะลึ่ง
  • ****
  • กระทู้: 90
  • คะแนนจิตพิสัย +1/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: เทพ อมาเตระสุ สึคิโยมิ ซูซาโนะโอะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 25 มกราคม 2015, 22:12:52 »

ท่านเทพ ???