-->

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่  (อ่าน 1188 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ชายวัยทอง

  • บุคคลทั่วไป

ลุงขอเอาบทความดี ๆ มาฝากเตือนใจหลาน ๆ นะ เพราะเที่ยวแต่ละครั้งก็เสียเงินไม่ใช่น้อย  ???

===========================================================================


คุณรึเปล่า ที่ได้แต่ใช้ชีวิตเพลินๆ ไปวันๆ ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขภาพการเงินเท่าที่ควร

เพราะบางคนอาจจะรู้สึกว่า สภาพคล่องยังไม่ถึงกับติดขัด ยังมีเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถอย่างเป็นปกติ มีกินมีใช้อย่างเดือนชนเดือน

แต่อย่างน้อยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง บางทีคุณอาจพบว่า นี่แหละสัญญาณอันตราย กำลังกะพริบเตือนเข้าแล้ว

มีสัญญาณอะไรบ้างล่ะ ที่ฟ้องว่าสุขภาพทางการเงินของคุณกำลังย่ำแย่ Fundamentals ฉบับนี้จะพาคุณตามไปดู เผื่อว่าจะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที

****************

จะว่าไปแล้ว สุขภาพทางการเงินก็เหมือนสุขภาพกายนั่นแหละ ถ้าคุณไม่เคยใส่ใจไยดี คุณก็แทบไม่รู้ว่า ความผิดปกติอะไรซ่อนอยู่หรือไม่

แต่ถ้าคุณหัดเป็นคนสังเกตสังกากับชีวิต รู้จักตรวจสอบและใส่ใจกับทุกเรื่องราว เมื่อพบว่ามีอะไรที่ผิดปกติในชีวิต และเราสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ปัญหาร้ายแรงก็จะไม่เกิดขึ้น

"พจนี คงคาลัย" คอลัมนิสต์ ประจำเซคชั่น Fundamentals เจ้าของหนังสือเรื่อง "จน เครียด เก็บตังค์สิ" ให้ความเห็นว่า สุขภาพทางการเงินก็เหมือนกับสุขภาพร่างกายของคนเราที่ต้องหมั่นตรวจเช็คสังเกตอาการเป็นประจำเพื่อความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพทางการเงิน อาการที่บ่งบอกว่าสุขภาพทางการเงินของเราเริ่มอ่อนแอแล้ว

"เวลาเดินไปพร้อมกับอายุเราที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สุขภาพร่างกายเราจะแปรผกผันกับอายุ อายุยิ่งมากสุขภาพยิ่งเสื่อมถอยลง โดยเฉพาะคนที่ตรากตรำทำงานหนักโดยไม่เคยดูแลหรือตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย รู้ตัวอีกทีก็เมื่ออาการโคม่าแล้ว และวันนั้นจะพบว่าเงินที่หามาตลอดทั้งชีวิตหามาเพื่อเอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลตอนวัยเกษียณนั่นเอง

ในทางตรงกันข้ามกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หมั่นตรวจเช็คดูแลสุขภาพร่างกายเป็นประจำ ทำให้ทราบถึงความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย และสามารถป้องกันหรือเยียวรักษาได้ทันไม่ปล่อยให้โรคลุกลามจนยากแก้การรักษาช่วยให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขและก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมั่นคง"

เอาเป็นว่า ถ้าอาการหน้ามืด วิงเวียน ปวดหัวบ่อยๆ หรืออาการหายใจติดขัด เป็นสัญญาณบางอย่างที่ทำให้คุณรู้ว่า มีความไม่ปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับสุขภาพกายของคุณ อาการหลายอย่างเหล่านี้ก็อาจจะฟ้องว่า สุขภาพทางการเงินของคุณกำลังทำท่าว่าไม่ค่อยสู้ดีนัก ตามมาดูกันว่าเป็นอาการอะไรบ้าง

@ไม่เคยมีเงินเหลือเก็บในบัญชีเลย

ถึงแม้ว่าสถานภาพทางการเงินของคุณ จะอยู่ในระดับที่ "ไม่น่าเป็นห่วง" หรือ "ต้องระมัดระวัง" แต่วันหนึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากทางการเงินคุณอาจแย่ก็ได้ ถ้าพบว่าคุณไม่เคยมีเงินเหลือเก็บในบัญชีเลย

ประเภทมีเท่าไรใช้เกลี้ยง ทุกสิ้นเดือนจบลงด้วยความว่างเปล่า ไม่มีเงินเหลือพอที่จะเก็บเอาไว้ให้อุ่นใจ เมื่อไรที่เกิดเหตุฉุกเฉินในชีวิตขึ้นมา คราวนี้ล่ะหาทางออกลำบาก

คุณอาจจะมองว่า การไม่มีเงินเก็บไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มีกินมีใช้ให้ครบเดือนก็บุญโขแล้ว ถ้ามีเอาไว้จับจ่ายใช้สอยไม่ครบเดือนสิ นั่นแหละถึงน่าเป็นห่วง

แต่ขอให้รู้ไว้เถอะว่า การเป็นผู้ปลอดเงินออมคือ อาการเบื้องต้นของผู้ที่มีสุขภาพทางการเงินอันย่ำแย่ และอาจจะนำไปสู่โรคภัยทางการเงินในที่สุด

@พกบัตรเครดิตมากกว่า 10 ใบ

ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าบัตรเครดิตเป็นประเภทใช้ก่อนผ่อนทีหลัง ยิ่งมีเยอะเท่าไร ก็ยิ่งเป็นพิษภัยกับกระเป๋าสตางค์มากเท่านั้น คุณอาจจะบอกว่า ก็ทำไว้เท่ๆเฉยๆ หรือพกติดกระเป๋าไว้ให้อุ่นใจเท่านั้นแหละ

แต่เมื่อถึงคราวหน้าสิ่วหน้าขวาน บัตรเครดิตนี่แหละที่เป็นเจ้าตัวร้าย ที่คุณจะคว้ามันแก้อาการติดขัดของเงินทองอยู่เสมอ

ยิ่งพอพกหลายใบเข้า หลายคนเลยใช้บัตรเครดิตเป็นแหล่งหมุนเงินไปโดยปริยาย และด้วยคุณสมบัติของมันที่กดง่ายรูดคล่อง จึงเป็นใจให้การเป็นหนี้เกิดขึ้นได้ง่าย บางคนหันมาใช้วิธีรูดเงินสดจากบัตรนั้นไปโปะบัตรนี้ รูดเงินสดจากบัตรนี้ไปโปะบัตรโน้น ก็เลยกลายเป็นดินพอกหางหมูในที่สุด ท้ายสุดหนี้พันกันเป็นหางว่าวเลยทีนี้

บัตรเครดิตจึงเหมือนแหล่งเพาะชำหนี้ชั้นดีทีเดียว

ไม่ต้องทำบัตรเครดิตถึง 10 ใบ คุณก็เท่และบุคลิกดีได้ ตรงกันข้ามเมื่อไรที่พกบัตรเครดิตมากกว่า 10 ใบ นั่นแหละ สัญญาณไม่ดีเริ่มมาเยือนแล้ว

@ผ่อนชำระตามยอดหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต

จากที่เคยยึดระบบใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้น แต่จู่ๆ คุณก็หันมาเริ่มผ่อนชำระตามยอดหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต หรือแค่ 10% ของยอดค้างชำระ

สัญญาณร้ายกะพริบเตือนคุณแล้ว เพราะการชำระแค่ขั้นต่ำ เท่ากับคุณตั้งใจเริ่มต้นสะสมหนี้อย่างเป็นทางการ ยิ่งถ้าทำแบบนี้ทุกๆ เดือน จนติดเป็นนิสัย คราวนี้ก็เตรียมเปิดประตูร้อนรับหนี้ก้อนโตเข้าบ้านได้เลย

พจนีบอกว่าการเริ่มค้างชำระบัตรเครดิต จะนำไปสู่ผลข้างเคียง นั่นคือ ทำบัตรใหม่เพื่อเบิกเงินสดล่วงหน้ามาชำระหนี้บัตรเก่า อาการแบบนี้ต้องเลิกพฤติกรรมการใช้จ่ายเกินตัว ลัทธิเอาอย่าง หลังจากนั้นรับประทานยา" ประหยัด" ทุก 4 ชั่วโมง พร้อมกับกินวิตามินเสริม คือ หารายได้เพิ่ม

"ส่วนใหญ่เมื่อค้างชำระหนี้บัตรเครดิต เพราะเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง พูด ง่ายๆ เงินที่เคยพอใช้จ่ายทุกเดือน จู่ๆ เกิดอาการหมดก่อนเงินเดือนออก อาการแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไรจะมีผลข้างเคียง คือ เริ่มก่อหนี้ หรือกรณีมีเงินออมก็จะเริ่มถอนเงินออมออกมาใช้ ต้องรีบหาสาเหตุของการใช้จ่ายที่ผิดปกติทันที หลังจากนั้น หากรู้จักประหยัดอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยในการออมและการใช้จ่ายเงินโรคร้ายต่างๆ ทางการเงินไม่มีวันที่จะทำลายสุขภาพทางการเงินของเราได้"

@ ยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่มาชำระเจ้าหนี้รายเดิม

อีกอาการหนึ่ง ที่บ่งบอกได้ว่า ฐานะการเงินของคุณกำลังทำท่าว่าจะไม่ค่อยดี นั่นคือ การยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่มาชำระเจ้าหนี้รายเดิม หรือกู้เงินก้อนใหม่มาโปะหนี้ก้อนเก่า

จากเดิมที่แค่หมุนเงินเฉพาะจากบัตรเครดิตใบต่างๆ อาจจะเริ่มหันไปกู้สินเชื่อบุคคล กู้เงินด่วน หรือแย่กว่านั้นคือ กู้เงินจากเจ้าหนี้นอกระบบ

พจนีบอกว่าเมื่อเริ่มเป็นหนี้ครบสูตร โดยเริ่มจากหนี้บัตรเครดิต ลามไปถึงหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้นอกระบบ ผลข้างเคียงของมันคือ จะทำให้ครอบครัวเริ่มไม่เป็นสุข ความสามารถในการทำงานตกต่ำอาจตกงานได้ อาการแบบนี้ต้องตั้งสติให้ดี รักษาโรคที่ร้ายแรงที่สุดก่อน นั่นคือ เร่งกำจัดหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงสุด ระหว่างนี้ต้องหมั่นรักษาร่างกายให้แข็งแรงไว้ คือ ต้องขยันขันแข็งในการทำงาน ห้ามก่อหนี้เพิ่ม มีวินัยในการผ่อนชำระ ลดละเลิกพฤติกรรม "การอยู่อย่างอยาก"

@ ถูกเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม

โดยมาก เมื่อฐานะการเงินของคุณง่อนแง่น การชำระหนี้เริ่มไม่เป็นปกติ สิ่งที่คุณอาจจะเจอะเจอคือ ถูกเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม หรือถูกขอให้มีผู้กู้ร่วมจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะความสามารถชำระหนี้ของคุณลดลง

กรณีนี้ บางคนอาจจะไม่เจอ แต่เมื่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้เริ่มรู้สึกว่า พฤติกรรมการชำระหนี้ของคุณ ฟ้องว่าชักมีภาวะเสี่ยงเพิ่มขึ้น จึงจะขอเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม เพื่อให้คุ้มกับมูลค่าหนี้ กรณีที่คุณปล่อยให้หนี้ก้อนนี้เป็นหนี้เสียขึ้นมา

@ไม่สามารถประมาณการหนี้สินทั้งหมด

เมื่อไรก็ตาม ที่คุณแค่รู้สึกว่า กลายเป็นคนที่มีหนี้รุงรังเต็มไปหมด และเริ่มจับต้นชนปลายไม่ได้ว่ามูลหนี้ทั้งหมดมีอะไรบ้าง หรือหนี้ที่งอกงามขึ้นนั้นเกิดจากอะไรบ้าง และรวมกันทั้งก้อนเป็นเงินเท่าไร พูดง่ายๆ คือ ไม่สามารถประมาณการได้มีหนี้สินรวมทั้งหมดเท่าไร

ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพราะคุณสร้างหนี้ซะเพลิน ปล่อยให้หนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต กินใช้อย่างตามใจความอยากจนติดเป็นนิสัย

มาทำนองนี้ เห็นทีจะแย่แล้วสิ ถึงขั้นนี้คงไม่ใช่หนี้ธรรมดาๆ แล้ว แต่คงเยอะจัดจนคุณตาลายกับหนี้กองพะเนิน ทางที่ดี ใช้สติที่เหลืออยู่รีบจัดระเบียบหนี้ให้เข้าที่เข้าทาง

เอาแค่พื้นๆ ก่อนว่า มีหนี้จากบัตรเครดิตทั้งหมดเท่าไร แล้วค่อยๆ แยกซอยออกมาเป็นใบๆ ว่าใบไหนมีหนี้เท่าไร แล้วค่อยไปดูหนี้อย่างอื่นต่อ เช่นหนี้จากสินเชื่อบุคคล หนี้กู้ซื้อบ้าน หนี้ผ่อนรถ หนี้ที่กู้ยืมมาจากเพื่อนฝูงและญาติมิตร ไปจนถึงหนี้จากเจ้าหนี้นอกระบบ

แล้วก็ตามสูตร ลงมือกำจัดหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงที่สุดออกไปจากชีวิตคุณก่อน ที่สำคัญคือ ค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ และอดทน

@ส่งค่างวดผ่อนบ้าน-รถเลท

เคยจ่ายค่างวดผ่อนบ้าน และผ่อนรถตรงเวลาเป๊ะ หรือบางคนตรงดิ่งไปจ่ายที่แบงก์ก่อนครบกำหนดชำระซะอีก แต่ถ้าจู่ๆ ก็ปล่อยให้มันล่าช้าขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

แบบนี้ เขาเรียกเกิดอาการสภาพคล่องติดขัด กระแสเงินสดหมุนเวียนไม่เป็นปกติ สัญญาณแบบนี้อย่านิ่งนอนใจไป ต้องรีบตรวจเช็คว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับสุขภาพทางการเงินของคุณ

เมื่อพบว่าต้นตอของปัญหาอยู่ตรงไหน ต้องรีบสะสางให้จบโดยเร็ว อย่าปล่อยปละละเลยด้วยการส่งค่างวดบ้านและรถล่าช้า เพราะนั่นอาจกระทบถึงเครดิตทางการเงินในระยะยาวของคุณ

ทางที่ดี ถ้าเริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระ รีบเข้าไปหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ บอกกล่าวถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหา

@ขอหยุดส่งประกันกลางทาง

ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องส่งประกันเป็นประจำทุกปี ซึ่งโดยปกติในปีแรกๆ หลายคนจะยังส่งด้วยรอยยิ้ม แต่พอนานเข้าบางคนก็รู้สึกเหมือนแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง เช่น ตอนตัดสินใจทำลืมประเมินตัวเองในระยะยาว ว่ามีความสามารถในการผ่อนแค่ไหน ด้วยแรงยุของคนขายประกันเลือกวงเงินไว้ซะเยอะ หรือบางคนอาจจะมีรายได้ไม่แน่นอน ทีแรกคิดว่าส่งไหว แต่ไปๆ มาๆ ชักไม่ค่อยไหว หรือบางคนอาจจะเจออุบัติเหตุชีวิต ปีก่อนๆยังไม่มีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ปีนี้มีเหตุจำเป็นทำให้ส่งไม่ไหว เลยต้องหยุดเอากลางคัน

การหยุดส่งประกันรายปี เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ส่งสัญญาณเตือนให้คุณหันมาใส่ใจกับสุขภาพทางการเงินให้มากขึ้น ทางที่ดี ถ้ารู้ว่ามีภาระต้องส่งประกันแบบนี้ และไม่อยากเกิดอาการสะดุด ก็ลองเก็บออมเงินไว้เป็นเดือนๆ

เช่น คุณต้องส่งปีละ 36,000 บาท ในแต่ละเดือนก็เก็บไว้เดือนละ 3,000 บาท พอถึงกำหนดเดือนที่ต้องส่งค่าประกัน คุณก็จะรู้สึกว่าต้องขวนขวายหาเงินก้อนมาส่งค่าประกัน ทำแบบนี้ เป็นการสลัดคำว่า "ภาระ" ให้พ้นจากการออมผ่านประกัน ต่อไปก็จะมีทัศนคติที่ดีกับการทำประกัน

@ต้องยอมขายหุ้นทั้งที่ยังขาดทุน

ปกติคุณก็เป็นนักลงทุนระยะยาวดีๆ อยู่ เพราะไม่อยากซื้อๆ ขายๆ แต่ถ้าวันดีคืนดี ต้องยอมขายหุ้นทั้งที่ยังขาดทุนอยู่ แบบนี้ อาการค่อนข้างชัดเลยว่า "ร้อนเงิน"

เพราะถ้าคุณลงทุนด้วย "เงินเย็น" ถึงแม้ตลาดหุ้นจะร่วงระเนระนาดแค่ไหน แต่ถ้าคุณยังเห็นว่าหุ้นตัวนั้น พื้นฐานดีมีอนาคต ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องรีบขาย เงินเย็นจะทำให้คุณรอได้ และไม่ต้องยอมขายทั้งที่ยังขาดทุนอยู่

เหล่านี้ เป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพทางการเงิน คุณอาจไม่ได้มีอาการครบทุกข้อข้างต้น แต่ถึงแม้มีอาการใดอาการหนึ่งเกิดขึ้นกับคุณ แค่นี้ก็นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว ลงมือเยียวยาอาการโรคภัยทางการเงินนั้นซะ จะได้ไม่ต้องใช้คำว่า "โคม่า"


ที่มา : บทความของคุณกาญจนา หงษ์ทอง จากเวบไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

kobmoi

  • บุคคลทั่วไป
Re: 10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2007, 10:33:38 »

เป็นบทความที่ดี...ขอขอบคุณครับ...

R_obert

  • บุคคลทั่วไป
Re: 10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2007, 11:23:53 »

ขอคุณมากครับ สำหรับข้อคิดนะครับ

     ผมไม่มีหนี้มากมาย สว่นใหญ่ก็บัตรเครดิต เติมน้ำมัน กินข้าว นิดหน่อย     

       แต่เงินออมหรือเงินเก็บ ของผมนะครับ  ฝากน้องเค้าไว้หมดเลย

           ผู้ชายเราพอมันรู้สึก....บวกมีเงิน....มันก็ต้องไปฝากไว้ที่น้องเค้าหละครับ

                                R_obert

seawjang

  • บุคคลทั่วไป
Re: 10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2007, 11:52:29 »

ของผม ไม่ได้ฝากอ่ะดิ  แต่โดนยึดหมดเลย  :P :P

mammos69

  • บุคคลทั่วไป
Re: 10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2007, 09:03:15 »

ขอบคุณมากครับ ของผมโดนยึดเหมือนกัน เลยไม่มีการบ้านส่งเลย ควรจัดสรรปันส่วนให้ดี เหลือจริงๆค่อยเที่ยว