นิทานโหดร้ายเลือดสาด ที่หลายคนไม่รู้จัก Part10

ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานโหดร้ายเลือดสาด ที่หลายคนไม่รู้จัก Part10  (อ่าน 426 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

  • Administrator
  • เทพหื่นไม่รู้ดับ
  • *
  • กระทู้: 23047
  • Country: th
  • คะแนนจิตพิสัย +9/-0
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • cmxseed

นิทานโหดร้ายเลือดสาด ที่หลายคนไม่รู้จัก Part10

The Golden Goose



ชาวนาสามีภรรยามีลูกชายสามคน ลูกชายคนโตจะไปตัดต้นไม้ในป่า เขาได้ขนมเค้กและเหล้าเอล
เป็นเสบียง บางเล่มว่าเหล้าไวน์ ระหว่างทางพบชายชราตัวเล็กผมสีเทาขอกินด้วยแต่เขาไม่ให้
ลูกชายคนโตกินเสบียงหมดแล้วเดินทางต่อไปตัดต้นไม้ เกิดอุบัติเหตุขวานหลุดมือถูกแขนเป็นบาดแผล
เขาต้องกลับบ้านมาให้แม่ทำแผล


พ่อส่งลูกชายคนที่สองพร้อมเสบียงที่แม่เตรียมให้อย่างดีเข้าไปในป่า ลูกชายคนรองพบชายชราคนเดิม
และไม่แบ่งของให้กินเช่นกัน เขาพบอุบัติเหตุขวานหลุดมือจามถูกขาเป็นแผลซมซานกลับบ้านมาให้
แม่ทำแผลอีกคนหนึ่ง

ลูกชายคนที่สามชื่อดัมลิ่ง (Dumling) บางเล่มว่าชื่อซิมเปิลตัน(Simpleton) อาสาไปตัดไม้บ้าง
แม่เตรียมขนมปังเก่าๆกับน้ำเปล่าให้เป็นเสบียง บางเล่มว่าเป็นขนมเค้กเหม็นหืนและเบียร์บูด พี่ชายสองคน
ล้อเลียนเยาะเย้ยไยไพส่งท้าย   


ดัมลิ่งพบชายชราคนเดิม และแบ่งเสบียงให้กินด้วยความเจียมตัว ชายชราเทน้ำเปล่าออกมาเป็นไวน์แล้ว
เสกขนมปังเป็นไก่ย่างตัวใหญ่ จากนั้นอวยพรให้ดัมลิ่งเดินทางต่อไปแล้วจะพบลาภที่ต้นไม้ใหญ่ ดัมลิ่งตัด
ต้นไม้ใหญ่พบห่านทองคำในโพรงไม้ เขาอุ้มห่านทองคำเดินทางต่อไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ลูกสาวคนโต
ของเจ้าของโรงเตี๊ยมคิดจะดึงขนห่านทองคำแต่มือติดอยู่กับตัวห่านดึงไม่ออก

ลูกสาวคนรองเข้ามาแตะตัวพี่สาวก็ติดแน่นอีกคนหนึ่ง ครั้นลูกสาวคนที่สามเข้ามาแตะตัวพี่สาวคนที่สองก็ติดอีก 
ดัมลิ่งอุ้มห่านทองคำที่มีหญิงสาวสามคนเดินทางต่อไปดูหน้าขัน เมื่อไปถึงโบสถ์ บาทหลวงไปแตะตัวลูกสาว
โรงเตี๊ยมคนที่สามก็ติดอีก ตามด้วยผู้ดูแลโบสถ์ คนกวาดปล่องไฟและนักกายกรรม รวมทั้งสิ้นเป็นเจ็ดคนไปไหน
ไปด้วยกันเป็นขบวน

เวลานั้นมีพระราชาองค์หนึ่งมีธิดาที่ไม่เคยหัวเราะ และหากใครทำพระธิดาหัวเราะได้จะได้อภิเษกกับพระธิดา
เมื่อดัมลิ่งกับห่านทองคำและคนเจ็ดคนเดินแถวผ่านมา พระธิดาก็หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ห่านทองคำปล่อยคน
ทั้งเจ็ดเป็นอิสระ ล้มลุกคลุกคลานหัวหกก้นขวิดเป็นที่น่าขำยิ่งขึ้นไปอีก พระราชาไม่ปลื้ม ใครจะอยากให้ลูกสาว
แต่งงานกับคนที่มีชื่อว่า “ซื่อบื้อ” แต่เป็นห่านทองคำที่เข้าไปปลอบโยนพระธิดา และโน้มน้าวพระราชาให้ยินยอม 
บุตรชายคนที่สามของชาวนาจึงได้แต่งงานกับพระธิดาครองอาณาจักรสุขสันต์นิรันดร 




---------------------------------------------------------------------------------------------------------

The Golden Bird



มีพระราชาอยู่องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสวนสวยที่ความพิเศษของสวนนั้นคือจะมีต้นแอปเปิ้ลซึ่งผลแอปเปิ้ลนั้น
เป็นสีทอง แต่ในทุกๆคืน แอปเปิ้ลนั้นจะต้องหายไปหนึ่งลูกตลอด ซึ่งนั่นทำให้พระราชาโกรธมาก จึงได้สั่งให้
ชาวสวนของพระองค์คอยเฝ้ายามเพื่อจับตาดูว่าใครขโมยแอปเปิ้ลไป


โดยชาวสวนนั้นได้สั่งให้ลูกชายของตนทั้งสามคนคอยเฝ้ายามให้ โดยคืนแรก ให้ลูกชายคนโตเฝ้าดูสวนไว้
แต่เมื่อเวลาเที่ยงคืนลูกชายคนโตก็เกิดเผลอหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น ก็พบว่าแอปเปิ้ลได้ถูกขโมยไปเช่นเดิม
ในคืนที่สอง จึงสั่งให้ลูกชายคนที่สองเฝ้าสวนไว้ แต่ผลก็เหมือนลูกชายคนโตคือเผลอหลับไปในเวลาเที่ยงคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น พระราชาก็พบว่าแอปเปิ้ลได้ถูกขโมยไปอีกแล้ว จึงเหลือลูกชายคนเล็กสุด ชาวสวนคนนั้นจึงสั่งให้
ลูกชายคนเล็กไปเฝ้าดูสวน แต่คราวนี้ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว ลูกชายคนที่สามได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้น
จึงเงยขึ้นไปมอง และก็พบว่า ขโมยที่เข้ามาขโมยแอปเปิ้ลทุกคืนนั้นคือนกสีทอง เขาจึงพยายามที่จะยิงธนู
ใส่นกตัวนั้น แต่ก็ไร้ผล ลูกธนูนั้นทำได้เพียงแค่ทำให้เศษขนนกสีทองปลิวตกลงมาเท่านั้น

เมื่อพระราชาได้ทราบว่านกสีทองเป็นหัวขโมย และได้เห็นขนนกสีทองนั้น จึงตัดสินใจที่จะจับนกตัวนั้นโดยการ
สั่งให้ลูกชายของคนสวนไปจับนกตัวนั้นมาให้ได้ ในระหว่างที่ลูกชายคนโตกำลังตามหานกนั้น ก็ได้พบเจอกับ
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังจะเล็งธนูใส่มันนั้น จู่ๆสุนัขจิ้งจอกก็พูดขึ้น และได้พูดว่า


"ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำภารกิจอะไร และข้าสามารถให้คำแนะนำกับเจ้าได้ เดี๋ยวซักพักจะถึงยามราตรี
และเจ้าจะเจอกับหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อไปถึงแล้วเจ้าจะพบกับโรงแรมสองแห่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน
โปรดจำไว้ให้เลือกโรงแรมที่ดูโทรมแทนที่จะสวยงามซะ อย่าได้เข้าไปในโรงแรมที่สวยงาม"


เมื่อลูกชายคนโตได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เขาเล็งธนูไปที่สุนัขจิ้งจอกอีกครั้งแต่กลับยิงพลาด
สุนัขจิ้งจอกได้วิ่งหายเข้าไปในป่า และเมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ เขาก็ได้พบหมู่บ้าน และโรงแรมสองหลังตามที่
สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นได้กล่าวไว้ โรงแรมหลังนึงเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังร้องเพลงและเต้นรำ ส่วนอีกหลังทั้งดูโทรม
และสกปรก เขาคิดในใจ

"ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆถ้าเลือกโรงแรมที่ดูสกปรกและน่ากลัวแบบนั้น"

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงเดินเข้าไปในโรงแรมที่สวยงาม เต็มไปด้วยงานเลี้ยงและผู้คน เขาทั้งดื่ม และร้องรำทำเพลง
จนลืมภารกิจตามหานกสีทองและเมืองของเขาจนหมดสิ้น

เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเห็นว่าลูกชายคนโตไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา จึงส่งลูกชายคนที่สองไป และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น
เช่นเดิม เขาได้พบเจอสุนัขจิ้งจอกตัวเดิม และสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นก็ได้ให้คำแนะนำเช่นเดิม แต่เมื่อลูกชายคนที่สอง
เดินทางมาถึงหมู่บ้าน เขาก็ลืมคำแนะนำของสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น และได้เลือกเข้าโรงแรมที่กำลังมีการเฉลิมฉลอง
ร้องเต้นดื่มกินกันอย่างสนุกสนานแทนโรงแรมโทรมๆนั่น

จนสุดท้าย เหลือเพียงลูกชายคนที่สาม เขาได้เดินทางเข้าป่าและพบสุนัขจิ้งจอกตัวเดิม แต่เขาเชื่อคำแนะนำของ
สุนัขจิ้งจอกตัวนั้น อีกทั้งยังกล่าวขอบคุณสำหรับคำแนะนำ สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นจึงบอกให้เขานั่งลงบนหางของมัน
และพาเขาไปยังหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงแล้วลูกชายคนที่สามก็ได้เลือกโรงแรมที่ทรุดโทรมเพื่อพักผ่อนจาก
การเดินทางตามคำแนะนำของสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น


เช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ได้พบกับจิ้งจอกตัวเดิม และจิ้งจอกตัวนั้นก็ได้ให้คำแนะนำว่า

"ให้มุ่งหน้าตรงไปจนกระทั่งเจอปราสาท ระหว่างนั้นเจ้าจะเจอกองร้อยทหารที่กำลังนอนสลบไสล
ท่ามกลางเสียงกรนเหล่านั้น ขอให้อย่าได้สนใจจนกระทั่งถึงในตัวประสาท จะเจอห้องๆหนึ่ง ห้องที่
นกสีทองนั้นถูกขังอยู่ในกรงไม้ ซึ่งข้างๆจะมีกรงสีทองที่ดูแข็งแรง แต่ขออย่าได้คิดที่จะนำนกตัวนั้น
ออกมาจากกรงที่ดูไม่แข็งแรงนั้นมาใส่ในกรงใหม่เด็ดขาด"


เมื่อไปถึงปราสาท และพบกับห้องที่อยู่ของนกสีทองตัวนั้น เขาก็ได้เห็นตามที่สุนัขจิ้งจอกให้คำแนะนำไว้ และ
แอปเปิ้ลสามลูกที่เจ้านกตัวนั้นได้ขโมยมาวางนอนอยู่ใกล้ๆ แต่ ณ ตอนนั้น เขาก็คิดว่า

"มันคงดูน่าขำนัก ถ้าจะพานกที่ดูแข็งแรงแบบนี้กลับไปพร้อมกับกรงที่มีสภาพเก่าๆแบบนั้น"

เขาจึงจับนกตัวนั้นมาใส่ในกรงสีทอง แต่นกตัวนั้นกลับร้องดังสุดเสียง ทำให้เหล่าทหารที่หลับอยู๋ตื่นขึ้น และจับตัว
ลูกชายคนที่สามไป และถูกตัดสินให้ประหารชีวิตเท่านั้น แต่มีเงื่อนไขว่า ถ้าหากเขาสามารถจับม้าสีทองที่มีความเร็ว
ดุจสายลมกลับมาได้ เขาจะได้รับการไว้ชีวิตและสามารถนำนกสีทองกลับไปยังเมืองของตนได้

การเดินทางของลูกชายคนที่สามได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและท้อใจ พลันนั้น
สุนัขจิ้งจอกก็ได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับพูดว่า

"เห็นแล้วใช่ไหม ว่าการไม่เชื่อฟังคำแนะนำของข้า ทำให้เกิดอะไรขึ้น คราวนี้ ข้าจะแนะนำเจ้าอีกครั้งว่าจะตามหา
ม้าสีทองได้อย่างไร แต่นั่นก็ต่อเมื่อเจ้าทำตามคำแนะนำของข้าที่กำลังจะบอกเจ้านะ"

"ให้ตรงไปยังปราสาทจนกระทั่งเจอม้าที่อยู่ในคอก ข้างๆม้าจะเห็นว่ามีคนดูแลม้านอนหลับกรนอยู่ ให้นำม้าออกมา
อย่างเงียบๆ และให้แน่ใจว่าได้นำอานม้าที่ทำจากหนังเก่าๆมา ห้ามนำอานม้าสีทองที่อยู่ใกล้กันมาเด็ดขาด"




เมื่อไปถึง ก็เป็นดังที่สุนัขจิ้งจอกได้กล่าวไว้ แต่เขากลับเสียดายที่จะต้องเอาอานม้าที่ทำจากหนังเก่าๆ แทนที่จะเป็น
อานม้าสีทองที่ดูสวยงาม เขาจึงหยิบอานม้าสีทองมาแทน แต่เมื่อหยิบขึ้นมา คนดูแลม้าที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นและร้อง
เสียงดัง จนทหารบุกมาจับตัวเขาอีกครั้ง และตัดสินโทษประหารชีวิตให้แก่เขา แต่หากเขาสามารถนำเจ้าหญิงแสนสวย
มาได้เขาก็จะได้รับการไว้ชีวิต และทั้งม้าและนกสีทองก็จะเป็นของเขา

เขาจึงเริ่มเดินทางอีกครั้งด้วยความโศกเศร้าสิ้นหวังและกดดัน แต่ทันใดนั้นสุนัขจิ้งจอกตัวเดิมก็ได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง

"ทำไมเจ้าถึงไม่ฟังข้า ถ้าเจ้ายอมฟังข้าซักนิด เจ้าก็จะได้ทั้งม้าและนกกลับไป เอาละ ข้าจะให้คำแนะนำกับเจ้าอีกครั้ง
ให้เจ้าเดินตรงไปเรื่อยๆ จนพลบค่ำเจ้าจะเจอปราสาท ในยามเที่ยงคืนเจ้าหญิงจะไปที่โรงอาบน้ำ ให้ตามเธอไปแล้ว
มอบจูบให้กับเธอซะ แล้วนางจะยอมให้เจ้าพานางออกไป แต่เจ้าต้องห้ามให้นางไปกล่าวลาพ่อและแม่ของนางเด็ดขาด"


และเมื่อมาถึงปราสาท ในตอนเที่ยงคืนก็เป็นดังที่สุนัขจิ้งจอกได้กล่าวไว้ เขาได้พบกับเจ้าหญิงและมอบจูบให้นาง
และนางได้ตกลงที่จะหนีไปกับเขา แต่ในตอนนั้นเจ้าหญิงกลับร้องไห้ตลอดเนื่องจากต้องจากพ่อและแม่ไป ในตอนแรก
เขาได้ปฏิเสธที่จะให้นางไปกล่าวลาพ่อของเธอ แต่เมื่อเจ้าหญิงร้องไห้หนักขึ้น ก่อนจะล้มลงแทบเท้าเขา เขาจึงใจอ่อน
ยอมให้นางไปพบพ่อ แต่แล้ว ทหารที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้น และจับกุมตัวเขาไปอีกครั้ง


เขาถูกจับตัวไปพบพระราชา พระราชาทรงตรัสว่าหากเขาสามารถขุดภูเขาที่บังวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างห้องของพระองค์
ได้ภายในแปดวัน พระองค์จะทรงยกลูกสาวให้ เขาจึงพยายามขุดแล้วขุดเล่า ผ่านไปเจ็ดวัน เขาขุดได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้น สุนัขจิ้งจอกตัวเดิมก็ได้ปรากฎขึ้นและบอกให้เขานอนหลับซะ แล้วสุนัขจิ้งจอกก็ทำการขุดเขาลูกนั้นแทน

เช้าวันรุ่งขึ้น ลูกชายคนที่สามได้ตื่นขึ้นมาก็พบว่าภูเขาลูกนั้นได้หายไปแล้ว พระราชาจึงยกลูกสาวให้กับเขา ทันใดนั้น
สุนัขจิ้งจอกได้ปรากฎขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขามีทั้งเจ้าหญิง ม้า และนก ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แต่...แล้วจะทำอย่างไรต่อละ

สุนัขจิ้งจอกจึงได้ให้คำแนะนำกับเขาอีกครั้ง

"เมื่อไปพบพระราชา เมื่อพระราชาเห็นเจ้าหญิงแล้วก็จะนำม้ามาให้ ให้เจ้าขึ้นไปนั่งบนม้าและขอจับมือบอกลาเจ้าหญิง
เป็นครั้งสุดท้าย แต่ในจังหวะนั้นให้เจ้ารีบฉุดตัวนางขึ้นมาบนม้าและรีบหนีไป"

"และเมื่อเจ้ามาถึงปราสาทที่กักขังนกไว้ ข้าและเจ้าหญิงจะรอเจ้าที่ประตูปราสาท ให้เจ้าควบม้าเข้าไปและคุยกับพระราชา
เมื่อพระราชาเห็นม้าแล้วเขาจะนำนกออกมา ให้เจ้าอย่าเพิ่งลงจากอานม้า แต่ให้หยิบกรงนกมาดูและบอกว่าขอดูเพื่อความ
แน่ใจว่าใช่นกตัวเดียวกันหรือไม่ และเมื่อเจ้าได้นกมาอยู่ในมือแล้ว ให้รีบควบม้าออกไป"


คราวนี้ เขาได้ทำตามที่สุนัขจิ้งจอกได้พูดไว้ เขาได้ทั้งม้า เจ้าหญิง และนกสีทองมาไว้กับตัว เขาได้เดินทางมาจนกระทั่ง
มาถึงป่า และได้พบกับสุนัขจิ้งจอกอีกครั้ง แต่คราวนี้ สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นบอกให้เขาฆ่ามัน และตัดหัวและเท้าของมันซะ
แต่เขาปฏิเสธ สุนัขจิ้งจอกจึงให้คำแนะนำอีกครั้ง

"ข้าขอเตือนให้เจ้าระวังสองสิ่ง คืออย่าได้ไปช่วยไถ่ชีวิตนักโทษ และให้นั่งพักฝั่งที่ไม่ติดแม่น้ำเท่านั้น"

เขาได้ควบม้าพร้อมกับเจ้าหญิงไปเรื่อยๆจนมาถึงหมู่บ้านแรกที่เขาได้พบ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้น
เขาได้ถามชาวบ้านแถวนั้นและก็พบว่ามีชายสองคนกำลังจะถูกประหารโดยการแขวนคอ และเมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่า
ผู้ชายทั้งสองคนนั้นคือพี่ชายทั้งสองคนของเขานั่นเอง ซึ่งได้กลายเป็นโจรผู้ร้ายคอยขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านไปทั่ว

"ไม่มีทางไหนที่จะช่วยเขาทั้งสองได้เลยหรือ" เขาถามกับชาวบ้าน

"ไม่"

แต่เขากลับนำเงินทั้งหมดที่เขามีและนำมาไถ่ชีวิตของพี่ชายทั้งสองคน และเมื่อช่วยไถ่ชีวิตพี่ชายทั้งสองคนได้แล้ว
ทั้งหมดก็มุ่งตรงสู่เมืองของตน



เมื่อเดินทางไปเรื่อยๆจนมาถึงป่าที่พวกเขาได้พบเจอกับสุนัขจิ้งจอกในครั้งแรก จู่ๆพี่ชายทั้งสองคนก็ขอนั่งพักดื่มน้ำ
ข้างแม่น้ำซักประเดี๋ยว น้องชายคนเล็กสุดก็ยอมฟังพวกพี่ชายทั้งสองคนและนั่งพักลง ในขณะที่เขากำลังก้มตัวลง
กวักน้ำดื่มในแม่น้ำนั้น พี่ชายทั้งสองคนก็ลอบเข้ามาทางด้านหลังและผลักเขาตกลงไป และขโมยทั้งม้า เจ้าหญิง
และนกกลับไปยังเมืองของตน


แต่เมื่อไปถึงแล้ว ม้าที่พี่ชายทั้งสองได้ขโมยมากลับไม่ยอมกินอาหาร นกสีทองกลับไม่ยอมร้องเพลง และเจ้าหญิง
ก็เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลา ในขณะที่น้องชายคนเล็กสุดที่ตกลงไปก้นพื้นแม่น้ำนั้น โชคดีที่น้ำในแม่น้ำนั้น
กำลังแห้ง แต่ด้วยความที่ตกลงมาจึงทำให้กระดูกของเขาหัก อีกทั้งตลิ่งที่สูงชันทำให้เขาไม่สามารถหาทางออกได้

ทันใดนั้น สุนัขจิ้งจอกก็ได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งเสียใจว่าทำไมเขาถึงไม่เคยฟังสิ่งที่มันให้คำแนะนำเลย
แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่แบบนี้ได้ สุนัขจิ้งจอกจึงช่วยเขาขึ้นมาและบอกว่าพี่ชายทั้งสองต้องการ
จะฆ่าเขา เพราะฉะนั้น เมื่อไปถึงเมืองแล้วให้ปลอมตัวเป็นคนจนและแอบเข้าไปในปราสาท ที่ซึ่งขังม้า นก และ
เจ้าหญิงไว้ เมื่อเขาเข้าไปเจอม้า ม้าก็เริ่มกินอาหาร นกก็เริ่มร้องเพลง และเจ้าหญิงก็หยุดร้องไห้ เขาจึงเข้าไปพบ
พระราชาและเล่าความจริงทั้งหมดให้พระองค์ฟัง พี่ชายทั้งสองจึงถูกจับไปลงโทษ และเมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์
เขาจึงได้รับสืบทอดเป็นเจ้าชายและปกครองเมืองต่อไป

เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งเจ้าชายได้เข้าไปเดินเล่นในป่า และได้พบกับสุนัขจิ้งจอกที่ตอนนี้แก่ลงไปมาก สุนัขจิ้งจอก
ตัวนั้นได้ขอร้องทั้งน้ำตาว่าให้เจ้าชายฆ่ามันซะ พร้อมทั้งตัดหัวและเท้าของมันด้วย ในครั้งนี้ เจ้าชายได้ยอมทำตาม
คำขอของสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น และเมื่อเจ้าชายได้ตัดเท้าและหัวของมันแล้ว จู่ๆ ร่างของสุนัขจิ้งจอกก็ได้กลายเป็นมนุษย์
ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือพี่ชายของเจ้าหญิงที่พลัดพลากจากกันมานานแสนนานนั่นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 กันยายน 2021, 15:11:35 โดย etatae333 »
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย นวดกษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ นวดนอกสถานที่ อาบอบนวด นกป การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่