-->

ผู้เขียน หัวข้อ: นักลงทุนหนี'หุ้นดิ่ง-ดบ.ต่ำ'หันลงทุนคอนโด  (อ่าน 544 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ka12345

  • รอง Global Moderator
  • แอบจิต
  • *
  • กระทู้: 15
  • คะแนนจิตพิสัย +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ซีบี ริชาร์ดฯ ชี้ดีมานด์ตลาดคอนโดไฮเอ็นด์พุ่ง รับนักลงทุน หนี "หุ้นขาลง- ทองผันผวน -ดอกเบี้ยต่ำ"


นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมีเนียมไฮเอ็นด์ย่านใจกลางเมืองว่า มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยได้รับความสนใจจากผู้ซื้อกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นด์ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะต่างชาติ มีสัดส่วนการซื้อเพิ่มขึ้นขึ้นจาก 10% ในช่วง 2-3 ปีผ่านมา เป็น 20-25% โดยลูกค้าหลักมาจากเอเซีย เป็นทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อการลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ คาดว่ามีปัจจัยมาจากภาวะตลาดหุ้นชะลอตัว ราคาทองคำผันผวน และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนด้านที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดไฮเอ็นด์ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนค่อนข้างสูง เฉลี่ยโดยรวมของการปล่อยเช่าคอนโดใจกลางเมือง ในปี 2555 อยู่ที่ระดับ 4-6% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 2% นอกจากนี้ ยังได้กำไรที่ดีเมื่อนำไปขายต่อ เนื่องจากซัพพลายย่านใจกลางเมืองมีไม่มาก นัก ตัวอย่าง คอนโดในย่านถนนวิทยุ ที่ราคาขายต่อสูงขึ้นถึง 60% ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

“ต้นทุนราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จากข้อจำกัดของที่ดินใจกลางเมืองที่แทบจะหาไม่ได้ ตอนนี้จะเหลืออยู่ไม่กี่แปลงใน ย่านพระราม 4 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 3 และย่านพญาไท หากเป็นที่ดินที่ติดริมถนน ราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาทต่อตารางวา ส่วนย่านริมแม่น้ำ จากเดิมราคาอยู่ที่ 1.6-1.7 แสนบาทต่อตารางวา ขยับมาอยู่ที่ 3 แสนบาทต่อตารางวา เมื่อปีที่ผ่านมา ” นางอลิวัสสากล่าวและว่า

นักลงทุนต่างชาติที่นิยมลงทุนในคอนโดไฮเอนด์ ได้แก่ นักลงทุนเกือบทุกประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ที่เข้ามาซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐีชาวจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นตลาดใหม่ที่เข้ามาทดแทนลูกค้ายุโรป ที่ชะลอตัวไปหลังจากเกิดวิกฤตยูโรโซน โดยสาเหตุที่อสังหาฯในไทย ได้รับความนิยมจากต่างชาติ เพราะมีราคาต่ำกว่าสิงคโปร์ และฮ่องกง 5-6 เท่า ดังนั้น แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่กำลังซื้อก็ยังไม่ตก

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ