http://grathonbook.net/book/54.htmlสมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ท่านบอกว่า
ถ้ายังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ควรขวนขวายที่สุดก็คือ เร่งทำบุญเอาไว้ ถ้าคนเราตราบใดยังเกิดแก่ เจ็บ ตาย อยู่ให้ทำบุญไว้ให้มาก คือเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่มันยังไม่หลุดพ้น ถ้าเราตั้งหน้าทำความดีอยู่ ได้รับผลฝ่ายดีอย่างเดียวก็สบายไปตลอด นั่นระดับนั้นท่านยังให้ไว้เป็นคติประจำใจเลย
?มีแต่บุญเท่านั้นที่ควรจะเร่งขวนขวายไว้ให้มาก ถ้ายังเกิดแก่เจ็บตายอยู่ บุญยังสำคัญต้องรีบทำไว้? พระพุทธเจ้าท่านบอกอะไรเป็นจริงตามนั้น เพราะฉะนั้นเราเองพอมาเจอในสถานการณ์อย่างนี้ มันดีอยู่อย่างว่า
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของแท้ เป็นอริยสัจ คือความจริงแท้ ๆ อย่างประเสริฐ พิสูจน์ได้ทุกเวลา ฉะนั้นเราเองก็ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ ท่านบอกว่ามันเป็นเพราะกรรม คือการกระทำของเรา
ในอดีตเราทำมาปัจจุบันจะรับ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำปัจจุบันดี อนาคตเราก็จะรับความดีส่วนเดียว ตอนนี้เป็นปัจจุบัน อีกวินาทีหนึ่งมันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ก็ไล่ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น
ถ้าหากเราทำกรรมดีในปัจจุบันให้ต่อเนื่องยาวไปเรื่อย มันก็จะกลายเป็นส่งผลให้อนาคตของเราดีเอง คราวนี้ ความดีมันไม่ได้จะต้องเสียเงินเสียของอยู่ตลอด
ทานมัย ความดีเกิดจากการให้ทรัพย์สินสิ่งของแก่คนอื่น หรือว่าให้ความรู้ก็ได้ ให้อภัยก็ได้ เขาเรียกว่าเป็น
ธรรมทาน อภัยทาน เหมือนกับ
สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล มีผลมากกว่าให้ทานเป็นร้อยเท่า เพียงแต่ตั้งหน้ารักษาสิกขาบทให้ครบเท่านั้น
ภาวนามัย บุญเกิดจากการทำสมาธิ ภาวนา มีผลมากกว่าศีลเป็นอีกร้อยเท่า ก็ไม่เสียอะไรเลย
อปจายนมัย อ่อนน้อมถ่อมตนกับคนอื่นเขาคนเห็นเย็นตาเย็นใจ เกิดความรักใคร่เมตตา ทำให้บุญกุศลมันเกิดขึ้น เนื่องจากความเย็นตาเย็นใจที่คนอื่นเขาเห็นเรา ก็เลยได้บุญตรงนั้น
เวยยาวัจจมัย เห็นคนอื่นเขาทำบุญ ช่วยให้งานบุญเขาสำเร็จ ได้บุญ
ปัตติทานมัย ทำบุญแล้วอุทิศให้คนอื่นเขา สิ่งที่เราทำมาโดยยาก ยังตั้งใจแบ่งให้คนอื่นเขา กำลังใจประกอบไปด้วยเมตตากรุณา ขนาดนั้นก็เลยเป็นบุญ
ปัตตานุโมทนามัย เห็นคนอื่นทำดีพลอยยินดีด้วย แทนที่จะอิจฉาริษยาก็ยินดีในบุญเขา
ธัมมัสสวนมัย ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติก็เป็นบุญ
ธัมมเทสนามัย ทำได้แล้วสอนคนอื่นต่อก็เป็นบุญ ตัวสุดท้ายเรียก
ทิฏฐุชุกรรม มีความเห็นถูกว่าพระพุทธเจ้าสอนมานั้นดีจริง เราจะทำตาม สรุปแล้ว
เราทำบุญได้ทุกวัน โดยไม่ต้องเสียอะไรเลยก็ได้ เพียงแต่วิธีทำนี่บางคนเขาไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ก็เลยทำไม่ถูก มีแต่ทานมัยบุญที่สำเร็จด้วยการให้เท่านั้นที่จะเสียของ แต่ถ้าเราให้เป็นธรรมทาน คือสอนเขาก็ดี เป็นอภัยทาน คือรู้จักปล่อยวาง รู้จักละเว้นเขาก็ดี มันเป็นบุญทั้งนั้น
น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมหุ ธีรา
ยทายสํ ทารุชปพฺพชญฺจ
สารตฺตรตฺตา มณิกุฒฺฑเลสุ
ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา ...
เครื่องจองจำที่ทำด้วยเหล็กไม้ และปอป่าน
ท่านผู้รู้กล่าวว่า ยังไม่ใช่เครื่องจองจำที่มั่นคง
แต่ความกำหนัดยินดีในเครื่องเพชร บุตร ภริยา
เป็นเครื่องจองจำที่มั่นคงนัก Not strong are bonds made of iron,
Or wood, or hemp, thus say the wise.
But attachment to jewelled omaments,
Children and wives is a strong tie.
เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา
โอหารินํ สิถิลทุปฺปมุญฺจํ
เอตํปิ เฉติวาน ปริพฺพชนฺติ
อนปกฺขิโน กามสุขํ ปหาย ...
ท่านผู้รู้กล่าวว่า เครื่องจองจำชนิดนี้มั่นคง
มักฉุดลากลงที่ต่ำ คล้ายผูกไว้หลวม ๆ แต่แก้ยากนัก
ผู้รู้ทั้งหลายจึงทำลายเครื่องจองจำนี้เสีย
ละกามสุขออกบวชโดยไม่ไยดี This is a strong bond, says the wise,
Down-hurling, loose but hard to untie.
This too they cut off and leave the world,
With no longing, renouncing the sense-pleasures.