cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: etatae333 ที่ 27 ตุลาคม 2017, 11:03:49

หัวข้อ: 10 คดีสุดหลอนวันฮาโลวีน... ที่ยังไขไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: etatae333 ที่ 27 ตุลาคม 2017, 11:03:49
10 คดีสุดหลอนวันฮาโลวีน... ที่ยังไขไม่ได้
cr.อตินเอง

10. คดีฆาตกรรมโรนัลด์ ซิสแมน และเอลิซาเบ็ธ แพลทซแมน

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509170890-4961.jpeg)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509170922-6709.jpeg)

ช่วงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1981 คู่รักชาวแมนฮัตตัน โรนัลด์และเอลิซาเบ็ธถูกฆาตกรรมในอพาร์ทเมนต์ส่วนตัว
ใกล้หมู่บ้านกรีนวิช ทั้งคู่ถูกซ้อมก่อนจะยิงเข้าที่หัว อพาร์ทเมนต์ถูกรื้อค้นจนทั่ว ข้าวของกระจัดกระจาย หลังจากสืบประวัติ
ตำรวจพบว่าซิสแมนเคยต้องสงสัยเรื่องยาเสพติด พวกเขาก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน คดีมาแปลกเอาก็ตอนที่
นักโทษคนหนึ่งออกมาพูดว่า... เพื่อนของเขาเคยทำนายเหตุการณ์นี้เอาไว้ ก่อนมันจะเกิดขึ้นจริง

 
เจ้าของเรื่องเล่านี้คือ เดวิด เบอร์โควิทซ์ ในปี ค.ศ. 1977 เขาต้องโทษคดียิงคนตาย 6 คน บาดเจ็บอีก 7 คน
หลายคนเชื่อว่า เบอร์โควิทซ์ ไม่ได้ก่อคดีเพียงลำพัง จากคำบอกเล่าของผู้ให้ข้อมูล ระบุว่า เบอร์โควิทซ์ประกาศว่า...
“เพื่อน” คนหนึ่งของเขา วางแผนไว้ว่าจะบุกเข้าไปที่ที่พักของโรนัลด์ และเอลิซาเบ็ธในวันฮาโลวีน เพื่อฆาตกรรม
คู่รักทั้งสอง จากนั้นก็รื้อข้าวของ เพื่ออำพรางคดีว่าเป็นการปล้น

ส่วนเหตุผลในการฆ่า เบอร์โควิซบอกว่า เพราะโรนัลด์แอบถ่ายคดีฆาตกรรมของเขาเอาไว้ และวางแผนจะส่งมอบมัน
ให้กับตำรวจ จะได้รอดพ้นคดียาเสพติด ไม่มีหลักฐานสนับสนุนคำพูดของเบอร์โควิทซ์ แต่เขาก็อธิบายลักษณะอพาร์ทเมนต์
ได้อย่างถูกต้องชัดเจน

และจนบัดนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าฟิล์มที่เบอร์โควิทซ์อ้างถึงนั้น มีจริงหรือไม่...
แล้วเพื่อนคนนั้นล่ะ...? หายตัวไปไหนกันแน่

 



9. การหายตัวไปของฮยอนจง ซินดี้ ซง

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509170956-7119.jpeg)

ฮยอนจง ซินดี้ ซง คือชื่อของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 21 ปี เธอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย เพนซิลวาเนียสเตท
ในปี ค.ศ. 2001 เธอแต่งชุดนางกระต่าย เข้าร่วมปาร์ตี้ฮาโลวีนที่ไนท์คลับของมหาวิทยาลัย หลังออกจากคลับ
ซินดี้กับเพื่อนไปเที่ยวกันต่อ จนกระทั่งตีสี่ เพื่อนคนหนึ่งขับรถมาส่งเธอที่อพาร์ทเมนต์ หลังจากนั้น ก็ไม่มีใคร
ได้พบเธออีกเลย เจ้าหน้าที่เข้าค้นอพาร์ทเมนต์ของซินดี้จนทั่ว พวกเขาไม่พบร่องรอบการต่อสู้หรือขัดขืน
แต่เสื้อผ้าข้าวของของเธอก็อยู่ครบ รวมทั้งชุดที่ใส่ในคืนนั้นด้วย ราวกับว่า...   


เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงหายตัวไป... 

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171442-8524.jpeg)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171442-8633.jpeg)
 
ไม่นานหลังจากนั้น พยานคนหนึ่งรายงานว่าพบผู้หญิงลักษณะคล้ายซินดี้ ที่ย่านไชน่าทาวน์ในฟิลาเดลเฟีย
เธอนั่งอยู่ในรถ คนขับเป็นผู้ชายที่พยานมองไม่เห็นหน้า และกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือ คดีที่ใกล้เคียง
กับการหายตัวของซินดี้มากที่สุดคือ คดีในปี ค.ศ. 2003 ฮิวโก้ มาร์คัส เซเลนสกี้ ถูกจับหลังจากตำรวจ
พบซากศพของบุคคลสูญหาย 5 คนฝังอยู่ในสวนหลังบ้านของเขา
 
แม้ว่าจะยังไม่มีการค้นพบศพหรือข้าวของของซินดี้ พยานยืนยันว่า... ซาเลนสกี้และเพื่อนชื่อ ไมเคิล เจสัน
คอร์คาวสกี้ เจอาร์ ลักพาตัวเธอมาอย่างแน่นอน ซินดี้ถูกข่มขืนฆ่า จากนั้นชายทั้งสองเอาศพเธอไปฝังไว้ที่อื่น
ศพของเคอร์คาวสกี้ ถูกพบที่สวนหลังบ้านของซาเลนสกี้

พยานอ้างว่า... เคอร์คาวสกี้ถูกฆ่าเพราะแอบเก็บหูกระต่ายของซินดี้เอาไว้เป็นที่ระลึก แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ
แม้ว่าต่อมาในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2014 จะมีการค้นพบศพที่หลังบ้านของเซเลนสกี้เพิ่มเติมมากกว่า 12 ศพ

แต่ก็ไม่มีรายงานว่า... ค้นพบศพของซินดี้ เธอหายไปโดยไร้ร่องรอย 

 
8. คดีฆาตกรรมหนูน้อยนีม่า ลูอิส คาร์เตอร์

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171075-3111.jpeg)

คืนวันฮาโลวีนปี ค.ศ. 1977 พ่อแม่ของหนูน้อยนีม่า ลูอิส คาร์เตอร์ วัย 19 เดือน ปล่อยให้ลูกเข้านอนในเตียงคอก
ตามปกติ ทว่าเช้าวันต่อมา พวกเขาถึงกับตกใจแทบเสียสติ เมื่อพบว่าลูกสาวหายตัวไป หน้าต่างห้องนอนก็ล็อก
จึงแทบเป็นไปไม่ได้ว่า... ใครจะมาแอบลักพาตัวหนูน้อยไป หนึ่งเดือนต่อมา เด็กกลุ่มหนึ่งเข้าไปเล่นในบ้านร้าง
และต้องเจอกับฉากสุดผวา เมื่อเปิดตู้เย็นออกมา แล้วพบศพของหนูน้อยนีม่าถูกยัดอยู่ในนั้น

 
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ปีค.ศ. 1976 เคยมีคดีคล้ายๆ กันเกิดขึ้นในละแวกเดียวกันมาแล้ว เป็นเรื่องของ
เด็กหญิงฝาแฝดวัยสามขวบ แมรี่และทีน่า คาร์พิทเชอร์ ทั้งคู่ถูกหลอกให้ออกจากบ้าน และถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในตู้เย็น
สองวันต่อมา มีคนตามไปพบทั้งคู่ แมรี่เสียชีวิตแล้ว แต่ทีน่ารอดมาได้ และชี้ตัวผู้ต้องสงสัย คือพี่เลี้ยงเด็กวัยรุ่น
แจ๊คเกอรีน โรบิโดซ์ ทว่าเพราะอายุแค่สามขวบ ทำให้คำให้การไม่ชัดเจน ประกอบกับหลักฐานไม่เพียงพอ
แจ๊คเกอรีนจึงรอดไปได้ และกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ของบ้านหนูน้อยนีม่า

แน่หละว่าแจ๊คเกอรีน กลายเป็นผู้ต้องสังสัยในคดีฆาตกรรมครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอีกน่ะแหละ หลายปีต่อมา
แจ๊คเกอรีนถูกจับข้อหาฆาตกรรมแมรี่ คาร์พิทเชอร์ และต้องติดคุกอยู่หลายปี

ปี ค.ศ. 2005 เธอเสียชีวิตในคุกด้วยโรคมะเร็งตับ แต่ก็ไม่ยอมรับว่าได้ก่อคดีฆาตกรรมเด็กๆ
คดีนี้ก็เลยยังคงปิดไม่ลงมาจนวันนี้     

 

 
7. คดีฆาตกรรม เชม เวสส์

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171134-6548.jpeg)

เชม เวสส์ เด็กหนุ่มชาวยิววัย 15 ปี เข้าศึกษาต่อไฮสคูลที่ Mesivta of Long Beach เช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน
ปี ค.ศ. 1986 ทั้งโรงเรียนต้องสะพรึง เมื่อพบว่าเชมถูกฆาตกรรมบนพื้นในห้องพักของตัวเอง สาเหตุการเสียชีวิต
เพราะถูกทุบตีและแทงเข้าที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ขัดขืนหรืออาวุธในที่เกิดเหตุ


ข้อสันนิษฐานจึงอยู่ที่... เชมถูกแทงระหว่างหลับอยู่บนเตียง และคนร้ายก็เคลื่อนย้ายศพของเขามาไว้ที่พื้น
ตามประวัติแล้ว เชมก็เป็นเด็กเรียบร้อยดี ไม่น่ามีแรงกระตุ้นใดๆ ให้ใครฆาตกรรมเขา

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171134-6982.jpeg)
 
แต่เจ้าหน้าที่ก็สืบค้นไปเรื่อยๆ และสันนิษฐานว่าสาเหตุการฆาตกรรมน่าจะมาจากเรื่องศาสนา คืนนั้นอากาศดี และเชม
ก็เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพราะเป็นความเชื่อว่า... การเปิดหน้าต่างจะขับไล่วิญญาณร้ายออกจากห้อง หลังคดีฆาตกรรม
เกิดขึ้นไม่กี่วัน มีคนมาจุดเทียนให้ห้องของเชม และสองวันต่อมา เทียนเล่มที่สองก็ถูกจุดขึ้น แสดงให้เห็นว่า...คนร้าย
รู้จักทางหนีทีไล่ของหอนี้เป็นอย่างดี เพื่อนนักเรียนของเชมเล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุ พวกเขาได้ยินเสียงประตูเปิด
และปิดแทบจะในทันที จะเป็นไปได้ไหมว่าคนร้ายเข้าห้องผิด และฆ่าคนผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

เวลาผ่านไป 28 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครไขปริศนาได้ว่า เชมถูกฆ่าเพราะอะไร
 



6 เรื่องเล่าของ “หญิงสาวถุงเท้าส้ม”

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171173-0426.jpeg)

วันฮาโลวีน ปี ค.ศ. 1979 มีคนพบศพของผู้หญิงวัย 20 เศษ ฝังอยู่ในคอนกรีต ด้านนอกจอร์จทาวน์ เท็กซัส เธอถูกข่มขืน
และทารุณจนตาย ของอย่างเดียวที่ระบุตัวตนของเธอคือ แหวนรูปไข่ที่นิ้วมือ ที่พิลึกกว่านั้นคือเธอไม่มีเสื้อผ้าติดกาย
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงถุงเท้าสีส้ม และเพราะเจ้าหน้าที่ยังระบุตัวตนของเธอไม่ได้ พวกเขาจึงตั้งชื่อให้เธอว่า


“หญิงสาวถุงเท้าส้ม”

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171455-7871.jpeg)

หลายปีต่อมา เฮนรี่ ลี ลูคัส ฆาตกรต่อเนื่อง สารภาพว่าเขาฆ่าเธอและมีเซ็กส์กับศพ ทว่าลูคัสเองก็ระบุไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร
ส่วนชื่อ เขาจำได้แค่ว่า จูดี้หรือโจแอน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนเพิ่มเติม กลับพบว่าในวันเกิดเหตุ ลูคัสไปทำงานอยู่ที่ฟลอริด้า
เท่ากับว่าเขาให้การเท็จ ลูคัสเสียชีวิตในคุก เมื่อปี ค.ศ. 2001

และคดีหญิงสาวถุงเท้าส้ม ก็ยังคงเป็นความลับดำมืดต่อไป
 


 
5 เจน โด แห่งวอล์กเกอร์ เคาน์ตี้

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171205-1336.jpeg)

เช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1980 คนขับรถบรรทุกบังเอิญพบศพผู้หญิงวัยรุ่นที่ด้านนอกฮันท์สวิลล์ ในวอล์กเกอร์ เคาน์ตี้
เท็กซัส เหยื่อถูกข่มขืนและทุบตีจนตาย แต่ว่าไม่มีใครระบุตัวตนของเธอได้ ทุกคนเลยเรียกเธอว่า เจน โด แห่งวอล์กเกอร์ เคาน์ตี้


คดีนี้น่าสนใจมากขึ้น เมื่อมีพยานมายืนยันว่า เขาได้พูดคุยกับเธอในคืนวันฮาโลวีน เจน โด ถูกไล่ลงจากรถของผู้ชายคนหนึ่ง
จากนั้นเธอก็ถามผู้คนแถวนั้นว่าจะไปที่เอลลิส ยูนิตได้อย่างไร โดยเธออ้างว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่น ทว่าเมื่อเจ้าหน้าที่นำภาพของเธอ
ไปสอบถาม กลับไม่มีใครรู้จักเธอ
 
คืนนั้นเอง มีรายงานจากพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งว่า ได้พูดคุยกันเจน โด ผู้ให้การระบุว่า เธออายุ 19 ปี และหนีออกจากบ้าน
เพราะทะเลาะกับพ่อแม่ และเนื่องจากคดีนี้เกิดหลังจากคดีหญิงสาวถุงเท้าส้มไม่นาน ประกอบกับรายละเอียดในคดีใกล้เคียงกัน
เจ้าหน้าที่จึงเพ่งเล็งไปที่เฮนรี่ ลี ลูคัสเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บอกว่าลูคัสเป็นฆาตกรในคดีนี้ และเรื่องราวของเจน โด
ก็ยังเป็นความลับต่อไป



 
 
4. คดีฆาตกรรม มาร์วิน แบรนด์แลนด์

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171237-927.jpeg)

มาร์วิน แบรนด์แลนด์ วัย 69 ปี อาศัยอยู่กับเอเธล ภรรยา ที่ฟอร์ท ดอดจ์ ไอโอว่า คืนวันฮาโลวีน ปี ค.ศ. 1982 มาร์วินเตรียม
ขนมไว้แจกเด็กๆ ที่มาเล่นทริกออร์ทรีตที่บ้านของเขา เมื่อเปิดประตูออกมา เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อได้พบชายสวมหน้ากาก
ยืนอยู่ ชายคนนั้นพูดว่า “ทริกออร์ทรีต ส่งเงินมาไม่งั้นฉันยิง” 


มาร์วินคิดว่าเป็นการเล่นตลก ก็เลยพยายามดึงหน้ากากของชายผู้นั้นออก ทันใดนั้น ชายสวมหน้ากากก็ชักปืนออกมา และผลัก
มาร์วินเข้ามาในบ้าน ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้มาร์วินพยายามแย่งปืนของอีกฝ่าย ผลสุดท้าย เขาก็ถูกยิงเข้าที่คอ จากนั้น
ชายสวมหน้ากากก็หลบหนีไป

ไม่กี่เดือนต่อมา เอเธล ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตตาม และคดีนี้ก็ยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้
 


 
3. ความตายของทารกแห่งคีย์เวสต์

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171353-5436.jpeg)

เช้าวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2004 แม่บ้านที่ฮิลตันรีสอร์ทและมาริน่า ในคีย์เวสต์ ฟลอริด้า พบบางอย่างในถังขยะของห้องน้ำโรงแรม
ตอนแรก เธอคิดว่าเป็นการเล่นตลกวันฮาโลวีน แต่แล้ว ก็ต้องช็อก เมื่อพบว่ามันคือศพของเด็กหญิงแรกเกิด เด็กยังมีสายรก
ติดอยู่กับตัว แสดงให้เห็นว่าเพิ่งคลอดใหม่ๆ และถูกทิ้งไว้ในถังขยะ 

 
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ผู้หญิงท้องและผู้ชายสามคน เข้ามาในห้องล็อบบี้โรงแรม ผู้หญิงเข้าไปในห้องน้ำ โดยผู้ชายสามคน
รออยู่ด้านนอก มีพยานยืนยันว่าได้ยินเสียงคร่ำครวญของผู้หญิงคนดังกล่าว เมื่อสอบถามชายทั้งสาม หนึ่งในนั้นบอกว่า
เป็นแฟนของเธอ และเรียกชื่อเธอว่า ซาแมนต้า หรือ ซอนย่า ผู้หญิงท้องเข้าห้องน้ำอยู่นาน 40 นาที เมื่อออกมา เธอเดิน
โงนเงนผิดปกติ รปภ. เข้าไปสอบถาม และเธอก็บอกว่า รู้สึกอยากอาเจียนเพราะปาร์ตี้หนักเกินไป ทั้งสี่ออกจากโรงแรมไป
และแม่บ้านก็พบศพทารกในเช้าวันต่อมา

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครค้นพบผู้หญิงกับชายทั้งสามคนอีกเลย
 

 
2. คดีฆาตกรรมหน้ายิ้ม คริส เจนกินส์

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171285-1106.jpeg)

วันฮาโลวีนปี ค.ศ. 2002 คริส เจนกินส์ นักศึกษาวัย 21 ปี จากมหาวิทยาลัยมินเนโซต้า ไปเที่ยวบาร์ในมินนิอาโปลิส
เขาออกจากบาร์ราวๆ เที่ยงคืน จากนั้นก็หายไป สี่เดือนต่อมา มีคนพบศพเขาในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ในชุดฮาโลวีนตัวเดิม
คืนนั้น คริสเสพยาเข้าไปด้วย และผลชันสูตรก็ระบุว่าเขาเสียชีวิตเพราะจมน้ำตาย เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าอาจจะเป็น
อุบัติเหตุ หรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย พ่อแม่ของเขาไม่ยอมเชื่อ และยืนกรานให้สืบสวนต่อ ในปี ค.ศ. 2006 คดีนี้ถูกรื้อขึ้นมาใหม่


(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171285-0913.jpeg)
 
ต่อมา มีพยานคนหนึ่งออกมาระบุว่าคริสถูกฆาตกรรมและคนร้ายโยนศพของเขาจากสะพานลงสู่แม่น้ำ เจ้าหน้าที่สืบประเด็นนี้
ต่อเนื่อง และสร้างสมมติฐานว่า คริส เจนกินส์ ตกเป็นเหยื่อในคดี “ฆาตกรหน้ายิ้ม” ซึ่งกำลังโด่งดังในช่วงนั้น นักศึกษา
ชายมากกว่า 40 คน ถูกฆ่าและทิ้งให้จมน้ำตาย และบางครั้ง เจ้าหน้าที่จะพบภาพหน้ายิ้มในที่เกิดเหตุ ใกล้กับบริเวณที่เหยื่อ
จมน้ำตาล พวกเขาจึงตั้งชื่อคดีนี้ว่า “ฆาตกรหน้ายิ้ม”

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าคริส เจนกินส์ ตายเพราะอะไรกันแน่
 



 
1. การหายตัวไปของหนูน้อย สตีเว่น แดมแมน

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1509171386-1549.jpeg)

ฮาโลวีนปี ค.ศ. 1955 มาริลิน แดมแมน พาสตีเว่น ลูกชายวัยสองขวบและพาเมล่า ลูกสาววัยเจ็ดเดือนไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
ในนิวยอร์ก ระหว่างที่ช็อปปิ้ง มาริลินทิ้งให้สตีเว่นกับพาเมล่าในรถเข็นรออยู่ด้านนอก สิบนาทีต่อมา เธอออกมา แล้วต้องช็อก
เมื่อพบว่าลูกทั้งสองหายตัวไป ไม่นานต่อมา มาริลินค้นพบรถเข็นเด็กห่างออกไปไม่ไกลนัก พาเมล่าปลอดภัย 


แต่สตีเว่นหายตัวไป และไม่มีใครพบหนูน้อยอีกเลย
 
ข้อสันนิษฐานคือ ผู้ลักพาตัวเด็กคงเปลี่ยนชื่อเด็กเสียใหม่ และสตีเว่น แดมแมนก็กลายเป็นคนใหม่ไปแล้ว ต่อมาในปี ค.ศ. 1957
เกิดคดี “ฆาตกรรมเด็กชายในกล่อง” ทว่าหลังจากตรวจสอบดีเอ็นเอแล้ว เด็กเป็นคนละคนกับสตีเว่น ในปี ค.ศ. 2009
จอห์น บาร์นส์ ชายหนุ่มชาวมิชิแกนเชื่อว่าเขาอาจจะเป็นสตีเว่น ทว่าหลังจากตรวจดีเอ็นเอแล้ว ก็ไม่ใช่

ทุกวันนี้ สตีเว่นยังสูญหาย ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน ตายหรือว่ายังมีชีวิต
 

ขอบคุณข้อมูลบทความ
http://listverse.com/2014/10/31/10-creepy-unsolved-mysteries-that-happened-on-halloween/?utm_source=more&utm_medium=link&utm_campaign=direct