-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 8สรวงสวรรค์ที่ไม่มีวันเป็นจริง  (อ่าน 568 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18202
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed
8สรวงสวรรค์ที่ไม่มีวันเป็นจริง
« เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2018, 10:39:09 »

8สรวงสวรรค์ที่ไม่มีวันเป็นจริง
cr. Cammy-เต่านรก



ยูโทเปีย (Utopia) เป็นเมืองในจิตนาการปรากฏในชื่อหนังสือของเซอร์ทอมัส มอร์ ในปี ค.ศ. 1516 
โดยเป็นเมืองที่มีระบบสังคมอันแสนสมบูรณ์แบบ กล่าวคือเป็นเมืองที่สวยงาม ไม่ขาดแคลนทรัพยากร
ผู้คนก็จิตใจดีงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน กินดีอยู่ดี ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีความยากจน


ต่อมายูโทเปียได้กลายเป็นต้นแบบของเมืองในฝัน ที่ทั่วโลกพยายามสร้างขึ้น นักคิดยูโทเปียทั้งหลาย
พยายามที่จะสร้างปัจจัยภายนอก เช่น การออกแบบระบบ  การเมือง เศรษฐกิจ  การปกครอง ตลอดจนการวาง 
วัฒนธรรม  ความเชื่อ  ประเพณี  จารีตต่างๆ  เพื่อสร้างสังคมในอุดมคติที่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ล้มเหลวตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ไม่มีเลยที่สร้างเมืองยูโทเปียขึ้นมาได้
ซ้ำร้าย หลายเมืองได้กลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งความเลวร้ายและน่าขายหน้าต่อคนทั่วโลก มันไม่ง่ายเลย
ที่เราจะสร้างยูโทเปียบนโลก

และนี่คือ 8 เมืองยูโทเปียที่ล้มเหลว
 


8.ออร์โดส (Ordos)




เมืองดูไบ เป็นเมืองที่น่าทึ่ง เพราะมันเป็นเมืองสุดหรูที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย จนทำให้คนจากทั่วโลก
อยากเข้ามาอยู่ และด้วยความสำเร็จดังกล่าวทำให้ประเทศอื่นๆ อยากจะสร้างแบบนี้บ้าง แต่สุดท้าย
พวกเขาก็พบว่ามันว่ามันไม่ง่ายเลย


ในช่วงยุค 2000 รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจสร้างเมืองดูไบแบบฉบับตัวเอง โดยเลือกพื้นที่ทะเลทรายในมองโกเลีย
มาสร้างเมือง พวกเขาพยายามสร้างเศรษฐกิจ ความเจริญทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานไฟฟ้า อาคารถูกออกแบบ
โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง รวมไปถึงสนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ ทุกอย่างถูกออกแบบและค่าก่อสร้างแพงระยับ และเมือง
แห่งนี้ถูกตั้งชื่อว่าออร์โดส โดยตั้งใจว่ามันจะตาหน้าแก่ประเทศ





อย่างไรก็ตาม ออร์โดสได้กลายเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ เมื่อเมืองแห่งนี้สร้างเสร็จแต่ไม่มีประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่เลย
เพราะราคาสินทรัพย์ในพื้นที่ก็สูงลิบจึงไม่มีผู้เช่าซื้อ และรายใดต้องการจะไปลงทุนทำธุรกิจ หลายอาคารถูกปล่อยให้
ว่างเปล่า ไม่มีคนอยู่ เมืองแห่งนี้จึงกลายเป็นเมืองร้างไปในที่สุด

ทุกวันนี้ออร์โดสได้กลายเป็นเมืองผี มีคนอาศัยไม่กี่คน ทั้งๆ ที่เมืองนี้ถูกออกแบบรองรับหลายแสนคนก็ตาม
 




7. มักนีโตกอสค์  (Magnitogorsk)




โจเซฟ สตาลิน เป็นคนมีวิสัยทัศน์ และหนึ่งในวิสัยทัศน์ของผู้ที่สร้างรัญคอมมิวนิสต์ ที่ถ่ายทอดมาจากเลนิน นั้นคือการสร้าง
อุตสาหกรรมโรงงานไฟฟ้า และนั้นหมายความว่าเขาจะต้องสร้างศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งใหม่ ตั้งแต่เริ่มต้น ใช้เวลา
อย่างน้อยห้าปี หนึ่งในศูนย์กลางดังกล่าวก็คือมักนีโตกอสค์

มักนีโตกอสค์ (เป็นเมืองอุตสาหกรรมในเชเลียบินสค์โอบลาสต์ ประเทศรัสเซีย ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำอูรัล
เมืองมีประชากร 407,775 คน (ค.ศ. 2010) เมืองนี้แรกเริ่มเป็นหมู่บ้าน ดำรงชีวิตด้วยการเลี้ยงปศุสัตว์ แต่หลังจากที่
พบแร่เหล็กแมกนีไทต์ในบริเวณภูเขา 2 ลูกที่อยู่ใกล้เคียง รัฐบาลสหภาพโซเวียตได้เริ่มพัฒนา ด้วยการวางแผนอย่าง
สมบูรณ์แบบมันจะเป็นสวรรค์คนงาน เป็นศูนย์กลางผลิตเหล็ก มีทุ่งกว้างมให้เด็กวิ่งเล่นกัน ทุกคนได้อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์
ขนาดใหญ่ที่มีเป็นบล็อกชุมชน และมีส่วนร่วมในการแข่งขันกับสังคมนิยม




อ่านดูเหมือนจะดี แต่อนิจจาปัญหาของเมืองในฝันนี้คือ มันเป็นเมืองที่สภาพอากาศเลวร้ายมาก เมื่อคนงานอาสาสมัคร
ที่ถูกส่งมาสร้างเมือง ซึ่งตอนนั้นไม่มีเมือง ดังนั้นเขาต้องนั้นนอนในเต็นท์ และก็พบว่าสภาพอากาศของที่นี้มีอุณหภูมิติดลบ
ถึง -20 องศาเซลเซียส แค่ฤดูหนาวครั้งแรกหลายคนก็เสียชีวิต และรถต้องขนศพไปทิ้งเกือบทุกวัน

ฤดูร้อนก็เต็มไปด้วยพายุฝุ่นที่ย ทำให้ไม่มีน้ำสะอาด อาหารก็ขาดแคลน และไม่มีโรงพยาบาล และนั่นก็เป็นสาเหตุทำให้
คนงานมีอัตราเสียชีวิตสูง เฉลี่ยคนละอย่างน้อยหนึ่งปี และแล้วเมืองมักนีโตกอสค์ก็เสร็จสมบูรณ์

แต่มันก็ไม่ใช่เมืองในฝันอีกต่อไป เพราะเบื้องหลังคือป่าช้าของเหล่าคนงานนับหมื่นคนที่ถูกส่งมาทำงานจนตาย
 




6.พรุทท์-ไอโกอ์ (Pruitt-Igoe)



 
พรุทท์-ไอโกอ์ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอุดมคติในแบบ 'สถาปัตยกรรมสมัยใหม่' (Modern Architecture)
ออกแบบโดยมิโนรุ ยามาซากิ (Minoru Yamasaki 1919-1986) สถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น เขาเป็นผู้ออกแบบตึก
เวิลด์เทรดเซนเตอร์


โดยโครงการดังกล่าววาดฝันเอาไว้ว่ามันจะเป็นสวรรค์ชนชั้นกลางของคนชั้นกลาง ซึ่งเริ่มก่อสร้างตึกสูงมากมายถึง 17 ตึก
ในเซ็นต์หลุยส์ มิสซูรี่ และเริ่มโฆษณาทางทีวีในปี 1954



ในเวลานั้นเมืองเซนต์หลุยส์มีสภาพที่ค่อนข้างแออัด และต้องการที่จะที่อยู่อาศัยให้ดูสะอาด เรียบร้อย โครงการพรุทท์-ไอโกอ์
จึงเป็นความหวังว่ามันจะแก้ปัญหานี้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการเปิดชนชั้นกลาง ที่ส่วนมากเป็นคนผิวสีได้เข้ามาอยู่ แรกๆ เหมือนจะดี แต่อนิจจา มันกลับไม่มีเจ้าหน้าที่
มาดูแล ไม่มีไฟฟ้าใช้ ผลที่ตามมาคือมันได้กลายเป็นสลัม แหล่งอาชญากรรม แก๊งยาเสพติด ไม่มีตำรวจมายุ่ง มันจึงกลายเป็น
โครงการที่อยู่อาศัยที่ล้มเหลว และอันตรายที่สุดโดยบริยาย



ในที่สุดเมืองเซนต์หลุยส์ก็ไม่ทนกับความน่าอับอายดังกล่าว ในที่สุดตึกของโครงการพรุทท์-ไอโกอ์ก็ถูกระเบิดรื้อถอนออกไป
ในปี 1970 เหลือเอาไว้เพียงความทรงจำเท่านั้น




5.ปาลมาโนวา( Palmanova )


 
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 มีชาวอิตาลีผู้หนึ่งได้พยายามสร้างแบรนด์เมืองใหม่ ด้วยการวางแผงผันเมืองให้เป็นป้อมดาว
(ระบบป้อมปราการที่วิวัฒนาการขึ้นระหว่างสมัยที่การใช้ดินปืนในการต่อสู้โดยการใช้ปืนใหญ่) และพยายามที่จะโน้มน้าว
ให้คนมาอาศัยอยู่ที่นั้น ต่อมาเมืองแห่งนั้นถูกเรียกว่าปาลมาโนวา

ปานาโมวา เป็นเมืองที่ถูกควบคุมโดนสถาปนิกทหารชื่อจูลีโย ซาโลเน  (Giulio Savorgnan) การวางผังของเมืองนั้น
มันเหมือนดวงดาว แต่ที่มันน่าสนใจคือมันถูกวางให้เป็นยูโทเปียที่เข็มแข็งสำหรับผู้อยู่อาศัย กำแพงเมือง คูเมือง และ
เขตป้องกันทำให้ป้องกันการรุกรานศัตรูจากภายนอกได้ (กองกำลังออตโตมัน) นอกจากนี้ในเมืองยังมีถนนเพื่อให้ชาวเมือง
สันจรอย่างมีความสุข




แต่มันก็มีปัญหา อันเนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของปานาโมวาก็คือการป้องกันการบุกรุกของกองกำลังออตตมัน แต่มันไม่ได้
ป้องกันสภาพความเป็นอยู่ในเมือง ที่ตอนนั้นเต็มไปความโหดร้ายป่าเถื่อน การข่มขืน ปล้มสะดม และความอดอยาก ไม่แตกต่าง
อะไรกับดาวมรณะ



อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้บทบาทการป้องกันเมืองปานาโมราจะถูกลดความสำคัญลง แต่มันกลับมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยว
เก่าแก่ ที่สวยงาม ที่ได้รับความนิยม





4.นิวเดลี (Delhi)




ในปี 1947 นายกรัฐมนตรียาวาหะราล เนห์รู  (Jawaharlal Nehru) รัฐบุรุษของอินเดียได้ประกาศว่ากรุงนิวเดลี เมืองหลวง
ของอินเดียจะกลายเป็นยูโทเปียสมัยใหม่ ที่ปราศจากความยากจน ไม่มีใครที่อาศัยในบ้านที่สกปรก ทุกคนจะมีที่อยู่อาศัย
ซึ่งเวลานั้นอินเดียพึ่งหลุดพ้นการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ และนายกรัฐมนตรียาวาหะได้แสดงวิสัยทัศน์วันที่ 14 สิงหาคม
วันเอกราชของอินเดีย


อย่างไรก็ตาม การบริหารเมืองนิวเดลีนั้นไม่ง่ายเลย เพราะพวกเขาเริ่มต้นชีวิตหลังอาณานิคมในสภาพการเงินเกือบล้มละลาย
พวกเขามีเงินพัฒนาไม่กี่ล้าน มันอาจสร้างบ้านได้ แต่ก็ไม่กี่หลัง และไม่เพียงพอสำหรับเมืองที่เต็มไปด้วยประชากรในเมือง
หลายล้าน ชาวมุสลินหนีไปประเทศปากีสถาน (นับว่าเป็นการอพยพย้ายถิ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดีย)

ทุกวันนี้กรุงนิวเดลีก็ยังคงเต็มไปด้วยมลพิษ ชุมชนแออัด ประชากรเกือบครึ่งอาศัยอยู่ในสลัมและพื้นที่ผิดกฎหมาย
ในขณะที่จำนวนประชากรก็ยังเพิ่มขึ้น





3.อโครซานติ (Arcosanti)



 
ในช่วงต้นปี 1970 สถาปนิกชาวอิตาเลียนคนหนึ่งชื่อเปาโล โซเลรี่ (Paolo Soleri)  ได้ออกมาแสดงวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่
ในการสร้างเมืองอเมริกัน เมื่อเขาสร้างเมือง Arcosanti  เอาไว้กลางทะเลทางตอนเหนือของฟินิกซ์ รัฐแอริโซน่า โดยเขาตั้งใจ
ที่จะให้เป็นเมืองที่สถาปัตยกรรมปฏิสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เพื่อเป็นเมืองต้นแบบในการลดความ
เสียหายต่อพื้นโลก





เปาโลได้ออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง ได้อย่างสวยงาม เขาตั้งใจว่าจะใช้เวลา 5 ปีในการสร้าง หากแต่เมื่อถึงปี
2016 มันก็ไม่เสร็จ พร้อมกับสิ่งที่น่าตกใจคือเมืองสร้างสำเร็จเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งหมดนี้ก็คือปัญหาการระดมทุน
สร้างเมืองใหญ่ ที่หลายคนมองว่ามันไม่น่าจะสร้างกำไรให้คนลงทุนได้ ดังนั้นมีเพียงอาสาสมัครชำนาฯกับคนสร้างบางส่วนเท่านั้น
ที่สร้างเมือง

เปาโล เสียชีวิตในปี 2013 โดยไม่ได้เห็นเมืองในฝันของเขาเสร็จสมบูรณ์








2.สโกเปีย (Skopje)


   
มันค่อนข้างหายากที่จะหาเมืองที่ล้มเหลวในการเป็นเมืองสวรรค์ถึงสองครั้ง อย่างสโกเปียเมืองหลวงของมาซิโดเนีย
โดยมันเริ่มมาจากปี 1963 เกิดแผ่นดินไหวชนิดเรียกว่าเมืองเกือบทั้งเมืองพังยับ คนกว่า 100,000คนไร้ที่อยู่อาศัย
ทำให้สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย (ตอนนั้นมาซิโดเนียเป็นแค่ส่วนหนึ่ง) ได้ตัดสินใจที่จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ แต่พวกเขา
แทบไม่มีเงินเลย เวลานั้นเองเคนโซ ทังเกะ สถาปนิกระดับโลกชาวญี่ปุ่น (มีชื่อเสียงหลังสงคราม ที่วางผังเมืองฮิโรชิม่า)
เขามีความตั้งใจที่จะทำให้สโกเปียเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่เป็นรูปธรรม





แน่นอนว่า ตอนแรกๆ ออกไปในที่ดี จนกระทั่งมีใครบางคนที่คิดให้เมืองแห่งนี้ยิ่งใหญ่อีกครั้งในสายตาชาวโลก หากแต่ 
แทนที่โครงการสร้างเมืองสโกเปียจะเป็นที่ภาคภูมิใจของยูโกสลาเวีย มันกลับกลายเป็นตัวตลกของโลก เมื่อสิ่งที่พวกเขา
ทำมันเป็นแค่การสร้างรูปปั้นจำนวนมากมาย กับอาคารหลายแห่งเหมือนหลุดจากภาพยนตร์ไซไฟ จนกระทั่งโครงการ
หมดลงไป 2010 เพราะการระดมทุนล้มเหลว





ต่อมาในปี 2014 โครงการสโกเปียก็มีการสร้างมาใหม่เป็นครั้งที่สอง ด้วยการวางแผนว่าพวกเขาอยากสร้างเมืองให้เป็น
แบบสไตล์นีโอคลาสสิกที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการเปลี่ยนทั้งเมืองให้เป็นเมืองยุคกลาง ราวกับเป็นสวนสนุก เพื่อหวังให้นัก
ท่องเที่ยว นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา แต่ผลคือมันเป็นเพียงแค่การสร้างรูปปั้น และสถาปัตยกรรมที่ไร้ค่าคอนกรีต
แทนที่จะเป็นสวรรค์ที่อยู่อาศัยมันกลายเป็นภัยพิบัติที่ไม่คุ้มค่ากับเงินมโหราฬที่เสียไปเลยแม้แต่น้อย




1.โจนส์ทาวน์ (Jonestown)


 
มันเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของป่ากายอานา มันถูกวางว่าจะเป็นยูโทเปียที่แสนสงบสุข ชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว
จะมีความเสมอภาค เท่าเทียมกัน และรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ตอนหลังมันกลับกลายเป็นเมืองแห่งความตาย นรกบนดิน
นามของเมืองนี้คือโจนส์ ทาวน์

ในปี 1977 จิม โจนส์และสาวกมากกว่าพันคนไปสร้างเมือง "โจนส์ทาวน์" ขึ้น บนพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์ ในประเทศกายอานา
ทวีปอเมริกาใต้  โดยบอกว่ามันเป็นยูโทเปีย ที่เหมาะสำหรับชาวอเมริกันที่เบื่อหน่ายจากการเหยียดสีผิว และสังคมเมือง
อยากเป็นอิสระ และความเสมอภาคร่วมกัน




อย่างไรก็ตาม ยูโทเปียของจิม โจนส์ไม่ได้เป็นสวรรค์ที่หลายคนวาดฝันไว้ เมื่อโจนส์ทาวน์ กลายเป็นเมืองล้มเหลว กลายเป็น
ดินแดนแห่งความสิ้นหวัง เมื่อเมืองไร้ไฟฟ้า น้ำประปา ขาดสุขาภิบาล นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยยาเสพติด ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ
มันเป็นเมืองในระบบเผด็จการ สาวกชายหญิงถูกแยกออกไปอยู่คนละเขต เด็กถูกกันไปอยู่อีกที่หนึ่ง มีการปกครองโดยกลุ่มคนผิวขาว
คนผิวดำต้องทำงานใช้แรงงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผู้ที่คิดหลบหนีจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง

ต่อมา จิน โจนส์ได้ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดเด็ก และสภาคองเกรสก็ส่งผู้แทนและผู้สื่อข่าวหลายคนไปตรวจสอบโจนส์ทาวน์ 
หากแต่กลายเป็นผู้ว่าติดตามของจิน โจนส์ได้ฆ่าพวกเขาหมด




สุดท้าย เมื่อจิม โจนส์พบว่าตนเองไปไม่รอด เขาก็ใช้วาทะกรรมของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการพิธีกรรม "ไวท์ไนท์" โดยนำ
น้ำผลไม้ผสมไซยาไนด์ให้สาวกดื่มฆ่าตัวตาย หลังคืนนั้นจบลง ทั้งเขาและสาวกฆ่าตัวตายกว่า 900 ชีวิต (ส่วนผู้ไม่เห็นด้วย
หรือเด็กก็ถูกฆ่าให้ตาย) นับว่าเป็นการฆ่าตัวตายหมู่ที่เลวร้ายในหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของอเมริกา[
/color]


อ้างอิง
http://listverse.com/2016/05/16/10-attempts-to-create-utopian-cities-that-failed-spectacularly/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กรกฎาคม 2018, 16:04:31 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่