รถคันแรกทะลัก... วิกฤตจราจร หัวเมืองใหญ่ เชียงใหม่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การย้ายถิ่นฐานที่หลั่งไหลไปยังต่างจังหวัด ทำให้เศรษฐกิจในหัวเมืองใหญ่ขยายตัวก้าวกระโดด
ขณะที่การพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญยังเกิดขึ้นไม่ทันการเติบโตของเมือง ซึ่งปัญหาใหม่ในวันนี้ก็คือ การจราจรติดขัด
ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤตด้วยปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นทวีคูณ และผลพวงจากนโยบายคืนภาษีรถคันแรกจราจรเชียงใหม่เริ่มอัมพาตในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา "เมืองเชียงใหม่" ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากการรุกคืบของการค้า การลงทุน การอพยพย้ายถิ่น
หรือการเข้ามาหางานทำ รวมทั้งโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ที่รัฐบาลทุ่มลงมาให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองศูนย์กลางทุกด้านเชียงใหม่จึงเป็นพื้นที่เฉพาะที่มีรูปแบบการขยายตัวของเมืองอย่างก้าวกระโดด และตามมาด้วยปัญหาการจราจรและการขนส่ง
ในเมืองที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะปัจจุบันการจราจรในเขตเมืองเชียงใหม่เริ่มติดขัดครอบคลุมถนนสายหลัก
เกือบทุกเส้นทาง การเดินทางในเมืองเชียงใหม่ยังใช้รถส่วนตัวสูงถึงร้อยละ 91 โดยระบบขนส่งสาธารณะหลักที่มีอยู่ คือ รถสองแถวสี่ล้อแดง
ที่ไม่สามารถตอบสนองปริมาณการเดินทางที่มีสูงกว่า 1.8 ล้านเที่ยวต่อคนต่อวัน ซึ่งขณะนี้ปัญหาเริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤตด้วยปริมาณ
รถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น ผนวกด้วยนโยบายรถคันแรกที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2556
นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จำนวนยานยนต์ที่จดทะเบียนในจังหวัดเชียงใหม่
ปี 2554 มีทั้งสิ้น 90,486 คัน แยกเป็นรถยนต์ทุกประเภท 23,613 คัน และรถจักรยานยนต์ 66,873 คัน เป็นรถใหม่ป้ายแดง 84,082 คัน
เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 15,030 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 365 คัน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 7,092 คัน
รถจักรยานยนต์ 61,595 คัน
ขณะที่ในปี 2555 มีจำนวนยานยนต์ทุกประเภทจดทะเบียน 1,923,777 คัน สถิติระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน เป็นรถใหม่ป้ายแดง 95,057 คัน
เพิ่มขึ้น 17.63% เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 23,086 คัน
เพิ่มขึ้น 55.86% รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 332 คัน ลดลง 7.52% ขณะที่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจำนวน 8,570 คัน
เพิ่มขึ้น 22.57% รถจักรยานยนต์ 63,069 คัน เพิ่ม 7.54%ปัจจุบันประชากรในเชียงใหม่ยังนิยมใช้รถส่วนตัว ปริมาณรถยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก ในอนาคตปัญหาการจราจรติดขัดจะเป็นปัญหาใหญ่ของเชียงใหม่
จากสภาพของเมืองที่เติบโตขึ้น การลงทุนมีมากขึ้น ประชากรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ระบบขนส่งมวลชนยังไม่ตอบสนองการใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คาดว่าภายใน 2 ปีนี้การจราจรในทุกเส้นทางจะหนาแน่นมากขึ้นขณะนี้ทางขนส่งเชียงใหม่มีแผนรองรับการขยายตัวของเมืองและการจราจรที่จะหนาแน่นขึ้น แนวทางที่เหมาะสมที่สุด คือ การจัดระบบขนส่งมวลชน
จัดเส้นทางรถขนส่งสาธารณะ (รถสองแถวสี่ล้อแดง) ที่มีอยู่ราว 2,000 คัน ให้ครอบคลุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้สอดคล้องกับความต้องการ
เดินทางของประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน มีแผนจัดระเบียบรถแท็กซี่ของเชียงใหม่กว่า 300 คัน โดยจัดระบบอัตราค่าโดยสารใหม่ ระยะทาง 2 กิโลเมตร/50 บาท
กิโลเมตรต่อไป 10 บาท และหากเกิน 12 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับการตกลงราคาระหว่างแท็กซี่และผู้โดยสาร
ด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ได้เสนอของบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลกว่า 100 ล้านบาท
เพื่อนำมาจัดระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการใช้รถส่วนตัวให้น้อยลง เพื่อรองรับโครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
ที่จะเปิดให้บริการในปี 2556 ขณะเดียวกัน ก็เป็นการแก้ปัญหาการจราจรในเขตเมืองที่เริ่มติดขัดมากขึ้น
ปัจจุบันมีรถเมล์ให้บริการประมาณ 10 คัน ครอบคลุม 3 สายหลักซึ่งไม่เพียงพอ จึงต้องเพิ่มจำนวนรถเมล์อีกกว่า 40 คัน ด้วยงบประมาณราว 100 ล้านบาท
ที่เสนอขอสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ ในอนาคตความหนาแน่นของปริมาณรถบนท้องถนนในเขตเมืองจะเพิ่มในอัตราที่สูงขึ้นเป็นทวีคูณ
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการยกระดับให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการพัฒนาในภาคเหนือ credit :: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์