-->

ผู้เขียน หัวข้อ: ล้มกระดานบ้านคนจน ตัดสิทธิ์บีโอไอ-อ้างซัพพลายทะลัก ยักษ์จัดสรรทั่วประเทศดิ้น  (อ่าน 573 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพเจ้าราตรี
  • *
  • กระทู้: 18154
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

ล้มกระดานบ้านคนจน ตัดสิทธิ์บีโอไอ-อ้างซัพพลายทะลัก ยักษ์จัดสรรทั่วประเทศดิ้น

นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
บีโอไออยู่ระหว่างปรับปรุงสิทธิประโยชน์และหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในปัจจุบัน รวมทั้งนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐมากขึ้น ในส่วนของกิจการ
ที่อยู่ในข่ายจะยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี เพราะมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการ
ลงทุนเพิ่มเติมอีก เนื่องจากเอกชนสนใจเข้ามาลงทุนเองอยู่แล้ว นอกจากกิจการประเภทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีปลายน้ำแล้ว
จากการหารือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปว่า โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง
หรือการส่งเสริมการลงทุนโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดฯบีโอไอ ก็เป็นอีกกิจการหนึ่งที่อยู่ในข่ายจะยกเลิก
ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี


สำหรับอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากนั้น ได้แก่ อุตสาหกรรมที่ไม่มีมูลค่าเพิ่มหรือมีมูลค่าเพิ่มน้อยมาก อุตฯที่มีความสามารถ
ในการแข่งขันน้อยหรือไม่มีความสามารถในการแข่งขัน เช่น กิจการที่จำเป็นต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ขณะเดียวกันจะหันไป
ส่งเสริมการลงทุนในอุตฯที่มีมูลค่าเพิ่มสูง อุตฯที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง การวิจัยพัฒนา การลงทุนนวัตกรรมใหม่ ๆ
ตลอดจนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลมีนโยบายจะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อสร้างงาน สร้างรายได้


สำหรับเงื่อนไขในการส่งเสริมการลงทุนกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางในปัจจุบัน คือ

1.ต้องจัดสร้างที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 50 หน่วยสำหรับทุกเขต

2.โครงการที่ตั้งในเขต 1 กรณีก่อสร้างอาคารชุดต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 28 ตร.ม.
และจำหน่ายหน่วยละไม่เกิน 1 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) การก่อสร้างบ้านแถวหรือบ้านเดี่ยว ต้องมีพื้นที่
ใช้สอยต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 70 ตร.ม. และจำหน่ายหน่วยละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน)

3.โครงการที่ตั้งในเขต 2 และ 3 ต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 31 ตร.ม. ต้องจำหน่ายหน่วยละ
ไม่เกิน 6 แสนบาท (รวมค่าที่ดิน) 4.แผนผังและแบบแปลนอาคารจะต้องได้รับความเห็นของจากคณะกรรมการ
บีโอไอ 5.จะต้องได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง


นายอุดมกล่าวว่า ทิศทางการส่งเสริมการลงทุนจะให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่มองว่าน่าจะเป็นอนาคตของประเทศ
สำหรับกรณีบ้านและคอนโดฯบีโอไอ ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐให้การสนับสนุนการลงทุนมาโดยตลอดนั้น ถึงจุดนี้มองว่า
น่าจะหมดความจำเป็นแล้ว เห็นได้จากมีผู้ประกอบการลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณซัพพลายที่ออกมามีจำนวนมาก
เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะโครงการประเภทคอนโดฯ แม้ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นจะเกิดปัญหาฟองสบู่ แต่ชี้ให้เห็นว่าแม้รัฐ
ไม่ส่งเสริมการลงทุนก็มีผู้ประกอบการสนใจเข้ามาทำตลาด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมามีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนจำนวนมาก ในจำนวนนี้
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าตลาดบ้านระดับล่าง และในอดีตเป็นผู้ประกอบการ
พัฒนาที่ดินที่มีโครงการบ้านและคอนโดฯที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด ก่อนขยายไลน์ธุรกิจเจาะกลุ่มลูกค้า
ทุกเซ็กเมนต์ในปัจจุบัน ขณะที่ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนรายอื่น ๆ ส่วนใหญ่เป็นรายกลางและรายเล็ก

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า เดิมบริษัท
เคยขอบีโอไอพัฒนาโครงการบ้านและคอนโดฯขายผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากจริง แต่หลายปีที่ผ่านมาได้ปรับนโยบาย
กระจายพอร์ตสินค้าและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสู่ระดับกลางและบนมากขึ้น คิดเป็น 90% ของพอร์ตปัจจุบัน
หากบีโอไอจะยกเลิกการส่งเสริมจริง ๆ ถือว่าบริษัทกระทบน้อยมาก ประมาณ 10% ของพอร์ต หรือคิดเป็น
มูลค่า 2,000 ล้านบาท และไม่มีผลต่อการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท


"โดยส่วนตัวเห็นว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองมากกว่า"

ขณะที่นางยุพา เตชะไกรศรี กรรมการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทไม่เคย
ขอบีโอไอ เพราะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องต้นทุนที่แท้จริงทั้งมูลค่าที่ดินและค่างานการก่อสร้างได้ เช่นเดียวกับนโยบาย
ของรัฐบาลก็ไม่มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มประชาชนเป้าหมาย ฉะนั้นในความเห็นส่วนตัว รัฐควรดำเนินการนโยบายอย่างเท่าเทียม
คือการแบ่งโซนเขต 1, 2 และ 3 จะดีกว่าการกำหนดเงื่อนไขทั้งขนาดพื้นที่และราคาขาย

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา จำกัด และนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้
แต่ในความเข้าใจ ตลาดบ้านบีโอไอจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทำเลกรุงเทพฯ แต่จะเติบโตอยู่ในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัด
เพราะเป้าหมายรัฐต้องการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

"ถ้ารัฐยกเลิกจริง เท่ากับว่าประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากราคาบ้านจะแพงขึ้น
เพราะต้นทุนเพิ่มจากการถูกยกเลิกยกเว้นภาษี ส่วนสมาชิกของสมาคมจะมีความเห็นอย่างไรคงต้องไปหารือกัน
ซึ่งผมจะนำเสนอประเด็นนี้เข้าที่ประชุมของสมาคมในครั้งหน้า เร็ว ๆ นี้"


มีรายงานข่าวจากบีโอไอระบุว่า ที่ผ่านมาสถิติอนุมัติส่งเสริมการลงทุนบ้านและคอนโดฯบีโอไอ มีดังนี้

ปี 2549 จำนวน 62,134 หน่วย
ปี 2550 จำนวน 13,736 หน่วย
ปี 2551 จำนวน 6,573 หน่วย 
ปี 2552 จำนวน 12,465 หน่วย
ปี 2553 จำนวน 17,860 หน่วย
ปี 2554 จำนวน 13,037 หน่วย


ส่วนปี 2555 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม มีโครงการบ้านและคอนโดฯที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และอยู่ระหว่าง
ยื่นขอส่งเสริมการลงทุน โดยเงื่อนไขในการส่งเสริมการลงทุนบ้านและคอนโดฯบีโอไอ มีดังนี้
1.ตั้งในเขต 1 และเขต 2 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี 2.ตั้งในเขต 3 ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี
ทั้งนี้เขตส่งเสริมการลงทุนแบ่งเป็น 3 เขต เขต 1 มี 6 จังหวัดในส่วนกลาง ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี
ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เขต 2 มี 12 จังหวัด เขต 3 มี 58 จังหวัด
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่