cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: etatae333 ที่ 07 ธันวาคม 2018, 11:37:25

หัวข้อ: 10 ผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: etatae333 ที่ 07 ธันวาคม 2018, 11:37:25
10 ผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
CR : Cammy-เต่านรก

บนโลกของเรานั้นมีผลงานศิลปะ, วรรณคดี หรือสถาปัตยกรรม ที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากมายที่ถูกทอดทิ้ง
และสร้างไม่เสร็จเพราะปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงคราม การเมือง ขาดเงินทุน หรือตัวศิลปินตาย
ส่วนใหญ่ผลงานเหล่านี้จะหายไปและถูกลืม แต่กระนั้นก็มีผลงานหลายอย่างที่แม้จะไม่สมบูรณ์แต่ก็มีคุณค่า
และมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์โลก

   
10.  Bruce Lee's Game Of Death

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544236955-2315.jpeg)

ลี เป็นดาราจีนที่โด่งดังในระดับฮอลลีวู้ด ด้วยความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้  ด้วยอายุย่างสู่วัยรุ่นเขา
ก็โด่งดังไปอย่างรวดเร็วด้วยการเล่นหนังแอ็คชั่นที่ไทยเราเรียกว่า “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” จนกลายเป็นหนัง
ที่ขายศิลปะที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลกในเวลานั้น

จนกระทั่งในปี  1972 เขาได้เล่นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเขาก็คือ  Game of Death หรือ
ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง เกมมังกร ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่บรูซ ลีได้วางแผนเพื่อที่จะสาธิตศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว
ของเขาซึ่งมีชื่อเรียกว่า "จีทคุนโด้" ที่เขาได้คิดค้นและปรับปรุงแก้ไขเป็นเวลานานหลายปี โดยมีการ
บันทึกการถ่ายทำเป็นระยะเวลากว่า 100 นาที ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลง ทั้งทีตัวหนังที่ว่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์
จนกระทั่งในเวลาต่อมาได้มีการเอาดาราคนอื่นมาแทนบรูซลีและเริ่มถ่ายทำส่วนที่ขาดใหม่
(เปลี่ยนโครงเรื่องใหม่และเพิ่มฉากด้วย)

จนเสร็จสมบูรณ์และเปิดตัวใน ค.ศ.1978 นับจากที่ลีเสียชีวิตลงถึง 5 ปี  แต่กระนั้นภาพยนตร์นี้ทำให้
เรารู้จักบรู๊ชลีในภาพลักษณ์ที่เขาสวมชุดสีเหลืองแถบดำ




9. The Palace of Soviets
           
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544236985-356.jpeg)

พระราชวังโซเวียต เป็นโครงการสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ดำเนินการโดยสหภาพโซเวียตยุคสตาลิน
ที่คิดจะสร้างยอดตึกอนุสาวรีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกกว่า 106 เมตรริมฝั่งมอสโกและจะถูกนำมาใช้เป็น
ศูนย์บริหารงานซึ่งมีห้องประชุมสภา โดยการออกแบบอาคารนี้ได้ให้ประชาชนโซเวียตทั้งประเทศส่งแบบ
มาประกวด จนกระทั้งได้ผู้ชนะ จนเริ่มสร้างขึ้นในปี 1937 

แต่โครงการนี้ก็ต้องถูกระงับชั่วคราวเพราะเข้าเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้โครงเหล็กของอาการถูกรื้อถอน
เพื่อใช้สร้างป้อมปราการและสะพานรถไปทั้งในและรอบกรุงมอสโก และหลังสงครามเมื่อโซเวียตมีชัยเหนือ
กองทัพนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง สตาลินจึงคิดโครงการนี้กลับมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่สำเร็จสักที
จนกระทั้งถูกยกเลิกแบบสมบูรณ์ในปี 1958
 



8. Hendrix's First Rays of the New Rising Sun

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237001-9162.jpeg)
           
จิมิ เฮนดริกซ์ (27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 - 18 กันยายน ค.ศ. 1970) เป็นนักกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลง
ชาวอเมริกัน เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักกีต้าร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อก และเป็นหนึ่งในบุคล
สำคัญ ที่มีบทบาทต่อดนตรีหลายๆ แนวในยุคของเขา

หลังจากแยกวงเขาก็เริ่มบันทึกเทปในอัมบั้ม Hendrix's First Rays of the New Rising Sun แต่น่าเสียดาย
ก่อนที่จะมีการบันทึกเทปเสร็จเขากลับต้องมาเสียชีวิตก่อน(ซึ่งเขาบันทึกเสียงในช่วงเดือนสุดท้ายของชีวิตเขา)
โดยสาเหตุคือการกินยานอนหลับเกินขนาด

หลังการตายของเขาก็มีการต่อสูทางกฎหมายยกใหญ่ระหว่างครอบครัวของเฮนดริกซ์กับผู้ผลิตเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
ผลงานอันนี้ ผลคือครอบครัวของเขาเป็นฝ่ายชนะในปี 1995 และได้รับการว่าจ้างทีมงาน ที่มีความสามารถใน
การพยายามทำผลงาน Hendrix's First Rays of the New Rising Sun ให้เสร็จสมบูรณ์

จนกระทั้งปี 1997 ผลงานนี้ก็ได้เปิดตัวโดยอ้างว่าผลงานนี้ใกล้เคียงกับต้นฉบับเติมของเฮนดริกซ์เท่าที่จะทำได้
ซึ่งนับจากวันที่เขาเสียชีวิตนานถึง 27 ปีเลยทีเดียว
 



7. Dickens’ The Mystery of Edwin Drood

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237031-2393.jpeg)

  ชาร์ลส์ จอห์น ฮุฟแฟม ดิคเก้นส์ ( 7 กุมภาพันธ์ 1812 – 9 มิถุนายน 1870) เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษ
ที่มีนามปากกาว่า “โบซ” (Boz) เขาเป็นนักเขียนที่ผลิตงานวรรณกรรมมากมาย โดยผลงานสุดท้ายของเขาก็คือ
ความลึกลับของเอดวิน ดรูด (The Mystery of Edwin Drood) ที่เขาเขียนขึ้นในปี 1870 แต่เขียนไม่จบ
เรื่องเพราะเขาตายเสียก่อน


โดยนิยายนี้เป็นนิยายสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีปริศนา ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของเอดวิน ดรูด
ซึ่งหลังจากคนเขียนตายไม่พบบันทึกหรือทริกเฉลยของเขาแต่อย่างใด ทำให้ตอนแรกนิยายนี้ไม่เปิดเผยฆาตกร 
แต่กระนั้นต่อมานิยายนี้ถูกนำมาเขียนต่อให้จบโดยนักเขียนคนอื่น (โดยการสันนิษฐานฆาตกรขึ้นมาเองโดยใช้
เหตุผลหลายประการ)

ผลสุดท้ายหนังสือนี้ก็ได้กลายเป็นวรรณกรรมคลาสสิกแนวลึกลับที่ไม่เปิดเผยตัวฆาตกรที่ยิ่งใหญ่ในในหนังสือ
อาชญากรรม และถูกสร้างภาพยนตร์จำนวน 2 เรื่อง ในปี 1909 และ 1914



 
6. Coleridge’s Kubla Khan
 
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237019-1629.jpeg)

นี้คือบทกวีที่มีชื่อเสียงของ แซมมวล เทย์เลอร์ คอเลริดจ์ (21 ตุลาคม ค.ศ. 1772 - 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1834)
เป็นกวี นักวิจารณ์ และนักปรัชญาชาวอังกฤษ) โดยที่มานั้นค่อนข้างจะแปลกๆ คือในปี 1791 ในขณะที่เขาอยู่บ้านไร่
ในชนบทในประเทศอังกฤษ เขาได้เสพฝิ่นแก้ปวด จนเคลิ้มหลับไป


ในฝัน (หรืออาการหลอน) นั้น เขาได้ภาพโดมของพระราชวังตะวันออกที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ได้ยินเสียงผู้หญิงคร่ำครวญ
หาชู้ปีศาจ และเห็นภาพแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลเชี่ยวแรงไปสู่ทะเลมืดมิด ภาพที่เห็นทั้งสวยงามและพิลึกพิสดารเสียจน
เมื่อตื่นขึ้นมา และเป็นแรงบันดาลใจทำให้เขาเขียนบทกวี พอตื่นนอนจึงรีบเขียนเป็นบทกวีไว้ ผ่านไป 54 บรรทัดเท่านั้น
เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยชายที่เขาเรียกว่า Person from Porlock (และกลายเป็นศัพท์สำนวนที่กล่าวถึงผู้บุกรุก
ที่ไม่พึ่งประสงค์) จนเป็นเหตุทำให้เขาลืมความฝันโดยสิ้นเชิง ทำให้เขียนบทกวีต่อไม่ได้

ในที่สุดก็ยอมแพ้ ทำให้บทกวีนี้เขียนไม่เสร็จ แต่กระนั้นบทกวีนี้กลายเป็นบทที่โด่งดังที่สุดบทหนึ่ง ชื่อว่า Kubla Khan
ปัจจุบันกวีนี้มีอิทธิพลต่อโลกวรรณกรรมอย่างใหญ่หลวง โดยศัพท์ Xanadu อันเป็นชื่อปราสาทในบทกวีก็กลายนำไปใช้
ในวงการต่างๆ มากมาย



 
5. Orson Welles' The Other Side of the Wind
 
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237061-0477.jpeg)

เป็นภาพยนตร์ของจอร์จ ออร์สัน เวลส์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกาชื่อดัง ด้วยภาพยนตร์เปิดตัวอย่าง
Citizen Kane ภาพยนตร์แนวดรามาผสมกับแนวลึกลับที่ฉายในปีค.ศ. 1941

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังมากจนกลายเป็นภาพยนตร์อันดับ 1 ของ AFI's 100 Years... 100 Movies
ถูกจัดเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอันดับต้นๆของนักวิจารณ์ชื่อดังหลายคน และได้รับรางวัลออสการ์ สาขา
บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 14 ด้วยเหตุนี้ชื่อของออร์สัน เวลส์
ก็ได้ผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในเวลานั้น

ในปี 1985 ที่ออร์สัน เวลส์เสียชีวิต เขากำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Other Side
Of The Wind  ความจริงหนังเกือบเสร็จสมบูรณ์ในปี 1979 (90 เปอร์เซ็นต์) แต่เขากลับถูกแทรกแซง
ทางการเงิน และถูกกฎหมายให้หยุดการผลิต อีกทั้งผู้สนับสนุนทางการเงินที่สำคัญของเขาซึ่งเป็นน้องเขย
ชาวอิหร่าน ก็ถูกยึดอำนาจและเนรเทศออกจากประเทศ ซึ่งนำไปสู่การทะเลาะวิวาทยาวนาน จนหนังถ่าย
ไม่เสร็จจนบัดนี้ ทำให้ฟิล์มต้นฉบับถูกเก็บในห้องใต้ดินกรุงปารีส

และหลังจากที่ออร์สัน เวลส์ตายนั้นก็มีหลายฝ่ายที่จะพยายามทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เสร็จสมบูรณ์
จนไม่กี่เดือนมานี้ในปี 2018 มันก็ได้ตกไปอยู่ในมือของ Netflix








4. Stuart’s Portrait of George Washington

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237156-18.jpeg)

เป็นภาพเหมือนของจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ถูกนำไปใช้ในการ
ออกแบบธนบัตรเงินหนึ่งดอลลาร์ วาดโดย Gilbert Stuart ในปี ค.ศ. 1796


(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237160-9615.jpeg)

Gilbert Stuart ศิลปินวาดภาพที่มีชื่อเสียง และภาพวาดนี้เป็นภาพที่มีชื่อเสียง ที่รู้จักกันดีว่าเป็นภาพ
ที่วาดไม่เสร็จ เนื่องจากคนเขียนตายเสียก่อนเมื่อปี 1828 แต่กระนั้นได้มีคนนำภาพนี้ไปเผยแพร่ต่อ
ดังที่ปรากฏในธนบัตรมูลค่า 1 เหรียญดอลลาร์ในเวลาต่อมา



 
3. Gaudi's Sagrada Familia
 
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237205-5396.jpeg)

ซากราดาฟามีเลีย เป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปนที่ออกแบบโดย
อันโตนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เขาออกแบบโบสถ์คาทอลิกให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยผสมกับ
ศิลปะท้องถิ่นและเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1882 เขาก็ได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิต อุทิศกับผลงานชิ้นนี้ถึง 40 ปี
จนกระทั้งเสียชีวิต (โดยเขาถูกรถรางทับเสียชีวิตและศพของเขาได้ถูกฝังไว้ในซากราดาฟามิเลียด้วย)
ทั้งที่ผลงานนี้ยังไม่เสร็จ


(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237205-5278.jpeg)

เนื่องจากเขาต้องการงานที่สวยงามและซับซ้อน ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวติดตลกว่า "ก็ลูกค้าไม่ได้เร่งอะไร"
โบสถ์นี้มีกำหนดก่อสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอย แต่จนถึงปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้วแค่ 8 หอคอย
งานคืบหน้าไปประมาณร้อยละ 50 ปัจจุบันก็ยังคงมีการออกแบบเพิ่มเติมต่อไปเรื่อยๆ โดยลูกศิษย์ของเขา
รับช่วงต่อ แม้ว่าครั้งหนึ่งมันจะเคยถูกทำลายในสงครามกลางเมืองสเปนแล้วก็ตาม

โดยในปี 2006 ได้มีการตกแต่งในส่วนหน้าของอาคารให้วิจิตรยิ่งขึ้นและได้ทำการเปิดให้ประชาชนรับชม
ในปี 2010 แต่กระนั้นโบสถ์นี้ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบาร์เซโลน่าเป็นที่เรียบร้อย
 



2. Da Vinci's Gran Cavallo
 
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237261-3073.jpeg)

เลโอนาร์โด ดา วินซี  จิตกรและนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ยังคงอยู่อันดับรายการของเราเหมือนเดิม จริงอยู่ที่เขา
มีผลงานด้านวิทยาศาสตร์หลายแขนง ดาราศาสตร์คณิตศาสตร์ ชีววิทยา และ การออกแบบประดิษฐ์กรรมใหม่
หลายอย่าง ผลงานศิลปะของเขาก็โด่งดังไปทั่วโลก แต่เขาก็มีผลงานหลายชิ้นที่ทำไม่เสร็จหรือทำไม่สมบูรณ์
อีกจำนวนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบเครื่องจักรสงครามที่ไม่ได้ถูกสร้างทำได้เพียงสเก็ตภาพ ภาพวาด
หลายชิ้นที่ทำค้างวาดเสร็จเช่น St. Jerome in the Wilderness, Adoration of the Magi  และหนึ่งใน
ผลงานที่ได้รับกล่าวขวัญที่สุดก็คือ Gran Cavallo ผลงานนี้เริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่สิบห้า


ตอนนั้นดาวินซีจากดยุคแห่งมิลานได้รับมอบหมายให้สร้างรูปปั้นม้าเพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาของเขา ดาวินซี
ใช้เวลาสิบสองปีในการทำงานในการปั้นรูป ในปี 1492 เขาได้เปิดตัวแบบจำลองดินเหนียวสูง 23 ฟุต
ในชื่อ “Gran Cavallo” และได้รับคำชมจากหลายฝ่ายว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่สวยที่สุดที่เขาสร้าง

แต่ก่อนที่แม่พิมพ์ของม้าจะถูกสร้าง สงครามและความยากจนก็เกิดขึ้นระหว่างประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี
ซึ่งนายจ้างของดาวินซีได้ตัดสินใจบริจาคเงิน 200,000 pounds และโลหะที่จะทำแม่พิมพ์ม้าให้แก่ทหาร
เพื่อสร้างปืนใหญ่ ทำให้รูปปั้นม้าของดาวินซีนี้ไม่เคยทำสำเร็จ ส่งผลทำให้เราไม่ได้เห็นผลงานอีกชิ้นที่
ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาตลอดกาล



 
1. Mozart 's Requiem

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1544237298-3904.jpeg)
 
มีเรื่องเล่ากันว่าก่อนที่โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท(ค.ศ. 1756- ค.ศ. 1791) นักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่
ชาวออสเตรีย จะตายนั้น ในปี 1791 เขาได้รับการติดต่อจากฟรานซ์ ฟอน วาลเซ็กก์ ที่จ้างให้เขาเขียน
เนื้อเพลง “เรควีม แมสส์” เพื่อใช้เล่นในพิธีศพภรรยาของเขา

แต่เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพโมซาร์ทป่วยเป็นโรคไตและไข้รากสาดใหญ่ ประกอบกับต้องแบ่งเวลาไป
เขียนอุปรากรเรื่อง La Clemenza di Tito และ ขลุ่ยวิเศษ ทำให้บทประพันธ์ชิ้นนี้ต้องล่าช้ากว่ากำหนด
ในช่วงท้ายของชีวิต โมซาร์ทมีสุขภาพย่ำแย่จนต้องไม่สามารถเขียนได้ด้วยดนเอง ต้องให้ซืสส์มาเยอร์
เป็นผู้จดบันทึกตามคำบอก โมซาร์ทถึงกับเพ้อไปว่าตัวเขาถูกวางยาพิษ และกำลังเขียนเรควีมนี้เพื่อใช้
ในงานศพของตัวเอง

ต่อมาคอนสแตนซ์ โมซาร์ท ภรรยาของเขาได้มอบหมายให้ฟรานซ์ ซาเวอร์ ซืสส์มาเยอร์ ลูกศิษย์ของ
โมซาร์ทแต่งต่อจนเสร็จ และกลายเป็นว่าผลงานชิ้นนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ความตายของโมซาร์ท
ไปโดยบริยาย เพราะว่าเพลงนี้ได้ถูกนำมาเล่นในงานศพของเขา



 
เรียบเรียงจากเว็บ
http://www.toptenz.net/top-10-unfinished-works-of-art.php