-->

ผู้เขียน หัวข้อ: The book of Genesis  (อ่าน 789 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

j007

  • บุคคลทั่วไป
The book of Genesis
« เมื่อ: 10 มิถุนายน 2010, 19:38:38 »

การเนรมิต The creation
1. ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง [หรือ เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มเนรมิตสร้าง] ฟ้าและแผ่นดิน
2. แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น
3. พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" ความสว่างก็เกิดขึ้น
4. พระเจ้าทรงเห็นว่า ความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด
5. พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันแรก
6. พระเจ้าตรัสว่า "จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน"
7. พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น
8. พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่สอง
9. พระเจ้าตรัสว่า "น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่แห่งเดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น" ก็เป็นดังนั้น
10. พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่า แผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
11. พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ผักหญ้าที่มีเมล็ด และต้นไม้ที่ออกผล มีเมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น
12. แผ่นดินก็เกิดพืช คือ ผักหญ้าที่มีเมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
13. มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่สาม
14. พระเจ้าตรัสว่า "จงมีดวงสว่างบนฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี
15. และให้เป็นดวงสว่างบนฟ้า เพื่อส่องสว่างบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น
16. พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงใหญ่ครองวัน ดวงเล็กครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย
17. พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ ไว้บนฟ้า ให้ส่องสว่างบนแผ่นดิน
18. ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
19. มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่สี่
20. พระเจ้าตรัสว่า "น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และนกจงบินไปมาข้ามฟ้าเหนือแผ่นดิน"
21. พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตนานาชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และนกต่างๆ ตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
22. พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่สัตว์เหล่านั้นว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้น จนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน"
23. มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
24. พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือ สัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าตามชนิดของมัน" ก็เป็นดังนั้น
25. พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆ ที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
26. แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆ ที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
27. พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
28. พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้น จนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
29. พระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด เราให้พืชที่มีเมล็ดทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า
30. ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายบนแผ่นดิน นกทั้งปวงในอากาศ และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีลมปราณนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร" ก็เป็นดังนั้น
31. พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ทรงเห็นว่าดีนัก มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่หก

อาดัม & อีฟ Adam and Eve
1. ฟ้าและแผ่นดิน และบริวารทั้งสิ้น ที่มีอยู่ในนั้น พระเจ้าทรงสร้างสำเร็จดังนี้แหละ
2. วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงกระทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ ที่ได้ทรงกระทำ
3. พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวง ที่พระองค์ทรงกระทำในการเนรมิตสร้าง

สวนเอเดน
4. เรื่องฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสร้างมีดังนี้ ในวันที่พระเจ้าทรงสร้างแผ่นดิน และฟ้าสวรรค์
5. ต้นไม้ตามทุ่งนายังไม่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน และพืชตามทุ่งนาก็ยังไม่งอกขึ้นเลย เพราะพระเจ้ายังมิได้ทรงทำให้ฝนตกบนแผ่นดิน ทั้งยังไม่มีมนุษย์ที่จะทำไร่ไถนา
6. แต่มีน้ำพลุ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน ทำให้พื้นดินเปียกทั่วไป
7. พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
8. พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่ง ไว้ที่เอเดน ทางทิศตะวันออก และให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นมานั้นอยู่ที่นั่น
9. แล้วพระเจ้าทรงให้ต้นไม้ทุกชนิดที่งามน่าดู และที่น่ากิน เป็นอาหารงอกขึ้นจากดิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่ง อยู่ท่ามกลางสวนนั้น กับต้นไม้แห่งความสำนึก ในความดีและความชั่วต้นหนึ่งด้วย
10. มีแม่น้ำสายหนึ่งไหลจากเอเดนรดสวนนั้น จากที่นั่นก็แยกออกเป็นสี่สาย
11.ชื่อแม่น้ำสายที่หนึ่ง คือ ปิโชน เป็นแม่น้ำที่ไหลรอบแผ่นดินฮาวิลาห์ ที่นั่นมีแร่ทองคำ
12. ทองคำที่เมืองนั้นเป็นทองคำเนื้อดี และมียางไม้ตะคร้ำและโมรา
13. ชื่อแม่น้ำสายที่สอง คือ กิโฮน ไหลรอบแผ่นดินคูช
14. ชื่อแม่น้ำสายที่สาม คือ ไทกริส ไหลไปทางทิศตะวันออก ของเมืองอัสซีเรีย และแม่น้ำสายที่สี่ชื่อ ยูเฟรติส
15. พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้น อยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน
16. พระเจ้าจึงทรงบัญชาแก่มนุษย์นั้น ว่า "บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด
17. เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่"
18. พระเจ้าตรัสว่า "ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียว เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น"
19. พระเจ้าจึงทรงปั้นบรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง และนกในท้องฟ้าให้เกิดขึ้นจากดิน แล้วทรงนำมายังชายนั้น เพื่อดูว่า เขาจะเรียกชื่อมันว่าอะไร ชายนั้นตั้งชื่อสัตว์ทั้งปวง ที่มีชีวิตว่าอย่างไร สัตว์นั้นก็มีชื่ออย่างนั้น
20. ชายนั้นจึงตั้งชื่อบรรดาสัตว์ใช้งาน และนกในอากาศ และบรรดาสัตว์ป่า แต่ชายนั้นยังหามีคู่อุปถัมภ์ที่สมกับตนไม่
21. แล้วพระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม
22. ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น
23. ชายจึงว่า "นี่แหละกระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกว่าหญิง [ตรงนี้ฮีบรูเล่นคำ ถ้าจะให้คงรูปจะแปลเป็นอย่างนี้ก็ได้ "จะต้องเรียกว่า ชายา เพราะชายานี้ออกมาจากชาย"] เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย"
24. เพราะเหตุนั้น ผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
25. ทั้งผู้ชายและภรรยาของเขาเปลือยกายอยู่ และไม่อายกัน

The fall - มนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า
1. ในบรรดาสัตว์ป่า ที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้' "
2. หญิงนั้นจึงตอบงูว่า "ผลของต้นไม้ต่างๆ ในสวนนี้เรากินได้
3. เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย'
4. งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า "เจ้าจะไม่ตายจริงดอก
5. เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้น ในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือ สำนึกในความดีและความชั่ว"
6. เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน
7. ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่า ตนเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้
8. เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า
9. พระเจ้าทรงเรียกชายนั้น และตรัสถามเขาว่า "เจ้าอยู่ที่ไหน"
10. ชายนั้นทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย"
11.พระองค์จึงตรัสว่า "ใครเล่าบอกเจ้าว่า เจ้าเปลือยกาย เจ้ากินผลไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นแล้วหรือ"
12. ชายนั้นทูลว่า "หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน"
13. พระเจ้าตรัสถามหญิงว่า "เจ้าทำอะไรไป" หญิงนั้นทูลว่า "งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้รับประทาน"
14. พระเจ้าจึงตรัสแก่งูว่า "เพราะเหตุที่เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งมากกว่า สัตว์ใช้งาน และสัตว์ป่าทั้งปวง จะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง จะต้องกินผงคลีดินจนตลอดชีวิต
15. เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของเขาด้วย พงศ์พันธุ์ของหญิงจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ
16. พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า "เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์ และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า"
17. พระองค์จึงตรัสแก่อาดัม [แปลว่า มนุษย์] ว่า "เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่นดินจึงต้องถูกสาป เพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต
18. แผ่นดินจะให้ต้นไม้ และพืชที่มีหนามแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชต่างๆ ของทุ่งนา
19. เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม"
20. ชายนั้นเรียกภรรยาของตน ว่า เอวา [ศัพท์นี้เหมือนคำที่แปลว่า มีชีวิตอยู่] เพราะนางเป็นมารดาของปวงชนที่มีชีวิต
21. พระเจ้าทรงทำเสื้อด้วยหนังสัตว์ให้อาดัมกับเอวาสวมปกปิดกาย
22. แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด มนุษย์มาเป็นเหมือนผู้หนึ่งในพวกเราแล้ว โดยที่รู้สำนึกในความดีและความชั่ว บัดนี้ อย่าปล่อยให้เขายื่นมือไปหยิบผลต้นไม้แห่งชีวิตมากิน แล้วมีอายุยืนชั่วนิรันดร์"
23. เพราะเหตุนั้น พระเจ้าจึงทรงขับไล่เขาออกไปจากสวนเอเดน ให้ไปทำไร่ทำสวนในที่ดิน ที่ตัวถือกำเนิดมานั้น
24. พระองค์ทรงไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งพวกเครูบ [หมายถึง ทูตสวรรค์ จำพวกหนึ่ง] ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น

คาอินกับอาแบล Cain and Abel
1. ฝ่ายชายนั้นสมสู่อยู่กับเอวาภรรยาของตน นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร ชื่อ คาอิน นางจึงกล่าวว่า "พระเจ้าทรงโปรดให้ฉันได้ผู้ชายคนหนึ่ง"
2. ต่อมานางก็ให้กำเนิดน้องชายของเขา ชื่อ อาแบล อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ส่วนคาอินเป็นคนทำไร่ไถนา
3. อยู่มาวันหนึ่ง คาอินนำพืชผลที่เกิดจากไร่นามาถวายพระเจ้า
4. ส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูง และไขมันของแกะมาถวาย พระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบล และเครื่องบูชาของเขา
5. แต่คาอินกับเครื่องบูชาของเขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย คาอินก็โกรธแค้นนัก หน้าบูดบึ้งอยู่

คาอินฆ่าอาแบล Cain kills Abel
6. พระเจ้าจึงตรัสถามคาอิน ว่า "เจ้าโกรธเคืองหน้าบูดบึ้งอยู่ทำไม
7. ถ้าเจ้าทำดี เราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้"
8. ฝ่ายคาอินก็พูดชวนอาแบลน้องชายของตน ว่า "เราไปนากันเถอะ" เมื่ออยู่ที่นาด้วยกัน คาอินก็โถมเข้าฆ่าอาแบลน้องชายของตนเสีย
9. พระเจ้าตรัสถามคาอิน ว่า "อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน" คาอินจึงทูลว่า "ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์หรือเป็นผู้ดูแลน้อง"
10. พระองค์ตรัสว่า "เจ้าทำอะไรไป โลหิตของน้องเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องขึ้นมาจากดิน
11.บัดนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปจากที่ดินที่ได้อ้าปากรับโลหิตน้องจากมือเจ้า
12. ต่อไป เมื่อเจ้าทำนาจะไม่เกิดผลมาก เจ้าจะต้องหลบหนี และพเนจรไปในโลก"
13. ฝ่ายคาอินทูลพระเจ้า ว่า "โทษของข้าพระองค์หนักเหลือ ที่ข้าพระองค์จะทนได้
14. ดูเถิด วันนี้พระองค์ทรงขับไล่ข้าพระองค์ออกจากที่ดินพ้นจากพระพักตร์พระองค์ไป ข้าพระองค์จะต้องหลบหนี และพเนจรไปในโลก ใครพบข้าพระองค์ก็จะฆ่าข้าพระองค์เสีย"
15. พระเจ้าตรัสแก่คาอิน ว่า "ไม่ได้ ผู้ใดฆ่าคาอิน จะมีโทษเจ็ดเท่า" แล้วพระเจ้าทรงทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวคาอิน เพื่อว่าเมื่อใครพบจะได้ไม่ฆ่า
16. คาอินออกไปพ้นพระพักตร์พระเจ้าไปอยู่เมืองโนด [แปลว่า พเนจร] ทิศตะวันออกของเอเดน

cm1956

  • บุคคลทั่วไป
Re: The book of Genesis
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2010, 23:34:42 »

โอ้โฮเฮะ เว็บนี้
มีทั้งเรื่องทางธรรม พุทธและคริสต์
เยี่ยมม