-->
cmxseed สังคมราตรี
มิตรภาพไร้พรมแดน
This topic
This board
Entire forum
Google
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
cmxseed สังคมราตรี
»
หมวดหมู่ทั่วไป
»
สัพเพเหระ
»
เรื่องประหลาดของ วงการอาหาร
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: เรื่องประหลาดของ วงการอาหาร (อ่าน 647 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
etatae333
Administrator
เทพเจ้าราตรี
กระทู้: 18295
Country:
คะแนนจิตพิสัย +9/-0
เพศ:
เรื่องประหลาดของ วงการอาหาร
«
เมื่อ:
03 สิงหาคม 2018, 13:25:56 »
Tweet
เรื่องประหลาดของ วงการอาหาร
cr. cammy@dek-d
กาแฟที่สุดในโลกมาจากขี้ชะมด
กาแฟนี้มีชื่อว่า โคปี ลูแว็ค (Kopi Luwak)
เป็นกาแฟโรบัสต้าชนิดหนึ่ง และเป็นกาแฟที่แพงที่สุดในโลก
เนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่ยุ่งยากและแปลกประหลาด มีการออกสู่ตามท้องตลาดปีละ 500 ปอน ต่อปี
เนื่องจากปริมาณน้อยจึงแพงเป็นธรรมดา ราคากิโลกรัมละ 41,000 บาท ก้าขายเป็นแก้วจะราคา 5 เหรียญสหรัฐ
และผลิตไม่กี่แห่งในโลกประเทศอินโดนีเซีย ที่เกาะสุมาตรา (Sumatra) , เกาะจาวา ( Java ) เกาะสุลาเวสี
( Sulawesi ) ประเทศฟิลิปปินส์ ( จะเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า Kape Alamid ) ประเทศทิมอร์ ( จะเรียกกาแฟ
ชนิดนี้ว่า kafé-laku ) ประเทศเวียดนาม ( จะเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า weasel coffee )
แต่สิ่งที่เหลือเชื่อของกาแฟชนิดนี้คือมันมาจากขี้ชะมด โดยการทำกาแฟนี้จำเป็นต้องมีชะมดสายพันธุ์เอเชีย
(Asia Palm Civet) หรือ “ลูแว็ค” โดยนำเม็ดกาแฟสุกให้ชะมดกินเมื่อชะมดกินเม็ดกาแฟเข้าไป กรดและ
เอนไซม์ในกระเพาะอาหารของชะมดทำปฏิกิริยาทางเคมี คล้ายกับการหมัก(Fermentation) รอชะมด
ถ่ายมูลออกมา แล้วตามเก็บ แต่สามารถรวบรวมได้ค่อนข้างง่าย เนื่องจากชะมดมีนิสัยขับถ่ายในสถานที่เดิมๆ เสมอ
จากนั้นนำมูลที่ได้มาเลือกเฉพาะเม็ดกาแฟไปตากให้แห้ง แล้วนำไปคั่วจนแห้งสนิด เป็นอันจบขบวนการผลิต โคปิ ลูแว็ค
ส่วนสาเหตุที่มันอร่อย ก็เนื่องมากจากขบวนการย่อยอาหารของชะมด ทำให้โปรตีนในเมล็ดกาแฟแตกตัวเป็น
โมเลกุลขนาดเล็ก นอกจากนี้ทำให้โปรตีนบางชนิดในเม็ดกาแฟถูกสกัดออกมาในขบวนการย่อยของชะมด
เวลาเอาเม็ดกาแฟนี้ไปคั่วจะมีกลิ่นหอมพิเศษและรสชาติขมน้อยลง
เมนูอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อาหารนี้มีชื่อว่า “อูฐยัดไส้ (Stuffed Camel)”
เป็นอาหารที่ประกอบไปด้วย อูฐหนึ่งตัว ลูกแกะลูกแกะ หนึ่งตัว
และไก่ 20 ตัว เนื่องด้วยปริมาณเครื่องปรุงขนาดนี้ทำให้หนังสือกินเนสส์บุ๊คถึงกับต้องบันทึกไว้ว่า นี่เป็นเมนูอาหาร
ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีตัวอย่างแน่ชัดว่าจานเด็ดชนิดนี้มีอยู่จริงหรือไม่
ตำนานกล่าวไว้ว่า..
อูฐยัดไส้เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวอาหรับที่ใช้ชีวิตท่องไปตามทะเลทราย โดยมีวิธีการปรุงไม่ต่าง
จากการทำตุ๊กตารัสเซียนัก เริ่มแรก พวกเขาจะนำไก่มายัดไส้ด้วยข้าวและไข่ จากนั้น เอาไก่ทั้งตัวไปใส่ไว้ในลูกแกะ
แล้วก็เอาลูกแกะทั้งตัวที่ยัดไส้ไก่ไปใส่ไว้ในอูฐอีกที หลังจากนั้น ก็นำไปย่างจนกระทั่งสุกและรับประทาน เป็นอันเสร็จพิธี
ถือได้ว่าเป็นอาหารแปลกที่หลายๆ คนอยากจะเห็นทีเดียว
เก็บความลับได้ไงตั้ง 18 ปี
หวานเย็นแท่งเป็นน้ำหวานที่เอาไปแช่แข็งพอได้ที่ก็ออกมาเป็นแท่ง
ที่มาของหวานชนิดนี้เริ่มต้นเมื่อฤดูหนาว ปี 1905
เด็กชายแฟรงก์ เอ็พเพอร์สัน อายุ 11 ปี ได้ผสมโซดาป๊อปกับน้ำทำกินเล่นด้วยความบังเอิญ เค้าลืมส่วนผสมพร้อมไม้
คนไว้ทั้งคืน ที่หน้าระเบียง แล้วเผอิญว่าตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว และอากาศข้างนอกหนาวมากๆ
รุ่งเช้าจึงพบว่าส่วนผสมโซดาป๊อปกลายเป็นแท่งน้ำแข็งที่มีไม้เสียบไปแล้ว เขาดึงแท่งไม้ที่มีแท่งน้ำแข็งแสนอร่อยหุ้ม
อยู่ออกมาจากภาชนะ จึงรู้ว่าตนเองได้ค้นพบอะไรที่น่าตื่นเต้นด้วยความบังเอิญเสียแล้ว
แฟรงก์ เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า
"เอ็พเพอร์สัน ไอซิเคิล" (Epperson Icicle)
ต่อมาเค้าเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ว่า
"เอ็พซิเคิล"
(Epsicle)และเก็บความลับเรื่องนี้มาเป็นเวลา18ปีกว่าที่โลกจะรู้วิธีทำและฮิตขนาดนี้
ตั้งแต่นั้นมาในฤดูร้อน เขาจะทำ Epsicle ในกล่องน้ำแข็งที่บ้าน เป็นแท่งหวานเย็นออกขายให้เพื่อนบ้านราคา
แท่งละ 5 เซนต์ และชาวบ้านเรียกชื่อใหม่ว่า
"ป๊อปซิเคิล" (Popsicle)
มะพร้าวใช้แทนเลือดได้
มะพร้าวเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าต่อร่างกายจริงๆ
สามารถทำประโยชน์ต่อเราได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชำระล้าง, ช่วยรักษา
และให้พลังงาน ในน้ำมะพร้าวใช้เป็นเครื่องดื่มที่ให้เกลือแร่ได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยโปรแทสเซี่ยมและสารละลายไอโซโทนิก
(สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับภายในเซลล์ ซึ่งไม่ทำให้เซลล์เสียรูปทรง) ด้วยเหตุนี้ น้ำมะพร้าวจึงเป็นน้ำชนิดเดียว
ที่สามารถฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อทดแทนการขาดน้ำหรือใช้แทนเลือดมนุษย์ในกรณีที่เกิดปริมาณเลือดลดลงได้
กินผักก็บาป
บรรดานักมังสวิรัติทั้งหลายที่ไม่ยอมกินเนื้อ เพราะเกรงว่าจะเป็นบาป
เนื่องจากเนื้อนั้นได้มาเพราะมีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
หรือกลัวที่สัตว์ต้องค่อยๆ ถูกฆ่าให้ตายอย่างทรมานนั้น เห็นที่จะต้องหยุดกินผักและผลไม้ด้วย
ดร. อดัม เบล็กลีย์ ตัวแทนเหล่านักวิทยาศาสตร์ผู้วิจัยเรื่อง “ความเจ็บปวดของพืชพันธุ์” ที่ได้ใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์
วัดความสั่นไหวเป็นพิเศษในพืชผัก แล้วสรุปว่าพืชผักจะทรมานมากขณะที่อยู่กระบวนการปรุงอาหาร เช่น ต้มหรือทอด
เขายกตัวอย่างที่น่าสยอดสยองว่า
“ยกตัวอย่างเช่น บร็อกโคลี่เมื่อถูกตัดมาจากแปลง มันจะทรมานอยู่ตลอดเวลาจนกว่าเหี่ยวเน่าเฉาตาย
และเมื่อคุณต้มหรือผัดมันกว่าจะสุกนั้นแหละ คือช่วงเวลาที่เจ็บปวดทรมานที่สุดของบร็อกโคลี่”
อีกตัวอย่าง
“เมื่อผลส้มยังห้อยอยู่บนกิ่ง มันจะรู้สึกสงบผ่อนคลาย และสนุกกับชีวิตที่มีอยู่แต่เมื่อเราเด็ดมันจากต้น มันจะกรีดร้อง
ด้วยความเจ็บปวด และเมื่อเราปอกเปลือกมันมันจะทรมานมากยิ่งขึ้น ซึ่งเครื่องวัดระดับของเราจะแสดงระดับความสั่นไหว
ที่พุ่งสูงขึ้นเลยขีดสูงสุดที่เรามีในตารางเสียอีก”
“แต่เป็นเพราะมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นความทรมานของมันได้ด้วยตาจึงไม่รู้ ทว่า..เครื่องมือของเราสามารถพิสูจน์ได้
อย่างชัดแจ้ง ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว กินสลัดสัปดาห์ละครั้ง ยังสร้างความเจ็บปวดต่อพืชพันธุ์มากกว่ากินแซนด์วิชไก่
ทุกวันเสียอีก”
สรุปคือนี้ตรูจะกินอะไร(ว่ะ)นั้น
ซอสที่เผ็ดที่สุดในโลก
เราวัดความเผ็ดว่า สโกวิลล์ ( Scoville heat unit)
ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากนักเคมีนามว่าWilbur Scovill เช่นพริกไทยของ
ไทยเรานั้นได้รับการวัดค่าความเผ็ดออกมาที่ระดับ 100,000-350,000 Scoville Units
ซอสที่เผ็ดที่สุดในโลกนั้น คือ Blair's 16 million
ที่บรรจุเป็นขวดแก้วใส ผนึกผาถูกปิดด้วยขี้ผึ้งสีทอง มันมีความเผ็ดถึง
16,000,000 หน่วยความเผ็ดร้อนสโกวิลล์ เวลจะนำมากินนั้นจะพบว่าดูยังไงก็ไม่ใช่ซอสเนื่องจากมันเป็นผลึกเหมือนเกล็ดน้ำตาล
เนื่องจากน้ำซอสนั้นจะถูกเคี้ยวจนตกเป็นผลึกเก็บไว้ในหลอดพลาสติก แต่กระนั้นความเผ็ดของมันไม่ได้ลดลงเลย ความเผ็ด
ของมันนั้นสามารถทำให้ผิวไหม้ไหม้ได้หากสัมผัสเปล่าๆ และถ้ากินเปล่าๆ ก็อาจตายได้เช่นกัน เวลาจะใส่อาหารก็ควรสวม
ถุงมือยางและใช้คีมหยิบเกล็ด Blair's 16 million ใส่อาหาร 1-2 เม็ดก็พอ
คดีฟ้องร้อง “อะไรอยู่ในอาหาร”
ที่อเมริกามีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับอาหารฟาสต์ฟูตจำนวนมากมาย
และนี้คือตัวอย่างในคดีฟ้องร้อง “อะไรอยู่ในอาหาร”
ที่ดูแต่ละอันดับแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่า “มันหล่นเข้าไปอยู่เข้าไปข้างในได้ไงเนี้ย”
-
แอนนา อยาลา (Anna Ayala)
ได้เรียกร้องสิทธิว่าเธอไปกัดปลายนิ้วมือมนุษย์เข้าในพริกที่อยู่ในจานแพ็ตที่เธอซื้อมา
จากร้าน Wendy's in San Jose ซุปเปอร์มาเก็ตชื่อดัง เมื่อเดือนมีนาคม 2005 โดยเธออ้างว่านิ้วมือนี้เป็นของลูกจ้างร้านนั้น
แต่จากการตรวจสอบว่าเป็นนิ้วของอยาลาน่ะแหละ(ดูจากพิมพ์ลายนิ้วมือ) เลยโดนจับตามระเบียบ เธอถูกตัดสินให้จำคุกเก้าปี
ส่วนสามีของเธอถูกตัดสิน 12 ปี(มันลงทุนไม่ได้เรื่องเลยวุ้ย)
-
นายเปรโดร(Pedro Sanchez)
คนงานที่ ทาโคเบล แห่งมลรัฐซานตามาเรีย แคลิฟอเนีย แก้ตัวในคดีอาญาฐานทำร้าย
เจ้าพนักงาน โดยเอาอายุ 17 เอาสีสเปรย์ใส่อาหารให้ เจ้าหน้าที่มาร์ติน เลเดสมา กิน จนเขาป่วยมาหลายวันหลังจากนั้น
ซานเชซ ให้การกับ พนักงานสอบสวนว่าเขาวางยาพิษ หลังจากนั้นเขาถูกตัดสินโทษจำคุก 9 เดือน และนี้เป็นสิ่งซึ่งเขา
ได้รับหลังเรียนจบไฮสคูล
-
ในเดือนพฤษภาคม 2005, Clarence Stowers
แห่ง Wilmington, N.C.,ตอนนั้นเขากำลังกินคัสตาร์ดช็อกโกแล็ต
ในพินท์(พุดดิ้ง)ยี่ห้อของ Kohl's Frozen อย่างเอร็ดอร่อย แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็กัดสิ่งหนึ่งแปลกๆ ในเนื้อขนมเข้า
ตอนแรกเขานึกว่าเป็นออฟชั่นเสริมพุดดิ้ง เขาเลยหยิบสิ่งนั้นมาอมเข้าในปาก
“ผมคิดว่ามันลูกกวาดเคลือบน้ำตาลแบบที่เขาวางในไอติมนะครับมันเหมือนจริงๆ....พอผมอมไปอมมา แล้วก็รู้สึกแปลกๆ
เอ้ยทำไมรสไม่เหมือนลูกกวาด(ว่ะ) เลยคายและหยิบขึ้นมาพิจารณาดู อ้าวนี้มันนิ้วมือคนนี้หว่า!!”
Stowers เลยแจ้งคนมาตรวจสอบ จากการสอบสวนก็พบว่านิ้วมือนั้นเป็นของคนงานคนหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุเพราะเครื่องจักร
ตัดนิ้วมือขณะทำงาน และตอนนี้ Stowers กำลังวางแผนฟ้องร้องร้านอาหารนี้อยู่ และเขาเก็บนิ้วมือเจ้าปัญหานี้ไว้ในตู้เย็น
ของเขาเพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไป
-
มิถุนายน 2005 Penny Needham
แห่งแมดิสัน Twp., จาก Ohio ออกมาฟ้องแม็กโดนัลด์มลรัฐโอไฮโอ ตอนนั้นเธอ
สั่งชีสเบเกอร์เมนูโปรดของเธอ ระหว่างที่เธอกัดหนึ่งอ่ะไม่เป็นไรจ้า แต่คำที่สองนี้สิฟันเธอแทบหัก เมื่อเธอพบว่าเธอกัดไป
โดนโลหะ อะไรหว่า....เธอหยิบมาดู ว้ายต๊ายตายนี้มันพวงกุญแจพวงกุญแจมีฉากร่วมเพศโจ่งครึ่มนี้หว่า(เขาก็ไม่บอกว่าพวง
กุญแจรูปร่างอะไร) กริ๊ดๆ.... ภายหลังเธอได้อธิบายใน Dayton รายวันว่า
"มันจะฆ่าฟันฉัน(It about killed my teeth,)"
แต่กระนั้นตำรวจก็ยังนิ่งเงียบในการสอบสวนนี้
-
May Deal Chambers Johnson
ฟ้องภัตตราคาร Applebee's ใน เจฟเฟอร์สัน La เดือนมิถุนายน 2005,
เมื่อเธอพบปลายนิ้วมนุษย์ในยำผักของเธอ เธออธิบายว่าเธอเดือดร้อนมากน่ะ เพราะการพบนิ้วคนในอาหารนั้นทำให้เธอ
ไม่สามารถกินข้าวใกล้บ้านของเธอได้อีกต่อไปแล้ว ส่วนนิ้วมือเจ้าปัญหานั้นปัจจุบันถูกเก็บไว้ในตู้เย็นในสำนักงาน
ทนายความของเธอเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีต่อไป
-
Jacqueline Rowland และ Jon McQuater
ลูกจ้างที่ Burger King ในเขตมหาลัยออคฟอร์ด ถูกฟ้องร้องในข้อหา
ทำกิริยาถ่อยกับอาหาร หลังจาก McQuater ถ่มน้ำลายอย่างน่าสงสัยในแซสวิสไก่ของตำรวจ ในวันที่ 4 มิถุนายน 2004
-
ที่นิวเม็กซิโก สองนายตำรวจกำลังหิว
หลังจากทำงานและมีเรื่องกับ Mark Landavazo และ Henry สองลูกจ้างของ
เบอร์เกอร์คิงเข้าเพราะพวกเขาได้โปรยส่วนผสมพิเศษลงเบอร์เกอร์พวกเขานั้นคือกัญชา ซึ่งพวกเขากินแฮมเบอร์เกอร์นั้น
กว่าครึ่งอัน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2006พวกเขาฟ้องร้องเบอร์เกอร์คิงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 สิงหาคม 2018, 15:38:44 โดย etatae333
»
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
cmxseed สังคมราตรี
»
หมวดหมู่ทั่วไป
»
สัพเพเหระ
»
เรื่องประหลาดของ วงการอาหาร