ผู้เขียน หัวข้อ: ฮาชิมัน และ มาริชิ เท็น เทพ-เทพีแห่งสงคราม (อ่าน 3966 ครั้ง)

etatae333

ฮาชิมัน เทพแห่งสงคราม

ฮาชิมัน คือ เทพแห่งสงคราม ซึ่งเป็นเทพเจ้าของญี่ปุ่นแท้ เพราะเทพพระองค์นี้เมื่อก่อนทรงเป็นพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น
ที่รู้จักกันในพระนาม "พระจักรพรรดิโอจิน" ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ทรงมีอยู่จริงและเป็นพระจักรพรรดิที่มีหลักฐานยืนยัน
เป็นพระองค์แรกของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

พระองค์ทรงเป็นที่เลื่องลือในด้านโบราณคดีที่ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีสุสานหลวงเป็นรูปรูกุญแจ ซึ่งแสดงทรรศนะ
ว่าญี่ปุ่นรับอิทธิพลเกี่ยวกับการสร้างสุสานหลวงมาจากประเทศจีนในสมัยนั้น

ด้วยพระจักรพรรดิโอจินทรงมีพระปรีชาสามารถในเชิงยุทธการ (การสงคราม) ทรงกระทำสงครามไม่เคยปราชัยพอเสด็จสวรรคต
พระจักรพรรดิ และ ผู้ปกครองรุ่นต่อมา พอจะทำศึกสงครามจักทรงต้องประกอบพิธีกรรมบูชาเทพฮาชิมัน หรือ ดวงพระวิญญาณ
แห่งพระจักรพรรดิโอจินเสียก่อนออกรบเสมอ จึงทำให้พระองค์กลายเป็นเทพแห่งสงครามมานับแต่บัดนั้น

เทพฮาชิมันในอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความแตกต่างในพระองค์เอง คือ ทรงเป็นเทพแห่งสงครามผู้น่าเกรงขาม
แต่ก็ทรงเป็นเทพผู้มีจิตใจดีงามและรักเด็ก

เทพฮาชิมัน หรือ ดวงพระวิญญาณพระจักรพรรดิโอจิน มิได้ทรงครองตำแหน่งเทพแห่งสงครามเท่านั้น แต่ทรงเป็นเทพผู้พิทักษ์เด็กด้วย
ซึ่งมีความคล้ายกับเทพผู้พิทักษ์เด็กตามความเชื่อของชาวจีนที่มักปรากฏว่าเทพผู้พิทักษ์เด็กล้วนเป็นอดีตฮ่องเต้ทั้งนั้นเป็นต้น
จึงเป็นไปได้ว่าญี่ปุ่นก็รับอิทธิพลเทพพิทักษ์เด็กมาจากประเทศจีนก็เป็นได้ จึงมีการยกย่องเทพฮาชิมัน หรือ ดวงพระวิญญาณ
พระจักรพรรดิโอจินกลายเป็นเทพผู้พิทักษ์เด็กด้วยตามกระแสนิยมจากประเทศจีนนั้นเอง

เทพฮาชิมันมีรูปลักษณ์เป็นพระภิกษุเนื่องจากอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา

สิ่งที่น่าสนใจว่า เทพฮาชิมัน ทรงเป็นเทพแห่งสงครามแต่ทำไมจึงมีรูปลักษณ์ หรือ เทวลักษณะเป็นพระภิกษุ และรูปเคารพเช่นนี้
เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า ขณะนั้นหลังจากดวงพระวิญญาณพระจักรพรรดิโอจินทรงถูกสถาปนาเป็นเทพฮาชิมันแล้ว
โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นเทพแห่งสงคราม ต่อมาประเทศญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนามาจากประเทศเกาหลี ซึ่งมีศูนย์กลาง
ในเอเชียตะวันออกอยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งพระพุทธศาสนาในช่วงเวลานั้นกำลังเฟื่องฟูอยู่ในประเทศจีนเป็นอย่างมาก ดังนั้นประเทศเกาหลี
กับ ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการรับอิทธิพลนี้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นจึงเกิดการปรับเปลี่ยนเทพเจ้าในศาสนาชินโตกลายมาเป็นเทพเจ้าในพระพุทธศาสนา เช่น พระเทพีอมาเตระสุ คือ พระร่างอวตาร
แห่งพระไวโรจนพุทธเจ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นทรรศนะการกลืนกินผนวกศาสนาชินโตเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ดังนั้นเทพฮาชิมันจึงถูกถ่ายโอนเป็นเทพเจ้าในพระพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา
จึงกลายเป็นว่าเทพฮาชิมันทรงมีรูปลักษณ์เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานับแต่นั้นเป็นต้นมา

การแห่ขบวนของเทพฮาชิมันในอีกที่หนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทพฮาชิมันเป็นเทพที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพระองค์หนึ่ง และเป็นการยืนยันว่า
พระองค์เคยเป็นเทพเจ้าที่มีรากเหง้ามาจากศาสนาชินโต เพราะเทพเจ้าในศาสนาชินโตเท่านั้นที่จะได้รับการนำแห่เช่นนี้

ตราสัญลักษณ์ที่มักปรากฏตามศาลเจ้า และ ขบวนแห่ของเทพฮาชิมัน อาจเคยเป็นตราประจำพระจักรพรรดิโอจินมาก่อน
เพราะเทพฮาชิมันก็คือ ดวงพระวิญญาณแห่งพระจักรพรรดิโอจิน

มาริชิ เท็น เทพีแห่งสงคราม

มาริชิ เท็น คือเทพีทางพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าพระเทพีทรงเป็นเทพีแห่งสงคราม และ ความมีชัย คงคล้ายกับ เทพฮาชิมัน
ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามฝ่ายชาย แต่แตกต่างกันที่เทพีมาริชิ เท็น นั้นเป็นเทพเจ้าที่มาพร้อมกับพระพุทธศาสนาจากประเทศจีน
แต่เทพฮาชิมันนั้นทรงเป็นเทพเจ้าดังเดิมของญี่ปุ่นเอง

ซึ่งเทพีมาริชิ เท็น เป็นเทพสงครามฝ่ายหญิง หรือ นับได้ว่าทรงเป็นพระธรรมบาล หรือ เทพีผู้มีหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา
ซึ่งเทพีพระองค์นี้ได้รับการนับถือในพระพุทธศาสนานิกายวัชรยานในทิเบตอีกด้วย ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากนักรบได้บูชา
เทพีพระองค์นี้แล้วจะสามารถทำให้ข้าศึกมองไม่เห็นตนเอง ซึ่งคงอารมณ์เดียวกับการล่องหนหรือมนต์กำบังของไทยเรา
จึงมองได้ว่าเทพีมาริชิ เท็นทรงเป็นเทพีที่อาจนำชัยชนะมาให้ และ เป็นเทพีที่พิทักษ์นักรบนั้นเอง

ภาพศาลหรือเทวาลัยของเทพีมาริชิ เท็น ตามคติความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน ที่ทิเบต

รูปลักษณ์ขององค์เทพีจักทรงประทับบนหลังหมูป่าและทรงพระพักตร์ 3 พระพักตร์ แล้วทรงมี 8 กร ถืออาวุธครบมือ ดังพระธรรมบาล
หรือ เทพเจ้าปางดุในพระพุทธศาสนานิกายวัชรยานที่เราคุ้นเคยดี ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า เทพีมาริชิ เท็นอาจเคยเป็นเทพเจ้า
ในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมาพร้อมกับพระพุทธศาสนาจากอินเดียมาที่ประเทศจีนผ่านเส้นทางสายแพรไหม และพอญี่ปุ่นรับพระพุทธศาสนา
เข้ามาแล้วด้วยว่าในช่วงนั้นคงมีการทำสงครามกับประเทศใกล้เคียงอยู่บ้างจึงมีการยกย่องและบูชาเทพีพระองค์นี้

เพราะมีข้อสังเกตว่า ต่อมาเทพีพระองค์นี้ได้รับการบูชาในทิเบต หลังจากพระพุทธศาสนาจากอินเดียไปแพร่หลายในทิเบตด้วยเช่นกัน
เพราะมีเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์หลายพระองค์ที่ถูกผนวกเข้ามาเป็นพระธรรมบาลในพระะพุทธศาสนา เช่น พระเวทโพธิสัตว์ หรือ
ที่รู้คุ้นเคยว่า อุ้ยท้อผ่อสัก ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งปัจจุบันนี้พระโพธิสัตว์พระองค์นี้ยังได้รับการนับถืออยู่
โดยมีการสันนิษฐานว่าทรงเป็นร่างผนวกของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ที่มีพระนามว่า "พระขันธกุมาร" หรือ "พระกาติเกยะ" ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการสันนิษฐานว่า เทพีมาริชิ เท็น อาจเป็นร่างผนวกของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ เช่น พระกาลี
อันเป็นปางดุของพระอุมาเทวี เป็นต้น

อุ้ยท้อผ่อสัก หรือ พระเวทโพธิสัตว์ ทวารบาลที่ชาวจีนนิยมสร้างให้เป็นเทพผู้พิทักษ์หน้าศาลเจ้า โรงเจ และ วัดในพระพุทธศาสนา
นิกายมหายาน มีการสันนิษฐานว่าเป็นภาพผนวกของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ คือ พระขันธกุมาร (ภาพบน)